ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1648 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 32941 - 32960 จากข้อมูลทั้งหมด 123983 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32941 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเจรจาผลประโยชน์ตอบแทนจากการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมการงานกรณีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับบริษัทเอกชนคู่สัญญา กรณีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ | ทก | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเจรจาผลประโยชน์ตอบแทนจากการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมการงานกรณีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับบริษัทเอกชนคู่สัญญา กรณีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินงานในระยะต่อไป ควรพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการภายใต้กรอบแนวทางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ [เรื่อง การแก้ไขสัญญาสัมปทานของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ตามแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕] โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้บริการ ภาครัฐ การพัฒนาและการแข่งขันเสรีอย่างเป็นธรรมของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในภาพรวม ไปประกอบการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32942 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งนักการข่าวระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายฉัตรพงศ์ ฉัตราคม และนายนพ เฟื่องฟู) | นร | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายฉัตรพงศ์ ฉัตราคม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษาสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๒. นายนพ เฟื่องฟู ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษาสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
32943 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดน่าน | นร | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุดีเปรสชั่น “ไหหม่า” ในหลายพื้นที่ของจังหวัดน่าน ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมอุปกรณ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยชนิดต่าง ๆ จากจังหวัดใกล้เคียง เช่น เรือท้องแบน เป็นต้น เพื่อนำมาใช้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดน่านให้เพียงพอและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงคมนาคมเร่งสำรวจข้อมูลความเสียหายในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น พืชผลทางการเกษตร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและความเสียหายของสะพาน ถนน เป็นต้น เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาหรือพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมควบคุมดูแลในกรณีที่ต้องขนย้ายผู้ต้องขังออกจากเรือนจำในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รอบคอบ และรัดกุมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
32944 | นายกรัฐมนตรีลากิจ (วันที่ 27 มิถุนายน และวันที่ 29 มิถุนายน - วันที่ 1 กรกฎาคม 2554) | นร | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลากิจของนายกรัฐมนตรีในวันที่ ๒๗ มิถุนายน และวันที่ ๒๙ มิถุนายน - วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ส่วนการมอบหมายผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีในระหว่างวันดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๓/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32945 | โครงการมหกรรมลดค่าครองชีพประชาชน | นร | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงบประมาณรับข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการจัดงานโครงการมหกรรมลดค่าครองชีพประชาชน ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๑๖๙,๔๒๐,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงพาณิชย์ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยังไม่สามารถทำความตกลงในรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ กับสำนักงบประมาณให้แล้วเสร็จได้ เนื่องจากการพิจารณาปรับลดวงเงินค่าใช้จ่ายในการจัดงานไปมากทำให้งบประมาณไม่เพียงพอ ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแนวทางว่าจะดำเนินการจัดงานนี้ทั้งในกรุงเทพมหานครและในส่วนภูมิภาคให้ทั่วถึงทุกจังหวัด ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปให้แล้วเสร็จ โดยให้ประสานงานในรายละเอียดกับกระทรวงพาณิชย์โดยด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
32946 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีนายอภัยบูลย์ พวงคำ ฟ้องนายกรัฐมนตรีกับพวกรวม 4 คน โดยคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ต่อศาลปกครองสูงสุดขอให้เพิกถอนหรือเพิ่มเติมกฎ ก.พ. ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย | นร | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงาน ก.พ. แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีคำพิพากษายกฟ้อง กรณีนายอภัยบูลย์ พวงคำ ฟ้องนายกรัฐมนตรีกับพวกรวม ๔ คน โดยคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ต่อศาลปกครองสูงสุดขอให้เพิกถอนหรือเพิ่มเติมกฎ ก.พ. ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
32947 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ครั้งที่ 1/2554 | นร | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (คณะกรรมการ กพอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการ กพอ. เสนอ โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ รวม ๔ เรื่อง สรุปได้ ดังนี้
๑. ความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหามาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียงในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา (มกราคม ๒๕๕๒ - พฤษภาคม ๒๕๕๔) ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๖ ประกอบด้วย ๗ แผนงาน ๗๑ โครงการ การแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา ๖๗ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (คณะกรรมการ ๔ ฝ่าย) เพื่อดำเนินการจัดทำแนวทางและขั้นตอนการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญฯ การแก้ไขปัญหาสุขภาพประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากมลพิษ ปัญหาขาดแคลนน้ำประปา ปัญหาขยะ ปัญหาความไม่มั่นใจเรื่องคุณภาพอากาศ น้ำ และการลดมลพิษ รวมทั้งการเร่งรัดแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมที่เป็นแหล่งมลพิษ อาทิ การกำหนดประเภทอุตสาหกรรม/กิจกรรมที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ การทบทวนนโยบายและมาตรการการส่งเสริมการลงทุนสำหรับอุตสาหกรรม/กิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่มาบตาพุด และการพิจารณาปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการอนุมัติ อนุญาต การลดและขจัดมลพิษ และการสนับสนุนให้มีการออกกฎหมายสำหรับควบคุมสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) จากแหล่งกำเนิดที่ยังไม่มีมาตรฐานควบคุม เป็นต้น และความร่วมมือของภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหามาบตาพุด ประกอบด้วย การจัดทำแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๖ ของภาคเอกชน การจัดสร้างสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศเพิ่มเติมรวม ๔ สถานี และการจัดทำแนวป้องกัน (Protection Strip) ระหว่างอุตสาหกรรมและชุมชน ๒. สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่มาบตาพุด จากการติดตามสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมจากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจาก ๙ สถานี พบสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ๓ ชนิด มีค่าเกินมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศในบางจุดตรวจวัด ส่วนการตรวจวัดคุณภาพน้ำและการแก้ไขปัญหาปนเปื้อนน้ำใต้ดิน ได้แก่ คลองสาธารณะ จำนวน ๓๘ จุด ครอบคลุมคลองสาธารณะ ๑๖ สาย คุณภาพน้ำยังคงอยู่ในระดับเสื่อมโทรม ๓. สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดระยอง - ชลบุรี โดยปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางในพื้นที่ รวม ๑๗ แห่ง ณ วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ คิดเป็นร้อยละ ๗๓.๙๓ ของความจุอ่างเก็บน้ำทั้งหมด ส่วนความก้าวหน้าโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างดำเนินงานรวมทั้งสิ้น ๖ โครงการ รวมปริมาณน้ำต้นทุนที่จะสามารถเพิ่มเข้ามาในระบบได้สูงสุดประมาณ ๒๓๕ - ๒๕๕ ล้าน ลบ.ม./ปี ๔. ความก้าวหน้าการจัดทำแผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร ๖ แนวทาง ได้แก่ พัฒนากิจการที่เป็นมิตรต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการยกระดับคุณภาพการศึกษาเฉพาะทาง การบริการสาธารณสุขเฉพาะโรค และคุณภาพชีวิต การพัฒนาสู่อุตสาหกรรมนิเวศ การพัฒนาขีดความสามารถด้านโครงสร้างพื้นฐานและจัดสรรการใช้ประโยชน์อย่างครบวงจร การวางผังเมืองอย่างมีหลักการและเหตุผลที่ชัดเจน และการบริหารจัดการ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับข้อคิดเห็นและข้อสังเกตของที่ประชุมคณะกรรมการ กพอ. ที่เห็นควรมีแผนงานและงบประมาณที่ชัดเจนในการกำกับดูแลและแก้ไขปัญหา การผลักดันการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการพัฒนาสู่เมืองอุตสาหกรรมนิเวศอย่างสมบูรณ์แบบ การจัดทำฐานข้อมูลกลางด้านสุขภาพจังหวัดระยอง การปรับปรุงแนวทางการจัดสรรรายได้ให้ท้องถิ่น การพิจารณามาตรการชดเชยเพื่อเยียวยาเจ้าของที่ดินที่อยู่ติดโรงงาน การกำหนดพื้นที่ชุมชนในอนาคตที่จะดำรงชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ดี และการคุ้มครองพื้นที่ชายฝั่งทะเล เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงตามความเหมาะสมและนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32948 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2554 (ครั้งที่ 13) | กษ | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.)ครั้งที่ ๘/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๓) เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธาน กนป. เสนอ โดยที่ประชุมได้มีมติ ดังนี้
๑. ให้คงมติ กนป. เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔ และวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔ ที่ให้โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบที่กิโลกรัมละ ๓๖.๒๘ บาท และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลปาล์มน้ำมันที่คุณภาพผลปาล์มน้ำมัน (อัตราน้ำมัน) ไม่ต่ำกว่า ๑๗% ในราคากิโลกรัมละ ๖.๐๐ บาท ณ หน้าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ทั้งนี้ โดยภาครัฐจ่ายเงินชดเชยราคาน้ำมันพืชปาล์มเพื่อการบริโภคในอัตราลิตรละ ๑.๗๙ บาท แก่โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มปริมาณ ๔๐,๐๐๐ ตันต่อเดือน ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ถึง ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ โดยการชดเชยจะครอบคลุมการซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันพืชปาล์มในช่วงเวลาดังกล่าวในปริมาณที่สอดคล้องกันตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด สำหรับราคาจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์ม ยังคงราคาที่ ๔๗.๐๐ บาทต่อลิตร ๒. เพื่อให้มีการรับซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบราคาเดียวที่กิโลกรัมละ ๓๖.๒๘ บาท และราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันที่คุณภาพผลปาล์มน้ำมัน (อัตราน้ำมัน) ไม่ต่ำกว่า ๑๗% ในราคากิโลกรัมละ ๖.๐๐ บาท ณ หน้าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ให้ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑. กระทรวงพาณิชย์ กำกับ ดูแล และตรวจสอบผู้ประกอบการไบโอดีเซลให้มีการซื้อขายตามราคาที่กำหนด พร้อมประสานผู้ผลิตและผู้ค้าน้ำมันให้มีการซื้อขาย B100 ในราคาที่สอดคล้องกับราคาน้ำมันปาล์มดิบ และให้มีการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบจากระบบกรณีที่ผลผลิตมีเกินความต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่ดำเนินการตามมติ กนป. และให้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ กนป. ทราบในการประชุมครั้งต่อไป ๒.๒ กระทรวงพาณิชย์ กำกับ ดูแลให้มีการซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบราคาเดียว และหากพบว่ามีการซื้อขายไม่เป็นไปตามมติ กนป. ให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๒.๓ คณะอนุกรรมการตรวจสอบการดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลนปี ๒๕๕๔ มีหน้าที่ตรวจการการดำเนินการให้เป็นไปตามมติ กนป. ๒.๔ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้ตรวจสอบ กำกับ ดูแล การซื้อขายผลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มดิบให้เป็นไปตามมติ กนป. ตามข้อ ๑ และรายงานผลการดำเนินการให้ กนป. ทราบทุก ๗ วัน ๒.๕ กรณีการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบของโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์จังหวัดชุมพร ให้รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบได้ในราคาหักค่าขนส่งกิโลกรัมละ ๐.๕๐ บาท แต่ทั้งนี้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มจะต้องรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ ๖.๐๐ บาท ตามมติ กนป. ข้อ ๑ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณามาตรการที่ควรดำเนินการหลังสิ้นสุดการดำเนินการตามมติ กนป. ในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ โดยให้เสนอข้อเท็จจริง ประเด็นปัญหา และอุปสรรคที่เกิดขึ้น รวมทั้งให้เร่งรัดการจายเงินชดเชยส่วนต่างของราคาน้ำมันพืชปาล์มกับต้นทุนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำตุ้นทุนการผลิตผลปาล์มน้ำมัน และนำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป และให้ผู้แทนเกษตรกรนำ ข้อมูลต้นทุนการผลิตผลปาล์มน้ำมันมาพิจารณาร่วมกันในการประชุมครั้งต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32949 | การรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย ปี 2553 | กษ | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยปี ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. สำนักงบประมาณอนุมัติให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ใช้เงินงบประมาณของหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว จำนวน ๒๐๘,๐๘๔,๒๗๘ บาท เพื่อจ่ายชำระหนี้แทนสมาชิกที่เสียชีวิตจำนวน ๒ ราย เป็นเงินจำนวน ๑๔๙,๓๖๕ บาท จ่ายชดเชยดอกเบี้ยให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่มีปีบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ แทนสมาชิกที่ประสบอุทกภัยปี ๒๕๕๓ ในปีบัญชีแรก (ปีที่๑) ไปก่อน จำนวน ๔๑,๕๕๙ ราย เป็นเงินจำนวน ๒๐๗,๙๓๔,๙๑๓ บาท หากเงินงบประมาณไม่เพียงพอให้นำไปเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะเสนอของบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยแทนสมาชิกในปีบัญชีถัดไป (ปีที่ ๒) ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับเงินกู้สัญญาใหม่เพื่อฟื้นฟูอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิต รายละไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้ร้อยละ ๓ ต่อปี เป็นเวลาไม่เกิน ๓ ปี กรมส่งเสริมสหกรณ์จะขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในภายหลัง เมื่อมีความชัดเจนของจำนวนเงินกู้ที่สหกรณ์/กลุ่มสหกรณ์ได้จ่ายให้แก่สมาชิกเรียบร้อยแล้ว |
||||||||||||||||||||||||
32950 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม | นร | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพรายงานการรับคำร้องทุกข์ของผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม จำนวน ๔๓ ราย มูลค่าความเสียหายตามคำร้องทุกข์รวมทั้งสิ้น ๖๒๗,๗๒๕,๐๕๙ บาท และได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ทรัพย์สินเสียหายในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ซึ่งมีผลการดำเนินการ สรุปได้ ดังนี้
๑. ออกประกาศกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เรื่อง การให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ทรัพย์สินเสียหายในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งกำหนดขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้ผู้เอาประกันภัยติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อขอรับค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ หากบริษัทประกันภัยปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว ให้ผู้เอาประกันภัยแจ้งกับบริษัทฯ ขอรับเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเสียหายตามประกาศฯ หรือติดต่อมายังกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อประสานงานกับบริษัทฯ ๑.๒ กรณีผู้เอาประกันภัยไม่พอใจกับเงินช่วยเหลือที่ได้รับจากบริษัทฯ และต้องการเรียกร้องให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ ให้ผู้เอาประกันภัยยื่นคำร้องต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเพื่อดำเนินการตามกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ๑.๓ กรณีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทไม่สามารถหาข้อยุติได้ ผู้เอาประกันภัยจะต้องสามารถเลือกได้ว่าจะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ หรือจะฟ้องคดีต่อศาล หากผู้เอาประกันภัยต้องการสนับสนุนค่าใช้จ่าย อาจขอเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ตามระเบียบกองทุนยุติธรรม ๒. แจ้งสิทธิตามขั้นตอนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยที่ยื่นคำร้องทุกข์ จำนวน ๔๓ ราย มีผู้เอาประกันภัยติดต่อเจรจากับบริษัทฯ และได้รับเงินช่วยเหลือจากบริษัทฯ เพื่อขอยุติเรื่อง จำนวน ๔ ราย ๓. แต่งตั้งคณะทำงานไกล่เกลี่ยกรณีผู้เอาประกันภัยที่ทรัพย์สินหายช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๓ ซึ่งคณะทำงานฯ ได้จัดกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท มีผู้เอาประกันภัยประสงค์เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จำนวน ๙ ราย สามารถตกลงยุติข้อพิพาทได้ จำนวน ๒ ราย และไม่สามารถตกลงยุติข้อพิพาทได้ จำนวน ๗ ราย ๔. จัดทำหนังสือถึงผู้เอาประกันภัยที่ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จำนวน ๒๔ ราย เพื่อสอบถามความประสงค์และความคืบหน้าผู้เอาประกันภัยไม่ยืนยันความประสงค์ในการขอรับความช่วยเหลือให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพทราบ ๕. จัดประชุมให้คำปรึกษาแก่สมาคมนายหน้าประกันภัย ซึ่งที่ประชุมได้สรุปขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือ โดยนำข้อพิพาทระหว่างผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีของศาลในรูปคดีผู้บริโภค และให้สมาคมนายหน้าประกันภัยไทยรวบรวมข้อมูลของสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง เพื่อยื่นต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มีผู้ขอรับความช่วยเหลือ จำนวน ๑๕ ราย ๖. การดำเนินการเกี่ยวกับผู้เอาประกันภัยที่ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๑ มีผู้เอาประกันภัยประสงค์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทอีกครั้ง จำนวน ๑๒ ราย และไม่ประสงค์จะไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแล้ว จำนวน ๓๕ ราย ๗. ประสานสภาทนายความเพื่อพิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย การฟ้องร้องดำเนินคดี และเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการในคดีอาญา ในการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำความผิด จำนวน ๙๗ ราย
|
||||||||||||||||||||||||
32951 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การสัมมนาวิชาการนานาชาติด้านการกัดเซาะชายฝั่งทะเล | ทส | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การสัมมนาวิชาการนานาชาติด้านการกัดเซาะชายฝั่งทะเล โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้จัดประชุมสัมมนาวิชาการนานาชาติ เรื่อง การกัดเซาะชายฝั่งทะเลและการเพิ่มขึ้นของน้ำทะเล เมื่อวันที่ ๒๗ - ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้โครงสร้างแข็ง มีรูปแบบโครงสร้างหลายชนิด เช่น รอดักทราย (Groin) กองหินกันคลื่น (Off Shore Break Water) เขื่อนกันคลื่น (Sea Wall) โครงสร้างเหล่านี้ก่อนจะทำการก่อสร้างต้องศึกษาถึงสภาพภูมิประเทศ สภาพทางอุทกศาสตร์ และการเคลื่อนตัวของตะกอนของพื้นที่ รวมทั้งทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (Mathemtical Madel) และแบบจำลองในห้องปฏิบัติการ (Physical Model) เพื่อวิเคราะห์ถึงผลกระทบของโครงสร้างต่อพื้นที่ข้างเคียงและป้องกันการกัดเซาะต่อเนื่องไปยังพื้นที่ข้างเคียงอื่น ๆ ๒. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้โครงสร้างอ่อน เช่น การปลูกป่าชายเลน โดยชนิดของต้นไม้ที่จะนำมาปลูก ควรมีความหลากหลายของชนิดพันธุ์ตามแบบธรรมชาติ และพบว่าแสมจะเป็นไม้เบิกนำที่ดี ๓. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยไม่ใช้โครงสร้าง เช่น การถมทรายชายหาด (Beach Nourishment) เป็นการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ข้างเคียงน้อย โดยแหล่งทรายที่จะนำมาถมชายหาดต้องมีการศึกษาเพื่อไม่ให้มีผลกระทบในเรื่องอื่น รวมทั้งขนาดตะกอนทรายต้องมีขนาดใกล้เคียงกับทรายชายหาดเดิม เพราะถ้าขนาดไม่เท่ากันจะทำให้ตะกอนทรายขนาดเล็กกว่าจะถูกคลื่นและกระแสน้ำพาออกไปได้อย่างรวดเร็ว ๔. แนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยนำปัจจัยทั้งหมดมาประมวลในการพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งอาจจะใช้โครงสร้างแข็ง โครงสร้างอ่อน หรือไม่ใช้โครงสร้าง เช่น การกำหนดระยะถอยร่น การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
32952 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553 เกี่ยวกับโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช | นร | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) รายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ เกี่ยวกับโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยการประกวดแบบลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้มีการประกาศผลการตัดสินรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รอบแรก จำนวน ๑๐ ราย พร้อมทั้งคัดเลือกเหลือ ๕ ราย เพื่อให้จัดทำแบบร่างขั้นสมบูรณ์และหุ่นจำลองของแบบที่ส่งเข้าประกวดในขั้นที่ ๒ และเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ได้มีการประกาศผลการตัดสินผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ๒ ทีมสุดท้าย ได้แก่ นายปิตุพงศ์ เชาวกุล และบริษัท ซุปเปอร์มาชีน สตูดิโอ จำกัด และนายพัชระ วงศ์บุญสิน และบริษัท ภูมิสถาปนิกกรุงเทพ จำกัด ทั้งนี้ จะตัดสินผู้ชนะเลิศในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ จากนั้นจะรายงานผลการประกวดแบบโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมทั้งประมาณการวงเงินค่าก่อสร้างเสนอต่อ กบพร. เพื่อพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32953 | รัฐบาลราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายโยฮันเนิส อันดรีย์ บัวร์ (Mr. Johannes Andries Boer)] | กต | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายโยฮันเนิส อันดรีย์ บัวร์ (Mr. Johannes Andries Boer) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายเทียโค เทโอ วาน เดน เฮาท์ (Mr. Tjaco Theo van den Hout) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32954 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มา ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สผ | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดให้มีการลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งกรณีผู้มีสิทธิไม่สามารถมาใช้สิทธิในวันเลือกตั้งได้ การจัดหีบบัตรลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง และการเคลื่อนย้ายหีบบัตรลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง ๒. ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับบทบัญญัติมาตรา ๙ ที่แก้ไขความในวรรคสองของมาตรา ๘๙ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ ในการควบคุมการปฏิบัติหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดของผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองและสมาชิกซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมิให้มีการกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรานี้ และการจัดสรรเงินสนับสนุนพรรคการเมืองที่ส่งสตรีลงสมัครรับเลือกตั้ง
|
||||||||||||||||||||||||
32955 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วช | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32956 | การรายงานผลการประชุมคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ | กต | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๓ ครั้ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๓ ที่ประชุมได้เน้นความสำคัญของการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างทุกหน่วยราชการ เพื่อดำเนินงานตามแผนงานจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (การส่งเสริมการประสานงานระหว่าง ๓ เสาหลักในประเด็น cross - cutting issues และการส่งเสริมบทบาทภาคประชาสังคม ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม (การพัฒนาความร่วมมืออาเซียนเพื่อรับมือความท้าทายระดับโลกต่าง ๆ เช่น การบริหารจัดการภัยพิบัติ เป็นต้น และการจัดทำหลักสูตรอาเซียนศึกษา) และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (การมีผลบังคับใช้ของความตกลงอาเซียนว่าด้วยการค้าสินค้า หรือ ASEAN Trade in Goods Agreement - ATIGA และการจัดทำ ASEAN Single Window) ๒. การประชุมคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ ที่ประชุมมีมติให้ไทยเป็นเจ้าภาพ ASEAN Maritime Forum ครั้งที่ ๒ ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๔ ให้ใช้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นศูนย์สนับสนุนกิจกรรมการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเหตุการณ์ภัยพิบัติ และเห็นชอบให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการดำเนินการเรื่องแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (Master Plan on ASEAN connectivity) นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้เรื่องอาเซียนในส่วนราชการต่าง ๆ และในสังคมไทยโดยรวม โดยอาจมีหลักสูตรในแต่ละหน่วยราชการเพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องประชาคมอาเซียน เป็นต้น ๓. การประชุมคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างส่วนราชการเพื่อรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้ทุกหน่วยงานมีหน่วยงานเฉพาะสำหรับดูแลงานด้านอาเซียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการประสานงานเกี่ยวกับอาเซียนระหว่างหน่วยงานของไทย และเห็นชอบให้แต่ละหน่วยงานจัดทำแผนการดำเนินงานสู่การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ในส่วนที่แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบ สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รวบรวมและประมวลเป็นแผนการดำเนินงานในระดับประเทศของไทย เพื่อให้ได้เห็น “ภาพใหญ่” ภาพเดียวกัน และร่วมกันผลักดันประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||
32957 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงวัฒนธรรม) (นายอำพัน กิจงาม) | วธ | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอำพัน กิจงาม ให้ดำรงตำแหน่งนักโบราณคดีทรงคุณวุฒิ [ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโบราณคดี (โบราณคดีและพิพิธภัณฑ์)] กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32958 | ความคืบหน้าการดำเนินการโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2554 | กค | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาให้ความเห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เบิกเงินชดเชยสำหรับเงินที่ทดรองจ่ายไปให้รัฐก่อนตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมด้วยดอกเบี้ยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นการดำเนินการที่มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามมาตรา ๑๘๑ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่เนื่องจากโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔ เป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบโครงการและแนวทางการเบิกจ่ายเงินไว้แล้วเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ การพิจารณาในครั้งนี้จึงเป็นเพียงการพิจารณาในรายละเอียดที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้ก่อนยุบสภาเท่านั้น กรณีจึงไม่ขัดต่อมาตรา ๑๘๑ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. เห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. เบิกเงินชดเชยสำหรับเงินที่ทดรองจ่ายไปให้รัฐก่อน เพื่อดำเนินการโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔ ตามจำนวนที่จ่ายจริง พร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR)+๑% ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ธนาคารกรุงไทย จำกัด ธนาคารกสิกรไทย จำกัด และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ๒.๒ เห็นชอบแนวทางการปฏิบัติด้านเอกสารของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้เกษตรผู้เอาประกันภัยได้รับค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอขั้นตอนการจ่ายเงินชดเชยของภาครัฐ และเพื่อความยั่งยืนของระบบการประกันภัยพืชผล และให้กระทรวงมหาดไทย โดยคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประภัยพิบัติอำเภอจัดส่งสำเนาแบบประมวลรวบรวมการช่วยเหลือรายหมู่บ้าน (กษ ๐๒) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯ ให้กับ ธ.ก.ส. ที่ให้บริการในพื้นที่อำเภอนั้นด้วย เพื่อที่ ธ.ก.ส. จะได้จัดส่งให้กับผู้ประกันภัยใช้ประกอบการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมต่อไป และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับปรุงแบบประมวลรวบรวมการช่วยเหลือรายหมู่บ้าน (กษ ๐๒) ให้มีการระบุแปลงเพาะปลูกของเกษตรกร ๒.๓ รับทราบความคืบหน้าการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี โดยสมาคมประกันวินาศภัยได้จัดทำร่างกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยจะอนุมัติกรมธรรม์ดังกล่าวภายในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นแนวทางการปฏิบัติด้านเอกสารของหน่วยงานภาครัฐ และการดำเนินการเพื่อให้ระบบประกันภัยพืชผลเกิดความยั่งยืน โดยเห็นควรสนับสนุนให้บริษัทเอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการ โดยมีการวางระบบการตรวจสอบความเสียหายและเอาประกันให้ชัดเจน มีการเตรียมความพร้อมของบุคลากรที่จะดำเนินการ และเร่งประชาสัมพันธ์โครงการอย่างต่อเนื่องให้ทั่วถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบเป็นระยะ ๆ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32959 | การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท | นร | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท จำนวน ๔,๐๘๑ ครัวเรือน ตามที่เสนอในครั้งนี้ เป็นการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยในสถานการณ์อุทกภัยปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติและกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าวไว้แล้ว เพียงแต่ผู้ประสบภัยกลุ่มนี้มีการสำรวจรายชื่อล่าช้า หรือสำรวจรายชื่อตกหล่น หรือเกิดข้อผิดพลาดทางด้านธุรการ ซึ่งหากไม่มีข้อผิดพลาดดังกล่าวก็ต้องได้รับความช่วยเหลือเช่นเดียวกับผู้ประสบภัยรายอื่นที่ได้รับความช่วยเหลือไปแล้ว ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงสามารถพิจารณาดำเนินการเรื่องนี้ไปได้ ๒. รับทราบตามมติคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ เกี่ยวกับการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ในสถานการณ์อุทกภัยปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๔,๐๘๑ ครัวเรือน ที่จังหวัดส่งเรื่องเพื่อขอรับการช่วยเหลือภายหลังวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๔ เนื่องจากการสำรวจรายชื่อล่าช้า เพราะระยะเวลาประสบอุทกภัยยาวนาน หรือสำรวจรายชื่อตกหล่น หรือเกิดข้อผิดพลาดทางด้านธุรการ รวมจำนวนทั้งสิ้น ๔,๐๘๑ ครัวเรือน ซึ่งอยู่ในกรอบจำนวนครัวเรือนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้แล้ว จำนวนรวม ๑,๐๐๕,๔๗๐ ครัวเรือน และให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปได้ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธาน คชอ. เสนอ ๓. อนุมัติให้ขยายกรอบเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ในสถานการณ์อุทกภัยปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่จังหวัดส่งรายชื่อครัวเรือนให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภายหลังวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔ ออกไปจนถึงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ และให้ ปภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการตรวจสอบผู้มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ คชอ. กำหนด และดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนดต่อไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธาน คชอ. เสนอ ทั้งนี้ ในการดำเนินการช่วยเหลือต้องอยู่ในกรอบวงเงินและหลักเกณฑ์การช่วยเหลือที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว โดยให้งดเว้นการจ่ายเงินช่วยเหลือในระหว่างวันที่ ๒๓ มิถุนายน - ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
|
||||||||||||||||||||||||
32960 | จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และชัยนาท ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ด้านค่าวัสดุซ่อมแซม ที่อยู่อาศัยประจำ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | นร | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ ที่มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานงานกับจังหวัดที่ประสบอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ยังมีความจำเป็นต้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามที่ระเบียบ/กฎหมาย กำหนด แต่วงเงินทดรองราชการไม่เพียงพอ ต้องขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และให้ ปภ. รวบรวมนำเสนอ คชอ. พิจารณาในคราวเดียว และมติที่ประชุม คชอ. ครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ที่เห็นชอบการสนับสนุนงบประมาณเฉพาะค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ด้านค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการฯ สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดชัยนาท รวม ๕๓,๐๘๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๓๑๕,๘๗๒,๓๙๕.๘๓ บาท เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์แนวทางอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร ที่คณะรัฐมนตรีสามารถขออนุมัติใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นได้ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธาน คชอ. เสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ประสานงานกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบรายละเอียดการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ด้านค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดชัยนาท ตามที่ประธาน คชอ. เสนอ หากจำเป็นต้องใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงส่งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งให้ความเห็นชอบก่อน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๑๘๑ (๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง สรุปผลและแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร)
|
.....