ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 174 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 3461 - 3480 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3461 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ. 2557 | พม. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง
พ.ศ. ๒๕๕๗ ออกไปอีก ๑ ปี
นับแต่วันที่ครบกำหนดตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ จนถึงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3462 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 | ศธ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน
พ.ศ. ๒๕๕๐ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗
พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3463 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (สมรสเท่าเทียม) | ยธ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่จะมีการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ
ไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย 2023 (Thailand Biennale,
Chiang Rai 2023) ระหว่างวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๖-๓๐ เมษายน ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินไทยและต่างชาติ ภายใต้แนวคิด : เปิดโลก (The Open World) อันจะเป็นการเปิดมิติทางศิลปะวัฒนธรรมเพื่อยกระดับเมืองเชียงรายสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก
จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐร่วมเผยแพร่และประชาสัมพันธ์การจัดงานมหกรรมดังกล่าวให้แพร่หลายและกว้างขวางออกไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รวมทั้งเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานดังกล่าว เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของประเทศต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3464 | การป้องกันและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | ดศ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการป้องกันและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โดยมีข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข
ประกอบด้วย (๑) ระยะเร่งด่วน ๓๐ วัน เช่น ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตรวจสอบข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
(PDPC Eagle Eye) และเร่งตรวจสอบค้นหาเฝ้าระวัง
การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลว่าเกิดขึ้นจากหน่วยงานใด หรือช่องทางใด
และเมื่อพบข้อบกพร่องของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ
เร่งประสานแจ้งเดือนการรั่วไหลของ/ข้อมูลส่วนบุคคลแก่หน่วยงานนั้น
เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสี่ยงหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโดยเร็ว ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเร่งรัดมาตรการปิดกั้นกรณีการซื้อ-ขายข้อมูลส่วนบุคคลที่ผิดกฎหมายและสืบสวนดำเนินคดี
ตลอดจนจับกุมผู้กระทำความผิดโดยเร็ว เป็นต้น (๒) ระยะ ๖ เดือน เพื่อป้องกันและลดปัญหาการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลจากการที่หน่วยงานภาครัฐส่งข้อมูลแก่หน่วยงานภายนอก
หรือขาดบุคลากรในการกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของหน่วยงาน
เห็นควรส่งเสริมการใช้งานระบบคลาวด์กลางภาครัฐที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นระบบที่มีความมั่นคงปลอดภัยตามหลักวิชาการสากล
สามารถรองรับการใช้งานของบุคลากรของหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยไม่เกิดการโจรกรรมหรือการรั่วไหลของข้อมูล
และ (๓) ระยะ ๑๒ เดือน ประเมินและปรับปรุง
พัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สามารถบังคับใช้กฎหมายให้ทันสมัยต่อบริบทของสังคมและพฤติการณ์ที่เปลี่ยนไป
เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบและป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ดียิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3465 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย) | กค. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้ของบุคคลธรรมดาที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนใน “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน
(Thailand ESG Fund หรือ TESG)
“ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทสำหรับปีภาษีนั้น
เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
สำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๗๕ และกำหนดให้ผู้มีเงินได้ไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ
ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ TESG มารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เฉพาะกรณีที่เงินหรือผลประโยชน์ดังกล่าวคำนวณมาจากเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กล่าวมา
ทั้งนี้ ต้องถือหน่วยลงทุนดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า ๘
ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3466 | การป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ผิดกฎหมาย | นร. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ผิดกฎหมายจากต่างประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกร และชิ้นส่วนอื่น ๆ ผิดกฎหมาย
ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาสุกรในประเทศและทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้
รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของผู้บริโภคได้เนื่องจากอาจมีโรคระบาดปนเปื้อนมากับเนื้อสุกรและชิ้นส่วนที่ลักลอบนำเข้ามาดังกล่าวได้
ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบ คัดกรอง
และควบคุมการนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ในทุกช่องทางอย่างเข้มงวดและเคร่งครัด
รวมทั้งให้เร่งรัดการสืบสวน สอบสวน
และจับกุมผู้กระทำผิดในเรื่องนี้ในทุกขั้นตอนให้ครบถ้วนทุกราย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้กระทำผิดรายใหญ่
เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3467 | การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้าโดยใช้ระบบ National Single Window | นร. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทยให้ขยายตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งในส่วนของการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน
สมควรที่จะต้องปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ
ของรัฐให้มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) รวมถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าให้เพิ่มมากขึ้นผ่านการใช้ระบบ
National Single Window ซึ่งภาครัฐได้มีการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
แต่ยังมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการทางปฏิบัติหลายประการ
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาระบบ
National Single Window รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบ
ขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถให้บริการผ่านระบบ National Single Window ได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ
ณ จุดเดียว (One Stop Service) ทั้งนี้
ให้นำกรณีการส่งออกสินค้าผ่านแดน ณ ด่านศุลกากรหนองคาย เป็นโครงการนำร่องเพื่อดำเนินการให้บรรลุผลตามแนวทางข้างต้นโดยเร็วก่อนเป็นลำดับแรก
แล้วจึงให้ขยายผลการดำเนินการไปยังด่านศุลกากรแห่งอื่น ๆ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3468 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และขั้นตอนการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว | นร. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยอันจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และขั้นตอนต่าง ๆ ในการดำเนินการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) ของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางออกจากประเทศไทยให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3469 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... | นร 05 | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง
สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๖
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3470 | ขออนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 30 และการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 28 | นร.14 | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี
คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๓๐ และการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
กับหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ ๒๘ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา
รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่
๓๐ และการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ ๒๘ เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยหารือกับประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
ตามประเด็นในกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่
๓๐ และการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ ๒๘
เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานและความร่วมมือเป็นไปตามพันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน
พ.ศ. ๒๕๓๘ และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน)
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ในฐานะสมาชิกคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
และหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้ลงนามรับรองรายงานการประชุม
โดยที่เอกสารดังกล่าวมิได้ใช้ถ้อยคำก่อให้เกิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และไม่เข้าข่ายหนังสือสัญญา โดยในการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
ครั้งที่ ๓๐ มีเรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๑ เรื่อง คือ การสรรหาตำแหน่ง CEO ของสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการฯ
เนื่องจาก CEO คนปัจจุบันจะหมดวาระในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๘
และการดำรงตำแหน่ง CEO จะหมุนเวียนตามตัวอักษรของประเทศสมาชิก
โดยผู้ที่มาดำรงตำแหน่งคนต่อไปจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย คณะกรรมการฯ
จึงกำหนดกรอบการหารือให้มีการปรับปรุงร่างขอบเขตงาน (TOR) ของ
CEO ให้สอดคล้องกับความต้องการของไทย ตามที่คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3471 | ผลการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Special Meeting of Justice Ministers: AJSMJ) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ยธ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Special Meeting of Justice Ministers : AJSMJ)
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๕-๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงโตเกียว
ประเทศญี่ปุ่น โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในขณะนั้น เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
โดยที่ประชุมได้มีมติรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และเห็นชอบแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม ทั้งนี้
ในการประชุมดังกล่าว มีการปรับแก้ไขร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เช่น การระบุวันที่ สถานที่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและตรงกับความเป็นจริง
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินความร่วมมือตามแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น
ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และร่างแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น
ด้านกฎหมายและงานยุติธรรมดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงความร่วมมือด้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3472 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับกระทรวงการต่างประเทศ การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา | อว. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับกระทรวงการต่างประเทศ
การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา (Department of Foreign Affairs, Trade and
Development of Canada : DFATD) และให้เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อสร้างความร่วมมือที่ไม่ใช่ทางการเงินและการสนับสนุนอุปกรณ์
การให้บริการและการฝึกอบรมแบบให้เปล่า
เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของไทยในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีและจะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างสมรรถนะด้านความมั่นคงทางนิวเคลียร์ของไทยและการฝึกอบรมระดับชาติ
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับกระทรวงการต่างประเทศ
การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา เพื่อสนับสนุนหลักสูตรด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ที่ยั่งยืนในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียนในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการขอยกเว้นภาษีนำเข้า
ภาษีอากร ค่าธรรมเนียม
และภาษีอื่นใดที่อาจเกิดจากการขนส่งอุปกรณ์หรือการให้บริการอันเนื่องมาจากการให้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศนั้น
กระทรวงการคลังขอให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติพิจารณาและดำเนินการตามระเบียบการนำเข้าของที่ได้รับยกเว้นอากร
ตามที่กรมศุลกากรกำหนด และควรดำเนินการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่กระทรวงการต่างประเทศ
การค้า และการพัฒนาแห่งประเทศแคนาดา ในส่วนที่เกี่ยวข้องด้าน อากร ภาษี
และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อันเกิดจากการส่งสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ให้มีความสอดคล้องตามกฎระเบียบอย่างเหมาะสมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3473 | การดำเนินการแก้ไขอุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกข้าว | นร. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากการหารือกับผู้ประกอบการส่งออกข้าว
ได้ทราบว่ามีปัญหาและอุปสรรคหลายประการที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตและส่งออกข้าวของประเทศ
เช่น ปัญหาคุณภาพของพันธุ์ข้าว ผลผลิตต่อไร่ ระยะเวลาในการพิจารณาออกใบรับรองมาตรฐานคุณภาพข้าวประเกทต่าง
ๆ ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่เกี่ยวข้องของแต่ละหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคดังกล่าวข้างต้นโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3474 | การแก้ไขสัญญาประธานในการจ้างธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย (Amendments to the Framework Agreement for Reimbursable Advisory Services) | กค. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแก้ไขสัญญาประธานในการจ้างธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย (Amendments
to the Framework Agreement for Reimbursable Advisory Services)
ว่า ไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม
เนื่องจากในทางปฏิบัติเป็นที่ยอมรับกันระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารโลก เห็นชอบร่างสัญญาประธานในการจ้างธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย
ฉบับแก้ไข และอนุมัติให้ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังลงนามในร่างสัญญาประธานในการจ้างธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย
ฉบับแก้ไข ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงร่างสัญญาประธานในการจ้างธนาคารโลกเป็นที่ปรึกษาแบบมีค่าใช้จ่าย
ฉบับแก้ไข
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3475 | การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ | นร. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ
และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว นั้น เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้ได้ข้อสรุปเป็นที่ยุติโดยเร็ว
จึงขอให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการดำเนินการตามมติดังกล่าวให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน
๓ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3476 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 | ทส. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในมาตรา
๗๓ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕
ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3477 | ขอขยายระยะเวลาในการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติรักษาคลองประปา พ.ศ. 2526) | มท. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค
พ.ศ. ๒๕๒๒ และพระราชบัญญัติรักษาคลองประปา พ.ศ. ๒๕๒๖ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ รวม ๘ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. พระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๒๒
จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การกำหนดบริเวณที่ดินที่เดินท่อน้ำและติดตั้งอุปกรณ์ ๑.๒
ร่างข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาค ว่าด้วยค่าทดแทนและการวินิจฉัยข้อพิพาท ๒. พระราชบัญญัติรักษาคลองประปา พ.ศ. ๒๕๒๖ จำนวน ๖
ฉบับ ดังนี้ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดบริเวณและเขตคลองประปาและบริเวณคลองรับน้ำในเขตการประปาส่วนภูมิภาค
ตามพระราชบัญญัติรักษาคลองประปา พ.ศ. ๒๕๒๖ ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เขตหวงห้ามในเขตการประปาส่วนภูมิภาค ๒.๓
ร่างข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาค ว่าด้วยหลักเกณฑ์
วิธีการการขออนุญาตใช้น้ำดิบจากคลองประปา และอัตราค่าน้ำดิบ ๒.๔
ร่างข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาค ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการขุดขยายคลองประปา
คลองรับน้ำ คลองขังน้ำ โดยเอกชนดำเนินการเอง ๒.๕. ร่างข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาค
ว่าด้วยหลักเกณฑ์
เงื่อนไขและวิธีการสร้างทำนบหรือปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างในเขตคลองประปา คลองรับน้ำ
คลองส่งน้ำ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3478 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 | กสทช. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
มาตรา ๕๗ วรรคสอง และมาตรา ๖๖ วรรคสาม ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗
พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3479 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | รง. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ออกไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ จำนวน ๑๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ดังนี้ ๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดประเภทงานที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการจ้างคนต่างด้าว ๒. ร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการกำหนดค่าธรรมเนียมการจ้างคนต่างด้าว ๓. ร่างระเบียบกรมการจัดหางานเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการแจ้งย้ายสำนักงานหรือตั้งสำนักงานชั่วคราวและการแจ้งเปลี่ยนผู้จัดการของผู้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ ๔. ร่างระเบียบกรมการจัดหางานเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศตามบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ ๕.
ร่างระเบียบกรมการจัดหางานเกี่ยวกับการแจ้งและการรับแจ้งการดำเนินการให้คนต่างด้าวทำงานกับนายจ้างรายใหม่
และการจัดส่งคนต่างด้าวกลับประเทศต้นทาง
ของผู้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ ตามมาตรา
๕๐ ๖. ร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินของกองทุนเพื่อการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อใช้ในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวและการเบิกจ่ายเงินทดรองในการดำเนินการดังกล่าว ๗.
ร่างประกาศกรมการจัดหางานเกี่ยวกับการกำหนดทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของผู้ขออนุญาตประกอบธุรกิจการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศ ๘.
ร่างประกาศกรมการจัดหางานเกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการจัดส่งคนต่างด้าวกลับไปยังประเทศต้นทางของผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศ ๙.
ร่างประกาศกรมการจัดหางานเกี่ยวกับการกำหนดสถานที่ต้องห้ามตั้งสำนักงานของผู้ขออนุญาตประกอบธุรกิจการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศ ๑๐. ร่างประกาศกรมการจัดหางานเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขอรับและการออกใบแทนใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศ ๑๑.
ร่างประกาศกรมการจัดหางานเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอรับใบแทนใบอนุญาตทำงานและการออกใบแทนใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว ๑๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดประเภทงานที่ไม่ให้คนต่างด้าวตามมาตรา
๖๓/๑ ทำหรือทำได้โดยมีเงื่อนไข ๑๓.
ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดประเภทหรือลักษณะงาน เงื่อนไข ท้องที่
และสัญชาติของคนต่างด้าวตามมาตรา ๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3480 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 พ.ศ. .... | ยธ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
พ.ศ. ๒๕๓๔ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว สาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
พ.ศ. ๒๕๓๔ ทั้งฉบับ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น
และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้า
เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนและพึงกำหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง
ตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อ ๑๑ ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่กำหนดให้บุคคลจะถูกจำคุกเพียงเพราะเหตุว่าไม่สามารถปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญามิได้
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป |