คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายของสถานศึกษาอาชีวศึกษา
ของเอกชนกับสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการในการ
เข้าร่วมเป็นเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ  เพื่อส่งเสริมให้สถาบันการอาชีวศึกษาดำเนินการร่วมมือทางวิชา
การกับสถานศึกษาอาชีวศึกษาของเอกชนอย่างมีมาตรฐานและคุณภาพอันจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพ ความ
เข้มแข็ง  และความเป็นเลิศทางวิชาการ  รวมถึงการสร้างคุณภาพทางการศึกษาให้สอดคล้องกับระบบมาตรฐาน
การอาชีวศึกษา  ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ  และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว
ดำเนินการต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอแก้ไขข้อความในหนังสือ สศช. ที่ นร 1115/0466 ลงวันที่ 3 กุมภา
พันธ์ 2553 เรื่อง การปรับปรุงงบประมาณทำการของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2553  จาก "...กำไรสุทธิ
ประมาณ 61,665 ล้านบาท ลดลงจากปี 2552 ร้อยละ 1.1" เป็น "...กำไรสุทธิประมาณ 61,665 ล้านบาท เพิ่ม
ขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 1.1" ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสาระสำคัญที่ได้นำเสนอ  ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางคัทยา คริสทีนา โนร์ดการ์ด (Mrs. Katja Christina Nordgaard) ให้
ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ประจำประเทศไทยคนใหม่สืบแทน
นางเมเรเทอ ฟเยลด์ บรัตเทอสเตด (Mrs. Merete Fjeld Brattested) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร  ตามที่
กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

             คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการว่างงาน
อันเนื่องมาจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งระงับ 65 โครงการ ที่ต้องดำเนินการตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนี้ 
             1. มาตรการเตรียมการรองรับปัญหาการเลิกจ้าง
                 1.1 ติดตามและเฝ้าระวังสถานประกอบกิจการในพื้นที่ที่ประสบปัญหาหรือได้รับผลกระทบจากการ
ระงับโครงการ
                 1.2 จัดเตรียมตำแหน่งงานว่างในประเภทกิจการ/ลักษณะงานเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันเพื่อรองรับ
ผู้ถูกเลิกจ้าง
                 1.3 กำหนดทิศทางการตรวจแรงงาน
             2. มาตรการบรรเทาความเดือดร้อนและการช่วยเหลือ
                 2.1 จัดตั้งจุดบริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service)
                 2.2 ให้คำแนะนำ ชี้แจงเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างพึงได้รับ
                 2.3 กรณีนายจ้างไม่จ่ายสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย ให้ลูกจ้างยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน
เพื่อให้ดำเนินการเรียกสิทธิประโยชน์ตามแนวปฏิบัติ ฯ และให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงถึงสิทธิประโยชน์อื่น  ๆ  ที่ลูกจ้าง
พึงมี
                 2.4 มาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
                 2.5 อำนวยความสะดวกให้กับลูกจ้าง หากลูกจ้างประสงค์ให้เจ้าหน้าที่เป็นทนายความแก้คดี
                 2.6 ให้บริการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
                 2.7 ประสานนายจ้าง/สถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบ จัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะ  ความรู้
ความสามารถของลูกจ้างเพื่อชะลอการเลิกจ้าง
                 2.8 จัดฝึกอาชีพเสริมและการประกอบอาชีพอิสระให้แก่ผู้ถูกเลิกจ้าง ว่างงาน
                 2.9 ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการช่วยเหลือลูกจ้าง

              คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำ
เดือนมกราคม 2553 สรุปได้ดังนี้
              1. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม  การผลิตและการจำหน่ายคาดว่าจะขยายตัวตามคำสั่งซื้อ  ซึ่งมี
ปัจจัยบวกหลักจากเศรษฐกิจคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐอเมริกา  และเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว   รวมทั้งการเปิดเสรีทาง
การค้าที่มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการผู้นำเข้าวัตถุดิบและผู้ผลิตปลายน้ำส่งผลให้ต้นทุน
วัตถุดิบต่ำลง
              2. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ในส่วนของเหล็กทรงยาวแนวโน้มการผลิตเพิ่มขึ้นตามธุรกิจอสังหา
ริมทรัพย์ซึ่งได้ปัจจัยหนุนของเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว สำหรับเหล็กทรงแบนมีคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ
สินค้าในกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนสินค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์
              3. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.97 เนื่องจากการ
ปรับตัวเพิ่มขึ้นของเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็นและคอมเพรสเซอร์เป็นหลักจากกำลังซื้อเริ่มกลับมาของตลาด EU และ
อาเซียน  สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์  ประมาณการว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.02  เนื่องจาก
การปรับตัวขึ้นของส่วนประกอบ  HDD  ชิ้นส่วน  IC  และเซมิคอนดักเตอร์เริ่มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการผลิต
HDD ปรับตัวสูงขึ้นมากเนื่องจากความต้องการสินค้าสำเร็จรูปที่ปรับตัวเพิ่มสูงมาก

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรม
การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนัก
นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป  ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ

              คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอตัวเลข
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 4/2552 ภาพรวมทั้งปี พ.ศ. 2552 และแนวโน้มปี พ.ศ. 2553 สรุป
ได้ดังนี้
              1. เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2552 ขยายตัวร้อยละ 5.8 (เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน)
เป็นการขยายตัวครั้งแรกจากที่หดตัวร้อยละ 7.1, 4.9 และ 2.7 ในไตรมาสที่ 1, 2  และ 3  ของปี พ.ศ. 2552  ทำให้
ทั้งปี พ.ศ. 2552 เศรษฐกิจหดตัวเพียงร้อยละ 2.3  โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ขยายตัว
สูง ได้แก่ การส่งออกสินค้าและบริการที่ขยายตัวร้อยละ 4.1 จากที่หดตัวร้อยละ 14.8 ในไตรมาสที่ผ่านมา โดยการ
ส่งออกสินค้าหลัก ๆ เช่น  รถยนต์  อุปกรณ์และส่วนประกอบ  เครื่องคอมพิวเตอร์  และแผงวงจรไฟฟ้า ขยายตัวร้อย
ละ 7.4, 14.1 และ 40.5 ตามลำดับ  ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 9.9 โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตที่เชื่อม
โยงกับภาคการส่งออกตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  ได้แก่  อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์  อุตสาหกรรมอาหาร  และ
อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับร้อยละ  67.2  นอกจากนี้
ยังมีราคาพืชผลหลักที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้การใช้จ่ายโดยรวมเป็นบวก  การฟื้นตัวอย่างชัดเจนของการท่องเที่ยว  รวมทั้ง
การปรับขยายตัวของการก่อสร้างภาคเอกชน
              2. แนวโน้มเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2553  คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5-4.5 (ปรับเพิ่มจากเดิมร้อยละ 3.0-
4.0 ที่ประมาณการไว้เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2552)

             คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 โดยผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในภาพรวมทั้งประเทศ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิก
จ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน  396,155.16  ล้านบาท  หรือร้อยละ  23.30  ของวงเงินงบประมาณ (1,700,000.00
ล้านบาท) สูงกว่าเป้าหมาย (ร้อยละ 20.00) คิดเป็นร้อยละ 3.30 ได้แก่  รายจ่ายประจำ จำนวน 352,545.75 ล้าน
บาท  หรือร้อยละ  23.82  ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง  (1,480,072.47  ล้านบาท)
และรายจ่ายลงทุน จำนวน 43,609.41 ล้านบาท  หรือร้อยละ 19.83  ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอน
เปลี่ยนแปลง (219,927.53  ล้านบาท) โดยหน่วยงานที่มีอัตราการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายภาพรวมต่ำกว่า
เป้าหมาย (ร้อยละ 20.00) มีจำนวน  13  กระทรวง  และหน่วยงานที่มีอัตราการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายลง
ทุนต่ำกว่าเป้าหมาย (ร้อยละ 12.00) มีจำนวน 16 กระทรวง

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. รับทราบเกี่ยวกับยอดเงินรับบริจาคของศูนย์ร่วมน้ำใจชาวไทยฯ การจัดส่งข้าวสารในส่วนที่เหลือ รวมทั้ง
ผลการสำรวจความต้องการความช่วยเหลือของคณะล่วงหน้าผู้แทนประเทศไทย  และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รับไปดำเนินการตามมติคณะกรรมการอำนวยการศูนย์รวมใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ  ครั้งที่ 2/2553  วันที่  18
กุมภาพันธ์  2553   ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (นายวีระชัย วีระเมธีกุล)  ประธานกรรมการอำนวย
การศูนย์ฯ เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์จัดเตรียมข้าวขาวชนิด 5 เปอร์เซ็นต์ รวม 4,728 ตัน ให้ทันตามกำหนดเวลา
ดังนี้
                  1.1 ข้าวสารในงวดที่ 2 จำนวน 3,525 ตัน ให้จัดเตรียมให้แล้วเสร็จ เพื่อดำเนินกระบวนการจัดส่งให้เรือ
บรรทุกสินค้า ณ ท่าเรือที่ World Food Program (WFP) กำหนดตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2553 และดำเนินการจัดเตรียม
ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 12 มีนาคม 2553 
                  1.2 ข้าวสารในงวดที่ 3 จำนวน 1,203 ตัน ให้จัดเตรียมให้แล้วเสร็จ เพื่อดำเนินกระบวนการจัดส่งให้เรือ
บรรทุกสินค้า ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553
               2. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาการจัดส่งเมล็ดพันธุ์พืช รวมไปถึงผู้ฝึกสอน
การเพาะปลูกพืชไปช่วยเหลือชาวเฮติ  ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเพิ่มเติม   และให้กระทรวง
การต่างประเทศประสานในรายละเอียดกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง  เพื่อดำเนินการ
ต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายไพศาล  ชโนวรรณ  ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงคมนาคม (นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (23 กุมภาพันธ์ 2553)
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. รับทราบผลการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีเสนอ
              2. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการ ดังนี้
                  2.1 ประสานกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ
งาน และประชาชนในพื้นที่ที่ได้นำเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200  ไปใช้เกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครื่องดังกล่าว
รวมทั้งร่วมพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมในการตรวจหาวัตถุระเบิดของเจ้าหน้าที่   และการใช้
เครื่องมืออื่นทดแทนเมื่อมีการยุติการใช้งานของเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200
                  2.2 พิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ครอบครองเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด  จีที 200
และมีความพร้อมเพื่อตรวจพิสูจน์คุณสมบัติและระบบการทำงานของเครื่องดังกล่าวให้ชัดเจนว่าเป็นไปตามที่บริษัทผู้
จัดจำหน่ายแจ้งไว้หรือไม่ ทั้งนี้ โดยไม่ให้กระทบต่อเงื่อนไขหรือข้อผูกพันตามสัญญาที่หน่วยงานผู้ซื้อมีต่อบริษัทผู้จัด
จำหน่าย
              3. ให้ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
                  3.1 ระงับการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 และเครื่องมืออื่นที่มีลักษณะเดียวกัน
                  3.2 ระงับการนำเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 ไปใช้กับบุคคล
                  3.3 จัดทำรายงานสรุปข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด  จีที 200  และเครื่องมืออื่นที่มีลักษณะ
เดียวกัน เช่น เหตุผลในการจัดซื้อ จำนวนเครื่อง งบประมาณที่ใช้ กระบวนการจัดซื้อ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
ต่อไป
              4. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย)  รับไปพิจารณาความ
รับผิดชอบทางกฎหมายของบริษัทผู้จำหน่ายเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200

             คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ)
ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553 สรุปได้ดังนี้
             1. อนุมัติแล้ว จำนวน 20,525 โครงการ วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท
             2. การจัดสรร
                 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,475 โครงการ วงเงิน 38,292.27 ล้านบาท
                 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 16,050 โครงการ วงเงิน 159,830.11 ล้านบาท 
             3. การจัดซื้อจัดจ้าง
                 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ
                       3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 8,370 โครงการ วงเงิน 41,427.60 ล้านบาท
                       3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 2,521 โครงการ วงเงิน 11,793.20 ล้านบาท
                       3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 5,849 โครงการ วงเงิน 29,634.40 ล้านบาท
             4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 7,680 โครงการ วงเงิน 118,402.51 ล้านบาท
             5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 7,680 โครงการ วงเงิน 118,260.70 ล้านบาท
             6. การดำเนินการ
                 6.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน 365 โครงการ วงเงิน 8,078.05 ล้านบาท
                 6.2 เบิกจ่ายบางส่วนแล้ว จำนวน 6,649 โครงการ วงเงิน 20,290.02 ล้านบาท
                 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 666 โครงการ วงเงิน 19,338.08 ล้านบาท
                 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 7, 315 โครงการ วงเงิน 39,628.10 ล้านบาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่
อยู่อาศัย จำนวน 4 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดวาระ ตามที่กระทรวง
การคลังเสนอ ทั้งนี้ บุคคลลำดับที่ 1, 3  และ 4  ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  (23 กุมภาพันธ์ 2553)  เป็น
ต้นไป  ส่วนลำดับที่ 2  หากคณะกรรมการอัยการอนุมัติหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการ
อัยการมีมติอนุมัติ ดังนี้
               1. นายอนันต์ สิริแสงทักษิณ           ผู้แทนกระทรวงการคลัง
               2. นายวิชาญ ธรรมสุจริต
               3. นางชาลอต โทณวณิก                ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน
               4. นายรัฐนิติ์ พัฒนกุล                   ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อ
การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 13 คน  ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตร
และสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. 2509 และที่แก้ไขเพิ่มเติม  เนื่องจากรองประธานกรรมการและกรรมการชุดเดิมได้
ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสามปี  ตามวาระแล้ว  ทั้งนี้  ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  (23  กุมภาพันธ์
2553) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
              1.   นายยุคล ลิ้มแหลงทอง                                        รองประธานกรรมการ
                    ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
              2.   นายวินัย กสิรักษ์                                                กรรมการอื่น
                    ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์
              3.   นายเฉลิมพร พิรุณสาร                                        กรรมการอื่น
                    ผู้แทนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
              4.   นายวิชาญ อมรโรจนาวงศ์                                    กรรมการอื่น
                    ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย 
              5.   นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์                                    กรรมการอื่น 
                    ผู้แทนกระทรวงการคลัง 
              6.   นายประยูร รัตนเมธางกูร                                    กรรมการอื่น
                    ผู้แทนสหกรณ์การเกษตรผู้ถือหุ้น
              7.   นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต                                     กรรมการอื่น
              8.   นายอัชพร จารุจินดา                                          กรรมการอื่น
              9.   นายวิเชฐ ตันติวานิช                                           กรรมการอื่น
              10. นายวิโรจ อิ่มพิทักษ์                                            กรรมการอื่น
              11. นายอำนวย ปะติเส                                             กรรมการอื่น
              12. นางจิรพร มีหลีสวัสดิ์                                          กรรมการอื่น
              13. นายอำนวย ทงก๊ก                                              กรรมการอื่น

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายวิชัย วนดุรงค์วรรณ เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งที่ปรึกษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  โดยให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  (23 กุมภาพันธ์ 2553)
เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายวิทิต  ทองโสภิต  เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตามความในมาตรา 8 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง
พ.ศ. 2535  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  (23 กุมภาพันธ์ 2553)  เป็นต้นไป  ตามที่กระทรวงคมนาคม
เสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะ
กรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ แทนนายบัณฑูร สุภัควณิช ที่ลาออก ตามที่กระทรวงวิทยา
ศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (23 กุมภาพันธ์ 2553) เป็นต้นไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศ
ไทย จำนวน 3 คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ลาออก
จากตำแหน่ง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ  ทั้งนี้  ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  (23  กุมภาพันธ์  2553)
เป็นต้นไป ดังนี้
               1. นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม                    ประธานกรรมการ
               2. พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ           กรรมการ
               3. นายนิพิฐ อริยวงศ์                          กรรมการ
                   (ผู้แทนกระทรวงการคลัง)

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายธีระวัฒน์ ศิริวันสาณฑ์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ทั้งนี้ โดย
ให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงใด
กระทรวงหนึ่งเป็นต้นไป เพื่อให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งได้ดำเนินการลาออกจากตำแหน่งอื่น  ๆ  ที่เป็นลักษณะต้องห้าม
ให้เรียบร้อย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ