ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1646 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 32901 - 32920 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32901 | รายงานผลการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 100 | รง | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ ๑๐๐ ระหว่างวันที่ ๑ - ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะผู้แทนฝ่ายรัฐบาลและหัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมเต็มคณะ โดยกล่าวชื่นชมรายงานของผู้อำนวยการใหญ่ ILO เรื่อง “ศักราชใหม่แห่งความยุติธรรมทางสังคม (A New Era of Social Justice)” และได้นำเสนอการดำเนินงานของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนโยบายการมีงานทำที่มีคุณภาพ การสร้างความเท่าเทียม ความปรองดองในสังคม และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพ พร้อมกับความก้าวหน้าในการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศมากขึ้น ๒. ที่ประชุมใหญ่ได้ลงมติและรับรองรายงานที่สำคัญ ๆ ได้แก่ การลงมติรับรองอนุสัญญา (Convention) ฉบับที่ ๑๘๙ และข้อแนะ (Recommendation) ฉบับที่ ๒๐๑ ว่าด้วยงานที่มีคุณค่าสำหรับคนทำงานบ้าน การลงมติรับรองแผนงานงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ที่กำหนดงบประมาณรายจ่ายทั้งหมดรวม ๗๔๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ การรับรองรายงานคณะกรรมการอภิปรายเกี่ยวกับวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของความมั่นคงทางสังคม ที่นำเสนอแนวทางในการจัดทำมาตรการด้านความมั่นคงทางสังคม และรายงานคณะกรรมการปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงาน ที่ได้มีการอภิปรายกรณีบางประเทศที่ไม่สามารถปฏิบัติตามอนุสัญญาที่ให้สัตยาบันได้ ๓. นายชีวเวช เวชชาชีวะ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะได้หารือข้อราชการทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการสังคมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานประเทศกาตาร์ในประเด็นการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในประเทศกาตาร์ ซึ่งได้มีการจัดทำร่างข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างประเทศกาตาร์และประเทศไทย ทั้งนี้ ร่างข้อตกลงดังกล่าวผ่านการพิจารณาจากกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว และเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ก็จะสามารดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32902 | ขออนุมัติงบประมาณ 2554 เพื่อสมทบงบบุคลากร เงินเดือน ที่ไม่เพียงพอเบิกจ่าย | ศธ | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๓,๐๓๕,๐๒๐,๐๐๐ บาท ให้แก่กระทรวงศึกษาธิการเพื่อสมทบงบบุคลากร เงินเดือน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ไม่เพียงพอเบิกจ่าย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้สำนักงบประมาณนำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามนัยมาตรา ๑๘๑ (๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง สรุปผลและแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
32903 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคครั้งที่ 17 และการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีการค้าและรัฐมนตรีที่กำกับดูแล SMEs | พณ | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ ๑๗ และการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีการค้าและรัฐมนตรีที่กำกับดูแล SMEs ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองบิ๊กสกาย มลรัฐมอนทานา สหรัฐอเมริกา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ ๑๗ ที่ประชุมได้มีการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดมากขึ้นในภูมิภาค (REI) และร่วมกันกำหนดประเด็นทางการค้าการลงทุนมิติใหม่ของเอเปค (Next Generation Trade and Investment Issues) เพื่อเป็นแนวทางให้เขตเศรษฐกิจเอเปคปฏิบัติบนพื้นที่ฐานของการมุ่งสู่การจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย - แปซิฟิก รวมถึงการส่งเสริมการเจริญเติบโตสีเขียวอันเป็นประเด็นสำคัญที่หลายประเทศให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการดำเนินการเพื่อลดอุปสรรคทางการค้าสินค้าและบริการสิ่งแวดล้อม การต่อสู้ การค้าสินค้าที่ได้จากป่าอย่างผิดกฎหมาย การพิจารณายกเลิกการอุดหนุนพลังงานฟอสซิลที่ไม่มีประสิทธิภาพ และการอำนวยความสะดวกต่อการค้าสินค้าใช้แล้วที่ผ่านกระบวนการผลิตใหม่ (Remanufactured Products) สำหรับท่าทีของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมได้พยายามผลักดันท่าทีในทุกเรื่องของสหรัฐฯ ที่นำเสนอในเวทีการเจรจาต่าง ๆ ทั้งการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระดับทวิภาคี และระดับภูมิภาค เช่น การเจรจา Trans - Pacific Economic Partnership Agreement (TPP) รวมทั้งการเจรจาในกรอบพหุภาคีมาไว้ในความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเปคโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ Green Growth และการประสานด้านกฎระเบียบ เช่น เรื่องสินค้าและบริการสิ่งแวดล้อม สินค้าที่ใช้แล้วที่ผ่านกระบวนการผลิตใหม่ สินค้าและบริการที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง ประเด็นเรื่องการส่งเสริม SMEs เป็นต้น ๒. ผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีการค้าและรัฐมนตรีที่กำกับดูแล SMEs ที่ประชุมมีมติเห็นชอบต่ออุปสรรคทางการค้าที่ SMEs เผชิญในการดำเนินธุรกิจที่เสนอโดยสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วย ๙ สาเหตุหลัก คือ (๑) การขาดแหล่งเงินทุน/ความยากลำบากในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน (๒) การขาดศักยภาพในการหาช่องทางขยายการค้าข้ามพรมแดนและทำธุรกิจข้ามชาติ (๓) ความไม่โปร่งใสของบริบทการค้าสากล (๔) ต้นทุนส่วนเกินซึ่งเกิดจากการขนส่งและโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่อง (๕) ความล่าช้าในการปล่อยของที่ศุลกากรและความซับซ้อนของขั้นตอนพิธีการศุลกากรรวมถึงความซ้ำซ้อนของเอกสารต่าง ๆ (๖) ความสนับสนุนของกฎหมาย กฎระเบียบและข้อบังคับทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง (๗) การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (๘) การขาดกรอบการทำงานทางกฎระเบียบ และความไม่เพียงพอของนโยบายที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน และ (๙) ความยุ่งยากในการใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางภาษี (Preferential tariff rates) และความตกลงทางการค้าต่าง ๆ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันวางแนวทางการแก้ไขปัญหา/อุปสรรคเพื่อเสนอให้ที่ประชุมผู้นำเอเปคพิจารณาระหว่างการประชุมผู้นำเอเปคในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ มลรัฐฮาวาย สหรัฐฯ
|
||||||||||||||||||||||||
32904 | การประชุมคณะรัฐมนตรี (12 กรกฎาคม 2554) | นร | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ อาจเป็นการประชุมนัดสุดท้ายของรัฐบาลนี้ ยกเว้นกรณีมีเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็อาจจะให้มีการประชุมเป็นคราว ๆ ไป และขอขอบคุณรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ให้ความร่วมมือ และร่วมดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ มาด้วยความสำเร็จเรียบร้อยเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ในส่วนของเรื่องต่าง ๆ ของส่วนราชการที่ค้างการดำเนินการและอยู่ในระหว่างขั้นตอนการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องคืนส่วนราชการเจ้าของเรื่องเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32905 | การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศองค์การการประชุมอิสลาม ครั้งที่ 38 | นร | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานการเดินทางไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศองค์การการประชุมอิสลาม ครั้งที่ ๓๘ (The Thirty - Eighth Session of the Council of Foreign Ministers of the Organization of the Islamic Conference : OIC) ระหว่างวันที่ ๒๘ - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ที่กรุงอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน สรุปผลการประชุมได้ว่า เอกสารและรายงานที่นำเสนอต่อที่ประชุม เช่น รายงานสถานการณ์ชนกลุ่มน้อยและชุมชมมุสลิมในประเทศที่ได้รับสถานะผู้สังเกตการณ์เป็นระยะ และข้อมติทั่วไปเรื่องการปกป้องสิทธิของชุมชนและชนกลุ่มน้อยมุสลิมในประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก OIC เป็นต้น ไม่มีประเด็นใดที่ก่อให้เกิดผลในทางลบต่อประเทศไทย อาทิ การออกพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓ การยกเลิกกฎอัยการศึกและการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๙ ในบางพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้ใช้พระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ แทนการจัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นไปตามพันธสัญญาที่ไทยให้ไว้กับประชาคมระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลไทยต้องเร่งดำเนินการคือ เรื่องเกี่ยวกับคดีความที่ยังคั่งค้างและความคืบหน้าในการดำเนินการตามกระบวนยุติธรรม รวมทั้งจะต้องร่วมมือกับ OIC ในเรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนา ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ผ่านกลไกองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมอิสลาม (ISESCO) (คล้ายกับองค์การยูเนสโก) อย่างใกล้ชิดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32906 | การรับชำระหนี้ค่าข้าวจากรัฐบาลรัสเซีย | พณ | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรับชำระหนี้ค่าข้าวจากรัฐบาลรัสเซีย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมคณะได้เดินทางไปยังประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อลงนามในพิธีสารความตกลงการชำระหนี้ค่าข้าวระหว่างไทยกับรัสเซีย ณ กรุงมอสโก โดยพิธีลงนามได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ซึ่งตามพิธีสารฯ สหพันธรัฐรัสเซียจะต้องชำระเงินให้แก่ฝ่ายไทย จำนวน ๓๖,๔๔๑,๗๓๑.๙๘ ดอลลาร์สหรัฐ ภายในวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ๒. กระทรวงพาณิชย์ได้รับแจ้งว่ารัฐบาลรัสเซียได้โอนเงินชำระหนี้ค่าข้าวให้กับประเทศไทยแล้ว จำนวน ๓๖,๔๔๑,๗๓๑.๙๘ ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยได้คำนวณเงินที่ได้รับเป็นเงินบาทและโอนเงินให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเงินสุทธิ จำนวน ๑,๑๐๗,๘๒๘,๕๕๒.๑๙ บาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้รับการโอนเงินดังกล่าวไว้แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
32907 | งบการเงินและรายงานประจำปี 2552 ขององค์การสะพานปลา | กษ | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินองค์การสะพานปลา ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ และรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ขององค์การสะพานปลา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๑ ผลการดำเนินงาน การเปลี่ยนแปลงส่วนของทุน และกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีขององค์การสะพานปลาโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ๒. ผลการดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ขององค์การสะพานปลาในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ องค์การสะพานปลามีรายได้ทั้งสิ้น ๒๖๑,๖๔๖,๘๘๘.๐๗ บาท มีรายจ่ายทั้งสิ้น ๒๖๒,๕๓๓,๐๐๓.๐๙ บาท ขาดทุนสุทธิ ๘๘๖,๑๑๕.๐๒ บาท ๓. องค์การสะพานปลามีผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้แก่ งานให้บริการสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมง งานสินเชื่อการประมง และงานส่งเสริมการประมง ๔. องค์การสะพานปลามีแผนงานและโครงการสำคัญในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้แก่ โครงการพัฒนาสะพานปลากรุงเทพ โดยการพัฒนาสะพานปลากรุงเทพให้เป็นตลาดกลางสัตว์น้ำที่ทันสมัย มีองค์ประกอบที่ครอบคลุมการค้าสัตว์น้ำทั้งค้าส่งและค้าปลีกในรูปแบบที่ทันสมัย ถูกสุขลักษณะ รวมถึงศูนย์แสดงสินค้าสัตว์น้ำแปรรูป ศูนย์เรียนรู้ด้านการประมง และภัตตาคารอาหารทะเล และโครงการพัฒนาการขนถ่ายสัตว์น้ำโดยใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและถูกสุขลักษณะ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำจากเรือประมงซึ่งใช้บริการสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมงขององค์การสะพานปลา
|
||||||||||||||||||||||||
32908 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 12/07/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยภาพรวมจากรายงานข้อค้นพบของส่วนราชการและจังหวัด ไม่พบสิ่งที่เป็นเหตุให้เชื่อว่าการตรวจราชการ การตรวจสอบภายใน การควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง การปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ และรายงานการเงิน ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบ มาตรฐาน และคู่มือการดำเนินงานที่กำหนด และพบว่าส่วนราชการและจังหวัดมีการพัฒนาการดำเนินงานในประเด็นที่ได้สอบทานทั้ง ๕ ด้านดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยมีต้นแบบที่ดีในเรื่องรายงานผลการดำเนินงานด้านการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ๒. เห็นชอบกับข้อเสนอของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการเกี่ยวกับการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการที่ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรายงานผลความก้าวหน้าในการดำเนินการทุก ๖ เดือน ต่อคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ตามที่รับผิดชอบ ๓. รับทราบรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยผลการประเมินตนเองในภาพรวมของคณะกรรมการฯ รายคณะ พบว่าอยู่ในเกณฑ์ระดับดีเยี่ยม
|
||||||||||||||||||||||||
32909 | ความคืบหน้าการจัดทำตารางข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ 8 ของไทยภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน | พณ | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการจัดทำตารางข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการชุดที่ ๘ ของไทยภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศอยู่ระหว่างการจัดทำข้อผูกพันชุดที่ ๘ โดยจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ สัมมนาเวทีสาธารณะ และหารือกลุ่มย่อย (focus group) เพื่อชี้แจงข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจรายสาขาบริการ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนำเสนอขอนโยบายจากคณะอนุกรรมการว่าด้วยการค้าบริการภายใต้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ซึ่งผลจากการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ ภาคเอกชนด้านธุรกิจบริการได้แจ้งข้อกังวลเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการของภาครัฐเพื่อป้องกันการเข้ามาประกอบธุรกิจในไทยของผู้ประกอบการนอกภาคีหรือนอกอาเซียน ซึ่งคณะอนุกรรมการว่าด้วยการค้าบริการภายใต้ กนศ. มีมติให้จัดตั้งคณะทำงานโดยมีประธานคณะผู้แทนการค้าไทยเป็นประธานเพื่อดำเนินการกำหนดมาตรการที่เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ในการพิจารณาสาขาบริการที่จะผูกพันลด/ยกเลิกข้อจำกัดผูกพันเปิดตลาดบริการชุดที่ ๘ มีหลักเกณฑ์เบื้องต้นในการพิจารณาสาขาบริการที่จะต้องเปิดตลาดก่อน คือ
๑. เป็นสาขาบริการที่ไม่มีกฎหมายห้ามต่างชาติเข้ามาลงทุนหรือให้บริการในประเทศไทยเป็นสาขาบริการที่ได้มีการเปิดเสรีไปแล้วในความตกลงการค้าเสรี (FTA) กรอบอื่น ๆ ๒. เป็นสาขาที่ไทยอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาดำเนินการได้ภายใต้การอนุญาตของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ ของกระทรวงพาณิชย์ เช่น สาขาค้าส่งค้าปลีกสินค้าที่ผู้จำหน่ายเป็นผู้ผลิตเอง ๓. สาขาบริการอื่น ๆ ที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุน มีความต้องการด้านเทคโนโลยีและการพัฒนา รวมทั้งสาขาที่สร้างประโยชน์ต่อการค้า และเศรษฐกิจในภาพรวม เช่น สาขาคอมพิวเตอร์
|
||||||||||||||||||||||||
32910 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนเมษายน 2554 | อก | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนเมษายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. อุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ คาดว่าจะชะลอตัวเนื่องจากมีการลดการผลิตรถยนต์ เพราะมีเทศกาลวันหยุดยาวหลายวัน อีกทั้งในปีนี้ยังได้เกิดภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น ส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทย โดยการผลิตรถยนต์ตั้งแต่วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๔ จนถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๕๔ จะปรับลดลงเหลือร้อยละ ๕๐ ทั้งนี้ การเกิดภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น อาจส่งผลกระทบกับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่เนื่องจากมีการใช้ชิ้นส่วนหลักจากญี่ปุ่น ๒. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการแนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าเดือนเมษายน ๒๕๕๔ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๙๕ จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของเครื่องปรับอากาศและเครื่องคอมเพรสเซอร์ ขณะที่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีการปรับตัวลดลงร้อยละ ๗.๔๔ จากการปรับตัวลดลงของ Hard Disk Drive
|
||||||||||||||||||||||||
32911 | รายงานการแก้ไขปัญหาด้านราคาไข่ไก่ และสถานการณ์ปัจจุบัน | พณ | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการแก้ไขปัญหาด้านราคาไข่ไก่ และสถานการณ์ปัจจุบัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีผลการดำเนินการ ดังนี้
๑. ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (ฉบับที่ ๔) โดยปรับราคาขายปลีกไข่ไก่แนะนำลงฟองละ ๐.๑๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ โดยกำหนดราคาจำหน่ายปลีกไข่ไก่ในตลาดสดไม่เกินระดับราคาแนะนำ ดังนี้ ๑.๑ ไข่ไก่เบอร์ ๐ จำหน่ายไม่เกินฟองละ ๓.๗๐ บาท ๑.๒ ไข่ไก่เบอร์ ๑ จำหน่ายไม่เกินฟองละ ๓.๕๐ บาท ๑.๓ ไข่ไก่เบอร์ ๒ จำหน่ายไม่เกินฟองละ ๓.๔๐ บาท ๑.๔ ไข่ไก่เบอร์ ๓ จำหน่ายไม่เกินฟองละ ๓.๓๐ บาท ๑.๕ ไข่ไก่เบอร์ ๔ จำหน่ายไม่เกินฟองละ ๓.๒๐ บาท ๑.๖ ไข่ไก่เบอร์ ๕ จำหน่ายไม่เกินฟองละ ๓.๐๐ บาท ๒. สำหรับราคาไข่ไก่คละที่เกษตรกรขายได้หน้าฟาร์ม เนื่องจากผลผลิตส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ ๖๐ เป็นไข่ไก่ขนาดกลางและเล็ก ซึ่งเป็นผลผลิตของแม่ไก่ไข่ยืนกรงรุ่นใหม่ที่มาจากพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ที่นำเข้าตามมาตรการเปิดนำเข้าพันธุ์ไก่ไข่เสรีเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๓ ทำให้จำหน่ายได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประกาศ (ฉบับที่ ๓ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔) ฟองละ ๒.๙๐ บาท ซึ่งเป็นราคาไข่ไก่คละใหญ่ จึงได้มีการประสานกับองค์กรผู้เลี้ยงไก่ไข่และบริษัทผู้เลี้ยงไก่ไข่รายใหญ่เพื่อขอความร่วมมือปรับลดราคาไข่ไก่ลง ซึ่งได้รับความร่วมมือปรับลดราคาไข่ไก่คละที่เกษตรกรขายได้หน้าฟาร์มในแต่ละขนาด ดังนี้ ๒.๑ ไข่ไก่คละใหญ่ ฟองละ ๒.๘๐ บาท (ร้อยละ ๔๐ ของผลผลิต) ๒.๒ ไข่ไก่คละกลาง ฟองละ ๒.๕๐ - ๒.๖๐ บาท (ร้อยละ ๔๐ ของผลผลิต) ๒.๓ ไข่ไก่คละเล็ก ฟองละ ๒.๒๐ - ๒.๓๐ บาท (ร้อยละ ๒๐ ของผลผลิต)
|
||||||||||||||||||||||||
32912 | ผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 5 | กต | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio - Cultural Community Council - ASCC) ครั้งที่ ๕ ณ กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ ๒๘ - ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบรายงานของคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสสำหรับคณะมนตรีฯ (Senior Offcial Committee for the ASCC Council - SOCA) เกี่ยวกับความคืบหน้าของการดำเนินงานภายใต้กรอบ ASCC ในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน ๒๕๕๔ ๒. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าของระบบการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการของคณะมนตรีฯ (ASCC Blueprint implementation - focused Monitoring System) และเห็นชอบให้องค์กรเฉพาะสาขา (ASCC Sectoral bodies) พิจารณาติดตามการดำเนินการขององค์กรเฉพาะสาขาภายใต้กำกับของคณะมนตรีฯ ๓. ที่ประชุมเห็นชอบให้องค์กรเฉพาะสาขาต่าง ๆ (Sectoral bodies) พิจารณาร่างปฏิญญาฯ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะมนตรีฯ ครั้งที่ ๖ ณ เมือง Samarang อินโดนีเซีย ในเดือนกันยายน ๒๕๕๔ ก่อนการนำเสนอผู้นำในการประชุมสุดยอด ครั้งที่ ๑๙ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ ๔. ที่ประชุมรับทราบสถานะของความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on Disaster Management - AHA Centre) ๕. ที่ประชุมมีมติรับข้อเสนอการจัดตั้งการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านกีฬา (ASEAN Ministerial Meeting on Sports) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านกีฬาและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องด้านกีฬาของอาเซียน ๖. โดยที่ประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศจะต้องร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ประชุมฯ จึงได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นเร่งด่วนภายใต้คณะมนตรีฯ โดยกำหนดประเด็นที่จะเป็นความร่วมมือเร่งด่วนในปีนี้ ๕ ด้าน ได้แก่ ๑) การส่งเสริมความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Issues) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๒) การส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษา (Advancing and Prioritising Education) เพื่อให้มีความก้าวหน้าด้านการศึกษา การพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพและการยกระดับการศึกษาของประชากร รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษากับคู่เจรจาของอาเซียน ๓) การส่งเสริมความร่วมมือและความสามารถในการควบคุมโรคระบาดต่าง ๆ (Capabillity to Control Communication Diseases - HIV/AIDS) ๔) การส่งเสริมความร่วมมือด้านการมีส่วนรร่วมของคนพิการ (Enhancement of the Participation of Persons with Disabilities) และ ๕) การส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมเพื่อนำไปสู่การสร้างประชาคมอาเซียน โดยที่ประชุมฯ รับทราบความคืบหน้าในการยกร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยอัตลักษณ์ร่วมกันด้านวัฒนธรรมของอาเซียนเพื่อความแข็งแกร่งของประชาคมอาเซียน (ASEAN Declaration on a Shared ASEAN Cultural Identity : Towarsd Strengthening the ASEAN Community) ๗. ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้แจ้งที่ประชุมฯ ว่า ไทยสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ โดยเสนอให้ใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นที่ตั้งในการสนับสนุนการปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินในภูมิภาค และเสนอให้มีการแก้ไขข้อความใน ๑๓ วรรคหนึ่งให้เป็นไปตามข้อความเดิมของร่างความตกลงฯ ซึ่งกำหนดให้ AHA Centre มีความสามารถทางกฎหมายตามกฎหมายภายในของรัฐผู้รับ (คือ อินโดนีเซียเท่านั้น) โดย National Focal Point ของไทย ได้มีหนังสือถึงประธานของ ASEAN Committee on Disaster Management - ACDM เพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขข้อความดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
32913 | ผลการเดินทางไปร่วมพิธีลงนามในพิธีสารความตกลงการชำระหนี้ค่าข้าวระหว่างไทยกับรัสเซีย ณ ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย | พณ | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางไปร่วมพิธีลงนามในพิธีสารความตกลงการชำระหนี้ค่าข้าวระหว่างไทยกับรัสเซีย (Protocal to the Agreement between the Government of the Russian Federation and the Government of the Kingdom of Thailand on the settlement of the outstanding debts of the Russian Federation owed to the Kingdom of Thailand dated October 21, 2003) ณ ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤษภาคม - ๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะได้พบหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหพันธรัฐรัสเซียเพื่อลงนามร่วมในพิธีสารความตกลงฯ พร้อมทั้งได้แจ้งต่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหพันธรัฐรัสเซียว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มีนโยบายสนับสนุนให้ภาคเอกชนไทยเข้ามาทำธุรกิจในตลาดรัสเซียมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภคสินค้าของชาวรัสเซีย และเพื่อแสวงหาทรัพยากรและวัตถุดิบที่มีจำนวนมากของรัสเซีย ๒. คณะผู้แทนไทยประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์และกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) (นายคนิสร์ สุคนธมาน) ได้พบปะหารือกับรองกรรมการผู้จัดการ Vnesheconombank (Bank for Development and Foreign Economic) เกี่ยวกับการเตรียมการสำหรับชำระเงินจากรัฐบาลรัสเซียหลังจากการลงนามในพิธีสารฯ ตามที่ระบุในมาตรา ๓ ของร่างพิธีสารฯ ที่กำหนดให้ ธสน.เป็นตัวแทนฝ่ายไทย และ Vnesheconombank เป็นตัวแทนฝ่ายรัสเซียหาข้อสรุปในข้อแก้ไขความตกลงระหว่างธนาคารภายใน ๒๐ วันทำการนับแต่วันที่ได้มีการลงนามในพิธีสารฯ ซึ่งธนาคารทั้งสองได้จัดทำข้อแก้ไขความตกลงระหว่างธนาคาร เพื่อให้รัฐบาลรัสเซียสามารถชำระหนี้แก่รัฐบาลไทยได้ตามข้อตกลงตามพิธีสารฯ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32914 | ขออนุมัติให้มีการโอนภารกิจและงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ประจำปีงบประมาณ 2554 | ทก | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) ตามข้อเสนอของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จำเป็นแก่การดำเนินงาน โดยให้สำนักงบประมาณนำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามนัยมาตรา ๑๘๑(๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการรวบรวมข้อมูลและความเห็นที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งต่อไป ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง สรุปผลและแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ด้วย ๒. ส่วนข้อเสนอที่ขออนุมัติให้มีการโอนภารกิจและงบประมาณของโครงการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังภัยคุกคามการกระทำความผิดด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศ เป็นจำนวนเงิน ๙๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท ไปเป็นของ สพธอ. แทนการจัดจ้างตามสัญญา นั้น รับทราบตามความเห็นของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๔ อนุมัติเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวไว้แล้ว |
||||||||||||||||||||||||
32915 | ผลการพิจารณาข้อเสนอ เรื่อง การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง | รง | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาข้อเสนอ เรื่อง การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ตามที่คณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเสนอ โดยมีผลการพิจารณา ดังนี้
๑. เห็นด้วยกับการกำหนดให้การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวเป็นวาระแห่งชาติ ๒. ให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ลักลอบทำงานได้เข้าสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกต้องโดยการเปิดจดทะเบียนผ่อนผันอีกครั้ง เพื่อให้ทราบข้อมูลและจำนวนชื่อที่อยู่ที่ชัดเจน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและการลักลอบจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ๓. เห็นควรยกระดับฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้มีสถานะเป็นหน่วยงานระดับกรม เพื่อบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ มีความเป็นเอกภาพในการดำเนินงานตั้งแต่การวางแผนการบริหารจัดการ การจัดระบบแรงงานต่างด้าว การจดทะเบียนจัดทำประวัติแรงงานต่างด้าว การอนุญาตการทำงาน การควบคุมการเคลื่อนย้าย การปราบปรามจับกุมดำเนินคดี รวมทั้งการนำเข้าแรงงานต่างด้าวโดยถูกกฎหมาย ๔. เห็นควรปรับปรุงแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๔๔ และ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้ครอบคลุมการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทั้งระบบ รวมทั้งปรับลดคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้เหลือเพียง ๕ คณะ เพื่อให้มีความกระชับ เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน และเพิ่มคณะอนุกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง (กบร.) ในระดับจังหวัดให้สามารถบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวได้สอดคล้องตรงกับความต้องการในพื้นที่ ๕. ไม่ควรตั้งหน่วยงานใด ๆ ขึ้นอีก เนื่องจากมีสำนักงานจัดหางานจังหวัดดำเนินการในการให้บริการแก่แรงงานต่างด้าวและนายจ้างอยู่แล้ว ทั้งในเรื่องการให้โควตา การอนุญาตทำงาน การเคลื่อนย้ายแรงงาน ๖. การประสานความร่วมมือกับประเทศต้นทางเพื่อเร่งรัดการดำเนินการตาม MOU และการพิสูจน์สัญชาติ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ประสานความร่วมมือกับประเทศพม่า ลาว และกัมพูชาอย่างใกล้ชิดและได้รับความร่วมมือจากประเทศต้นทางเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเร่งรัดการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ๗. เห็นด้วยกับข้อเสนอให้ขยายระยะเวลาการจ้างแรงงานต่างด้าวที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติและแรงงานต่างด้าวที่นำเข้าตาม MOU ๓ ปี ต่อได้อีก ๓ ปี ส่วนการกลับไปพักควรเว้นระยะให้ไปพักเพียง ๑ เดือน แล้วให้สามารถกลับเข้ามาทำงานได้ใหม่ ๘. การดำเนินการประชาสัมพันธ์นโยบายและมาตรการเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ และมีการชี้แจงทำความเข้าใจในการจัดประชุมสัมมนานายจ้าง ผู้ประกอบการ ผู้นำชุมชนและประชาชนทั่วไปให้ได้รับทราบนโยบายเพื่อร่วมกันสอดส่องดูการแจ้งเบาะแสแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และมีการออกระเบียบการให้รางวัลสินบนนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแส ๙. ปัจจุบันได้มีการกำหนดประเภทอาชีพของแรงงานต่างด้าวทำได้เพียง ๒ งาน คือ ผู้รับใช้ในบ้าน และงานกรรมกร ส่วนการกำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้แรงงานต่างด้าว นั้น ตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้มีการกำหนดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจ้างแรงงานต่างด้าว (LEVY) ไว้แล้ว ซึ่งจะเรียกเก็บในอัตราที่เหมาะสมต่อไป ๑๐. เห็นด้วยกับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยกระทรวงแรงงานได้มีมาตรการจูงใจให้นายจ้างลดการใช้แรงงานต่างด้าวในส่วนกลางโดยการปรับลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน ซึ่งเดิมจัดเก็บในอัตราเดียวทั่วประเทศ ๑,๘๐๐ บาท/คน/ปี ปรับลดจังหวัดตามแนวชายแดนเหลือ ๙๐๐ บาท/คน/ปี ๑๑. ให้มีการลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือรับผลประโยชน์ในการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ลงโทษนายจ้าง และแรงงานต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งการลงโทษเจ้าของสถานที่หรือผู้ครอบครองอาคารที่อนุญาตให้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าอยู่อาศัยอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด ๑๒. ให้มีการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานแก่แรงงานต่างด้าวในระบบผ่อนผัน และให้ภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนในการแก้ไขปัญหา |
||||||||||||||||||||||||
32916 | รายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (ประจำไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2553) | กค | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ประจำไตรมาสที่ ๓ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ (กรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๓) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. การนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสหภาพพม่า) ประจำไตรมาสที่ ๓ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ มีมูลค่าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษรวม ๑๕๘,๙๕๔ บาท เป็นมูลค่าสินค้าที่ยกเว้นอากรทั้งหมด (ไม่พบมูลค่าสินค้าที่ลดหย่อนอากร) และมีการนำเข้ารวมลดลงจากการเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๓๒,๐๖๓ บาท ๒. การรายงานครั้งนี้จะเป็นการสิ้นสุดรายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางศุลกากร (AISP) เนื่องจากประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราศุลกากรสำหรับของมีถิ่นกำเนิดจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (ฉบับที่ ๔) ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ และปัจจุบันของที่มีถิ่นกำเนิดจากสมาชิกใหม่อาเซียนจะใช้สิทธิพิเศษการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) แทน
|
||||||||||||||||||||||||
32917 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือน | นร | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้สำนักงาน ก.พ. นำเรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ๒. เห็นชอบให้นำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือนกรณีการโอน หรือย้ายข้าราชการภายหลังวันที่ ๑ มีนาคม หรือ ๑ กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ส่วนราชการและจังหวัดคำนวณวงเงินงบประมาณสำหรับการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนในสังกัด ครั้งที่ ๑ (๑ เมษายน) ครั้งที่ ๒ (๑ ตุลาคม) ตามลำดับ ไปใช้แก้ไขปัญหากรณีจังหวัดบึงกาฬที่ไม่สามารถออกคำสั่งเลื่อนเงินเดือนข้าราชการในสังกัดในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ได้ ตามมติ ก.พ. ครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ ทั้งนี้ การดำเนินการต้องเป็นไปตามแนวปฏิบัติปกติทั่วไปของทุกส่วนราชการและจังหวัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
32918 | ร่างระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ และวิธีการในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. .... | กษ | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ และวิธีการในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ๒. กำหนดหลักเกณฑ์ในการสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและกำหนดสัดส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้แทนสหกรณ์การเกษตร ผู้แทนสหกรณ์นิคม ผู้แทนสหกรณ์กรมประมง ผู้แทนชุมนุมสหกรณ์ ผู้แทนกลุ่มเกษตรกร ผู้แทนวิสาหกิจชุมชน ในคณะกรรมการวิสาหกิจชุมชน ผู้แทนเกษตรกรในคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เกษตรกรด้านพืช เกษตรกรด้านสัตว์ และเกษตรกรด้านการประมง ประเภทละ ๑ คน ๓. กำหนดให้หน่วยงานที่กำกับดูแลหรือให้การส่งเสริมเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการคัดสรร และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดสรร ๔. กำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคัดเลือก ๕. กำหนดให้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำประกาศรับสมัคร พร้อมทั้งทำการประชาสัมพันธ์การสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และกำหนดแบบใบสมัครเข้ารับการคัดสรรและคัดเลือกเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. กำหนดให้หน่วยงานระดับจังหวัดของหน่วยงานที่รับผิดชอบคัดสรรเป็นผู้ดำเนินการรับสมัคร แล้วส่งรายชื่อผู้สมัครให้กับหน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการคัดสรร
|
||||||||||||||||||||||||
32919 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนา (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) (สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) (นางสมทรง รุ่งเรืองศิลป์) | นร | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสมทรง รุ่งเรืองศิลป์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนา (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32920 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงคมนาคม) (นายจิตรพงศ์ กฤตยเรืองโรจน์) | คค | 28/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายจิตรพงศ์ กฤตยเรืองโรจน์ ให้ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านควบคุมการก่อสร้าง) วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
.....