ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1840 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36781 - 36800 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36781 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุทธิชัย จันทร์อารักษ์) | ศธ | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายสุทธิชัย จันทร์อารักษ์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงศึกษาธิการ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์) ทั้งนี้ ให้การ แต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (16 กุมภาพันธ์ 2553) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
36782 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเสนอผล
การประชุมคณะกรรมการอำนวยการ ฯ ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาหลัก เกณฑ์การเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ แผนการดำเนินงานของของคณะกรรมการ ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. หลักเกณฑ์การขอรับการสนับสนุนงบประมาณแก่หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ ประสบภัยแล้ง มีดังนี้ 1.1 พื้นที่การให้ความช่วยเหลือต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ได้มีการประกาศให้เป็นพื้นที่เกิดภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ประกาศเป็นภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 1.2 การให้ความช่วยเหลือต้องเป็นกรณีที่มีความเร่งด่วน ฉุกเฉิน หรือจำเป็น 1.3 โครงการ/กิจกรรม ที่จะดำเนินการต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) แล้ว และระยะเวลาดำเนินการควรแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (30 กันยายน 2553) 1.4 ต้องสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่หรือภารกิจของหน่วยงานโดยไม่เกิดความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น 2. แผนการดำเนินการความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง คณะกรรมการ ฯ ได้กำหนดแผนการดำเนินการ สำหรับการอำนวยการติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง มีดังนี้ 2.1 รวบรวมข้อมูลแผนงาน/โครงการจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ขอจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาภัย แล้งส่งให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนงาน/โครงการและงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง (กุมภาพันธ์ -เมษายน 2553) 2.2 การพิจารณากลั่นกรองแผนงาน/โครงการ (กุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2553) 2.3 การประชุมคณะกรรมการ ฯ เพื่อรับทราบการเตรียมการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และพิจารณาการขอ รับการสนับสนุนงบประมาณการให้ความช่วยเหลือ และแผนการดำเนินงาน (กุมภาพันธ์-มีนาคม 2553) 2.4 การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง (พฤษภาคม-มิถุนา ยน 2553) 2.5 การประชุมสรุปผลความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ/ พิจารณา (มีนาคม-สิงหาคม 2553) 2.6 นำผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ/พิจารณา (พฤษภาคม -สิงหาคม 2553)
|
|||||||||||||||||||||||||||
36783 | การเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) (จำนวน 4 ฉบับ 1. ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อ "สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว" เป็น "กรมการท่องเที่ยว" พ.ศ. .... ฯลฯ) | กก | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อ "สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว" เป็น "กรมการท่องเที่ยว" พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เปลี่ยนชื่อสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว เป็น กรมการท่องเที่ยว และเปลี่ยนชื่อตำแหน่ง ของผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว เป็น อธิบดีกรมการท่องเที่ยว และรองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนา การท่องเที่ยว เป็น รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว 1.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อ "สำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ" เป็น "กรมพลศึกษา" พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เปลี่ยนชื่อสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ เป็น กรมพลศึกษา และ เปลี่ยนชื่อตำแหน่งของผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ เป็น อธิบดีกรมพลศึกษา และรองผู้ อำนวยการสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ เป็น รองอธิบดีกรมพลศึกษา 2. กรณีร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. .... และ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ ที่กระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ให้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติในการเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาส่งร่างกฎกระทรวง จำนวน 2 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาแล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการต่อไป 3. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการดัง กล่าวโดยเสนอเพิ่มเติมภารกิจและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการที่เปลี่ยนแปลงใหม่ตามร่างกฎกระทรวง ฯ ตามข้อ 2 จากเดิมซึ่งมีภารกิจหลักในงานนโยบาย งานให้คำปรึกษา หรืองานวิชาการแต่เพียงอย่างเดียว โดยเพิ่มเติมให้มีภาร กิจในงานปฏิบัติและให้บริการประชาชนด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะงานที่ปฏิบัติในปัจจุบัน นั้น จะต้องไม่เป็น การเพิ่มอัตรากำลังและภาระของงบประมาณ และให้คำนึงถึงบทบาทการดำเนินการของภาครัฐในการสนับสนุนงาน ด้านการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหลัก ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 เรื่อง การ ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
36784 | ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร | กษ | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมการเกษตรยืม จำนวน 739 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคเขียว เตี้ย และโรคใบหงิก ตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ครั้งที่ 2/2553 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ตามที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 2. ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ชดใช้ให้กองทุนสงเคราะห์ เกษตรกร ให้สอดคล้องกับกรอบวงเงินรวมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอนุมัติให้ใช้เงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สมทบเป็นค่าใช้จ่ายชด เชยกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้ครบตามจำนวนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
36785 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้
อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงินไม่เกิน 100,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรออมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
36786 | มาตรการเร่งรัดหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท) | กค | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติ
การไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท ) ดังนี้ 1. กรณีหน่วยงานยังไม่ได้เสนอขอจัดสรร ให้เร่งดำเนินการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัด สรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 ยกเว้นโครงการที่ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างหรือที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ให้ขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินไป เป็นภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 2. กรณีหน่วยงานได้รับการจัดสรรเงินแล้วแต่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญาให้เร่งดำเนินการลงนามในสัญญา ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 3. หากไม่สามารถดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 1 และ 2 ให้ยุติโครงการเพื่อสามารถ นำเงินไปให้โครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการมากกว่าแต่ไม่ได้รับอนุมัติ (ยกเว้นกระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2553 ให้ขยายเวลาการยื่นคำ ขอจัดสรรต่อสำนักงบประมาณต่อไปก่อน) 4. ให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการบันทึกข้อมูล แผนงาน งวดงานและงวดเงินตามระบบ Projects Financial Monitoring System (PFMS) ที่กระทรวงการคลังกำหนดทุกโครงการ ภายหลังจากได้รับจัดสรรเงินแล้ว และ/หรือลงนามในสัญญาแล้ว และให้กระทรวงการคลังใช้ข้อมูลการรายงานจากระบบ PFMS เป็นข้อมูลพิจารณา ความก้าวหน้าของโครงการ หากไม่มีการบันทึกข้อมูลถือว่าโครงการดังกล่าวยังไม่มีการดำเนินงาน และให้ยุติโครง การ เพื่อสามารถนำเงินจากโครงการดังกล่าวไปให้โครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการมากกว่า แต่ไม่ได้รับ อนุมัติต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังกำหนดกรอบระยะเวลาที่หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ ต้องดำเนินการ บันทึกข้อมูลให้ชัดเจน เหมาะสม และแจ้งให้ทุกหน่วยงานทราบเพื่อถือปฏิบัติต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
36787 | การแก้ไขปัญหาการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว (รอบที่ 1) เพิ่มเติมและการกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าว (รอบที่ 2) | พณ | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2553
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1. การแก้ไขปัญหาการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว (รอบที่ 1) เพิ่มเติม สรุปในประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1.1 ไม่เห็นชอบให้เกษตรกรจังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม และนครสวรรค์ ที่ไม่ได้มาขึ้นทะเบียนเกษตร กรภายในระยะเวลาตามที่กำหนดเดือนตุลาคม 2552 เข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/ 53 (รอบที่ 1) เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2553 1.2 ให้คณะอนุกรรมการ กขช. ระดับจังหวัด แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงในพื้นที่ที่มี ปัญหา เช่น จังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ลำปาง และเลย กรณีที่กลุ่มเกษตรกรขอใช้สิทธิ 16 -30 พฤศจิกายน 2552 แต่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้ใช้สิทธิช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2552-28 กุมภาพันธ์ 2553 และกรณีเกษตรกรจังหวัดมหาสารคามที่ปลูกข้าวในที่นาหลายแปลง แต่เกษตรอำเภอ ขึ้นทะเบียนให้ใช้สิทธิเพียงแปลงเดียว โดยหาต้นเหตุของปัญหาและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน 1.3 ให้ ธ.ก.ส. แก้ไขเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธิของเกษตรกรให้ถูกต้อง โดยให้ได้รับสิทธิวันเดียวกันคือ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ตามที่เกษตรกรจังหวัดมหาสารคามที่ปลูกข้าว 2 ชนิดร้องขอ เนื่องจากเกิดความผิด พลาดทางเอกสารและไม่ใช่ความผิดของเกษตรกร 1.4 เห็นชอบให้เกษตรกรจังหวัดขอนแก่นที่ทำสัญญากับ ธ.ก.ส. ช่วงวันที่ 1-16 ธันวาคม 2552 ใช้ สิทธิชดเชยได้ในวันที่ 1-15 ธันวาคม 2552 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 1.5 ให้ ธ.ก.ส. และสำนักงานการค้าภายในจังหวัดขอนแก่นตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เกษตรกรจังหวัด ขอนแก่น จำนวน 28,369 ราย ทำสัญญาช่วงวันที่ 16-31 ธันวาคม 2552 จริงหรือไม่ หรือเป็นการใช้สิทธิในช่วง เวลาดังกล่าว แต่ได้รับเงินชดเชยน้อย หรือไม่ได้รับเงินชดเชย จึงมาขอใช้สิทธิช่วงวันที่ 1-15 ธันวาคม 2552 โดยให้ ตรวจสอบแล้วเสร็จภายใน 7 วัน 1.6 เห็นชอบให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียว และข้าวปทุมธานี 1 ที่ทำสัญญาในช่วงวันที่ 1-31 ธันวา คม 2552 สามารถใช้สิทธิชดเชยได้ โดยให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวเหนียวใช้สิทธิในช่วงวันที่ 16-30 พฤศจิกายน 2552 และเกษตรกรที่ปลูกข้าวปทุมธานี 1 ให้ใช้สิทธิในช่วงวันที่ 1-15 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของชนิดข้าว ดังกล่าวที่จะได้รับเงินชดเชย 1.7 เห็นชอบยืนยันให้เกษตรกรในจังหวัดภาคใต้ใช้สิทธิประกันรายได้ รอบที่ 1 ช่วงหลังการเก็บเกี่ยว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2552 เพื่อให้เป็นไปตามหลักการของโครงการประกันรายได้ 2. เห็นชอบให้กำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 1 และรอบที่ 2 เป็นราคาเดียวกัน โดยยึดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้เดิม คือ คำนวณ จากมูลค่าข้าวสาร ณ ตลาดกรุงเทพมหานครรวมกับมูลค่าผลิตภัณฑ์ หักด้วยค่าแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร และค่าขนส่งเแลี่ยนจากกรุงเทพมหานครถึงจังหวัดจุดซื้อขายของเกษตรกร 3. เห็นชอบหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และแนวทางการปฏิบัติโครงการประกันรายได้เกษตรกร ปี 2552/53 รอบที่ 2 ตามคู่มือการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ของกรมส่งเสริมการเกษตร และหลัก เกณฑ์การทำสัญญาและการใช้สิทธิโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ของ ธ.ก.ส. ตามที่เสนอ โดยเพิ่มเติมในส่วนของขั้นตอนการทำประชาคม การออกใบรับรองผลการขึ้นทะเบียน และขั้นตอนการ จัดทำสัญญาประกันรายได้กับ ธ.ก.ส.
|
|||||||||||||||||||||||||||
36788 | การประชุมคณะมนตรีประศาสน์การโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยพิเศษที่ 11 (The 11th Special Session of the Governing Council/Global Ministerial Environment Forum of the United Nations Environment Programme) | ทส | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่าง Nusa Dua Declaration/Statement/Communique-Bali, 2010 ซึ่งเป็น
การแสดงเจตนารมณ์ทางนโยบายของประเทศที่เข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีประศาสน์การโครงการสิ่งแวดล้อมแห่ง สหประชาชาติ สมัยพิเศษที่ 11 (The 11th Special Session of the Governing Council/Global Ministerial Environ ment Forum of the United Nations Environment Programme) ต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ธรรมา ภิบาลสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน เศรษฐกิจสีเขียว และความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ โดยการ ประชุม ฯ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ 2553 ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
36789 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์
2553 ซึ่งได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ 1. ร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี จำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.4 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 3 ครั้งที่ 7 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2553 และครั้งที่ 8 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
36790 | ร่างแผนหลักการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2553 - 2557 | มท | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่ง ชาติ (กปอ.) เสนอ ดังนี้ 1.1 ร่างแผนหลักการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2553-2557 ซึ่งได้กำหนดวิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และหน่วยงานรับผิดชอบ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการกับอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระบบมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล รวมทั้งมีวัฒนธรรมความปลอดภัยในวิถีชีวิตเพื่อลดความ สูญเสียทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการ ป้องกันอุบัติภัย ยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยี ยุทธศาสตร์การเฝ้าระวังและเตือนภัย ยุทธศาสตร์การสร้างการ มีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ ยุทธศาสตร์การบังคับและปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ และยุทธศาสตร์การ บริหารจัดการ 1.2 ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นผู้ประสานงานในการจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับแผน หลักการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2553-2557 2. ให้ กปอ. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสน เทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรดำเนินการประชาสัมพันธ์ โดยให้ภาคประชาชน เอกชน องค์การสาธารณกุศล และสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ ทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงอุบัติภัยต่าง ๆ และให้สังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและแนวทางการป้องกัน รวมทั้งรัฐบาลและองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น (อปท.) สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานอย่างเพียงพอ และให้จัดตั้งเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ ของแต่ละจังหวัดเพื่อรณรงค์ป้องกันอุบัติภัยอย่างต่อเนื่อง มีการประกวดและมอบรางวัลแก่จังหวัดที่เกิดอุบัติภัยน้อย ที่สุด เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการป้องกันมิให้เกิดอุบัติภัยในจังหวัด ส่วนยุทธศาสตร์การสร้างการมีส่วนร่วมของภาคี ต่าง ๆ ซึ่งเพิ่มบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของ อปท. นั้น ต้องพิจารณาถึงศักยภาพและสถานะทางการคลังของ ท้องถิ่นเป็นหลัก ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
36791 | ข้อเสนอแนะการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับกรณีพนักงานเจ้าหน้าที่ของด่านตรวจคนเข้าเมืองใช้ดวงตราประทับของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประทับในหนังสือเดินทางเพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการผ่านเข้า - ออก ราชอาณาจักรไทย ทั้งที่ผู้ถือหนังสือเดินทางมิได้ผ่านเข้า - ออก เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทน | นร | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเกี่ยว กับการป้องกันการทุจริต กรณีพนักงานเจ้าหน้าที่ของด่านตรวจคนเข้าเมืองใช้ดวงตราประทับของเจ้าพนักงานตรวจ คนเข้าเมืองประทับในหนังสือเดินทางเพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการผ่านเข้า-ออก ราชอาณาจักรไทย ทั้งที่ผู้ถือหนังสือ เดินทางมิได้ผ่านเข้าออก เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ตอบแทน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ สำหรับข้อ เสนอแนะของคณะกรรมการ ฯ มีดังนี้ 1.1 สนับสนุนงบประมาณให้แก่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ในการจัดซื้อและติดตั้งเครื่องมือ ที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพ ให้มีการใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการตรวจอนุญาตด้วยระบบคอมพิวเตอร์สำหรับด่านตรวจ คนเข้าเมืองที่มีบุคคลและพาหนะเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรให้ครบทุกแห่ง และเป็นระบบเดียว กัน สามารถเชื่อมโยงกันได้ 1.2 ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งการให้ ตม. ดำเนินการ ดังนี้ 1.2.1 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกคนทุกแห่งต้องลงลายมือชื่อกำกับรอย ตราประทับในหนังสือเดินทาง หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือเอกสารผ่านด่าน (Border Pass) ทุกชนิด 1.2.2 กำชับเจ้าหน้าที่มิให้มีการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้มาใช้บริการหรือให้ ความช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยเด็ดขาด 1.2.3 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาต ให้เข้ามาในราชอาณา จักรเป็นการชั่วคราวที่มีพฤติการณ์เดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรติดต่อกันบ่อยครั้งในช่วงเวลาใด เวลาหนึ่ง เมื่อตรวจพบให้รีบประสานหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการตรวจสอบว่าบุคคลนั้นได้เข้า มากระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมาย หรือประกอบอาชีพโดยมิได้รับอนุญาตหรือไม่ หากมีการกระทำความผิดต้อง ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดและโดยทันที 2. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ตม. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ ตม. ประสานข้อมูลบุคคลต้องห้ามเข้าราชอาณาจักร (Black List) ให้กระทรวงการต่างประเทศโดยเร็ว เพื่อป้องกันการตรวจลงตราให้แก่บุคคลดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร และให้นำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ฯ ไปใช้ เพื่อป้องกันการทุจริตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรณีเอกสารผ่านแดน ประเภทอื่น ๆ ตามข้อตกลงว่าด้วยการสัญจรข้ามแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของเอกสารผ่านแดนแต่ละประเภท และให้พิจารณาควบคู่ไปกับการให้เจ้าหน้าที่มีบุคลากร เครื่องมือและอุปกรณ์ ที่มีประสิทธิภาพและเพียงพอในการปฏิบัติงาน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณดำเนินการให้ ตม. เร่งดำเนินโครงการสารสนเทศที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้วเป็นรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2545- -2546 ให้แล้วเสร็จ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการด้านการตรวจคนเข้าเมืองของ ตม. ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ ตม. เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ด้วย 3. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบและติดตามการแก้ ไขปัญหาการเชื่อมโยงฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกระทรวงมหาดไทยกับฐานข้อมูลการตรวจลงตรากับกระทรวง การต่างประเทศ เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับข้อมูลบุคคล (พร้อมรูปถ่าย) ที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็น ปัจจุบันด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
36792 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... | ยธ | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎ หมายว่าด้วยมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา โดยการนำมาตรการชะลอการฟ้องคดีอาญามาใช้เป็นมาตรการแทน การฟ้องคดีอาญา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของคณะรัฐมนตรี ในประเด็นเรื่องการชะลอการฟ้อง ควรกำหนดให้ เป็นอำนาจของพนักงานอัยการหรือศาล และความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักศาลยุติธรรม ที่เห็นควรกำหนดให้มีบทบัญญัติที่กำหนดให้ คู่กรณีที่มีกรณีพิพาทกันสามารถเลือกใช้มาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา หรือเลือกใช้มาตรการไกล่เกลี่ยในอำนาจ หน้าที่ของนายอำเภอตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดินก่อนที่ผลการพิจารณาจะได้ข้อยุติที่ทำให้สิทธิ ในการนำคดีมาฟ้องระงับลง หรือก่อนคดีขาดอายุความ รวมทั้งให้มีการวางระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออกเป็น 3 ระดับ เช่น ในชั้นตำรวจมีหน้าที่รับผิดชอบไกล่เกลี่ยคดีทั่วไป ส่วนคดีที่มีระดับความขัดแย้งและบทลงโทษสูงขึ้นให้ พนักงานอัยการ และศาลทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย นอกจากนี้ การนำหลักการไกล่เกลี่ยคดีอาญามาใช้อาจจะกระทบต่อ การคุ้มครองสิทธิในกระบวนการยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญ ระบบกฎหมายอาญาและระบบการดำเนินคดีอาญาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา รวมถึงการใช้มาตรการในการลงโทษผู้กระทำความผิด จึงควรมีการรับฟัง ความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนอย่างกว้างขวางในภาพรวมให้ดีเสียก่อน ไปประกอบการพิจารณา ด้วย แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. อนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวน พ.ศ. .... ออกจากการ พิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
36793 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ | กษ | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 1.1 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับ รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ 1.2 มอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ในบันทึกความเข้าใจ ฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัด ต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอีก 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยว กับสารัตถะของบันทึกความเข้าใจ ฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องซึ่งปรากฏอยู่ในบันทึกความเข้าใจ ฯ ข้อที่ 4(3) เรื่อง การ จัดการและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพด้านการเกษตรยังขาดรายละเอียดในการดำเนินงาน จึงเห็น ควรเพิ่มประเด็นสำคัญ ได้แก่ ส่งเสริมการอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ป่าหรือชนิดพันธุ์พื้นเมือง การอนุรักษ์ผู้ผสมเกสร (Pollinators) อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเกษตร ตลอดจนเผยแพร่วิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดที่นำไปสู่การเกษตร แบบยั่งยืน ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
36794 | ขอความเห็นชอบหลักเกณฑ์และแนวทางในการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ | ทส | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนเรื่อง ขอความเห็นชอบหลักเกณฑ์และแนวทางในการอนุรักษ์ฟื้นฟู
แหล่งน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
36795 | การเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด | นร | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามมติของคณะกรรมการพิจารณาบำเหน็จความชอบ สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ก.บ.จ.ต.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2552 และครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2553 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของส่วนราชการหรือหน่วยงานต้น สังกัดก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอใช้จ่ายจากงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
36796 | การพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพอื่น | มท | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้ใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อจ่ายคืนเงินค่าปรับให้แก่ผู้ ประกอบอาชีพงานก่อสร้างที่ได้รับความช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 และวัน 2 ธันวา คม 2551 กรณีผิดสัญญาที่ได้นำส่งเป็นเงินรายได้แผ่นดินแล้ว จำนวน 641 โครงการ จำนวนเงิน 123,324,148 บาท ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจ่ายคืนให้แก่ผู้รับจ้างต่อไป 1.2 การเบิกจ่ายเงินงบกลาง ฯ ให้เบิกจ่ายได้เมื่อกรมบัญชีกลางได้ตรวจสอบการขอคืนเงินค่าปรับและ ได้อนุมัติให้ถอนคืนเงินค่าปรับได้ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง และให้รับความ เห็นของกระทรวงการคลัง ที่ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเบิกจ่ายเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณที่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณ หากกรมส่งเสริมการปกครองท้อง ถิ่นเบิกจ่ายเงินรายการดังกล่าวไม่แล้วเสร็จกระทรวงการคลังจะไม่อนุมัติให้กันเงินงบประมาณที่คงเหลือไว้เบิกเหลื่อม ปี ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
36797 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... | ศธ | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับ
สาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... ตาม ที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการศึกษา สาขาวิชาเทคโนโลยี สาขา วิชานิติศาสตร์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชาบัญชี สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ สาขาวิชาศิลปศาสตร์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ และสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ 2. กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่งและเครื่องหมายประกอบครุยประจำ ตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย อธิการบดี กรรมการสภามหาวิทยาลัย และคณาจารย์ 3. กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย 4. กำหนดสีประจำสาขาวิชา
|
|||||||||||||||||||||||||||
36798 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 จำนวน 2 ฉบับ (จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดพิษณุโลก) | กษ | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... (โครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านหม้อ) 2. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... (โครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านท่าโป่ง)
|
|||||||||||||||||||||||||||
36799 | แต่งตั้งกรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในคณะกรรมการการอาชีวศึกษาแทนตำแหน่งที่ว่าง (นายอำนาจ เต็มสงสัย) | ศธ | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอำนาจ เต็มสงสัย เป็นกรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในคณะกรรมการการอาชีวศึกษา แทนนายสายัณห์ มีแสง ที่ถึงแก่กรรม ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดย ให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (16 กุมภาพันธ์ 2553) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
36800 | ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ. .... | นร | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา
เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ. .... เฉพาะประเด็นอำนาจการพิจารณาของรัฐสภา สรุปได้ดังนี้ 1. กรณีที่วุฒิสภาแก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา 3 จาก "... ให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ตาม พระราชบัญญัติ ฯ ต่อรัฐสภา "เพื่อทราบ" ก่อนเริ่มดำเนินการ "เป็น ... ให้คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบการใช้จ่ายเงิน กู้ตามพระราชบัญญัตินี้ต่อรัฐสภา "เพื่อพิจารณา" ก่อนเริ่มดำเนินการ "โดยแสดงรายละเอียดของโครงการที่จะนำ เงินกู้ไปใช้จ่าย" นั้น ในชั้นนี้ยังไม่อาจวินิฉัยได้ว่าการกำหนดความดังกล่าวจะเป็นกรณีที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และอาจเป็นการก้าวก่ายอำนาจของฝ่ายบริหารหรือไม่ แต่มีข้อสังเกตว่าการแก้ไขเพิ่มเติมเพียงเท่าที่แก้ไขมานี้ ใน ทางปฏิบัติไม่อาจปฏิบัติได้ เพราะขาดความชัดเจนว่าสภาทั้งสองจะดำเนินการอย่างไรในการพิจารณา 2. กรณีแก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา 3 ให้แต่ละสภาตั้งบุคคลที่เป็นสมาชิกแห่งสภานั้น ๆ เป็นคณะกรรมา ธิการร่วมกันเพื่อพิจารณากรอบและรายละเอียดของโครงการที่จะนำเงินกู้ไปใช้จ่ายแต่ละครั้ง และให้เสนอผลการ พิจารณาและกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ นั้น จะเป็นการสร้างกระบวนการพิจารณาของรัฐสภาขึ้นใหม่นอกเหนือไปจาก ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ซึ่งไม่อาจทำได้ เพราะเป็นการขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงกรณีให้ ประธานรัฐสภาตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาศึกษารายละเอียดของโครงการที่จะนำเงินกู้ไปใช้จ่ายแต่ละครั้ง แล้ว ให้เสนอผลการพิจารณากรอบการใช้จ่ายเงินกู้ เนื่องจากไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภา ทั้งยังเป็นการ สร้างกระบวนการพิจารณาของรัฐสภาขึ้นใหม่ จึงเป็นการขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 3. สำหรับการให้ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ในเรื่องนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ใน การบริหารราชการแผ่นดินตามมติของคณะรัฐมนตรีเท่านั้น การวินิจฉัยชี้ขาดเป็นที่สุดย่อมเป็นอำนาจหน้าที่ของ ศาลรัฐธรรมนูญ
|
.....