ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 171 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 3401 - 3420 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3401 | การรายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศ | นร.05 | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การเดินทางไปราชการต่างประเทศของรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการ/หัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เดินทางไปเจรจาธุรกิจ
ความร่วมมือ ร่วมการประชุม สัมมนา หรือดูงาน ตามแต่กรณี
เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรต้นสังกัด
ตลอดจนเป็นผลดีต่อการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศในภาพรวม
เมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว ในกรณีของรัฐมนตรี
นอกเหนือจากการจัดทำรายงานผลการเดินทางเสนอต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว ขอให้ระบุกิจกรรม
ภารกิจ/ประเด็นต่าง ๆ ที่จะต้องดำเนินการ
และกรอบ/กำหนดเวลาที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเสนอมาพร้อมกันด้วย
เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์ในการกำกับติดตามการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่งรายงานผลการเดินทางและข้อมูลต่าง
ๆ ดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
เพื่อใช้ประโยชน์ในการประสานงานและติดตามการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับกรณีของหัวหน้าส่วนราชการ/หัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เดินทางไปราชการต่างประเทศก็ให้รายงานผลการเดินทางและจัดทำข้อมูลเสนอต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด
พร้อมแจ้งไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์ในทำนองเดียวกันต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3402 | มาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย | กค. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย
มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้จากการใช้จ่ายในประเทศและจากต่างประเทศ
ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม
เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ธุรกิจบริการ สถานบันเทิง โรงแรมที่พัก ผู้ให้บริการขนส่ง
สายการบิน เป็นต้น ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมได้ในระยะเวลาอันสั้นและสร้างงานให้กับประชาชนได้เพิ่มขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่ากรณีการยกเลิกการอนุญาตให้จัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขายสำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้า
รวมถึงการยกเว้นอากรของที่ซื้อจากร้านค้าปลอดอากรสำหรับผู้โดยสารขาเข้า
เพื่อส่งเสริมการบริโภคและการใช้สินค้าภายในประเทศ ควรพิจารณาเงื่อนไขของสินค้าประเภทต่าง
ๆ ในการยกเลิกให้เหมาะสม โดยเน้นการสนับสนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยและสนับสนุนชุมชนเป็นหลัก
เพื่อกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างทั่วถึง และควรมีการประเมินผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบหลังการดำเนินมาตรการ
เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของการดำเนินมาตรการในระยะต่อไป ในการดำเนินการขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัดต่อไป ควรมีการดำเนินการการศึกษาการปรับปรุงโครงสร้างและอัตราภาษีสรรพสามิตฯ
ทั้งระบบให้ครอบคลุมในทุกมิติเพื่อให้สามารถนำผลการศึกษาไปพัฒนาการจัดเก็บภาษีของภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรบูรณาการประเด็นการศึกษามาตรการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3403 | รายงานผลการศึกษาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 (เรื่อง การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ) | นร.10 | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานผลการศึกษาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม
๒๕๖๖ (เรื่อง
การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ) ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ และให้สำนักงาน ก.พ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นว่าในส่วนของการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบราชการ
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนควรพิจารณาให้มีการปรับระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากรภาครัฐที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถและศักยภาพในการปฏิบัติงานที่จะทำให้ภารกิจของหน่วยงานบรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
เพื่อให้การจ่ายค่าตอบแทนสะท้อนถึงผลการปฏิบัติงานที่แท้จริง (Performance Based
Pay) และยังจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบราชการในระยะยาว ควรให้ความสำคัญกับมาตรการหรือแนวทางปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐที่จำเป็นต้องดำเนินการควบคู่กับการปรับอัตราเงินเดือน
โดยให้หน่วยงานจัดทำแผนและดำเนินการตาม Digital Transformation Plan เพื่อยกระดับประสิทธิภาพภาครัฐที่ต้องปรับปรุงกระบวนงานและวิธีการทำงานเพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ทันสมัยด้วยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีดิจิทัล
ควรเร่งเชื่อมโยงและบูรณาการฐานข้อมูลด้านกำลังคนภาครัฐขององค์กรกลางบริหารทรัพยากรบุคคลทุกประเภท
และหน่วยงานหรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์
ทบทวน กำหนดแนวทางการปฏิรูประบบราชการในภาพรวม
หรือจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านกำลังคนและงบประมาณด้านบุคลากรภาครัฐของประเทศได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3404 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
ดังนี้ ๑. การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ๒.
การขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง
การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ที่กำหนดให้รายการรายจ่ายลงทุนที่จะขอผูกพันข้ามปีงบประมาณทุกรายการต้องได้รับจัดสรรงบประมาณแผ่นดินในปีแรกเป็นจำนวนเงินไม่ต่ำกว่าร้อยละ
๒๐ ของวงเงินรายจ่ายส่วนที่เป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้นของรายจ่ายลงทุนนั้น ๆ
โดยไม่รวมวงเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด ๓.
ให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗
ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีไปรับฟังความคิดเห็นให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๗ วรรคสอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3405 | รายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 [เรื่อง สิทธิของมารดาในช่วงระหว่างก่อนและหลังการคลอดบุตร กรณีการบริโภคโฟลิก เอซิด (วิตามิน B9)] | สผผ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ [เรื่อง
สิทธิของมารดาในช่วงระหว่างก่อนและหลังการคลอดบุตร กรณีการบริโภคโฟลิก เอซิด
(วิตามิน B9)] ซึ่งได้มีข้อเสนอแนะ
เช่น (๑) ผลักดันให้จัดทำกฎหมายสิทธิของมารดาในช่วงระหว่างก่อนและหลังการคลอดบุตร และจัดทำคู่มือสิทธิประโยชน์ต่าง
ๆ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการเข้าถึงโฟลิก เอซิด (วิตามิน B9) (๒) ให้หน่วยงานรัฐบูรณาการความร่วมมือรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนทราบถึงประโยชน์ของการบริโภคโฟลิก
เอซิด (วิตามิน B9) ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่หลากหลาย ต่อเนื่อง
และทั่วถึง ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินในเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยให้กระทรวงสาธารณสุขสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3406 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าเช่าที่ดิน EECi อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง | อว. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมวิทยาศาสตร์บริการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าวข้างต้น
จากวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันไว้เดิม จำนวน ๒๒,๙๑๙,๐๐๐ บาท
เป็นจำนวน ๒๙,๔๒๒,๖๐๐ บาท
ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว จำนวน ๔,๕๘๓,๘๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๔,๘๓๘,๘๐๐ บาท
ให้กรมวิทยาศาสตร์บริการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบวงเงินตามสัญญาต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เห็นควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง
ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ
ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้งบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และให้กรมวิทยาศาสตร์บริการปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3407 | ขอความเห็นชอบการร่วมลงนามในปฏิญญาว่าด้วยการเกษตรกรรมยั่งยืน ระบบอาหารที่ยืดหยุ่น และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Declaration on Sustainable Agriculture, Resilient Food Systems, and Climate Action) ในการประชุม COP28 UNFCCC สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | กษ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยการเกษตรกรรมที่ยั่งยืน
ระบบอาหารที่ยืดหยุ่น และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Declaration on Sustainable Agriculture, Resilient Food
Systems, and Climate Action) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างปฏิญญาฯ
โดยร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารที่จะมีการร่วมลงนามรับรองในการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ
ครั้งที่ ๒๘ (COP28 UNFCCC) ในวาระ World Climate
Action วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติที่ตระหนักถึงความสำคัญของระบบเกษตรและอาหาร
การสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมร่วมกัน และการแสดงความมุ่งมั่นในการดำเนินการเพื่อส่งเสริมความยืดหยุ่นของระบบนิเวศและสนับสนุนความพยายามต่าง
ๆ ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับแก้ไขถ้อยคำในร่างปฏิญญาฯ
เพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3408 | การขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการและการจัดทำเอกสารภาคผนวกเพิ่มเติมเพื่อแนบท้ายความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงิน (Financing Agreement) “โครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรปเพิ่มเติมต่อประเทศไทย (ARISE Plus - Thailand) ในสาขาความช่วยเหลือด้านการค้า” | พณ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับใช้เป็นภาคผนวกเพิ่มเติมเพื่อแนบท้ายความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงิน
(Financing Agreement) “โครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรปเพิ่มเติมต่อประเทศไทย
(ARISE Plus-Thailand) ในสาขาความช่วยเหลือด้านการค้า”
และอนุมัติให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือฯ ของฝ่ายไทย รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับใช้เป็นภาคผนวกเพิ่มเติมเพื่อแนบท้ายความตกลงฯ
มีสาระสำคัญเป็นการขอขยายระยะเวลาในการดำเนินการ (Execution Period) ออกไปอีก ๙ เดือน เฉพาะในส่วนของระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ (Implementation
Period) จากเดิม ๔๒ เดือน เป็น ๕๑ เดือน (สิ้นสุดวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน
๒๕๖๙) ซึ่งต้องจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับใช้เป็นภาคผนวกเพิ่มเติมเพื่อแนบท้ายความตกลงให้ความสนับสนุนด้านการเงิน
(Financing Agreement) “โครงการการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรปเพิ่มเติมต่อประเทศไทย
(ARISE Plus-Thailand) ในสาขาความช่วยเหลือด้านการค้า”
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3409 | การเข้าร่วม Climate Club ของประเทศไทย | ทส. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เข้าร่วมเป็นสมาชิก Climate Club ในนามของประเทศไทย
โดยมีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยดำเนินการ และมอบหมายให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้แทนประเทศไทย ลงนามในหนังสือแสดงความสนใจเข้าร่วม (Letter of
Interest) เป็นสมาชิก Climate Club โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขหนังสือแสดงความสนใจเข้าร่วมหรือการดำเนินการใดในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิก Climate
Club หากเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี
ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย
รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3410 | ขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อให้ความช่วยเหลือและอพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในรัฐอิสราเอล | กต. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓๕๒,๑๕๙,๔๓๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือและอพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในรัฐอิสราเอล
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3411 | โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2566/67 | พณ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกปีการผลิต
๒๕๖๖/๖๗ และอนุมัติกรอบวงเงิน จำนวน ๗๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โดยให้ใช้จ่ายจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในโอกาสแรกก่อน
หากไม่เพียงพอให้กระทรวงพาณิชย์
โดยกรมการค้าภายในเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นควรติดตามและกำกับดูแลให้ผู้ประกอบการค้าข้าวดำเนินการรับซื้อและเก็บสต็อกข้าวให้เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ
อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวและรายได้ของเกษตรกรชาวนาในช่วงสงกรานต์ดังกล่าวจากการดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในปีการผลิต
๒๕๖๖/๖๗ และการขอรับชดเชยดอกเบี้ยสำหรับสัญญาเงินกู้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ควรกำหนดว่าเป็นการชดเชยสำหรับสัญญาเงินกู้ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อข้าวเท่านั้น
และควรมีการตรวจสอบคุณภาพสต็อกข้าวเป็นประจำตลอดระยะเวลาที่เก็บรักษา ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในการจัดทำมาตรการ/โครงการเพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและภาคเกษตรต่อจากนี้ไป
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินมาตรการ/โครงการในลักษณะที่เป็นการสนับสนุนการเพิ่มระดับผลิตภาพ
(Productivity) ของภาคการเกษตร การพัฒนาภาคเกษตรตลอดห่วงโซ่อุปทานหรือเป็นการยกระดับกระบวนการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตร
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ (เรื่อง
การจัดทำมาตรการ/โครงการเพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือเกษตรกร) อย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3412 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.09 | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบร่างพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ
และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง
รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ
และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “เงินเดือน”
และปรับเงื่อนไขการจ่ายเงินเดือนของข้าราชการและเงินประจำตำแหน่งประจำเดือนของข้าราชการ
หรือผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ โดยสามารถแบ่งจ่ายเป็น ๒ รอบ
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่ข้าราชการ
รวมทั้งเป็นการเพิ่มอัตราเงินหมุนเวียนซึ่งจะช่วยเศรษฐกิจของประเทศ
อีกทั้งเพื่อให้การเบิกจ่ายเงินเดือนของข้าราชการมีความคล่องตัว รวดเร็ว
และสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงการคลังตรวจสอบกฎและระเบียบที่มีบทบัญญัติกำหนดวันจ่ายเงินเดือนหรือเงินอื่นที่มีกำหนดจ่ายในลักษณะเดียวกับเงินเดือน
และดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในเรื่องนี้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3413 | การสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวของประเทศ | นร. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว
(Visa Free) สำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีน
เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ
ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นั้น ปัจจุบันปัญหาข่าวปลอม (Fake News) รวมถึงปัญหาการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์โดยใช้เบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ได้รับการลงทะเบียนยืนยันตัวตนทวีความรุนแรงมากขึ้นและลุกลามไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวด้วย
ซึ่งอาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมีความกังวลในเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยและส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยในภาพรวม
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วและสามารถสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยได้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3414 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด | ยธ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด
ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3415 | การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทยและมาเลเซีย | นร. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการพบหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ณ ที่ทำการด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่
จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เพื่อต่อยอดและติดตามความคืบหน้าในประเด็นความร่วมมือทวิภาคีต่าง
ๆ ที่ได้หารือร่วมกันเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยในด้านการท่องเที่ยว
ประเทศไทยได้ยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าว
ซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (แบบ ตม.๖) ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา
จังหวัดสงขลา ให้แก่นักท่องเที่ยวสัญชาติมาเลเซียเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๑
พฤศจิกายน ๒๕๖๖-๓๐ เมษายน ๒๕๖๗ ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียเดินทางข้ามแดนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมากและถือเป็นชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมากที่สุดในบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด
ทางรัฐบาลมาเลเซียจึงมีความประสงค์จะให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศมาเลเซียให้มากยิ่งขึ้นในลักษณะต่างตอบแทนกันด้วย
ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศมาเลเซียเพิ่มมากขึ้นและรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3416 | การผลักดันและเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล | นร. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ว่า
รัฐบาลจะนำเอาเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลมาใช้อย่างเต็มรูปแบบเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน
และจำเป็นต้องมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลเพื่อให้เป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างสมบูรณ์
นั้น จึงขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งขับเคลื่อน “นโยบาย Go Cloud First” ที่เน้นการบูรณาการเทคโนโลยี
Cloud กับการดำเนินงานของภาครัฐ ให้เกิดผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว
โดยให้นำเรื่องนี้เสนอต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณา และนำผลการพิจารณาดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
เพื่อจะได้ดำเนินการผลักดันให้ทุกภาคส่วนเข้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลผ่านความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชน
เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานของภาครัฐให้รวดเร็วและเท่าทันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3417 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน | นร. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่กำลังจะมาถึง ขอให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐเร่งพิจารณากำหนดแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่เห็นสมควรดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน
โดยแผนงาน/โครงการดังกล่าวต้องสามารถดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมได้ทันในช่วงเทศกาลปีใหม่
ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
รวมทั้งสร้างความสุขและขวัญกำลังใจให้ประชาชนคนไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย ทั้งนี้
ให้นำเสนอแผนงาน/โครงการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วภายในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๖
เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในภาพรวมก่อนดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3418 | การสร้างเสริมความรู้ความสามารถทางการใช้ภาษาอังกฤษของไทย | นร. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากผลการจัดอันดับความสามารถทางการใช้ภาษาอังกฤษของสถาบัน
EF Education First (EF English Proficiency Index : EF EPI) ประจำปี ๒๕๖๖
ซึ่งเป็นการวัดคะแนนความสามารถทางการใช้ภาษาอังกฤษของผู้ใหญ่ จำนวน ๒.๒ ล้านคน จาก
๑๑๓ ประเทศทั่วโลก พบว่า
ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำมาก โดยอยู่ในอันดับ ๑๐๑
จากการจัดอันดับ ๑๑๓ ประเทศ และเป็นอันดับที่ ๒๑ จาก ๒๓ ประเทศในทวีปเอเชีย
รวมทั้งเป็นลำดับสุดท้ายของทุกประเทศในกลุ่มอาเซียน
ปัญหาการเรียนรู้และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยจึงเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น
เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ
อันจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภาพรวมด้วย
ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งพิจารณากำหนดมาตรการ/โครงการในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในทุกระดับการศึกษา
ทั้งการศึกษาทางตรงและทางอ้อมสำหรับคนไทยทุกกลุ่มเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวและยกระดับความรู้ความสามารถทางการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยในภาพรวมให้ดีขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3419 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๙ คณะ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนแห่งชาติ ๒.
คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ ๓.
คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ๔. คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ๕. คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ๖. คณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ๗. คณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ๘. คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3420 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงพาณิชย์) | พณ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงพาณิชย์
จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ๒. คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง ๓. คณะกรรมการว่าด้วยการให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา
(Duty free Quota Free
Scheme : DFQF) ๔. คณะกรรมการนโยบายอาหาร
|