ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1647 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 32921 - 32940 จากข้อมูลทั้งหมด 124475 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32921 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายไพโรจน์ โพธิวงศ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32922 | รายงานผลการพิจารณาความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านที่อยู่อาศัย" | นร | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านที่อยู่อาศัย” ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ รวมทั้งรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นของและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ควรกำหนดนโยบาย การจัดสรรงบประมาณ และการกำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะการออกกฎหมายและวางมาตรการเพื่อสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้นำเรื่องของระบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยเป็นวาระสำคัญในการกำหนดนโยบายของท้องถิ่นและจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ควรกำหนดนโยบายมาตรฐานเฉพาะสำหรับที่อยู่อาศัยและชุมชนในย่านที่อยู่อาศัยดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ มีคุณค่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรม และมีความหมายต่อชุมชนเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำที่เหมาะสมกับสภาพการณ์และบริบทเฉพาะชุมชน และมีความสอดคล้องกับกฎหมายข้อบังคับที่เป็นที่ยอมรับและสามารถปฏิบัติได้ทั้งในระดับท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๓. เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในชนบท ควรมีการส่งเสริมให้ประชาชนสร้างบ้านด้วยบล็อกประสานดินซีเมนต์ แทนบ้านไม้ ส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตเครื่องจักรสำหรับผลิตบล็อกประสานภายในประเทศโดยใช้มาตรฐานการผลิตที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เป็นผู้กำหนด ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มของประชาชนในท้องถิ่นเพื่อผลิตบล็อกประสานดินซีเมนต์โดยผ่านกลไกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริมการจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์บล็อกประสานและรับรองบล็อกประสานเป็นวัสดุก่อสร้างที่อยู่อาศัยเช่นเดียวกับวัสดุก่อสร้างทั่วไป กำหนดนโยบายและส่งเสริมให้ธนาคารของรัฐสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับบ้านชนบทหลังละไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ผ่อนชำระไม่เกินเดือนละ ๘๐๐ บาท (เพื่อไม่ให้ก่อหนี้มากเกินไป) จัดกรอบงบประมาณเพื่อพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยไปสู่โครงการบ้านมั่นคงเพิ่มขึ้น ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำกรอบงบประมาณเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ยากไร้ และผู้ไม่มีรายได้เพียงพอ และส่งเสริมการใช้นวัตกรรมอื่น ๆ ในการก่อสร้างบ้าน นอกเหนือจากบล็อก ประสาน เช่น ไม้ไผ่ ไม้ยางพารา ๔. เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในชุมชนแออัด ควรดำเนินมาตรการป้องกันการบุกรุกสร้างบ้านในพื้นที่สาธารณะด้วยการจัดทำผังเมืองและแสดงขอบเขตที่ชัดเจน และจัดทำประชาคมเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณะ พัฒนา และจัดสรรที่ดินในบริเวณใกล้เคียงที่เหมาะสในการสร้างที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๕. เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างน้อย ควรส่งเสริมการลงทุนที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดให้เหมือนบ้านจัดสรร คือไม่เกินหน่วยละ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและลดการใช้พลังงานในการเดินทางด้วยรถยนต์จากชานเมืองสู่ใจกลางเมือง และควรส่งเสริมการลงทุนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางค่อนข้างน้อยในหัวเมืองภูมิภาคให้เหมือนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล คือ ไม่เกินหลังละ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งอาคารชุดและบ้านจัดสรร
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32923 | การปรับรูปแบบกลไกเจรจาภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน | พณ | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกำกับการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน (ASEAN - China FTA - Joint Committee : ACFTA - JC) ขึ้นแทนที่คณะเจรจาการค้าเสรีอาเซียน - จีน (ASEAN - China Trade Negotiating Committee : ACTNC) โดยมีเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของไทย (อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) และเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของจีน เป็นประธานร่วม ทั้งนี้ เหตุผลในการเปลี่ยนสถานะของคณะเจรจาการค้าเสรีอาเซียน - จีน ไปเป็นคณะกรรมการร่วมกำกับการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน เนื่องจากคณะเจรจาการค้าเสรีอาเซียน - จีน ได้เจรจาจัดทำความตกลงการสินค้า การค้าบริการ และการลงทุนภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีนเสร็จสิ้นแล้ว ประกอบกับปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการกำกับการดำเนินการ (Implementation) ตามความตกลงดังกล่าว จึงเห็นควรปรับเปลี่ยนสถานะของคณะเจรจาการค้าเสรีอาเซียน - จีน ไปเป็นคณะกรรมการร่วมกำกับการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานะปัจจุบัน รวมถึงการพิจารณาจัดทำและปรับปรุงข้อบทต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32924 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2554 | กค | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ และไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ (มกราคม - มีนาคม ๒๕๕๔) ๑.๑ สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า มีมูลค่านำเข้ารวม ๕๕๑.๙๔๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๑๒๐.๗๕๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๒๘.๐๐ ๑.๒ มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า เปรียบเทียบกับมูลค่านำเข้ารวมของสินค้าทุกชนิดในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (๕๔,๑๗๘.๔๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่านำเข้ามีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ ๑.๐๒ ของมูลค่านำเข้ารวม ๑.๓ มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงไตรมาสที่ ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ๑๕ กลุ่มสินค้า ตั้งแต่ร้อยละ ๕.๒๙ ถึง ๘๐.๓๔ ๑.๔ สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอม มูลค่านำเข้า ๙๓.๐๕๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๙.๔๐๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๙.๙๓ ผลไม้ มูลค่านำเข้า ๘๘.๖๕๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๒๒.๗๕๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๓๔.๕๓ และเลนซ์ มูลค่านำเข้า ๖๒.๒๑๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๒๖.๐๐๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๗๑.๘๒ ๑.๕ สินค้าฟุ่มเฟือยในไตรมาสที่ ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ๑๕ กลุ่มสินค้า เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และ ๕ อันดับแรก ที่มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ ดอกไม้ เลนซ์ ไวน์ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ และผลไม้ มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘๐.๓๔, ๗๑.๘๒, ๕๑.๔๖, ๓๙.๗๗ และ ๓๔.๕๓ ตามลำดับ ๒. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๓ (เมษายน - มิถุนายน ๒๕๕๔) ๒.๑ สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า มีมูลค่านำเข้ารวม ๕๔๖.๘๑๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๑๕๖.๘๙๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๔๐.๒๔ ๒.๒ มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า เปรียบเทียบกับมูลค่านำเข้ารวมของสินค้าทุกชนิดในไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (๕๗,๓๔๔.๒๗๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่านำเข้ามีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ ๐.๙๕ ของมูลค่านำเข้ารวม ๒.๓ มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ๑๒ กลุ่มสินค้า ตั้งแต่ร้อยละ ๒๒.๗๓ ถึง ๑๔๓.๘๓ ๒.๔ สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง มูลค่านำเข้า ๙๒.๘๙๘ ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น ๒๓.๔๔๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๓๓.๗๕ นาฬิกาและอุปกรณ์ มูลค่านำเข้า ๗๐.๗๕๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๔๑.๗๓๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๑๔๓.๘๓ และเลนซ์ มูลค่านำเข้า ๖๙.๓๙๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๒๙.๓๓๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๗๓.๒๒ ๒.๕ สินค้าฟุ่มเฟือยในไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ๑๒ กลุ่มสินค้า เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และ ๕ อันดับแรก ที่มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ นาฬิกาและอุปกรณ์ เลนซ์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล ดอกไม้ และแว่นตา มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔๓.๘๓, ๗๓.๒๒, ๗๑.๕๐, ๖๕.๗๗ และ ๖๓.๐๙ ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32925 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเป็นงบประมาณสำหรับอัตรากำลังใหม่ของข้าราชการในปี พ.ศ. 2554 | สธ | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขบรรจุอัตราตั้งใหม่สำหรับนักเรียนทุนรัฐบาล และพยาบาลวิชาชีพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๔,๘๔๖ อัตรา ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ สำหรับตำแหน่งเพิ่มใหม่ของโรงพยาบาลมาบตาพุด จังหวัดระยอง จำนวน ๒๓๘ อัตรา นั้น เห็นควรเริ่มบรรจุในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ภายหลังที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามกระบวนการคัดเลือกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รองรับการบรรจุอัตราตั้งใหม่ดังกล่าวไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐที่เห็นควรให้ความสำคัญในเรื่องของมาตรการและเงื่อนไขในการจูงใจบุคลากรที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ รวมทั้งควรมีการประเมินประสิทธิภาพของมาตรการทั้งหมดในการแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังคน และกำหนดให้มีตัวชี้วัดที่จะสะท้อนประสิทธิภาพของการจัดบริการสุขภาพในแต่ละระดับบริการเพื่อความคุ้มค่าในการลงทุนในระยะต่อไป นอกจากนี้ ควรรายงานคณะรัฐมนตรีทราบประโยชน์ที่ทางราชการได้รับในเรื่องความมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ความคุ้มค่าจากการเพิ่มจำนวนข้าราชการดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 32926 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี | วธ | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๒๖๔,๔๐๐,๐๐๐ บาท ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยให้กรมศิลปากรขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32927 | ค่าใช้จ่ายที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจะนำไปช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาด้านอุทกภัย | นร | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติค่าใช้จ่ายที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจะนำไปช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาด้านอุทกภัย โดยในเบื้องต้นให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้รับอนุมัติให้กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ โดยขอตกลงโอนเปลี่ยนแปลงนำไปใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสมก่อน หากไม่เพียงพอให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน ภายในกรอบวงเงิน ๒,๐๐๐.๐๐๐๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32928 | แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 คำขอเปลี่ยนแปลงโครงการและการโอนและเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายที่เหลือจ่ายตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการบริหารงบประมาณจังหวัดและงบประมาณกลุ่มจังหวัด (ฉบับที่ 2) | นร | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการ ก.น.จ. เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด ๗๖ จังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัด ๗๖ จังหวัด และกลุ่มจังหวัด ๑๘ จังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประกอบด้วย โครงการที่เห็นควรสนับสนุนของจังหวัด ๗๖ จังหวัด จำนวน ๒,๙๗๑ โครงการ วงเงิน ๒๐,๓๐๐,๕๔๑,๐๖๙ บาท และโครงการที่เห็นควรสนับสนุนของกลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด จำนวน ๓๖๔ โครงการ วงเงิน ๗,๓๙๙,๓๗๗,๙๓๗ บาท ทั้งนี้ โครงการที่เห็นควรสนับสนุนดังกล่าวเป็นโครงการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัด/กลุ่มจังหวัด แต่จากข้อจำกัดทางด้านงบประมาณอาจไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณทุกโครงการ ดังนั้น กรณีที่มีการพิจารณาต้นทุนต่อหน่วยของโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วยังมีงบประมาณเหลืออยู่ เห็นควรให้นำโครงการที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมาพิจารณาสนับสนุนเพิ่มเติมตามลำดับความสำคัญ หรือสำรองไว้ในกรณีที่มีการแปรญัตติงบประมาณเพิ่มเติม รวมทั้งให้ใช้คำว่า “สร้างเสริมความจงรักภักดี” แทนค่ำวา “ปกป้องสถาบัน” สำหรับโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ๒. เห็นชอบคำขอเปลี่ยนแปลงโครงการและการโอนและเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายที่เหลือจ่ายตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและของกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ในกรณีการเปลี่ยนแปลงโครงการ การโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่าย และการใช้จ่ายงบประมาณเหลือจ่ายที่มีผลกระทบต่อแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จำนวน ๖๘ โครงการ งบประมาณ ๔๙๐,๖๙๖,๓๕๔ บาท ๓. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการบริหารงบประมาณจังหวัดและงบประมาณกลุ่มจังหวัด (ฉบับที่ ๒) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๓.๑ กรณีที่ ๑ กรณีการเปลี่ยนแปลงโครงการ การโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่าย และการใช้จ่ายงบประมาณเหลือจ่ายที่ไม่มีผลกระทบต่อแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้ากลุ่มจังหวัดนำเสนอคณะกรรมการบริหารจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) หรือคณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.ก.) แล้วแต่กรณี มีอำนาจพิจารณา กลั่นกรอง และให้ความเห็นชอบ เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้ากลุ่มจังหวัดดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และรายงานให้ ก.น.จ. ทราบ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นไตรมาส ๓.๒ กรณีจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัดมีความประสงค์ขอโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายของจังหวัดหรือของกลุ่มจังหวัดที่มีผลกระทบต่อแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้ากลุ่มจังหวัดนำเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจาก ก.บ.จ. หรือ ก.บ.ก. แล้วแต่กรณี และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้ากลุ่มจังหวัดนำเสนอขอความเห็นชอบจากอนุกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (อ.ก.น.จ.) ด้านแผนและด้านงบประมาณในการปรับแผนเมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือหัวหน้ากลุ่มจังหวัดขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ และให้ อ.ก.น.จ. ด้านแผนและงบประมาณรายงานให้ ก.น.จ. ทราบ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นไตรมาส
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32929 | การจัดทำงบประมาณรายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | นร | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๒,๓๓๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยเป็นนโยบายขาดดุล จำนวน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท รายได้สุทธิ จำนวน ๑,๙๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของกระทรวง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น และให้สำนักงบประมาณจัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และเอกสารประกอบงบประมาณ โดยให้ส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงบประมาณทราบโดยตรงก่อนนำไปพิมพ์เป็นร่างพระราชบัญญํติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันอังคารที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่อยู่ในความรับผิดชอบในส่วนที่เป็นภารกิจพื้นฐาน ทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษางานเดิม เพิ่มเป้าหมาย และรายการผูกพันใหม่ และภารกิจยุทธศาสตร์ทั้งค่าใช้จ่ายที่เป็นนโยบายต่อเนื่องและรายการผูกพันใหม่ ในวงเงินงบประมาณร้อยละ ๑๐ เพื่อนำงบประมาณจำนวนดังกล่าวกำหนดเป็นรายการงบกลางสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการพื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยอย่างบูรณาการ ๓. กำหนดแนวทางการปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังนี้ ๓.๑ ให้พิจารณาทบทวนปรับลดรายการที่มีลำดับความสำคัญต่ำ หรือไม่สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาล และไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน ๓.๒ ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ในข้อ ๑.๖ “รายจ่ายลงทุนที่จะขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณทุกรายการต้องได้รับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินในปีแรก เป็นจำนวนเงินไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๒๐ ของวงเงินรายจ่ายส่วนที่เป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้นของรายจ่ายลงทุนนั้น ๆ โดยไม่รวมวงเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด” โดยให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รายการผูกพันงบประมาณใหม่ในวงเงินไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๑๕ ของวงเงินงบประมาณรวมแต่ละรายการ ๓.๓ ให้พิจารณาทบทวนการตั้งงบประมาณรายการผูกพันเดิมให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานจริงและแผนการใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงบประมาณกำหนด ๓.๔ วงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรเพื่อดำเนินการฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาจากอุทกภัยที่เสนอไว้เดิมให้พิจารณาปรับลดได้ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ๓.๕ ไม่ควรปรับลดรายจ่ายประจำขั้นต่ำที่จำเป็นและรายจ่ายตามข้อผูกพันอื่น ยกเว้นเป็นการดำเนินการตามนัยข้อ ๓.๓ ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณจัดทำหนังสือแจ้งเวียนส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ให้ดำเนินการตามข้อ ๒. และ ๓. และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงบประมาณทราบภายในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๓.๐๐ น. หากส่วนราชการดำเนินการล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดให้สำนักงบประมาณพิจารณาปรับปรุงงบประมาณให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีข้างต้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32930 | ขออนุมัติงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2554 ไปพลางก่อนงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของโครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 | กษ | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมวิชาการเกษตรเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน ๒๒๘,๔๖๖,๒๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการเตรียมแผนรองรับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ ทั้งในด้านการประมาณการรายได้และรายจ่ายที่ตั้งไว้ เพื่อให้สามารถดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 32931 | มาตรการภาษีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ | กค | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนในประเทศและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดย ๑.๑.๑ ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้คงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๒๓ ของกำไรสุทธิสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรอบระยะเวลาบัญชี ๒๕๕๕ ที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ลดลงคงจัดเก็บอัตราร้อยละ ๒๐ ของกำไรสุทธิ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ๑.๑.๒ ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๕ ล้านบาท โดยเพิ่มเงื่อนไขให้การได้รับสิทธิประโยชน์โดยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต้องมีรายได้จากการประกอบกิจการขายสินค้าและการให้บริการไม่เกิน ๓๐ ล้านบาทต่อรอบระยะเวลาบัญชี ๑.๑.๓ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เคยนำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ซึ่งได้รับสิทธิเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ ๒๕ ของกำไรสุทธิ จะได้รับการลดอัตราเหลือร้อยละ ๒๓ ของกำไรสุทธิเฉพาะรอบระยะเวลาบัญชี ๒๕๕๕ ที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ และได้รับการลดอัตราเหลือร้อยละ ๒๐ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ๑.๑.๔ ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใน “ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ” โดยให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ ๒๕ ของกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท สำหรับกรอบระยะเวลาบัญชี ๒๕๕๔ ที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๓ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล จากอัตราร้อยละ ๓๐ เหลืออัตราร้อยละ ๒๓ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี ๒๕๕๕ และลดลงเหลืออัตราร้อยละ ๒๐ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี ๒๕๕๖ และลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ๑.๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล จากอัตราร้อยละ ๓๐ เหลืออัตราร้อยละ ๒๓ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี ๒๕๕๕ ๑.๒.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ลดอัตราภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าด้วยการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใน “ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ” โดยให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ ๒๕ ของกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี ๒๕๕๔ ที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับกระทรวงการคลังทบทวนการให้สิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุน เพื่อให้สอดรับกับสภาวการณ์และการให้สิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนของต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อเป็นการดูแลฐานภาษีเงินได้ของประเทศให้สอดคล้องกับการดำเนินการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลครั้งนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32932 | มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | กค | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยกำหนดให้บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้บริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ให้สามารถนำจำนวนเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่บริจาคในระหว่างวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นจากสิทธิการหักรายจ่ายตามปกติอีกเป็นจำนวนร้อยละห้าสิบ จากเดิมกรณีบุคคลธรรมดาสามารถนำเงินที่บริจาคไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เท่าที่บริจาค แต่ไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้สุทธิ และกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่บริจาคไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้เท่าที่บริจาคจริง แต่ไม่เกินร้อยละสองของกำไรสุทธิ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติอื่น ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในระหว่างวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ เป็นจำนวนร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินหรือราคาทรัพย์สินที่บริจาค และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32933 | แต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | ยธ | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙๗/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานกรรมการ ผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ ผู้แทนภาคประชาชน และผู้แทนผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นกรรมการ โดยมีเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นกรรมการและเลขานุการ และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม ๒. ให้คณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่งตั้ง ได้รับค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่ในอัตราเดียวกับคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการและอนุกรรมการในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32934 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2554 | กษ | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์อุทกภัยเนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “นกเตน” ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา ทั่วประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่งผลทำให้เกิดผลกระทบด้านการเกษตรทั้งสิ้นรวม ๖๖ จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๓๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี เลย นครราชสีมา นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครนายก ปราจีนบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา ๒. ผลกระทบด้านการเกษตร มีดังนี้ ๒.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๘๒๑,๔๓๔ ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย ๘,๖๔๒,๓๙๙ ไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๗,๒๗๐,๘๕๙ ไร่ พืชไร่ ๑,๐๒๐,๖๗๐ ไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๓๕๐,๘๗๐ ไร่ ๒.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๘๖,๗๗๐ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๑๒๓,๘๒๔ ไร่ กุ้ง/ปู/หอย ๑๖,๐๒๕ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๑๑๑,๒๘๗ ตารางเมตร ๒.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๕๐,๔๙๒ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น ๙,๙๕๖,๗๒๓ ตัว แบ่งเป็น โค - กระบือ ๒๑๑,๘๓๙ ตัว สุกร ๑๖๗,๘๔๒ ตัว แพะ - แกะ ๑๓,๑๓๐ ตัว สัตว์ปีก ๙,๕๖๓,๙๑๒ ตัว แปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ ๘,๐๔๒.๒๕ ไร่ ๓. การช่วยเหลือด้านการเกษตร ได้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ จำนวน ๑๑ ฉบับ ของกรมชลประทาน และการคาดการณ์การเกิดอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก จำนวน ๒๒ ฉบับ ของกรมพัฒนาที่ดิน สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และรถยนต์บรรทุกน้ำ สนับสนุนพืชอาหารสัตว์และดูแลสุขภาพสัตว์ สำหรับความก้าวหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๔ กรณีพิเศษ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ ได้ส่งเอกสารหลักฐานเพื่อขออนุมัติเงินงวดจากสำนักงบประมาณแล้ว รวมทั้งสิ้น ๒,๑๙๖.๗๒ ล้านบาท เกษตรกร ๗๐,๒๙๙ ราย โดยสำนักงบประมาณได้อนุมัติเงินงวดให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว รวมทั้งสิ้น ๒,๐๗๐.๘๐๓ ล้านบาท เกษตรกร ๖๑,๒๑๖ ราย ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรแล้ว จำนวน ๑,๔๙๗.๔๑ ล้านบาท เกษตรกร ๔๒,๙๐๑ ราย (ข้อมูล ณ วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32935 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่นเป็นกรรมการในคณะกรรมการผังเมือง | มท | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๗ คน และผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง จำนวน ๗ คน เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย ๑.๑ นายสง่า โภคบุตร ข้าราชการบำนาญ กรมโยธาธิการแลผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๑.๒ นายสุธรรม ศิริทิพย์สาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาปนิกสุธรรม จำกัด ๑.๓ หม่อมหลวงปาณสาร หัสดินทร ข้าราชการบำนาญ สำนักนายกรัฐมนตรี ๑.๔ นายสมพล ยุติธรรม ข้าราชการบำนาญ กระทรวงพาณิชย์ ๑.๕ คุณหญิงภัทราภา อิศรเสนา ณ อยุธยา ข้าราชการบำนาญ สำนักราชเลขาธิการ ๑.๖ นายปรีชา รณรงค์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๑.๗ นายจิรายุ ศวิตชาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศวิตชาต จำกัด ๒. ผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่น ประกอบด้วย ๒.๑ นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์ สมาชิกสภาสถาปนิก ๒.๒ นายธีระพันธุ์ ทองประวัติ ข้าราชการบำนาญ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ๒.๓ นายสมศักดิ์ จุฑานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเทค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ๒.๔ นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ๒.๕ นายอดุลย์ ตั้งศัตยาภิรมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สำนักกฎหมาย วี เค แอสโซซิเอท จำกัด ๒.๖ นายกิตติชัย รักตะกนิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่าย บริษัท ล็อกซเลย์ จำกัด (มหาชน) ๒.๗ นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32936 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงคมนาคม) | คค | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายวันชัย ภาคลักษณ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวง ๒. นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวงชนบท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32937 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน | คค | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนาวาอากาศเอก จิรพล เกื้อด้วง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๑๙๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32938 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายอัยยณัฐ ถินอภัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๓๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่น ตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32939 | รายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัยของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ | ทก | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัย ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. สรุปประเด็นสำคัญของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ ๑๐ - ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออกมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ตอนบน มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง และในช่วงเวลา ๑๓ - ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ ร่องมรสุมจะมีกำลังอ่อนลง และเลื่อนไปพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในขณะที่ร่องมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงมีกำลังแรงเช่นเดิมทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไปในระยะนี้ ส่วนทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง ๒.๓ เมตร ๒. สรุปประเด็นสำคัญของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ในช่วงวันที่ ๑๐ - ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน และทางด้านภาคใต้ฝั่งตะวันตก เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงภัยที่อาจเกิดจากฝนตกหนักหรือหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณที่เคยเกิดน้ำท่วมอาจเกิดซ้ำอีก ส่วนพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่มให้เฝ้าระวังบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ที่เคยเกิดมาแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 32940 | การติดตามสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 11/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดเลย ระหว่างวันที่ ๔ - ๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ รวมทั้งได้ตรวจเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม และชุดยาสามัญประจำบ้านและอื่น ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรในพื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดลพบุรี นอกจากนี้ ได้ตรวจเส้นทางถนนสายบ้านสวนกล้วย - ห้วยกระทิง อำเภอเมือง ณ หมู่ที่ ๑ บ้านห้วยกระทิง หมู่ที่ ๒ บ้านห้วยฮ่อม และหมู่ที่ ๔ บ้านกกทอง ตำบลกกทอง อำเภอเมือง ซึ่งเกิดดินถล่มปิดเส้นทางจราจร และติดตามสถานการณ์น้ำ ณ บริเวณสะพานเฉลิมราชย์ ๕๐ ปี อำเภอเมือง จังหวัดเลย เพื่อเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่จะขึ้นสูงสุด ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้ติดตามสถานการณ์น้ำ สภาพน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยสถานการณ์น้ำ ณ บริเวณเขื่อนเจ้าพระยา เวลา ๖.๐๐ น. มีปริมาณเฉลี่ย ๓,๖๒๒.๐ ลบ.เมตร/วินาที และบริเวณอำเภอบางไทร เวลา ๖.๐๐ น. มีปริมาณเฉลี่ย ๓,๙๓๐ ลบ.เมตร/วินาที สำหรับราษฎรผู้ประสบอุทกภัย มีผู้ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ ๕๕ ตำบล ๓๔๐ หมู่บ้าน จำนวน ๔๔,๖๖๔ ราย ๒๑,๓๒๓ ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย ๓๓,๕๑๙ ไร่ แยกเป็นแนวการปลูกพืช ๓๒,๗๕๘ ไร่ และประมง ๗๖๑ ไร่ ราษฎรได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ ๑,๘๓๑ ราย ทั้งนี้ จังหวัดปทุมธานีมุ่งเน้นการจัดการเยียวยาราษฎรผู้ประสบอุทกภัย โดยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ โดยมอบเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน ๑๗,๖๐๖ ครัวเรือน ๆ ละ ๕,๐๐๐ บาท รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านสุขภาพ และการให้กำลังใจอันเป็นการเยียวยาแก่ผู้มีผลกระทบทางจิตใจ ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้ตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ โดยได้เดินทางไปศูนย์อพยพราษฎรที่ประสบภัยน้ำท่วม อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรับฟังสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ได้มอบถุงยังชีพและน้ำดื่มให้ผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งได้เดินทางไปตรวจสถานที่ก่อสร้างแก้มลิง ที่บ้านป่ากุดหวาย อำเภอวารินชำราบ เพื่อเป็นที่รับน้ำ จำนวน ๑,๐๐๐ ไร่ ความจุ ๕.๐ ล้านลูกบาศก์เมตร งบประมาณ ๒๐๐.๐ ล้านบาท เพื่อเสนอเป็นโครงการที่จะดำเนินการปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
