ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 162 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 3221 - 3240 จากข้อมูลทั้งหมด 123967 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3221 | การอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 | นร. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาค
สำหรับการบริจาคที่กระทำผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๗๑
และเพิ่มเติมการยกเว้นภาษีสำหรับการบริจาคทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาให้เหมือนกันกับการบริจาคทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษา
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3222 | การยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co - operation and Development: OECD) | นร.11 สศช | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(Organisation for Economic Co-operation and
Development : OECD) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียวอย่างเป็นทางการของประเทศไทยในการขอเข้าสู่กระบวนการภาคยานุวัติเพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิก
OECD แบบเต็มรูปแบบ
โดยระบุเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับ OECD ที่มีมาอย่างยาวนาน
เช่น การเรียนรู้และปรับตัวของประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ OECD การเข้าเป็นภาคีตราสารทางกฎหมายของ OECD เป็นต้น
รวมถึงการดำเนินการของประเทศไทยเพื่อเข้าเป็นสมาชิก OECD และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงฯ
รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในการเข้าเป็นสมาชิก
OECD ของประเทศไทย
และมอบหมายหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบตามตารางห่วงโซ่คุณค่าเงื่อนไขการเข้าเป็นสมาชิก
OECD ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอคดล้องกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน
Framework for the Consideration of Prospective Members รวมถึงการดำเนินการอื่นใดที่จะช่วยขจัดอุปสรรคและสนับสนุนกระบวนการเข้าสู่การเป็นสมาชิก
OECD ของประเทศทไยในอนาคต ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ
ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาวางแผนการดำเนินการภายหลังประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก
OECD ในอนาคต
เพื่อให้การมีส่วนร่วมของประเทศไทยใน OECD และการนำมาตรฐานต่าง
ๆ มาปฏิบัติใช้ในประเทศมีความยั่งยืน เช่น
การพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติและคณะอนุกรรมการเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดแผนการดำเนินการตามระยะ (ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว) แผนสนับสนุนด้านวิชาการและการวิเคราะห์ข้อมูล
และแผนการบริหารจัดการ เป็นต้น สำหรับภาระงบประมาณที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว
ให้ใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3223 | การดำเนินการโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) | ดศ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ดังนี้ ๑. บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) ได้แก่ (๑) บริการ NT Mobile/บริการ my โทรฟรีทุกโครงข่าย และส่ง SMS ฟรีทุกโครงข่ายไม่จำกัดจำนวนครั้ง
และใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ความเร็วสูงสุดไม่จำกัดปริมาณ ระหว่างวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๖-๑ มกราคม ๒๕๖๗ และ (๒). การให้บริการ Free
Wi-Fi เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน/ นักท่องเที่ยวที่เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่
โดยขยายความจุระบบ Wi-Fi ที่มีอยู่ให้สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้บริการให้มากขึ้น ๒. บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้แก่ (๑) กิจกรรม Unbox Happiness โดยการส่ง EMS World ส่งด่วนทั่วโลก ส่งสิ่งของ ๕ ประเทศ ปลายทาง ได้แก่ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง
มาเลเซีย และเยอรมนี ลดทุกชิ้นสูงสุดร้อยละ ๒๕
ใช้บริการได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖-๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๖ Courier One Price ส่งด่วนแบบราคาเบา ๆ เหมาจ่าย
๑๙ ปลายทางทั่วโลก สมาชิก POST Family ที่มียอดใช้บริการส่งต่างประเทตตั้งแต่
๕,๐๐๐ บาทขึ้นไป รับส่วนลดสูงสุดร้อยละ ๑๐ สำหรับใช้บริการ EMS
World/Courier Post/ePacket และบริการเสริมพิเศษฟรี
โดยส่งความรู้สึกแทนใจไปกับสิ่งของผ่านคลิป VDO ที่สร้างจากภาพถ่ายของผู้ส่งแปลและพูดภาษาของผู้รับได้หลากหลายภาษา
และ (๒)กิจกรรม Happy Days โดยมอบส่วนลดในการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์
ThailandPostMart.com โดยมอบส่วนลดพิเศษ ๒ แบรนด์ดัง
แหนมเนือง แดงแหนมเนือง จังหวัดหนองคาย และวีที แหนมเนือง จังหวัดอุดรธานี ทุกวันอังคาร
พุธ พฤหัสบดีของทุกสัปดาห์ ระหว่างวันที่ ๗ พฤศจิกายน-๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๖
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3224 | การส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีและใช้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม | นร. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ให้หน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตและการส่งออกข้าวของประเทศ
เช่น ปัญหาคุณภาพของพันธุ์ข้าว ผลผลิตต่อไร่ ระยะเวลาในการพิจารณาออกใบรับรองมาตรฐานคุณภาพข้าวประเภทต่าง
ๆ นั้น เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงเริ่มฤดูการเพาะปลูกข้าว
จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถปลูกข้าวที่ให้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด
ดังต่อไปนี้ ๑.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว) เร่งดำเนินการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว ที่ได้จัดเตรียมไว้แล้วซึ่งมีคุณภาพดี
ให้ผลผลิตสูง สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และเหมาะสมกับสภาพดินในแต่ละพื้นที่
ให้แก่เกษตรกรโดยเร็วและทั่วถึง เพื่อให้ทันต่อช่วงเวลาการเพาะปลูกในฤดูกาลนี้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว
เร่งรัดการดำเนินการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวต่อไปเพื่อให้ได้พันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตสูงและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ต่าง
ๆ มากยิ่งขึ้น และสามารถจูงใจให้เกษตรกรนำมาปลูกทดแทนพันธุ์ข้าวที่ใช้อยู่เดิม
รวมทั้งให้ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมข้าวของไทยเพื่อให้พันธุ์ข้าวดังกล่าวสอดคล้องกับความต้องการของตลาดในวงกว้างด้วย
๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว และกรมวิชาการเกษตร) เร่งดำเนินการส่งเสริม
สนับสนุน ประชาสัมพันธ์ และถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมกับสภาพดินในแต่ละพื้นที่
ให้ชัดเจน ทั่วถึง เพื่อให้การใช้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพและสามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้มากที่สุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3225 | การดำเนินการโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน (กระทรวงพาณิชย์) | พณ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.
๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน (กระทรวงพาณิชย์) ดังนี้ ๑) เพิ่มอาชีพ ได้แก่ โครงการแฟรนไชส์สร้างอาชีพสำหรับผู้ประสงค์จะทำธุรกิจด้าน
Soft Power ธุรกิจแฟรนไชส์ และสินค้า
Gl ลดค่าแพคเกจแฟรนไชส์ให้สูงสุด ร้อยละ ๓๐ ๒) เพิ่มทักษะ
เช่น โครงการ “ติดปีกทางการค้าให้ผู้ประกอบการไทยด้วย Soft Power x ทรัพย์สินทางปัญญา” โดยการนำแนวคิด Soft Power มาปรับใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการ
๓) เพิ่มโอกาส เช่น จับคู่เจรจาธุรกิจการค้าออนไลน์กับผู้ซื้อศักยภาพในตลาดโลก
ให้ผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไป และ ๔) เพิ่มความสุข เช่น ดำเนินโครงการ “พาณิชย์ลดราคา
New Year Mega Sale 2024” โดยร่วมกับผู้จำหน่าย
ห้างสรรพสินค้า ห้างท้องถิ่น ร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจแฟรนไชส์
ลดราคาสินค้าและค่าบริการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3226 | โครงการของขวัญปีใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2567 กระทรวงสาธารณสุข | สธ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ กระทรวงสาธารณสุข
โดยได้จัดทำ
“โครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๖๗ พาหมอไปหาประชาชน กระทรวงสาธารณสุข”
เพื่อให้บริการคัดกรองและวินิจฉัยโรคหรือปัญหาสุขภาพที่สำคัญ ได้แก่ โรคมะเร็ง
โรคหรือปัญหาสายตา ทันตกรรม รวมถึงกระดูกและข้อ ให้กับประชาชนไทยในพื้นที่ ๗๗
จังหวัด โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร
และในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น
รวมถึงขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข โดยโครงการดังกล่าว จะให้บริการตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม
๒๕๖๗ โดยมีแนวทางการดำเนินการ เช่น จัดกิจกรรม kick off โครงการดังกล่าว จำนวน ๑
ครั้ง ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ในเดือนมกราคม ๒๕๖๗
ดำเนินกิจกรรมออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ให้กับประชาชนทุกเขตสุขภาพ (๑๓ เขตสุขภาพ
เขตสุขภาพละ ๖ ครั้ง ในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3227 | โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) | สคทช | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน
(สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) โดยได้จัดทำ “โครงการมอบหนังสืออนุญาตที่ดินทำกินให้ประชาชน
๑.๓๘ ล้านไร่”
เป็นการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ใน ๕๐
จังหวัด ๒๑๒ พื้นที่ จำนวน ๑,๓๘๐,๘๔๘ ไร่ ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด
เพื่อดำเนินการพัฒนาพื้นที่และส่งเสริมการประกอบอาชีพตามศักยภาพของพื้นที่ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3228 | การดำเนินการโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.
๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. การให้บริการหนังสือเดินทางด่วนภายในวันเดียว
(ทำเช้า-รับบ่าย) โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเล่มด่วน (ไม่ใช่เล่มปกติ) ตั้งแต่วันที่
๒-๑๒ มกราคม ๒๕๖๗ (ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์) ๒. การให้บริการหนังสือเดินทางวันเสาร์-อาทิตย์
(ตลอดปี ๒๕๖๗) ณ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวปทุมวัน (MBK Center) และสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวบางใหญ่
(Central West Gate) ในรูปแบบบูธปกติและเครื่องทำหนังสือเดินทางด้วยตนเอง
(kiosk) ๓. การบริการกงสุลสัญจร “ของขวัญตลอดปี”
เพื่อให้บริการหนังสือเดินทางเคลื่อนที่ในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ เดือนละ ๑
ครั้ง รวม ๑๒ ครั้ง ตลอดปี ๒๕๖๗
โดยให้บริการประชาชนในพื้นที่จังหวัดที่ไม่มีสาขาสำนักงานหนังสือเดินทางตั้งอยู่ ๔. การให้บริการแปลเอกสารภาษาอังกฤษโดยไม่คิดค่าบริการ
(จำกัดคนละ ๑ เอกสาร) โดยเป็นเอกสารของตนเองและแปลเพื่อทำนิติกรณ์เอกสารเท่านั้น)
ตั้งแต่วันที่ ๒-๑๒ มกราคม ๒๕๖๗ (ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์) ณ กรมการกงสุล
ถนนแจ้งวัฒนะ และสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ๓ สำนักงาน ได้แก่ ภูเก็ต
เชียงใหม่ และพัทยา เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3229 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) | กก. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๗
ให้แก่ประชาชน ดังนี้ (๑) ด้านกีฬา “สุขกาย สบายใจ” โดยเปิดให้บริการสนามกีฬา
สถานออกกำลังกาย ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ศูนย์ฝึกกีฬา และคลินิกกีฬา
เพื่อให้ประชาชนออกกำลังกาย
พร้อมทั้งให้บริการทดสอบสมรรถนะทางกายและให้คำปรึกษากับประชาชน ณ
ศูนย์ฟิตเนสการกีฬาแห่งประเทศไทยและกรมพลศึกษา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นระยะเวลา
๒ เดือน (๑ มกราคม-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) และ (๒) ด้านท่องเที่ยว “สุขทันทีที่เที่ยวไทย”
มอบความสุขตระการตาแสงสี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๗ ผ่านมหกรรม Countdown ปีใหม่
ตามพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น กิจกรรม Amazing Thailand
Countdown บริเวณริมน้ำเจ้าพระยา วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กิจกรรมดูพลุ
แสง สี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา Vijit Chao Phraya กิจกรรม Nakhon
Ratchasima Countdown 2024 ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3230 | การดำเนินโครงการของกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน | วธ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการของกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน ประกอบด้วย ๔ กิจกรรม ได้แก่ (๑) กิจกรรมทางศาสนา เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล
(๒) กิจกรรมท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อน Soft Power ไทย (๓) กิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรม เพื่อสร้างความสุขให้ประชาชน
และ (๔) กิจกรรมส่งความสุขแบบไทยในวาระส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3231 | การจัดทำร่างแก้ไขข้อตกลงระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งฝรั่งเศส (AFD) ว่าด้วยการจัดตั้งสำนักงาน AFD ในประเทศไทย | กต. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแก้ไขข้อตกลงระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานเพื่อการพัฒนาแห่งฝรั่งเศส
(Agence Francaise de Developpement : AFD) ว่าด้วยการจัดตั้งสำนักงาน AFD ในประเทศไทย พ.ศ.
๒๕๖๖ (ค.ศ. ๒๐๒๓) และให้อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นผู้ลงนามในร่างแก้ไขข้อตกลงฯ
โดยร่างแก้ไขข้อตกลงฯ
เป็นการปรับแก้และเพิ่มเติมข้อความในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งสำนักงาน AFD พ.ศ. ๒๕๔๙ (ค.ศ. ๒๐๐๖) เช่น (๑) ปรับแก้ข้อบทที่ ๒ วรรค ๑
เพื่อเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ต่างชาติของสำนักงาน AFD ประเทศไทยจากเดิม
๖ คน เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน ๑๑ คน และ (๒) เพิ่มวรรคที่ ๗ ในข้อบทที่ ๒
เพื่อรองรับการเข้ามาดำเนินงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาของ Expertise
France (EF) ในประเทศไทย เป็นต้น โดยร่างแก้ไขข้อตกลงฯ
จะถูกผนวกเข้ากับและเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงฯ พ.ศ. ๒๕๔๙
และมีผลใช้บังคับในวันที่มีการลงนาม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแก้ไขข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3232 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กำหนดจำนวนกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๗๒ คน
โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณประสานในรายละเอียดต่อไป
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3233 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน
ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม
กฎกระทรวงว่าด้วยการแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ
หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยกำหนดให้เจ้าพนักงาน
ป.ป.ส. ยื่นคำขออนุมัติแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ
หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดต่อเลขาธิการ ป.ป.ส.
กรณีหลังจากศาลออกหมายจับแก่ผู้กระทำความผิดดังกล่าวแล้ว และให้นำไปดำเนินการกับพนักงานสอบสวนต่อไป
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น ควรปรับถ้อยคำของร่างข้อ ๑/๑ เป็น “กรณีเจ้าพนักงาน
ป.ป.ส. สังกัดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ซึ่งผู้รับผิดชอบในการแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานจนทราบรายละเอียดแห่งความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
ซึ่งศาลได้ออกหมายจับผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา ๑๒๕ หรือมาตรา
๑๒๗ ให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. มีอำนาจยื่นคำขออนุมัติแจ้งข้อหาต่อเลขาธิการ ป.ป.ส. ก่อนร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนต่อไป”
เพื่อให้เกิดความชัดเจนตรงตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้
เนื่องจากมุ่งหมายเฉพาะคดีที่เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. สังกัดสำนักงาน ป.ป.ส.
ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจโดยตรงในการป้องกัน ปราบปราม
และแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นผู้ทำการแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานตามอำนาจและหน้าที่จนทราบรายละเอียดแห่งความผิดและตัวผู้กระทำความผิดจนนำไปสู่การขอศาลออกอนุมัติหมายจับ
โดยให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการในขั้นตอนขออนุมัติแจ้งข้อหาและนำคำสั่งอนุมัติแจ้งข้อหาไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3234 | ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสารและการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีชมพู พ.ศ. .... | คค. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร
และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีชมพู
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าโดยสารตามวิธีการในสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู
(ช่วงแคราย-มีนบุรี) โดยมีอัตราค่าโดยสารเริ่มต้น ๑๕ บาท สูงสุด ๔๕ บาท
และกำหนดให้คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยอาจประกาศกำหนดผลิตภัณฑ์ของตั๋วโดยสาร
เพื่อส่งเสริมการใช้บริการรถไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารเพื่อสนับสนุนกิจกรรมตามนโยบาย
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
(การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรเร่งพิจารณาแนวทางการกำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในระบบขนส่งสาธารณะในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑล เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และสามารถจูงใจให้ประชาชนหันมาเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็นโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัลต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3235 | นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง และปลาป่น) ปี 2567 - 2569 | พณ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง
และปลาป่น) ตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหาร ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ (ครั้งที่ ๘๑)
เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ โดยให้ใช้ดำเนินการได้เฉพาะปี ๒๕๖๗ เท่านั้น
และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ประเด็นกากถั่วเหลือง
ประเทศไทยควรระมัดระวังไม่ให้เงื่อนไขที่กำหนดให้ผู้มีสิทธินำเข้ารับซื้อกากถั่วเหลืองที่ผลิตจากเมล็ดถั่วเหลืองในประเทศทั้งหมดในราคาที่กำหนดถูกใช้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่สินค้ากากถั่วเหลืองของประเทศไทย
และทำให้สินค้ากากถั่วเหลืองจากต่างประเทศเสียเปรียบในด้านการแข่งขัน
ซึ่งอาจขัดต่อพันธกรณีด้านการประติบัติเยี่ยงคนชาติ (national treatment) ตาม Article
III:4 ของความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (General
Agreement on Tariffs and Trade : GATT) ควรกำกับดูแลและตรวจสอบการนำเข้าอย่างเข้มงวด
เพื่อควบคุมการนำเข้าสินค้าให้ตรงกับการสำแดงพิกัดอัตราภาษีศุลกากร
และป้องกันการลักลอบการนำเข้าอย่างผิดกฎหมายซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาผลผลิตในประเทศได้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการนโยบายอาหาร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนการส่งเสริมและพัฒนาการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
การเพาะปลูกถั่วเหลือง และการผลิตปลาป่น
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผลการผลิตและเพิ่มรายได้แก่เกษตรกร
และเพื่อลดการนำเข้าสินค้าเกษตรดังกล่าว แล้วให้นำแผนฯ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน
๓ เดือน ทั้งนี้
ในส่วนของแผนการส่งเสริมและพัฒนาการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้พิจารณาเชิญชวนรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมดำเนินการในรูปแบบการจัดทำการเกษตรพันธสัญญา
(Contract Farming) และให้กำหนดเงื่อนไขในการดำเนินการเพื่อป้องกันปัญหาการเผาเศษซากข้าวโพดภายหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตและการเกิดมลพิษทางอากาศ
(PM2.5) ด้วย ๓.
มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลต้นทุนการผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์
เช่น ราคาปุ๋ย ให้เหมาะสมและเป็นธรรมแก่เกษตรกรให้มากที่สุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3236 | แผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) | ตช. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน ๓ โครงการ ดังนี้ (๑)
โครงการแอปพลิเคชันป้องกันการถูกหลอกลวง “ไซเบอร์ โพรเทคชั่น” (Protect U) ของกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(๒) โครงการพัฒนาช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automatic Channel) ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ (๓) โครงการ Police Wellness ของสำนักงานกำลังพล ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3237 | การเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย นมและครีม ปี 2566 เพิ่มเติม | กษ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย
นมและครีม ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติม ปริมาณ ๑๐,๐๓๑.๕๕ ตัน ในอัตราภาษีร้อยละ ๕ มติคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม
ในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๖
และเนื่องจากการขอโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติม เป็นการพิจารณาจัดสรรให้กับผู้ประกอบการตามความจำเป็นและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต
จึงให้ยกเว้นการจัดสรรโควตาตามสัดส่วนผู้ประกอบการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ และเห็นชอบในการเปิดตลาดนำเข้านมและครีม
ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติม ปริมาณ ๗๐๐.๑๘ ตัน ในอัตราภาษีร้อยละ ๒๐
มติคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๒
กันยายน ๒๕๖๖ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมเป็นผู้บริหารการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย
นมและครีม ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติมดังกล่าว ให้กับผู้ประกอบการตามความจำเป็นและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต
โดยต้องนำเข้าให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ และต้องไม่กระทบต่อมาตรการและปริมาณการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปริมาณน้ำนมดิบของไทย เพื่อไม่ให้การเปิดตลาดนำเข้าดังกล่าว
ส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงโคนมของไทย ทั้งนี้ การเปิดตลาดนำเข้าเพิ่มเติมดังกล่าว
สอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ที่ไทยผูกพันไว้ การเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนยนมและครีม ปี ๒๕๖๖
เพิ่มเติม ต้องไม่กระทบต่อมาตรการและปริมาณการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร และควรให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในระยะยาว
โดยนำข้อมูลพยากรณ์อุปสงค์และอุปทานของน้ำนมดิบภายในประเทศมาวางแผนการจัดสรรโควตานำเข้าสินค้าในกลุ่มนมและผลิตภัณฑ์นมให้มีความถูกต้อง
เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการและไม่กระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ
ตลอดจนเพื่อประโยชน์ในการวางแผนธุรกิจของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนมของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
และผู้บริโภคภายในประเทศเป็นผู้บริหารการจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย นมและครีม
ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติม
ให้กับผู้ประกอบการตามความจำเป็นและเดือดร้อนจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต
ทั้งนี้ การเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนยนมและครีม ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติม
ต้องไม่กระทบต่อมาตรการและปริมาณการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๖ (เรื่อง
ขออนุมัติปรับเพิ่มราคาน้ำนมดิบเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโคนม)
ที่ให้ทบทวนแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรโคนมให้เหมาะสมและตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนต่อไป เช่น
การลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตน้ำนมโค การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับอุตสาหกรรมนมและผลิตภัณฑ์นมของไทย
การจูงใจให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมเพื่อการส่งออกนำน้ำนมดิบจากเกษตรกรโคนมในประเทศมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตทดแทนการนำเข้า
๓.
ให้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมโคนมและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมภายในประเทศจากการยกเลิกโควตาภาษีสินค้าเกษตรทั้งหมดตามความตกลงต่าง
ๆ เช่น ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) และความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์
(TNZCEP) ในปี ๒๕๖๘ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3238 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน สำหรับปี 2567 ถึงปี 2569 พ.ศ. .... | พณ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนสำหรับปี ๒๕๖๗
ถึงปี ๒๕๖๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำเข้าข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนสำหรับปี
พ.ศ. ๒๕๖๗ ถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๙ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหาร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้แก้ไขชื่อร่างประกาศและกำหนดระยะเวลาการใช้บังคับของร่างประกาศดังกล่าวให้เป็นไปตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี
และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าคณะรัฐมนตรีสามารถพิจารณาให้ความเห็นชอบได้ตามที่เห็นสมควร
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3239 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชนของกระทรวงอุตสาหกรรม | อก. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชนของกระทรวงอุตสาหกรรม ดังนี้ (๑) ด้านมาตรการสินค้าและบริการดี
ราคาพิเศษ เช่น โปรโมชั่น สิทธิพิเศษ ลดค่าใช้จ่าย ร่วมกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าต่าง ๆ
และลดราคาหนังสือ มอก. เป็นต้น (๒) ด้านมาตรการเติมทุน เสริมสภาพคล่อง เช่น
สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และยกเว้นค่าธรรมเนียมและลดค่าบริการสำหรับผู้ประกอบกิจการโรงงาน
ใบอนุญาต และใบแทนใบอนุญาต มอก. เป็นต้น (๓) ด้านมาตรการเพิ่มโอกาส
เสริมแกร่งธุรกิจ เช่น เติมความรู้ เสริมศักยภาพ SMEs ยกระดับกระบวนการผลิตสู่ระบบอัตโนมัติและดิจิทัล และ (๔) ด้านมาตรการกระจายรายได้สู่ชุมชนรอบอุตสาหกรรม
เช่น การสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวไร่อ้อยและอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย
และโครงการเหมืองแร่ปลอดภัยห่วงใยประชาชน ปี ๖๗ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3240 | ผลการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ. 2567 (ของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล) | ดศ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๗ (ของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล)
ดังนี้ (๑) ควรเพิ่มมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยการกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน
เช่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ จัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และเร่งรัดการใช้จ่าย/การลงทุนในหน่วยงานภาครัฐ
เป็นต้น (๒) ควรขยายระยะเวลา/จัดทำโครงการ/มาตรการที่ลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน
เช่น การลดค่าน้ำ ค่าไฟ ลดราคาน้ำมัน แก๊สที่มีราคาแพง และจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคราคาถูก
(ธงฟ้า) เป็นต้น (๓)
ควรเร่งรัดการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร เช่น ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ
ปัญหาปุ๋ย/สารเคมี/ยาฆ่าแมลงมีราคาแพง และจัดหาตลาดรองรับผลผลิต เป็นต้น (๔) ควรผลักดันมาตรการในการแก้ไขปัญหายาเสพติดเพื่อสร้างความปลอดภัย
และคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนในทุกพื้นที่ เช่น การเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิด
และการนำผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เข้ารับการบำบัดอย่างทันท่วงที เป็นต้น (๕) ควรเพิ่มช่องทาง/บริการในระบบหลักประกันสุขภาพให้ประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
ครอบคลุมทุกพื้นที่ เช่น การใช้บัตรประชาชน ๑ ใบ รักษาได้ทุกพื้นที่ ทุกโรงพยาบาล
เป็นต้น ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|