ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1835 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36681 - 36700 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36681 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 งบกลาง สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมเรียกร้อง | นร | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น อีกเป็นจำนวน 212,215,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อยจากการชุมนุมเรียกร้อง ทางการเมืองในระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์-16 มีนาคม 2553 โดยการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ได้ ทำความตกลงกับกรมบัญชีกลาง คือ ใช้อัตรา 400 บาทต่อวัน ในกรณีมีสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดจากการ ชุมนุมเรียกร้องที่รุนแรงและเสี่ยงต่ออันตรายมากกว่าปกติ หรืออัตรา 120 บาทต่อวัน ในกรณีที่ยังไม่มีสถาน การณ์รุนแรง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
36682 | ปัญหาการขอใช้สิทธิลดอัตราอากรตามกรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินเดีย | กค | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบปัญหาการขอใช้สิทธิลดอัตราอากรตามกรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้ง
เขตการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินเดีย กรณีบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ซื้อขายผ่านประเทศนายหน้าหรือประเทศที่สาม จึงไม่มีสิทธิยกเว้นอากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาในแนวทางเดียวกับการดำเนินการเรื่อง ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐ กิจไทย-ญี่ปุ่น
|
|||||||||||||||||||||
36683 | โครงการจัดการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ (Conference of the Parties to the CITES Convention) ครั้งที่ 16 (CoP16) | ทส | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้ประเทศไทย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม สมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ (Conference of the Parties to the CITES Convention) ครั้งที่ 16 (CoP 16) ในปี พ.ศ. 2556 2. อนุมัติเงินงบประมาณ จำนวน 250 ล้านบาท โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้ ดำเนินการตั้งงบประมาณสำหรับการจัดการประชุมดังกล่าว โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป เพื่อจัดเตรียมสำนักงานคณะกรรมการจัดการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญา ฯ (CITES) ครั้งที่ 16 (CoP 16) 3. อนุมัติให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการประชุมสามัญภาคีอนุสัญญา ฯ (CITES) ครั้งที่ 16 (CoP 16) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน
|
|||||||||||||||||||||
36684 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในสาธารณรัฐชิลี | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดิน
ไหวในสาธารณรัฐชิลีในนามของประเทศไทย ในวงเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ โดย เป็นการให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจากกรอบวงเงินที่หลักเกณฑ์กำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2536 (เรื่อง การจัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่มิตรประเทศที่ประสบภัยพิบัติ) โดยเบิกจ่าย จากค่าใช้จ่ายให้ความช่วยเหลือแก่มิตรประเทศที่ประสบภัยพิบัติ ของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ หากค่าใช้ จ่ายในการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวเหลืออยู่ไม่เพียงพอ ก็อนุมัติให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในส่วนที่ขาดจำนวนจากงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้กระทรวงการต่างประเทศขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
36685 | โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 | กค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ตามข้อเสนอของธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553 1.2 ขยายระยะเวลาการเก็บเงินและการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่คงเหลือ จำนวน 197.59 ล้านบาท ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 1.3 การจัดสรรค่าชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ ธ.ก.ส. รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสารขององค์การ คลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 1.4 มอบหมายการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ให้คณะกรรมการนโยบาย ข้าวแห่งชาติ (กขช.) กำกับดูแลต่อไป และให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสต๊อก (Stock) ข้าวของโครงการ ฯ ให้ถูกต้อง ครบถ้วน ก่อนส่งมอบ กขช. ด้วย 2. กรณีโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตรที่คณะรัฐมนตรีหรือ กขช. หรือคณะกรรมการนโยบายและ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการ และหากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้วแต่ยัง มีภาระหนี้กับ ธ.ก.ส. ให้ ธ.ก.ส. ขอเบิกชดเชยค่าใช้จ่ายได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้น โดยให้เสนอขออนุมัติต่อ คณะรัฐมนตรีเป็นรายโครงการ เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้รับทราบผลการดำเนินงานของแต่ละโครงการอย่างต่อเนื่อง เช่นที่เคยปฏิบัติมา 3. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการระบายข้าวสารภายใต้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 เพื่อลดภาระดอก เบี้ยและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาคุณภาพข้าว ซึ่งจะเป็นภาระของภาครัฐในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนทุกปี ไปพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
36686 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีทางราชการเลิกหรือยุบหน่วยงานหรือตำแหน่ง พ.ศ. .... | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณี
ทางราชการเลิกหรือยุบหน่วยงานหรือตำแหน่ง พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎ ก.พ. ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ แจ้งข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งที่ทางราชการเลิกหรือ ยุบหน่วยงานหรือตำแหน่งทราบ หากข้าราชการผู้นั้นไม่ประสงค์จะรับราชการต่อไปให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจ สั่งบรรจุสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนตั้งแต่วันที่หน่วยงานหรือตำแหน่งนั้นเลิก หรือถูกยุบ และในกรณีข้าราชการผู้นั้นประสงค์จะรับราชการต่อไป ให้แสดงความจำนงขอย้ายหรือโอนไปรับราช การในตำแหน่งใดหรือที่หน่วยงานใดหรือส่วนราชการใด 2. กำหนดกรณีผู้อยู่ระหว่างรับราชการชดใช้ทุนให้ย้ายหรือโอนข้าราชการผู้นั้นไปรับราชการ โดยข้า ราชการผู้นั้นไม่ต้องแสดงความประสงค์จะรับราชการต่อไป 3. กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาระดับต้นของข้าราชการผู้ที่ขอย้าย หรือผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุ ของข้าราชการที่ขอโอนนั้น ให้ข้อมูลและความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของผู้มีอำนาจสั่งบรรจุในตำแหน่งที่ ขอย้ายหรือขอโอนแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่หน่วยงานหรือตำแหน่ง นั้นเลิกหรือถูกยุบ เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดเวลาไว้เป็นอย่างอื่น แต่หากไม่ต้องดำเนินการย้ายหรือโอน ให้ผู้ บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการตั้งแต่วันที่หน่วยงานหรือตำแหน่งนั้นเลิกหรือยุบ 4. กำหนดให้กรณีที่ไม่อาจดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.พ. นี้ การดำเนิน ต่อไปให้เป็นไปตามที่ ก.พ. กำหนด
|
|||||||||||||||||||||
36687 | การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและเป็นกิจการของคนไทย | กค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามผลการประชุมหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและหน่วย
งานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่อง การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและกิจการของคนไทย เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2553 โดยที่ ประชุมได้พิจารณาในส่วนของข้อ 16 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ดังนี้ 1. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของข้อ 16 เป็นการ กำหนดหลักเกณฑ์การให้สิทธิพิเศษทางด้านราคาสำหรับสินค้าไทย โดยกำหนดสิทธิพิเศษลดหลั่นกันตามมาตรฐาน ที่ได้รับเพื่อส่งเสริมมาตรฐานสินค้าและโรงงานผู้ผลิตโดยมีรายละเอียดครอบคลุมทั้งมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การรับรองระบบคุณภาพ (ISO) ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการจดทะเบียน รวมถึงสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยอย่างครบถ้วน แล้ว ทั้งนี้ ยกเว้นเมื่อประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของความตกลงว่าด้วยการจัดซื้อโดยรัฐ (Government Procurement Agreement-GPA) ขององค์การการค้าโลก ซึ่งได้กำหนดหลักการเกี่ยวกับการห้ามเลือกปฏิบัติ (Non-discrimination) ก็จำเป็นต้องแก้ไขระเบียบดังกล่าวให้สอดคล้องกับความตกลงต่อไป 2. เพื่อให้รัฐวิสาหกิจนำหลักเกณฑ์ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ ไขเพิ่มเติม ข้อ 16 มาเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบของทางราชการ เห็นควรให้หน่วยงานรัฐวิสาห กิจหรือหน่วยงานที่รัฐบาลถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 51 ให้ความร่วมมือในการนำหลักเกณฑ์ของระเบียบดังกล่าวและมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 มาปรับใช้ ทั้งนี้ ให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐวิสาหกิจ โดยคำนึงถึงประสิทธิ ภาพการประกอบการและประโยชน์ของหน่วยงานเป็นสำคัญ 3. เห็นควรจัดตั้งคณะทำงานเพื่อรวบรวมข้อมูลปัญหาอุปสรรครวมทั้งรับฟังความเห็นจากรัฐวิสาหกิจเกี่ยว กับหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 16 ซึ่ง ประกอบด้วยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ กรมบัญชีกลาง และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 4. เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปรับปรุงระบบฐาน ข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้ผลิตสินค้าในประเทศและกิจการของคนไทยให้ทันสมัยและสะดวกกับการสืบค้น ปรับปรุงมาตรฐาน ต่าง ๆ ให้เท่าเทียมกับสากล รวมถึงตรวจสอบมาตรฐานสินค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ แล้วไม่ให้มีมาตรฐานต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และกำหนดระยะเวลาการให้มาตรฐานเพื่อให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและ โรงงานผู้ผลิตของภาคเอกชนมีความทันสมัยเป็นปัจจุบัน |
|||||||||||||||||||||
36688 | ขออนุมัติต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน 800 ล้านบาท จากธนาคาร กรุงไทยจำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก 1 ปี สำหรับใช้ในกรณีที่อาจขาดเงินทุนหมุนเวียนในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อไม่ ให้กระทบต่อการดำเนินงาน โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 2. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการตามแผนการลงทุนด้านโครง สร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2553-2557 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2552 โดยปรับปรุง และพัฒนาสภาพทางรถไฟระบบอาณัติสัญญาณ การจัดหารถจักรและล้อเลื่อนเพื่อให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินรถ นอกจากนี้ รฟท. ควรควบคุมและบริการจัดการค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลการขาดทุนขององค์กรในระดับหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
36689 | รายงานสรุปการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2/2553 | วธ | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรม การอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เสนอ ดังนี้ 1.1 รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และ พัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2/2553 วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2553 โดยที่ประชุมได้กำหนด กรอบอนุรักษ์มรดกโลกอยุธยาในแนวอนุรักษ์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเกณฑ์และบูรณาการกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุก ฉบับให้สอดคล้องกับแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และอนุสัญญา มรดกโลก การเวนคืนที่ดินที่ทับซ้อนโบราณสถาน และการควบคุมการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ Core Zone จำนวน 1,810 ไร่ รวมทั้งกำหนดรายชื่อคณะกรรมการบริหารจัดการกำกับดูแลนครประวัติศาสตร์พระนครศรี อยุธยา 1.2 เห็นชอบในหลักการการจัดทำคำของบประมาณปี พ.ศ. 2554 เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในการคง ความเป็นมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาของหน่วยงานหลัก คือ กรมศิลปากร การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย และเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เป็นเงินทั้งสิ้น 372,898,000 บาท ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องจัดทำคำขอไปยังสำนักงบประมาณโดยด่วน 2. สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการตามแผนแม่บท ฯ จำนวน 1,628,480,000 บาท ให้กรม ศิลปากรรับไปพิจารณาทบทวนโดยเน้นกิจกรรมที่อยู่เฉพาะในพื้นที่ชั้นใน (Core Zone) ของมรดกโลกนครประวัติ ศาสตร์พระนครศรีอยุธยาที่มีความสำคัญและจำเป็นจะต้องอนุรักษ์และพัฒนา และคำนึงถึงการอยู่ร่วมกันระหว่าง ส่วนราชการ ชุมชน และประชาชน กับมรดกโลก รวมทั้งปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมาย ข้อบังคับ และมติ คณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 3. ให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการดำเนินงานตามแผน แม่บท ฯ เพื่อปรับปรุงและจัดลำดับความสำคัญของแผนงานโครงการได้อย่างสอดคล้องกับสภาพของปัญหาและ เงื่อนไขการเป็นมรดกโลก โดยให้มีการบูรณาการมากขึ้นและเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยว ข้องในพื้นที่ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนิน การ ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งปรับปรุงและฟื้นฟูสภาพภูมิทัศน์และสิ่งก่อสร้างในพื้นที่มรดกโลกนครประวัติ ศาสตร์พระนครศรีอยุธยาในส่วนที่ปัจจุบันมีความชำรุดทรุดโทรมาก ให้แล้วเสร็จอย่างเร่งด่วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
36690 | รายงานสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2552 | กก | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
1. รับทราบรายงานสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี พ.ศ. 2552 2. อนุมัติในหลักการในการคงหรือขยายระยะเวลาดำเนินการตามมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ดังนี้ 2.1 ขยายระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นการชั่วคราว จนถึงวัน ที่ 31 มีนาคม 2554 โดยให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศหรือกฎกระทรวงขยายระยะเวลาดังกล่าวโดยเร็ว 2.2 ปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนา และดูงานในประเทศให้มากขึ้น แทนการไปฝึกอบรม จัด ประชุมสัมมนา และดูงานในต่างประเทศ โดยดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 (เรื่อง การปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนา และการดูงาน) 2.3 ขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมต่อไป จนถึงวัน ที่ 31 ธันวาคม 2553 2.4 ขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยาน (Land ing & Parking Fee) จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 2.5 ขยายระยะเวลาโครงการประกันภัยคุ้มครองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย กรณีเกิด การจลาจล จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 โดยอนุมัติงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็นตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละคราวไปภายในวงเงิน 518 ล้านบาท ทั้งนี้ หากมีความจำเป็น ที่จะต้องขยายระยะเวลาดำเนินการตามมาตรการต่อไปอีก ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทำการศึกษาวิเคราะห์ ในเชิงลึกถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเพื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าตลอดจนผลดีผลเสียในการใช้มาตรการดังกล่าวประกอบ การพิจารณาด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2.6 ให้ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายการจัดประชุม สัมมนา อบรม และการจัดการท่องเที่ยวเป็น รางวัลในประเทศแก่พนักงานมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่าของที่จ่ายจริงสำหรับปี พ.ศ. 2553 ตามที่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอเพิ่มเติม 2.7 ยกเว้นค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม ปีละ 80 บาทต่อห้องพัก ให้คงระยะเวลาดำเนินการ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2552 (เรื่อง ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่า ธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรมทุกประเภท พ.ศ. ....) 2.8 ขยายระยะเวลาโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจาก วิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศ โดยขยายระยะเวลายื่นคำขอต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 3. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินมาตรการกระตุ้น การท่องเที่ยว 4. ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายกับสถานที่พักที่ประกอบธุรกิจขัด ต่อพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 รวมทั้งเร่งรัดการออกใบอนุญาตสำหรับผู้มายื่นขอใบอนุญาตตามประกาศ กฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2551 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้เร่งรัด จัดทำฐานข้อมูลธุรกิจอพาร์ทเมนต์ที่ประกอบธุรกิจขัดต่อพระราชบัญญัติดังกล่าว 5. การชดเชยงบประมาณให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องสูญเสียรายได้อันเนื่องมาจากการยกเว้น หรือลด หย่อนค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ให้สำนักงบประมาณรับไปดำเนินการ |
|||||||||||||||||||||
36691 | การกำหนดโควตาการเลื่อนเงินเดือนในส่วนภูมิภาค | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามมติ ก.พ. ในการประชุมครั้งที่ 2/2553 วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2553 ที่มีมติเห็นชอบในหลัก การให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการพิจารณาให้หัวหน้าสำนักงานจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ซึ่งมีผลการปฏิบัติงานในระดับดีเด่น ได้รับการเลื่อนเงินเดือนในโควตาพิเศษ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สำหรับ งบประมาณค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของส่วนราชการ หรือหน่วยงานต้นสังกัดก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนในโควตาพิเศษดังกล่าว นอกจากจะยึดตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กำหนด แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดควรคำนึงถึงหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีที่มุ่งสร้างความโปร่งใส เป็นธรรม คำนึงถึง หลักคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลในการบริหารทรัพยากรบุคคลในจังหวัด ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
36692 | ขอความเห็นชอบโครงการที่พักอาศัยข้าราชการ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ | พม | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบโครงการที่พักอาศัยข้าราชการกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ โดยให้กระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มอบให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เป็นผู้ดำเนินการจัดทำโครงการที่พัก อาศัยข้าราชการกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์เสนอ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัด กระบวนการดำเนินการเพื่อให้สามารถเริ่มการก่อสร้างโครงการได้โดยเร็วต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2. อนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการ ในวงเงินทั้งสิ้น 212,163,000 บาท (ค่าใช้จ่ายเตรียมโครง การและค่าดำเนินการ เป็นเงิน 21,831,400 บาท + ค่าก่อสร้างอาคารพร้อมสิ่งก่อสร้าง เป็นเงิน 190,331,600 บาท) โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 70,000,000 บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 142,163,000 บาท ให้เสนอขอรับ การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ต่อไป โดยให้พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องและ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
36693 | ขออนุมัติเงินงบกลางสำหรับสนับสนุนโครงการ Asean TV ระยะก่อตั้ง | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 30,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการ ASEAN TV ในระยะก่อตั้ง โดยให้กรมประชาสัมพันธ์ เป็นหน่วยดำเนินการ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
36694 | การประชาสัมพันธ์เสริมสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 51,100,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์เสริมสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
36695 | โครงการปรับปรุงอาคารที่ทำการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ดำเนินโครงการปรับปรุงอาคารที่ทำการ สศช. ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2553- 2556 ระยะเวลา 4 ปี วงเงินทั้งสิ้น 130,866,000 บาท โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้พิจารณาปรับแผนการ ใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการ จำนวน 21,500,000 บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2556 อีกจำนวน 109,366,000 บาท ทั้งนี้ ให้ สศช. ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอความเห็นชอบ ความเหมาะสมราคาก่อนลงนามในสัญญา ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 และที่ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 ข้อ 4(1) ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
36696 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 จำนวน 3 ฉบับ (จังหวัดนครพนม) | กษ | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ จำนวน 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... (โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยศรีคุณ) 2. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม พ.ศ. ..... (โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกกคูณ) 3. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... (โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยผักดอก)
|
|||||||||||||||||||||
36697 | การออกกฎกระทรวงเพื่อรองรับการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550 รวม (2 ฉบับ) | พณ | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาความเสียหายจากการนำเข้า สินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาความเสียหาย จากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกาศเผยแพร่ผลคำวินิจฉัยเกี่ยวกับ การพิจารณามาตรการปกป้อง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกาศ เผยแพร่ผลคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการพิจารณามาตรการปกป้อง
|
|||||||||||||||||||||
36698 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 1/2553 | นร | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2555 ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1.1 การดำเนินโครงการในสาขาพัฒนาการท่องเที่ยว การจัดทำตัวชี้วัดเพื่อใช้ประเมินผลการดำเนิน โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ควรจัดทำตัวชี้วัดการดำเนินโครงการแต่ละสาขาให้มีรูปแบบสอดคล้องกัน เช่น การจัดระดับตัวชี้วัดเป็นระดับผลผลิต และระดับผลสำเร็จ เป็นต้น เพื่อให้การประเมินผลการดำเนินโครงการแต่ละ สาขามีความเป็นเอกภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกันและควรมีการสำรวจพื้นที่ภาคสนามในระดับจังหวัดและกลุ่ม จังหวัดประกอบการประเมินผลเพื่อให้ทราบผลสำเร็จของโครงการจากพื้นที่ดำเนินโครงการจริง ส่วนการจัดจ้างที่ ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการ ฯ ควรมีความสอดคล้องกับแนวทางการติด ตามประเมินผลการดำเนินโครงการที่คณะกรรมการ ฯ ได้เคยให้ความเห็นไว้ 1.2 การดำเนินโครงการในสาขาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จัดให้มีการประกวดการแข่งขันการสร้างสรรค์ ในสาขาต่าง ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจัดสวัสดิการพิเศษ ให้แก่ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศิลปินแห่งชาติในด้านต่าง ๆ เพื่อจูงใจให้กับศิลปินในรุ่นหลังในการริเริ่มความคิด สร้างสรรค์ใหม่ ๆ ส่วนการดำเนินโครงการ Thailand Handicraft Exop 2010 เปิดประตูสินค้าหัตถกรรมสู่เวทีโลก ให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนชื่อโครงการเพื่อให้สามารถสื่อสารและทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้อย่าง ถูกต้อง สำหรับการจัดทำตัวชี้วัดเพื่อใช้ติดตามและเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการ ฯ ต้องพิจารณา กำหนดกรอบแนวคิดในการจัดทำตัวชี้วัดให้มีความขัดเจนโดยเบื้องต้นเห็นว่าการกำหนดตัวชี้วัดควรแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ 1) ตัวชี้วัดมาตรฐาน เช่น การจ้างงาน ผลการเบิกจ่าย ความก้าวหน้าของผลการดำเนินงาน เป็นต้น เพื่อให้สามารถประเมินผลการดำเนินการของแผนปฏิบัติการ ฯ ในภาพรวมได้ และ 2) ตัวชี้วัดรายสาขา พิจารณา กำหนดรูปแบบรายงานติดตามประเมินผลที่เป็นมาตรฐาน และจำนวนตัวชี้วัดในระดับภาพรวมและระดับแผนงาน/ โครงการเพื่อให้อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน นอกจากนี้ ในการกำหนดตัวชี้วัดต้องพิจารณาการนำไปใช้ประโยชน์ในการ ติดตามประเมินผลการดำเนินงานของคณะกรรมการ ฯ เพื่อไม่ให้มีการกำหนดตัวชี้วัดมากเกินความจำเป็นและเป็น ภาระต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 1.3 ขอบเขตการดำเนินการ (Term of Reference : TOR) การจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผล โครงการตามแผนปฏิบัติการฯ การกำหนดตัวชี้วัดสำหรับการติดตามประเมินผลควรมีความสอดคล้องกับความเห็น ของคณะกรรมการ ฯ และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) และกำหนดกลไกการปฏิบัติงานและแผนการ ดำเนินงานของที่ปรึกษาให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของคณะกรรมการ ฯ ด้วย รวมทั้งให้ สบน. เป็นหน่วยงาน ดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาและแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานของที่ปรึกษาให้เป็นไป ตามขอบเขตการดำเนินงานที่คณะกรรมการฯ ให้ความเห็นชอบแล้ว 2. เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงชื่อและตำแหน่งของกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ดังนี้ 2.1 เดิม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง (นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์) เป็น ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง 2.2 เดิม ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนงบประมาณ สำนักงบประมาณ (นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย) เป็น นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย
|
|||||||||||||||||||||
36699 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 2 ราย นายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ และนายอัษฎางค์ ศรีศุภรพันธ์) | กค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ ดังนี้ 1. นายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2552 2. นายอัษฎางค์ ศรีศุภรพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่ม ธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) (นักวิเคราะห์นโยบายและ แผนทรงคุณวุฒิ ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2552
|
|||||||||||||||||||||
36700 | การเพิ่มทุนคงค้างในสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ | กค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้กระทรวงการคลังดำเนินการชำระเงินเพิ่มทุนคงค้างของสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ จำนวน 519,131 บาท โดยให้ชำระเงินในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินคลังประเภทจ่ายเงินเมื่อทวงถามและไม่มีดอกเบี้ย (Promissory Note) 1.2 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามใน Instrument of Commitment แจ้งยืนยันการ ชำระเงินเพิ่มทุนคงค้างดังกล่าวและลงนามเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1.2.1 Request for Substitution of Notes for IDA Replenishment 1.2.2 Forms of Notes for IDA Subscriptions 1.2.3 Confirmation Receipt of Deposit 1.3 อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการชำระเงินเพิ่มทุนคงค้างดังกล่าว โดยให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเบิก จ่ายเพื่อชำระเงินต่อไป 2. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังใช้จ่ายจากเงินงบประมาณประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2553 ไปก่อนเป็นลำดับแรก แต่หากไม่สามารถดำเนินการเจียดจ่ายได้ ให้ขอรับการจัดสรรงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
.....