ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1649 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 32961 - 32980 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32961 | นายกรัฐมนตรีลากิจ (21 - 23 มิถุนายน 2554) | นร | 20/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง นายกรัฐมนตรีลากิจ ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ ส่วนการมอบหมายผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีในระหว่างวันดังกล่าว จะเป็นไปตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๓/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
ทั้งนี้ เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีข้างต้นมีความคลาดเคลื่อน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ให้ถูกต้อง แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร ๐๕๐๖/ว ๙๙ ลงวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็นว่า “...นายกรัฐมนตรีได้ลากิจระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ ดังนี้ ๑. วันจันทร์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ลาครึ่งวันบ่าย ๒. วันอังคารที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ ลาเต็มวัน ๓. วันพุธที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ ลาครึ่งวันบ่าย ๔. วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ ลาครึ่งวันเช้า ๕. วันศุกร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ ลาครึ่งวันบ่าย
|
|||||||||||||||||||||||||||
32962 | ราคาสินค้าเกษตร | นร | 20/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ปัจจุบันราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดเริ่มมีความผันผวนและส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรและผู้บริโภค จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญชนิดต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนในสัปดาห์หน้า
|
|||||||||||||||||||||||||||
32963 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา รวม 3 ฉบับ | สผ | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา รวม ๓ ฉบับ ซึ่งที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๕ (สมัยสามัญทั่วไป) เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๔ ได้ลงมติเห็นชอบด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ตามกรอบของกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
32964 | รายงานประจำปี 2553 (คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | นร | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานประจำปี ๒๕๕๓ ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) โดยสาระสำคัญของรายงานฯ มีดังนี้
๑. ผลการปฏิบัติงานการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ประกอบด้วย ๑.๑ การกระจายอำนาจด้านภารกิจ และอำนาจหน้าที่ ได้แก่ การถ่ายโอนภารกิจตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยมีภารกิจที่ถ่ายโอนแล้วจำนวน ๕๗ งาน/กิจกรรม/โครงการ การดำเนินการถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาให้แก่ อปท. โดยในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ - ๒๕๕๓ มีการถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษา รวม ๔๗๕ แห่ง การกระจายอำนาจหน้าที่ด้านสาธารณสุขไปสู่ อปท. การทบทวนและจัดทำแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการขยายระยะเวลาการบังคับใช้แผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) ๑.๒ การกระจายอำนาจด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณ ได้แก่ การกำหนดสัดส่วนรายได้ของ อปท. ต่อรายได้สุทธิของรัฐบาล การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรภาษีให้แก่ อปท. การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อสนับสนุนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสำหรับการดำเนินงานตามแผนชุมชนและแผนพัฒนา การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปตามโครงการเงินอุดหนุนสำหรับดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ อปท. ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และการประมาณการรายได้ให้แก่ อปท. ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๓ การถ่ายโอนบุคลากรให้แก่ อปท. ได้แก่ การพิจารณาอัตรากำลังถ่ายโอนให้แก่ อปท. ตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การศึกษารูปแบบการบริหารจัดการที่ดีของสถานสงเคราะห์คนชรา การถ่ายโอนบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขให้แก่ อปท. เป็นต้น ๑.๔ การดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ได้แก่ การจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. รวม ๔ ฉบับ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) จำนวน ๓ ฉบับ การจัดทำประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๒ ฉบับ และการจัดทำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... ๑.๕ การติดตามประเมินผล ได้แก่ การตรวจติดตามสถานศึกษาที่ถ่ายโอนให้แก่ อปท. การติดตามผลการดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับหลังผ่านเกณฑ์ประเมินความพร้อม และถ่ายโอนสถานศึกษาของ อปท. รวมทั้งการติดตามและประเมินผลการกระจายอำนาจ ๒. ผลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ การพัฒนาและฝึกอบรมด้านต่าง ๆ และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
32965 | ความคืบหน้าการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยโรคระบาดสัตว์น้ำ ปี 2553 | กษ | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยโรคระบาดสัตว์น้ำ ปี ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๓,๑๕๗,๕๗๓ บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยโรคระบาดสัตว์น้ำ (หอยแมลงภู่ตายจากการแพร่ขยายของปรสิตหนอนตัวแบน Turbellarian) ของจังหวัดกระบี่และจังหวัดเพชรบุรี จำนวน ๗๓๐ ราย โดยจ่ายผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ๒. โอนเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณให้จังหวัดกระบี่และจังหวัดเพชรบุรีเร่งดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติโดยผ่าน ธ.ก.ส. ทั้งนี้ ในการดำเนินการดังกล่าวได้ใช้งบประมาณเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินตามข้อ ๑ เพื่อนำไปช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
32966 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย | วท | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยมีผลการดำเนินการในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๓ - มีนาคม ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. สนับสนุนนักเรียนห้องเรียนวิทยาศาสตร์ของโครงการ วมว. ไปแล้ว ๓ รุ่น (ปีการศึกษา ๒๕๕๑, ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓) รวม ๑๓ ห้องเรียน ใน ๕ โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ๓ ห้อง โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ๓ ห้อง โรงเรียนดรุณสิกขาลัย ๓ ห้อง โรงเรียน มอ.วิทยานุสรณ์ ๓ ห้อง และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ๑ ห้อง ๒. ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการ วมว. ครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ ได้มีมติเห็นชอบให้คู่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน - โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และคู่มหาวิทยาลัยขอนแก่น - โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ดำเนินการห้องเรียนวิทยาศาสตร์โครงการ วมว. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๓. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้รับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการห้องเรียนวิทยาศาสตร์โครงการ วมว. ทั้งสิ้น ๑๖ ห้อง โดยดำเนินการรับสมัครและคัดเลือกนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาเป็นนักเรียนเฉพาะชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ จำนวน ๗ ห้องเรียน ห้องละ ๓๐ คน รวม ๒๑๐ คน ๔. การจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนของทุกมหาวิทยาลัย - โรงเรียนในโครงการ วมว. ให้เป็นไปตามกรอบหลักสูตรกลาง โดยคู่มหาวิทยาลัย - โรงเรียนแต่ละแห่งสามารถเพิ่มเติมรายวิชา และจำนวนหน่วยกิตรายวิชาได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๕. การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้โครงการ วมว. กับศูนย์วิศวกรรมศาสตร์ศึกษาซูนเนอร์ มหาวิทยาลัยโฮคลาโอมา ประเทศสหรัฐอเมริกา ๖. การวางเส้นทางการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาแก่นักเรียนโครงการ วมว. เพื่อรักษานักเรียนโครงการ วมว. ให้อยู่ในระบบการวิจัย โดยขอความร่วมมือมหาวิทยาลัยของรัฐให้มีการรับนักเรียนโครงการ วมว. เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาโดยวิธีรับตรง
|
|||||||||||||||||||||||||||
32967 | รายงานการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 2/2554 และครั้งที่ 3/2554 | นร | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๔ โดยที่ประชุมรับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ บทบาทและภารกิจของกระทรวงมหาดไทย การบูรณาการการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ (Area Intergrated Development) การสนับสนุนการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ การเตรียมการรับภัยพิบัติ ความคืบหน้าและพิจารณาข้อดี ข้อเสียของกฎหมายว่าด้วยการกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจกฎหมายรายได้ท้องถิ่น กฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทุจริตกรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ และเรื่องคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.) ๒. รับทราบรายงานการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ โดยที่ประชุมรับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ บทบาทและภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศ ความสัมพันธ์ของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน การดำเนินการเรื่องการปักปันเขตแดน และภารกิจการคุ้มครองช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ เช่น กรณีประเทศอียิปต์ ประเทศลิเบีย และประเทศญี่ปุ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||
32968 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง "แนวทางความร่วมมือและการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศญี่ปุ่นกรณี : วิกฤตภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวและสึนามิ" | สสป | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง “แนวทางความร่วมมือและการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศญี่ปุ่นกรณี : วิกฤตภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวและสึนามิ ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ของกระทรวงการต่างประเทศร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. การนำเสนอให้ประเทศไทยเป็นแหล่งพำนักชั่วคราวเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจแก่ชาวญี่ปุ่น โดยมีแนวทางการดำเนินงานโดยสรุป ดังนี้ ๑.๑ กลุ่มเป้าหมายชาวญี่ปุ่นที่จะมาพำนักในไทยเน้นกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก สตรี และครอบครัวคนไทยที่สมรสกับชาวญี่ปุ่น เป็นต้น โดยให้รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกและจัดส่งผู้ประสบภัยดังกล่าว ๑.๒ แหล่งพำนักอาศัยควรพิจารณาจากสถานที่พักของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่เหมาะสมจะใช้เป็นที่พำนักระยะยาว (Long stay หรือ Home stay) โดยรัฐเป็นผู้สนับสนุนค่าที่พักในอัตราที่มีส่วนลดพิเศษสุด หรืออาจเลือกใช้สถานที่พักขนาดใหญ่ของรัฐที่มีสภาพดีและมีศักยภาพในการรองรับ ๑.๓ ระยะเวลาในการให้ความช่วยเหลือควรร่วมพิจารณากับรัฐบาลหรือหน่วยงานญี่ปุ่นเพื่อกำหนดกรอบที่เหมาะสม โดยอาจพิจารณาจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาแก่ชาวญี่ปุ่น เช่น ภูมิอากาศที่หนาวเย็น มลภาวะ แผนการควบคุมการรั่วไหลของกัมมันตรังสี แผนในการก่อสร้างบูรณะเมือง การขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าที่พำนัก อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น ทั้งนี้ หากกรอบระยะเวลามีระยะเวลายาว รัฐบาลไทยอาจสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงต้น ๑.๔ การเคลื่อนย้ายประชาชนชาวญี่ปุ่นควรเตรียมมาตรการในการออกวีซ่าที่เหมาะสมที้งระยะเวลา (เช่น ๑ ปี) รวมทั้งกติกาที่สะดวกและรวดเร็ว ๑.๕ การจัดตั้งศูนย์ในการบริหารจัดการความร่วมมือการให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ โดยเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมีระบบ โปร่งใส ๑.๖ รูปแบบการให้ความช่วยเหลือต้องคำนึงถึงวัฒนธรรม ธรรมเนียมปฏิบัติ ค่านิยมและวิถีแนวคิดของชาวญี่ปุ่น ธรรมเนียมปฏิบัติ ค่านิยมและวิถีแนวคิดของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อการรับความช่วยเหลือซึ่งต้องแสดงออกถึงการให้เกียรติแก่ผู้ประสบภัยด้วย ๒. การจ้างผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นในสาขาเฉพาะทางที่ประเทศไทยไม่มีความพร้อมเดินทางมาพำนักและทำงานในประเทศไทยชั่วคราว ๓. ความร่วมมือทางวิชาการในการดำเนินงานวิจัยและการศึกษาระหว่างสถาบันหรือหน่วยงานทางการศึกษาของไทยและญี่ปุ่น ซึ่งมีการวางแผนงานโครงการอยู่แล้ว ให้สามารถเริ่มดำเนินงานได้โดยทันที ๔. ออกมาตรการเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเพื่อย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยโดยเฉพาะเทคโนโลยีด้าน IT รวมทั้งการวางแผนการบริหารจัดการแรงงานไทยเพื่อรองรับอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้คำนึงถึงผลกระทบต่อนักลงทุนไทยด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
32969 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2553 | ทส | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๓ ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. คุณภาพสิ่งแวดล้อมบนบก ๑.๑ ทรัพยากรป่าไม้ จากข้อมูลล่าสุดในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ มีพื้นที่ป่า ๑๐๗,๖๑๕,๑๘๑ ไร่ (ร้อยละ ๓๓.๕๖ ของพื้นที่ประเทศ) มีพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ๖๔,๘๒๖,๙๕๘ ไร่ (ร้อยละ ๒๐.๒๒ ของพื้นที่ประเทศ) และมีการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมรวมทั้งประเทศเป็นพื้นที่ ๑๗๑,๕๘๕,๕๕๖ ไร่ (ร้อยละ ๕๓.๕๐ ของเนื้อที่ทั้งหมด) ๑.๒ ทรัพยากรดิน มีพื้นที่เสื่อมโทรมในระดับรุนแรงและระดับวิกฤตรวมเป็นพื้นที่ ๓๕,๙๗๖,๙๙๗ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๑๑.๒๔ ของพื้นที่ประเทศ การถือครองที่ดินทางการเกษตรมีแนวโน้มลดลง มูลค่าการผลิต การใช้และการส่งออกแร่มีแนวโน้มลดลง ส่วนการนำเข้าแร่กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มแร่เชื้อเพลิงและพลังงาน ๑.๓ ปริมาณขยะทั่วประเทศ มีประมาณ ๑๕.๑ ล้านตันต่อปี เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย สามารถจัดการอย่างถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลได้เพียงประมาณ ๕.๙๗ ล้านตัน หรือร้อยละ ๔๐ ของปริมาณขยะทั่วประเทศ ของเสียอันตรายที่เกิดขึ้น มีประมาณ ๓.๐๗ ล้านตัน ลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ส่วนการนำเข้าสารเคมีและผลิตสารเคมีในประเทศเป็นปริมาณ ๓๙.๖๔ ล้านตัน โดยมีการนำเข้าเพิ่มประมาณเกือบ ๓ เท่า นอกจากนี้เกิดอุบัติภัยจากสารเคมีทั้งสิ้น ๔๘ ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๕๑ คิดเป็นร้อยละ ๔ ๒. คุณภาพสิ่งแวดล้อมทางน้ำและชายฝั่ง ๒.๑ ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ ๑,๗๐๗.๐ มิลลิเมตร สูงกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ ๕ เมื่อพิจารณาน้ำต้นทุนฤดูแล้งมีปริมาณน้ำที่เก็บกักในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ณ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เท่ากับ ๕๑,๘๑๘ ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณร้อยละ ๗๔ ของความจุที่ระดับน้ำเก็บกัก ๒.๒ คุณภาพน้ำในแหล่งน้ำจืด โดยรวมมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่มีแหล่งน้ำใดอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก แต่มีแหล่งน้ำจืดที่มีคุณภาพลดลง เช่น บึงบอระเพ็ด แม่น้ำท่าจีนตอนบน แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำนครนายก เป็นต้น ส่วนคุณภาพน้ำบาดาล โดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้บริโภค โดยในพื้นที่เขตวิกฤตน้ำบาดาล ๗ จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณการใช้น้ำบาดาลลดลงเป็นปริมาณ ๒๔๖,๐๗๓ ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และพบการปนเปื้อนของโลหะ สารประกอบอินทรีย์ และแบคทีเรียในแหล่งน้ำบาดาลที่อยู่ใกล้พื้นที่อุตสาหกรรม เกษตรกรรม การทำเหมืองแร่ และบริเวณที่มีการทิ้งขยะ ในขณะที่คุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งโดยรวมเสื่อมโทรมลงมากเมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพน้ำเมื่อ ๒ ปีย้อนหลัง สำหรับพื้นที่ชุ่มน้ำโดยเฉพาะพื้นที่ป่าพรุอยู่ในภาวะถูกคุกคามและถูกบุกรุกทำลายอย่างต่อเนื่องอันเนื่องจากไฟป่า และการบุกรุกพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันและปลูกข้าว ส่วนป่าชายเลน มีพื้นที่รวม ๑,๕๒๕,๐๖๑ ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๔๗ (๖๖,๘๘๖ ไร่) หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย ๑๓,๓๗๗ ไร่ต่อปี และในส่วนของสถานภาพแนวปะการังโดยรวมอยู่ในสภาพดีปานกลาง แต่พบปะการังฟอกขาวในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และพบการตายและบาดเจ็บของสัตว์ทะเลหายาก ๓. คุณภาพสิ่งแวดล้อมอากาศและเสียง ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๑๐ ไมครอน (PM10) ยังเป็นปัญหาสำคัญในบริเวณตำบลหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี ปัญหารองลงมาคือ ก๊าซโอโซน (O3) ซึ่งมีค่าเกินมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศโดยทั่วไปหลายพื้นที่ เช่น กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร เป็นต้น สำหรับระดับเสียงดัง พบว่าบริเวณริมถนนมีระดับเสียงสูงกว่าบริเวณพื้นที่ทั่วไป โดยพื้นที่ริมถนนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีค่าระดับเสียงเกินมาตรฐาน ๔. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในระยะ ๒ - ๓ ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปริมาณฝนเพิ่มมากกว่าค่าปกติติดต่อกันในช่วงฤดูร้อน แต่พบว่าพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยมีจำนวนลดลง ๕. ความหลากหลายทางชีวภาพ ลดลงโดยมีสาเหตุจากภาวะการถูกคุกคามและการนำมาใช้ประโยชน์อย่างไม่สมดุล และพบว่ากิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ได้ส่งผลทำให้ความสมบูรณ์หรือความหลากหลายทั้งจำนวนและชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ลดลงหรือสูญหายไปจากธรรมชาติ มีการลักลอบค้าสัตว์ป่า เช่น เสือโคร่ง หมี ลิ่น เต่า ม้าน้ำ เป็นต้น สถิติการจับกุมการกระทำผิดด้านสัตว์ป่าที่ผ่านมามีการกระทำความผิดเพิ่มมากขึ้นโดยตลอด รวมทั้งการลักลอบตัดไม้สำคัญทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ปัญหาการแพร่ระบาดของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่พบอยู่เป็นจำนวนมาก และมีผู้นำเข้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่นอยู่ตลอดเวลา ที่สำรวจพบแล้วมี ๘๒ ชนิด แบ่งเป็น จุลินทรีย์ ๗ ชนิด พืช ๒๓ ชนิด สัตว์ ๕๑ ชนิด และหนอนตัวกลม ๑ ชนิด ๖. พิบัติภัยด้านสิ่งแวดล้อม เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย จำนวน ๕ ครั้ง โดยมี ๒ ครั้ง ที่มีขนาดเกิน ๖ ริกเตอร์ มีเหตุการณ์ดินถล่ม ๖ ครั้ง ส่วนหลุมยุบเกิดขึ้น ๑๘ ครั้ง รวมทั้งยังพบการกัดเซาะชายฝั่งทะเลเกิดขึ้นในทุกจังหวัดชายฝั่งทะเล และมีพื้นที่ที่สูญเสียจากการกัดเซาะชายฝั่งทะเลไปแล้วประมาณ ๑๑,๓๐๐ ไร่
|
|||||||||||||||||||||||||||
32970 | รายงานงบการเงินประจำปี 2553 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๒ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจากผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และรายงานของผู้สอบบัญชีอื่น สตง. เห็นว่างบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะ กฟผ. แสดงฐานะการเงินรวมและฐานะการเงินเฉพาะ กฟผ. ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๒ ผลการดำเนินงานรวมและผลการดำเนินงานเฉพาะ กฟผ. และกระแสเงินสดรวมและกระแสเงินสดเฉพาะ กฟผ. สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของ กฟผ. และบริษัทย่อย และของเฉพาะ กฟผ. โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
32971 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีนายบุญล้อม โสกขุนทด ฟ้องคณะรัฐมนตรีต่อศาลปกครองสูงสุดให้ดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลง พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2547 มาตรา 11 (1) เพื่อให้ได้รับการลดโทษเสมอภาคเท่าเทียมกันตามมาตรา 7 (3) หรือ มาตรา 8 (2) | ยธ | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดกรณีนายบุญล้อม โสกขุนทด ฟ้องคณะรัฐมนตรีต่อศาลปกครองสูงสุดให้ดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๑๑ (๑) เพื่อให้ได้รับการลดโทษเสมอภาคเท่าเทียมกันตามมาตรา ๗ (๓) หรือมาตรา ๘ (๒) ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
32972 | ปัญหาอาชญากรรม (ในรอบเดือนเมษายน 2554) | ตช | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานข้อมูลปัญหาอาชญากรรมในรอบเดือนเมษายน ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันอาชญากรรม คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้งลดลงร้อยละ ๐.๗๔ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ และลดลงร้อยละ ๒๕.๘๗ เมื่อเปรียบเทียกับเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ส่วนคดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้งเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๗๖ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ และลดลงร้อยละ ๑๓.๗๓ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้งลดลงร้อยละ ๑๑.๒๐ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ และลดลงร้อยละ ๑๒.๖๑ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ด้านการปราบปรามอาชญากรรม คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้ง ๔๐๔ คดี จับกุมได้ ๒๑๑ คดี คิดเป็นร้อยละ ๕๒.๒๓ ของการรับแจ้ง คดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้ง ๒,๒๗๔ คดี จับกุมได้ ๑,๑๒๖ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๙.๕๒ ของการรับแจ้ง และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้ง ๓,๘๒๐ คดี จับกุมได้ ๑,๖๓๓ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๗๕ ของการรับแจ้ง ๓. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองให้มากขึ้น และการให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของคนร้าย รวมทั้งจัดแถลงข่าวทางสื่อมวลชนให้ประชาชนทราบในกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดในคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวม หรือกระทบต่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน
|
|||||||||||||||||||||||||||
32973 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 | กค | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ดำเนินการจ่ายเงินชดเชยรายได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ ให้แก่เกษตรกรแล้ว จำนวน ๗๖,๗๙๘ ราย เป็นเงิน ๓๘๖,๒๙๘,๒๓๔.๕๒ บาท แบ่งเป็นโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ (รอบที่ ๑) จำนวน ๘,๗๙๔ ราย เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒,๖๓๗,๖๐๖.๑๒ บาท และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ (รอบที่ ๒) จำนวน ๖๘,๐๐๔ ราย เป็นเงินทั้งสิ้น ๓๗๓,๖๖๐,๖๒๘.๔๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
32974 | สรุปผลการประชุมหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชน เพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) | ยธ | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมหารือเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยผลการประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๔ ที่ประชุมพิจารณาเห็นว่า การเจรจาเพื่อขอซื้อที่ดินของบริษัท สมประสงค์แลนด์ จำกัด (มหาชน) จากเจ้าหนี้เพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนพิมานในที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นไปได้ยากและต้องใช้ระยะเวลานาน เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวยังอยู่ในคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และยังมีผู้ที่ซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านพิมานยื่นคำร้องครอบครองปรปักษ์ และศาลได้ยกคำร้อง ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์และผู้ร้องยังได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ที่ดินแปลงดังกล่าว จึงทำให้ไม่สามารถนำที่ดินแปลงดังกล่าวมาขายทอดตลาดได้ และยังเห็นว่าการจะขอแบ่งซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ที่มายื่นขอรับชำระหนี้กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทำให้การจะขอแบ่งซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ได้หาทางแก้ไขในเบื้องต้น โดยขอซื้อที่ดินของบริษัทสินทรัพย์ไทยหรือที่ดินที่อยู่ระหว่างการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี เพื่อช่วยเหลือให้ชุมชนพิมานมีที่อยู่อาศัยใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||
32975 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้างและราคากลาง | กค | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้างและราคากลาง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. แจ้งเวียนประเด็นการอนุมัติให้มีการทบทวนราคากลางงานก่อสร้างให้เป็นปัจจุบันตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๔ มกราคม ๒๕๕๔) ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐทราบและถือปฏิบัติ ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๒. กำหนดและประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยสำหรับใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง จากเดิมร้อยละ ๖ ต่อปี เป็นร้อยละ ๗ ต่อปี พร้อมทั้งจัดทำตาราง Factor F ที่สอดคล้องตามอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงใหม่ ๓. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณค่างานต้นทุน (Direct Cost) ของทั้ง ๓ หลักเกณฑ์ ประกอบด้วย หลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง หลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างทาง สะพาน และท่อเหลี่ยม และหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างชลประทาน ๔. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการงานก่อสร้าง (Indirect Cost) หรือตาราง Factor F และหลักเกณฑ์การใช้ตาราง Factor F ของทั้ง ๓ ประเภทงานก่อสร้างให้มีความชัดเจน ครบถ้วน และง่ายต่อการนำไปใช้ปฏิบัติ ๕. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการรวมทั้งแบบฟอร์มการคำนวณค่าใช้จ่ายพิเศษตามข้อกำหนดของทั้ง ๓ ประเภทงานก่อสร้าง ๖. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์รวมทั้งแบบฟอร์มในการนำค่างานต้นทุน (Direct Cost) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อสร้าง (Indirect Cost) และค่าใช้จ่ายพิเศษตามข้อกำหนดมาสรุปรวมกันเป็นราคากลาง และการจัดทำรายงานของทั้ง ๓ ประเภทงานก่อสร้าง ๗. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงในส่วนของแนวทางและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างให้มีความชัดเจน และสอดคล้องตามกฎหมาย ระเบียบ แนวทาง และวิธีปฏิบัติของทางราชการ |
|||||||||||||||||||||||||||
32976 | การดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังกรณีเรือน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ จังหวัดปทุมธานี | นร | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีเรือน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดปทุมธานี ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีบ้านเสียหายทั้งหลังและบางส่วน รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือกรณีประชาชนที่ประกอบอาชีพจับสัตว์น้ำซึ่งได้รับผลกระทบจากกรณีเรือน้ำตาลล่มทำให้ขาดรายได้ ๑.๒ เห็นชอบให้เพิ่มเติมข้อความตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ เรื่อง การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหากรณีเรือบรรทุกน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อ ๔ โดยระบุข้อความเพิ่มเติมว่า “โดยเป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้พิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ๒ แนวทาง คือ ๑.๒.๑ ช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๒.๒ ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ได้รับความเสียหาย ร้อยละ ๖๐ ของมูลค่าความเสียหาย จากเงินกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ๒. ให้กระทรวงคมนาคมประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) และเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำสัญญาณเตือนภัยการจราจรทางน้ำในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การก่อสร้างป้ายแจ้งเตือนทางน้ำ การติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบและไฟส่องสว่าง และการติดตั้งยางกันกระแทก เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
32977 | การแต่งตั้งกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง ในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (นายวัฒนา เชาวสกู) | พม | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้แต่งตั้งนายวัฒนา เชาวสกู รองอธิบดีกรมธนารักษ์ รักษาการที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
32978 | ขอเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก | ทส | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (เพิ่มเติม) ในองค์ประกอบคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
32979 | การคุ้มครองแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและได้รับอนุญาตทำงาน | รง | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาแนวทางการคุ้มครองแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและได้รับอนุญาตทำงาน โดยให้เอกชนเข้ามาดำเนินการและให้ได้รับการคุ้มครองเหมือนกับระบบกองทุนเงินทดแทน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. การกำหนดสิทธิประโยชน์ ให้มีการคุ้มครองแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่จดทะเบียนผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและได้รับอนุญาตให้ทำงานที่ประสบอันตรายจากการทำงาน โดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนกองทุนเงินทดแทนที่ให้กับคนไทยทุกประการ ๒. การบังคับใช้ ให้ใช้กับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่จดทะเบียนผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคาวและได้รับอนุญาตให้ทำงาน ๓. วิธีการดำเนินการ ใช้วิธีการประกันภัยโดยให้บริษัทประกันภัยเอกชนดำเนินการโดยให้นายจ้างซื้อประกันให้แก่แรงงานต่างด้าวกับบริษัทประกันภัย และนำมาแสดงในการรับใบอนุญาตทำงาน และให้สำนักงานประกันสังคมเป็นผู้วินิจฉัยเกี่ยวกับค่าทดแทนโดยการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ให้บริษัทประกันภัยเป็นผู้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้มีสิทธิ ๔. อัตราค่าเบี้ยประกัน ให้นายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายค่าเบี้ยประกันให้แก่แรงงานต่างด้าว ส่วนอัตราค่าเบี้ยประกันให้กำหนดเป็นจำนวนเงินต่อคนต่อปีในอัตราเดียวกันทั่วประเทศ โดยให้สมาคมประกันวินาศภัยศึกษาและส่งข้อมูลให้คณะทำงานภายใน ๑ สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||||||||
32980 | โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร | นร | 14/06/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายงานว่า ข้อความที่แจ้งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับโครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และเรื่องโครงการเงินกู้ให้เกษตรกรจัดหาปุ๋ยของ ธ.ก.ส. โดยระบุค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของโครงการวงเงิน ๒๘๘ ล้านบาท เป็นค่าอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เจ้าหน้าที่และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น ซึ่งที่ถูกต้องประกอบด้วยค่าประชาสัมพันธ์โครงการ ค่าเผยแพร่ข้อมูลชุดดินพร้อมขอบเขตของตำบลเผยแพร่สู่สาธารณะผ่านเว็บไซต์และให้หมอดินอาสาเก็บตัวอย่างดินและวิเคราะห์ดิน ค่าอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเจ้าหน้าที่ และเกษตรกร ติดตาม กำกับ ตรวจสอบควบคุมงาน และประเมินผลโครงการ ทั้งนี้ โครงการได้เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔ โดยมีการรายงานความก้าวหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แต่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของโครงการในการช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกรในการผลิตได้ทันฤดูกาลเพาะปลูก ๒๕๕๔/๕๕ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพิ่มเติมรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมตามแนวทางการดำเนินงานโครงการ รวมทั้งแจ้งให้สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบด้วย
|
.....