ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1648 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 32941 - 32960 จากข้อมูลทั้งหมด 124475 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32941 | ขอส่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 145/2554 ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2554) | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๔๕/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32942 | รายงานการดำเนินงานตามแผนการเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยของโรงพยาบาลที่เสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมใน 9 หัวข้อ | สธ | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินงานตามแผนการเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยของโรงพยาบาลที่เสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมใน ๙ หัวข้อ กรณี : โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การป้องกันสถานที่/ตรวจตรา/ซ่อมเสริมความแข็งแรงของแนวป้องกัน โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าได้เริ่มการป้องกันน้ำท่วมก่อนหน้าประมาณสองเดือน โดยขั้นแรกทำเขื่อนสามด้านรอบโรงพยาบาลสูงประมาณหนึ่งเมตรเพื่อให้สามารถป้องกันน้ำได้ แต่เนื่องจากช่วงนี้มีน้ำขึ้นลงทำให้ทราบว่าเวลาน้ำท่วมเขื่อนที่โรงพยาบาลสร้างไว้มีจุดรั่วที่ใดบ้าง จึงได้เสริมกำแพงกระสอบทรายเป็นระยะมาตลอด และจากการติดตามข้อมูลอย่างละเอียดทำให้โรงพยาบาลคาดการณ์ได้ว่าสภาวการณ์ครั้งนี้ใหญ่กว่าที่คิดและเกิดรวดเร็ว ทำให้ต้องเร่งเสริมเขื่อนให้แข็งแรงและสูงกว่าเดิม โดยขอกำลังเสริมจากทหาร จ้างคนเพิ่มจากคนที่มีอยู่ และขอความร่วมมือขอเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จากเทศบาลมาเสริม ๔ เครื่องรวมกับของที่มีอยู่ ประกอบกับทางโรงพยาบาลได้รับความร่วมมือจาก บริษัท ช การช่าง ที่กำลังทำการก่อสร้างรถไฟฟ้ายกระดับสายสีม่วงมาตั้ง Barrier ปูนตลอดแนวเขื่อนให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการทะลายของเขื่อนเมื่อระดับน้ำสูงขึ้น นอกจากนี้ โรงพยาบาลมีแผนรับสถานการณ์ไว้สามระดับ โดยระดับสูงสุดคือ น้ำท่วมชั้นล่างของโรงพยาบาลทั้งหมดโดยที่โรงพยาบาลยังอยู่ได้ในการดูแลผู้ป่วยที่ไม่ป่วยหนัก ส่วนผู้ป่วยหนักต้องย้ายไปที่โรงพยาบาลคู่ช่วยเหลือ (BUDDY) คือ โรงพยาบาลบำราศนราดูร โดยการย้ายจะเกิดขึ้นก่อนภาวะวิกฤตโดยการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ๒. การสำรองทรัพยากร/เวชภัณฑ์ที่สำคัญจำเป็น/ออกซิเจน/ไฟฟ้า/อาหาร/น้ำดื่ม โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าได้สำรองทรัพยากร อาหาร น้ำดื่ม ประมาณหนึ่งสัปดาห์ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มใช้ได้ ๗ วัน เวชภัณฑ์เพียงพอและยังผลิตเพื่อสนับสนุนให้กระทรวงและโรงพยาบาลอื่นทางภาคกลาง รวมทั้งเช่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากบริษัทเอกชนให้พอที่จะผลิตไฟฟ้าสำหรับหออภิบาลผู้ป่วยหนักรวม หรือ ICU ที่มีอยู่ทั้งหมดของโรงพยาบาล ๓. การบริการในสถานที่/ที่จำเป็น/ย้ายจากชั้น ๑ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้ามีแผนย้ายห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน หรือ ER หอผู้ป่วยชั้นล่างโดยมีการซ้อมไว้ก่อนล่วงหน้า มีการกำหนดผู้รับผิดชอบที่แน่นอน การนัดและจ่ายยาล่วงหน้านานขึ้นจนพ้นภาวะน้ำท่วม ๔. การบริการนอกสถานที่/ประสานความช่วยเหลือ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าได้ให้บริการนอกสถานที่โดยออกหน่วยดูแลผู้ป่วยพิการ โรคเรื้อรัง โดยมีบัญชีรายชื่อ ที่อยู่ และรายละเอียดการมารับยาครั้งสุดท้าย และวัดนัดของแพทย์ สำหรับการรักษาผู้ป่วยนอก หรือ OPD ได้เลือกจุดที่สูงและประชาชนสามารถเดินทางมาได้ ๕. การส่งต่อ/เคลื่อนย้ายผู้ป่วย/ผู้ป่วยหนัก/ผู้ป่วยกึ่งหนัก มีโรงพยาบาล BUDDY ที่เหมาะสม ซึ่งทางโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าได้จัดทีมแพทย์พยาบาลของโรงพยาบาลไปดูแลผู้ป่วยที่ส่งไป ไม่ปล่อยให้เป็นภาระของโรงพยาบาลที่รับผู้ป่วย และมีระบบอำนวยความสะดวกสำหรับเจ้าหน้าที่ ได้แก่ ที่อยู่ อาหาร และยานพาหนะที่รับ - ส่งเจ้าหน้าที่ที่ต้องไปอยู่เวร ๖. เตรียมเส้นทางหลัก/สำรอง และ ๗. เตรียมยานพาหนะ รถ/รถยกสูง หรือเตรียมสถานที่รองรับเฮลิคอปเตอร์ ได้กำหนดเส้นทางสายหลักทางถนนที่ไม่ถูกน้ำท่วมโดยติดต่อประสานรถ GMC ของทหาร กรมพลาธิการไว้ล่วงหน้า และยังมีเส้นทางทางเรือโดยโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าได้เซ็นเอกสารบันทึกข้อตกลงและความเข้าใจ (MOU) กับกรมเจ้าท่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) และเครือข่ายศูนย์วารีในการให้เรือเข้ามาขนถ่ายผู้ป่วยได้ตลอดเวลา สำหรับทางเฮลิคอปเตอร์ได้ประสานกับ สพฉ. สำรวจความเป็นไปได้ในการใช้ลานจอดบนชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล ๘. การจัดตั้งศูนย์อพยพ/ศูนย์ช่วยเหลือ ได้กำหนดศูนย์อพยพและโรงพยาบาลสนามไว้ที่หอประชุมของโรงพยาบาลบำราศนราดูร ส่วนทางจังหวัดได้กำหนดศูนย์อพยพไว้ตามที่ต่าง ๆ ตามอำเภอทุกอำเภอของจังหวัดนนทบุรี ๙. การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม มีทีมแพทย์ฉุกเฉินของโรงพยาบาลและโรงพยาบาลที่ไม่ประสบภัยมาช่วยเหลือ โดยกำหนดแผนการให้ความช่วยเหลือล่วงหน้า
|
||||||||||||||||||||||||
| 32943 | รายงานความเสียหายและการช่วยเหลือสถานศึกษาที่ประสบอุทกภัย | ศธ | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความเสียหายและการช่วยเหลือสถานศึกษาที่ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ได้รับความเสียหาย จำนวน ๒,๒๑๒ แห่ง ประมาณการความเสียหาย จำนวน ๑,๓๙๐,๘๖๕,๒๐๔.๑๐ บาท ๒. กระทรวงศึกษาธิการได้จัดสรรงบประมาณให้ความช่วยเหลือสถานศึกษาในการจัดซื้อถุงยังชีพ และวัสดุอุปกรณ์ ที่ใช้ในสถานศึกษาและที่พักอาศัย จำนวน ๙๕,๘๓๒,๐๐๐ บาท ๓. กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำแผนปฏิบัติการกู้วิกฤติน้ำท่วมและเตรียมรับมือน้ำท่วมกรุงเทพและปริมณฑล ได้แก่ การขนย้ายคนออกนอกพื้นที่ จัดเรือท้องแบน และเรือทุกประเภท การอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารและจราจร และดูแลผู้ที่จะอพยพออกนอกพื้นที่ ด้านที่พัก การจัดสร้างสะพานทางเดินเพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย การปฐมพยาบาลและการให้การรักษาพยาบาล ด้านอาหาร งบประมาณและค่าใช้จ่าย แผนป้องกันน้ำท่วม จัดตั้งศูนย์อาสา และการฟื้นฟู ทั้งนี้ ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกระทรวงศึกษาธิการ ที่หน่วยงานและสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการในพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๙ ศูนย์ และจัดสรรงบประมาณดำเนินการให้ศูนย์ละจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ศูนย์ของกรุงเทพมหานคร จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมจัดทำมาตรการฟื้นฟูช่วยเหลือเมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32944 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2554) | มท | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔) สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ๓๐ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี เชียงใหม่ ร้อยเอ็ด ลำปาง เลย นครราชสีมา บุรีรัมย์ กำแพงเพชร และจังหวัดตาก รวม ๒๒๓ อำเภอ ๑,๕๓๒ ตำบล ๑,๑๓๐ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๗๘๔,๐๙๗ ครัวเรือน ๒,๓๘๘,๒๘๖ คน โดยพื้นที่ประสบอุทกภัยและมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๖๐ จังหวัด มีผู้เสียชีวิต ๒๖๙ ราย ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างฟื้นฟู จำนวน ๓๐ จังหวัด ๒. การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ๒.๑ รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ขึ้น ณ สนามบินดอนเมือง โดยมี พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ และนายพระนาย สุวรรณรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ฯ โดยการปฏิบัติงานได้มีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการประจำศูนย์ฯ เพื่อรับทราบปัญหาและความต้องการจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบอุทกภัย เพื่อตัดสินใจในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัย ๒.๒ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๔ ได้มีมติอนุมัติในหลักการในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติม) ครั้งที่ ๒ ใน ๓๖ จังหวัด กรอบครัวเรือน จำนวน ๓๓๔,๐๓๙ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๖๗๐,๑๙๕,๐๐๐ บาท โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รวบรวมรายชื่อส่งธนาคารออมสินแล้ว จำนวน ๑๙๑,๙๒๑ ครัวเรือน เป็นเงิน ๙๕๙,๖๐๕,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๕๗.๔๕ (ณ วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔)
|
||||||||||||||||||||||||
| 32945 | การเฝ้าระวังอุทกภัยจากฝนตกต่อเนื่องระหว่างวันที่ 10 - 16 ตุลาคม 2554 | วท | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลการเฝ้าระวังอุทกภัยจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การติดตามสถานการณ์อุทกภัยด้วยดาวเทียม ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) โดยผลการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลจากดาวเทียม ปี ๒๕๕๔ สรุปสถานการณ์น้ำท่วมขังในช่วง ๗ วัน ตั้งแต่วันที่ ๓ กันยายน ถึง ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ มีน้ำท่วมขังในทุกภาคของประเทศ โดยมีน้ำท่วมขังใน ๔๙ จังหวัด รวม ๓๙๑ อำเภอ และ ๒,๖๐๑ ตำบล คิดเป็นพื้นที่น้ำท่วมขังทั้งสิ้นประมาณ ๑๒,๓๖๖,๓๖๖ ไร่ และผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียม ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีพื้นที่ที่น้ำท่วมขังติดต่อกันนานเกิน ๑๕ วัน ทั้งสิ้น ๑๕,๓๒๘,๓๙๘ ไร่ ใน ๔๘ จังหวัด รวม ๔๓๕ อำเภอ และ ๕,๑๙๒ ตำบล การคาดการณ์พื้นที่ต้องเฝ้าระวัง พบความเสี่ยงที่จะเริ่มเกิดน้ำท่วมขังได้ในช่วงสัปดาห์นี้ มีทั้งสิ้น ๑๔๖ อำเภอ ใน ๓๒ จังหวัด ๒. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลคาดการณ์ปริมาณฝน ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) พบว่าประเทศไทยจะมีฝนตกต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ จะมีฝนเพิ่มขึ้นบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากอาจมีพายุก่อตัวขึ้นในทะเลจีนใต้ ทำให้มีพื้นที่เฝ้าระวังอุทกภัย โดยพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ เนื่องจากมีสถานการณ์อุทกภัยอยู่เดิม และจะมีฝนตกเพิ่มในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ ตาก เลย ขอนแก่น นครราชสีมา ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี นครปฐม นนทบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา และพื้นที่เฝ้าระวัง เนื่องจากจะมีฝนตกหนักในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จังหวัดนครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี มหาสารคาม กาญจนบุรี กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ราชบุรี ชลบุรี ระยอง สระแก้ว จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา สตูล ยะลา และจังหวัดนราธิวาส
|
||||||||||||||||||||||||
| 32946 | การแต่งตั้งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 18 | รง | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอาทิตย์ อิสโม ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ ๑๘ แทนนางอัมพร นิติสิริ ที่พ้นจากตำแหน่งการเป็นกรรมการผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรมการดังกล่าว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป และมีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่แทน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32947 | การลาหยุดโดยไม่ถือเป็นวันลาในช่วงวิกฤตอุทกภัย | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐที่มีที่อยู่อาศัยประสบอุทกภัย หรือไม่สามารถเดินทางมาปฏิบัติงานได้อันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัย ลาในช่วงที่ยังเกิดอุทกภัยได้โดยไม่ถือเป็นวันลา ตามนัยระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ ทั้งนี้ ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้ลาได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||
| 32948 | การแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย โดยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณากำหนดแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งระบบที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย โดยให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยแล้ว และพื้นที่ที่ยังไม่เกิดความเสียหายด้วย ๒. แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย จำนวน ๓ คณะ โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานงานและดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวเสนอนายกรัฐมนตรีลงนามต่อไป ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของคณะกรรมการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณที่ปรับลด และจะนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕) โดยคณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วย ๒.๑ คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในด้านโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคและสาธารณูปการต่าง ๆ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอแนะมาตรการและกำหนดแนวทางในการช่วยเหลือ ฟื้นฟูความเสียหาย รวมทั้งกำกับ ติดตามการดำเนินงานให้บรรลุผลในด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เช่น ก่อสร้างถนน โรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ราชการ โบราณสถาน ที่อยู่อาศัย เป็นต้น ๒.๒ คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในด้านเศรษฐกิจ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ในการประเมินสถานการณ์ วิเคราะห์ผลกระทบ เสนอแนะมาตรการ และกำหนดแนวทางในการช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาความเสียหาย รวมทั้งกำกับ ติดตามการดำเนินงานให้บรรลุผลในด้านเศรษฐกิจให้แก่ภาคธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงภาคเกษตรกรรมที่ประสบอุทกภัย โดยอาจมีมาตรการต่าง ๆ เช่น มาตรการทางภาษี การฝึกอาชีพให้กับแรงงานในภาคอุตสาหกรรม การให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ เป็นต้น ๒.๓ คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในด้านสังคม โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) เป็นประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอแนะมาตรการและกำหนดแนวทางในการช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยา ความเสียหาย รวมทั้งกำกับ ติดตามการดำเนินงานให้บรรลุผลในด้านสังคมให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เช่น การฝึกอาชีพ การให้ทุนการศึกษา เป็นต้น ๓. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง การติดตามเรื่องสำคัญเร่งด่วน แนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัย และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ) โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งระบายน้ำทั่วทุกพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำท่วมสูงออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด โดยให้ประสานงานร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นั้น ให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) เป็นหน่วยงานดำเนินการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการระดมเรือผลักดันน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็ว เพื่อให้การระบายน้ำสามารถดำเนินการได้ทันก่อนถึงช่วงน้ำทะเลหนุนสูงประมาณกลางเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ นี้
|
||||||||||||||||||||||||
| 32949 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) เมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ซึ่งพิจารณาเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๗ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๑๘ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32950 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 11/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๒. นางพรทิพย์ ปั่นเจริญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๔. นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||||||||
| 32951 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบขัอสังเกตของคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ และผลการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ตามี่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป ดังนี้
๑. ของคณะกรรมาธิการฯ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการประเมินเพื่อปรับระดับเงินเดือนให้สูงขึ้น การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในการทำงาน รวมทั้งเบี้ยเลี้ยงให้แก่ข้าราชการตำรวจ ๒. สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพ ความประพฤติ ความรู้ ความสามารถและผลการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ ซึ่งได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงของระดับ (เต็มขั้น) เพื่อให้ได้รับเงินเดือนในระดับสูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ และกำหนดบัญชีการปรับระดับอัตราเงินเดือนของข้าราชการตำรวจดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ๒.๒ แจ้งเวียนหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อทราบและถือปฏิบัติเกี่ยวกับการปฏิบัติตนและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้อยู่ในหลักธรรมาภิบาลที่ดีสมเป็นข้าราชการของรัฐ ตามแผนการปฏิบัติราชการและคำรับรองการปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒.๓ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล (งบกลาง) เพื่อสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในการทำงาน รวมทั้งเบี้ยเลี้ยงให้แก่ข้าราชการตำรวจ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๗๐๙,๒๕๕,๗๙๐ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
| 32952 | รายงานความคืบหน้าการศึกษาความเหมาะสมของทางเลือกในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง | คค | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการศึกษาความเหมาะสมของทางเลือกในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการศึกษาความเหมาะสมของทางเลือกฯ โดยสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association : IATA) สรุปทางเลือกที่เหมาะสม ๒ ระยะ คือ ๑.๑ ระยะกลาง (ปัจจุบัน - ปี พ.ศ. ๒๕๕๘) IATA เห็นว่าการเปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองให้บริการเที่ยวบินเช่นในปัจจุบันและเร่งการลงทุนในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อให้เพียงพอกับปริมาณการจราจรในอนาคต เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากปริมาณการจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้นและการที่ต้องโอนย้ายเที่ยวบินจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในทันทีเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะจะทำให้เกิดความแออัดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งกระทบต่อความพึงพอใจของสายการบิน การเปิดให้บริการต่อไปของท่าอากาศยานดอนเมืองจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในระยะกลางที่จะช่วยบรรเทาความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจนกว่าการพัฒนาในระยะที่ ๒ จะเสร็จสมบูรณ์ ๑.๒ ระยะยาว (จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๗๓) IATA เห็นว่ากรณีท่าอากาศยานดอนเมืองยกเลิกการบริการเที่ยวบินแบบประจำทั้งหมด พร้อมทั้งพัฒนากิจการเชิงพาณิชย์อื่น ๆ และเร่งการลงทุนเพิ่มเติมในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น ๖๐ - ๖๕ ล้านคน/ปี เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด โดยต้องมีการพัฒนาขีดความสามารถของท่าอากาศสุวรรณภูมิ ในระยะที่ ๓ พร้อมทางวิ่งเส้นที่ ๓ หากไม่มีการพัฒนาดังกล่าวภายในเวลาที่เหมาะสม ทางเลือกนี้จะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดอีกต่อไป ในกรณีดังกล่าวทางเลือกตามข้อ ๑.๑ จะกลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ๒. ผลการประเมินทางเลือกฯ โดย International Civil Aviation Oganization : ICAO เปรียบเทียบกับผลการศึกษาของ IATA สรุปได้ว่า ควรเปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองจนกว่าโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะแล้วเสร็จ ซึ่งไม่ควรเกินปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เนื่องจากการพยากรณ์ปริมาณเที่ยวบินของท่าอากาศยานดอนเมืองจะเท่ากับ ๒๑๙ เที่ยวบิน/วัน ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยของการจัดการ Airspace ๓. สรุปผลการศึกษาทางเลือกฯ โดย IATA และ ICAO สอดคล้องกัน คือ เห็นควรให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบินแห่งเดียวในระยะยาว เพื่อรองรับสายการบินแบบประจำทั้งหมด โดยบทบาทของท่าอากาศยานดอนเมืองยังคงรองรับกิจกรรมการบินแบบไม่ประจำเช่าเหมาลำ กิจกรรมการบินที่เกี่ยวเนื่องและธุรกิจการบินทั่วป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32953 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง | กค | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพด้านการเดินทางต่อไป ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕ ๒. เห็นชอบในหลักการให้รัฐวิสาหกิจที่ดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพด้านการเดินทาง (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย) และรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ (การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย) กู้เงินเพื่อชดเชยการดำเนินการดังกล่าว โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความเหมาะสมของกำลังเงินแผ่นดินต่อไป โดยให้รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องดังกล่าวขอตกลงในรายละเอียดกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษากลไกการชดเชยให้แก่รัฐวิสาหกิจที่ดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนให้ทันเวลาและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อให้การชดเชยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อฐานะการเงินและสภาพคล่องของรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินนโยบายดังกล่าว รวมถึงภาระงบประมาณสำหรับการชดเชยการดำเนินมาตรการในระยะยาว รวมทั้งศึกษาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการดังกล่าว เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง โดยไม่ควรรวมถึงผู้ที่มีรายได้ที่อยู่ในระบบการเสียภาษีเงินได้ ตลอดจนการกำหนดระยะเวลาในการให้บริการลดภาระค่าครองชีพในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม และประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้รับทราบแนวทางปฏิบัติดังกล่าวก่อน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 32954 | การขอปรับปรุงสวัสดิการเงินช่วยเหลือการรักษาพยาบาลสำหรับบิดามารดาของพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 | พน | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ที่มีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปรับปรุงสวัสดิการเงินช่วยเหลือการรักษาพยาบาลสำหรับบิดามารดาของพนักงานที่เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๘ โดยให้ได้รับเช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานก่อนวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ตุลาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า กฟผ. ควรบริหารจัดการลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ควบคุมได้ เช่น ค่าวัสดุที่ใช้ในสำนักงาน ค่าพาหนะ เป็นต้น รวมทั้งมีแนวทางในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจเสริม เพื่อมาชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 32955 | การอนุวัติพิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้าและพิธีสารที่เกี่ยวข้อง และร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรู | พณ | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรู สำหรับการขยายการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย - เปรู ครอบคลุมการเปิดเสรีการค้าสินค้าส่วนที่เหลือ การค้าบริการ และการลงทุน และนำเสนอร่างกรอบการเจรจาฯ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ๑.๒ นำเสนอพิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า และพิธีสารเพิ่มเติมระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า รวม ๒ ฉบับ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้มีการลงนามร่วมกับฝ่ายเปรู และได้มีการลงนามแล้ว เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป ๑.๓ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ ตามข้อ ๑.๒ แล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งฝ่ายเปรูทราบว่าฝ่ายไทยได้ดำเนินการเสร็จสิ้นตามกระบวนการภายในแล้ว เพื่อให้พิธีสารดังกล่าว และพิธีสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งการเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า และพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ ๓ ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งการเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า มีผลใช้บังคับในคราวเดียวกันต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการแก้ไขแนวนโยบายของรัฐบาลที่อ้างอิงในร่างกรอบการเจรจาฯ ให้เป็นปัจจุบัน แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอรัฐสภาต่อไป ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ไปพิจารณาทบทวนบทบาท อำนาจหน้าที่ และความจำเป็นของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๖ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 32956 | เอกสารด้านเศรษฐกิจภายใต้กรอบงานภายในอาเซียนและกรอบอาเซียนกับประเทศ คู่เจรจาที่มีกำหนดดำเนินการให้แล้วเสร็จในวาระการประชุมผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 19 | พณ | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายการข้อสงวนภายใต้ความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน (Reservation List under ASEAN Comprehensive Investment Agreement : ACIA) และแนวทางการเปิดเสรีรายการสงวนชั่วคราว ๓ สาขา ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยเขตการลงทุนอาเซียน (Framework Agreement on the ASEAN Investment Area 1998 : AIA) ๑.๑.๑ เห็นชอบรายการข้อสงวนของไทยภายใต้ความตกลง ACIA จำนวน ๒๕ รายการ และแนวทางการเปิดเสรีรายการข้อสงวนชั่วคราว ๓ สาขา ภายใต้กรอบความตกลง AIA เป็นการเปิดเสรีในส่วนของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่ การเพาะเลี้ยงทูน่าในกระชังน้ำลึก การเพาะเลี้ยงกุ้งมังกร และการเพาะขยายและปรับปรุงพันธุ์พืช (เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่) และนำเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบต่อไป ๑.๑.๒ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งรายการข้อสงวนภายใต้ความตกลง ACIA และแนวทางการเปิดเสรีรายการข้อสงวนชั่วคราว ๓ สาขา ภายใต้กรอบความตกลง AIA ต่อสำนักเลขาธิการอาเซียน ทั้งนี้ ให้แจ้งเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามข้อ ๑.๑.๑ แล้ว ๑.๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารสำหรับความตกลง ACIA และแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อให้ความตกลงดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ๑.๒ พิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมด้านต่าง ๆ ระหว่างรัฐบาลแห่งประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐเกาหลี (Second Protocol to Amend the Agreement on Trade in Goods under the Framework Agreement on Comprehensive Economic Cooperation among the Governments of the Member Countries of the Association of Southeast Asian Nations and the Republic of Korea) ๑.๒.๑ เห็นชอบพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ เป็นการกำหนดวิธีการและเงื่อนไขที่ชัดเจนสำหรับการโอนย้ายสินค้า และการดำเนินการเร่งลดภาษี แบบภาคีฝ่ายเดียว แบบภาคีสองฝ่ายหรือมากกว่าสองฝ่าย และแบบภาคีทุกฝ่าย ๑.๒.๒ นำเสนอพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ ต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป ๑.๒.๓ อนุมัติการลงนามในพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ได้รับมอบหมายอื่น เป็นผู้ลงนามในพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในพิธีสารดังกล่าว ให้ผู้ลงนามใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ จะมีการลงนามเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ แล้ว ๑.๒.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ได้รับมอบหมายอื่น เป็นผู้ลงนามในพิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ ๑.๒.๕ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งประเทศภาคีอื่น ๆ ว่าประเทศไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้พิธีสารฉบับที่สองเพื่อแก้ไขความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ทั้งนี้ ให้แจ้งเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบพิธีสารดังกล่าวแล้ว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์แก้ไขรายการข้อสงวนฯ รายการที่ ๑๙ เนื่องจากยังมีความไม่สอดคล้องกับมาตรา ๑๙ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งกำหนดให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุดได้ไม่เกินอัตราร้อยละ ๔๙ ของเนื้อที่ห้องชุดทั้งหมดในแต่ละอาคารชุดในขณะที่ขอจดทะเบียนอาคารชุดนั้น และสำหรับข้อกำหนดเกี่ยวกับพื้นที่ทั้งหมดที่กำหนดว่าไม่เกิน ๕ ไร่ นั้น ปัจจุบันไม่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายแล้ว เห็นควรดำเนินการแก้ไขให้สอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าวต่อไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอความเห็นเพิ่มเติม แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ก่อนที่จะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเสียก่อน |
||||||||||||||||||||||||
| 32957 | ขอให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมระหว่างประเทศ | วท | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ในฐานะผู้ประสานงานแห่งชาติระหว่างประเทศไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ร่วมกับผู้ประสานงานโครงการแห่งชาติของการประชุมตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม IAEA/RCA Final Progress Assessment Meeting ภายใต้กรอบโครงการภูมิภาค RAS/7/016 “Establishing Benchmark for Assessing the Radiological Impact of Nuclear Power Activities on the Marine Environment in the Asia - Pacific Region” ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ร่วมกับ IAEA โดยให้เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นผู้ลงนามในหนังสือตอบ IAEA ตามร่างหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32958 | รายงานประจำปี 2553 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) | สธ | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เสนอรายงานประจำปี ๒๕๕๓ ของ สวรส. ที่ สวรส. จัดทำขึ้นและได้นำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ สวรส. ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๔ เรียบร้อยแล้ว โดยรายงานดังกล่าว ประกอบด้วย
๑. บทสรุปผลการดำเนินงาน ๒. ภูมิหลังและข้อมูลพื้นฐาน ๓. ผลการปฏิบัติงาน ซึ่งจำแนกได้ดังต่อไปนี้ ๓.๑ การทบทวนและปรับปรุงยุทธศาสตร์สถาบัน ๓.๒ การขับเคลื่อนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ สวรส. ปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ ๓.๓ ผลการดำเนินงานของเครือสถาบัน ๓.๔ ผลการดำเนินงานอื่น ๆ ๔. รายงานทางการเงิน โดยแสดงงบดุล งบรายได้ค่าใช้จ่าย และงบกระแสเงินสด
|
||||||||||||||||||||||||
| 32959 | การประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน | กต | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอว่า โดยที่งานในกรอบของคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio - Cultural Community Council - ASCC) และเจ้าหน้าที่อาวุโสสำหรับคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (Senior Official Committee for the ASCC Council - SOCA) เป็นงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์โดยตรงเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญต่อประเด็นด้านสังคมและความเชื่อมโยงด้านสังคมของอาเซียน ซึ่งนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว มีบัญชา ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักทั้งในระดับหัวหน้าคณะผู้แทนและระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส โดยกระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนการปฏิบัติงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน ๒. ให้หน่วยงานราชการที่ดูแลด้านสังคมและวัฒนธรรมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ [(เรื่อง ผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio - Cultural Community Council - ASCC)] ครั้งที่ ๔ ดำเนินตามมาตรการภายใต้แผนงานการจัดตั้งประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนตามมติคณะรัฐมนตรีฯ โดยมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้ประสานงานหลักและรายงานต่อคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32960 | มอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน เพิ่มเติม | นร | 04/10/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗๕/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เรื่อง มอบหมายรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน เพิ่มเติม ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. จังหวัดเชียงใหม่ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ๒. จังหวัดเพชรบูรณ์ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ๓. จังหวัดพิษณุโลก นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ๔. จังหวัดพิจิตร นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ๕. จังหวัดนครสวรรค์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ ๖. จังหวัดสุพรรณบุรี นายชุมพล ศิลปอาชา ๗. จังหวัดชัยนาท นายธีระ วงศ์สมุทร และนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ๘. จังหวัดอุทัยธานี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ๙. จังหวัดสิงห์บุรี พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ๑๐. จังหวัดอ่างทอง นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ ๑๑. จังหวัดลพบุรี นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล และนายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ ๑๒. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวิทยา บุรณศิริ
|
||||||||||||||||||||||||
.....
