ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 166 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 3301 - 3320 จากข้อมูลทั้งหมด 124248 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3301 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน
๒๕๖๖ เรื่อง
การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน
(กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ซึ่งแจ้งว่าไม่มีมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชนที่จะต้องยืนยันการคงอยู่ต่อไป
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3302 | รายงานผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 | นร.12 | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑)
ผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการประกาศช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ในการติดต่อราชการและระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการปฏิบัติงานตามมาตรา
๒๐ แห่ง พระราชบัญญัติฯ โดยสำนักงาน. ก.พ.ร.
ได้มีการสำรวจสถานะของการดำเนินการดังกล่าวในระยะแรก (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม
๒๕๖๖) พบว่า หน่วยงานของรัฐทั้งหมด ๘,๒๙๔ หน่วยงาน ดำเนินการออกประกาศกำหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับประชาชนติอต่อราชการตามมาตรา
๑๐ แล้ว จำนวน ๖,๗๘๒ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๘๒
ของหน่วยงานของรัฐทั้งหมด และดำเนินการกำหนดระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรา
๑๖ แล้ว จำนวน ๖,๖๓๑ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๘๐ ของหน่วยงานของรัฐทั้งหมด
และ (๒) การขอยกเว้นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งจะต้องออกเป็นกฎกระทรวงเพื่อยกเว้นการดำเนินการมีหน่วยงานเสนอขอยกเว้นฯ
จำนวน ๘ หน่วยงาน รวม ๓๕๕ งานบริการ ได้รับยกเว้น ๕๑ งานบริการ เช่น
หนังสือเดินทาง (Passport) คำสั่งอื่นของบุคคลสัญชาติไทย
เนื่องจากเจ้าพนักงานไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องที่แท้จริงของข้อมูลได้ ทั้งนี้
สำหรับการดำเนินการในระยะต่อไป สำนักงาน ก.พ.ร.
จะติดตามเร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามมาตรา ๒๐ ให้ครบถ้วนโดยเร็ว รวมถึงสร้างการรับรู้ให้หน่วยงานของรัฐรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา
๒๐ ผ่านระบบศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ (www.info.go.th) ที่เป็นช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลภาครัฐได้อย่างเบ็ดเสร็จครบวงจร
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3303 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) | ดศ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน
๒๕๖๖ การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน
(กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ซึ่งแจ้งว่าไม่มีมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชนที่จะต้องยืนยันการคงอยู่ต่อไป
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3304 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน (กระทรวงพาณิชย์) | พณ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน
๒๕๖๖ การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน
(กระทรวงพาณิชย์) ซึ่งแจ้งว่าไม่มีมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชนที่จะต้องยืนยันการคงอยู่ต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3305 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน (สำนักงาน ก.พ.) | นร.10 | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ กันยายน ๒๕๖๖ การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน
(สำนักงาน ก.พ.) ซึ่งแจ้งว่าไม่มีมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชนที่จะต้องยืนยันการคงอยู่ต่อไป
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3306 | รายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2565 | อว. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์
ประจำปี ๒๕๖๕ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) การดำเนินการตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์
พ.ศ. ๒๕๕๘ เช่น ๑ การจัดทำกฎหมายลำดับรองประกอบการบังคับใช้พระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ฯ
จำนวน ๓๑ ฉบับ ๒) รับคำขอใบอนุญาตใช้-ผลิตสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ๓) จัดทำระบบการให้บริการแบบออนไลน์
และ ๔) จัดทำแผนกลยุทธ์ว่าด้วยการพัฒนางานสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙
และแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๙ (๒) ผลการดำเนินการที่สำคัญ เช่น ๑) มีสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์
๓๐๓ แห่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการวิจัยมากที่สุด ๒)
มีการใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ๑๖๒.๘๐ ล้านตัว
โดยหนูเมาส์เป็นสัตว์ทดลองที่นิยมใช้มากที่สุด ๓)
มีผู้ใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ยื่นขอรับใบอนุญาต ๑,๒๘๒ คน ๔)
มีผู้ผลิตสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ยื่นขอรับใบอนุญาต ๓ คน และ ๕) มีการแจ้งนำเข้าสัตว์จากต่างประเทศ
๕๕๓ ตัว และแจ้งส่งออกสัตว์ไปยังต่างประเทศ ๘๖,๔๑๖ ตัว และ (๓)
การพัฒนางานการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ในระยะต่อไป เช่น
พัฒนาคุณภาพสัตว์ทดลองทั้งชนิดและปริมาณให้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้สัตว์พัฒนาสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ให้ได้มาตรฐาน
พัฒนาบุคลากร พัฒนาหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ฯ
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3307 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB23DA | กค. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น
LB23DA
ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ จำนวน ๓๒,๙๐๐ ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดดังกล่าว
ดังนี้ (๑) การชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลจากเงินส่วนเกิน (Premium) ที่ได้รับจากการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ของกระทรวงการคลัง จำนวน
๒,๙๐๐ ล้านบาท (๒) การชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลจากเงินในบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท และ (๓)
การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๒๘,๐๐๐
ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3308 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล ฯลฯ จำนวน 10 ราย) | กต. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๐ ราย ซึ่งเป็นการแต่งตั้งจากผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงทั้ง ๑๐ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ซึ่งการแต่งตั้งข้าราชการให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศในลำดับที่ ๑ ๓ ๔ ๖ ๙ และ ๑๐ รวม ๖ ราย ได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ๓. นางสาววิมลพัชระ รักษาเกียรติ ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงชันติอาโก สาธารณรัฐชิลี ๔. นางกาญจนา ภัทรโชค ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ๕. นายนิกรเดช พลางกูร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสารนิเทศ ๖. นางสาวอุรวดี ศรีภิรมย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๗. นางพันทิพา เอี่ยมสุทธา เอกะโรหิต ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๘. นายไพศาล หรูพาณิชย์กิจ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. นางสาวนิธิวดี มานิตกุล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3309 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความคุ้มค่าของการขุดคลองเชื่อมสองฝั่งทะเลภาคใต้ของไทย ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา | สว. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความคุ้มค่าของการขุดคลองเชื่อมสองฝั่งทะเลภาคใต้ของไทย
ของคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ตามที่สำนักเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3310 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางในประเทศ กรณีศึกษา : ถุงมือยาง และรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาและส่งเสริมเกษตรสร้างมูลค่าตามยุทธศาสตร์ชาติ : กรณีศึกษาสินค้าเกษตรทุเรียน ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา | สว. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางในประเทศกรณีศึกษา : ถุงมือยาง
และรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาและส่งเสริมเกษตรสร้างมูลค่าตามยุทธศาสตร์ชาติ
: กรณีศึกษาสินค้าเกษตรทุเรียน ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางในประเทศ กรณีศึกษา : ถุงมือยาง
และข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3311 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล | ดศ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล
และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นกรอบการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล
และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันระหว่างรัฐบาลไทย
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3312 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา | คค. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ (Full
Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย และมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางทางการทูตถึงการดำเนินการตามกระบวนการเสร็จสิ้นเพื่อให้ความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับ โดยร่างความตกลงฯ
จัดทำขึ้นระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
เพื่อใช้แทนที่และยกเลิกความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลศรีลังกา
ที่ลงนามเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๓ โดยมีถ้อยคำและบริบทที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
ดังนั้น ร่างความตกลงฯ จึงเป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3313 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 - 2572 เพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | ยธ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๒
เพื่อเป็นค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน
๓,๐๐๐ ซีชี)
พร้อมพนักงานขับรถยนต์ จำนวน ๑ คัน อัตราค่าเช่าไม่เกิน ๘๕,๐๐๐
บาทต่อคันต่อเดือน ระยะเวลา ๖๐ เดือน (ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๖๗ ถึงเดือนธันวาคม
๒๕๗๑) ภายในวงเงิน ๕,๑๐๐,๐๐๐ บาท
ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๗๖๕,๐๐๐ บาท
ให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ส่วนที่เหลือ จำนวน ๔,๓๓๕,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๒
โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับวงเงินตามสัญญาตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ การขออนุมัติดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกินร้อยละแปดของงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง ๆ
เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3314 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 4 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ดศ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล
ครั้งที่ ๔ (The 4th ASEAN Digital Ministers’
Meeting : The 4th ADGMIN) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
ประกอบด้วย เอกสารจะมีการลงนาม จำนวน ๑ ฉบับ และเอกสารที่จะรับรอง จำนวน ๑๑ ฉบับ
รวมจำนวน ๑๒ ฉบับ ซึ่งเป็นเอกสารแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกอาเซียนในการดำเนินโครงการและกิจกรรมความร่วมมือด้านดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนอย่างแข็งขันและต่อเนื่อง
สนับสนุนการดำเนินงานด้านการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล
การสร้างระบบนิเวศด้านดิจิทัลในอาเซียนให้มีความพร้อมทั้งในด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
การลดช่องว่างทางดิจิทัล การส่งผ่านข้อมูลระหว่างกัน
และกรอบแนวทางการกำกับดูแลที่เหมาะสมกับบริบทของอาเซียนที่มีความแตกต่างด้านการพัฒนา
เพื่อสามารถรับมือกับความท้าทายของโลกไซเบอร์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม
และเป็นการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายตามแผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล ค.ศ. ๒๐๒๕
อย่างเป็นรูปธรรม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมาย
ร่วมลงนามในร่างเอกสารที่จะมีการลงนาม จำนวน ๑ ฉบับ และเอกสารที่จะรับรอง จำนวน ๑๑
ฉบับ รวมจำนวน ๑๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเห็นควรพิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนต่อไป
รวมทั้งพิจารณาแนวทางการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเฉพาะด้าน อาทิ
รถยนต์ไร้คนขับ และความปลอดภัยบนโลกอินเทอร์เน็ต
เพื่อต่อยอดเทคโนโลยีไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องได้อย่างเป็นรูปธรรม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3315 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศในนามของประเทศสมาชิกยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง กับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงว่าด้วยการสนับสนุนสำนักงานเลขาธิการชั่วคราว ACMECS | กต. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศในนามของประเทศสมาชิกยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง
กับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงว่าด้วยการสนับสนุนสำนักงานเลขาธิการชั่วคราว
ACMECS และให้ผู้แทนที่กระทรวงการต่างประเทศมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและขับเคลื่อนสำนักงานเลขาธิการชั่วคราวฯ
ซึ่งกำหนดขอบเขตความร่วมมือตามภารกิจหลักของสำนักงานเลขาธิการชั่วคราวฯ รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินให้แก่สถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงเพื่อการสนับสนุนและบริการแก่สำนักงานเลขาธิการชั่วคราวฯ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน
และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3316 | การดำเนินงานโครงการ "โคแสนล้าน" นำร่อง | สทบ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน)
ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติขอให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
และขอให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลของโครงการ
“โคแสนล้าน” นำร่อง ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
รวมทั้งเกษตรกรและประชาชนผู้สนใจโดยทั่วไปได้ทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงโดยด่วน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3317 | การแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 | นร. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
โดยเฉพาะเรื่องฝุ่นละออง PM2.5 มาอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิดอย่างเข้มงวด
และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมดำเนินการแก้ไขปัญหา
ตลอดจนประสานการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
ส่งผลให้ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในหลายพื้นที่บรรเทาความรุนแรงลง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในอีกหลายพื้นที่ของประเทศยังน่าเป็นห่วง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงขอมอบหมายการดำเนินการ
ดังนี้ ๑. ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านลงพื้นที่ในเขตตรวจราชการในความรับผิดชอบเพื่อติดตามและตรวจสอบสภาพปัญหาฝุ่นละออง
PM2.5
และกำกับดูแลการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวให้ทั่วถึงและเพียงพอ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม [สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)]
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 และจุดความร้อนในพื้นที่ต่าง ๆ
ให้ครบถ้วนอย่างต่อเนื่อง
เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประกอบการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เหมาะสม ถูกต้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3318 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... | กษ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘
ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและชาวประมงผู้ประกอบอาชีพโดยสุจริตให้ได้รับความเป็นธรรม
และส่งเสริมการทำการประมงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเล
เพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมงเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรรักษาการสื่อสารกับสหภาพยุโรปเพื่อให้รับทราบข้อมูลและสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฯ
โดยตรงจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยให้สหภาพยุโรปมีความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการของรัฐบาลด้านการทำประมงอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
และรักษาความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยยังคงปฏิบัติตามกฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้รับรองและเข้าเป็นภาคี
และการเสนอให้ยกเว้นเรือประมงที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานประมงในน่านน้ำไทยซึ่งมีพื้นที่กว่าสามแสนตารางกิโลเมตรไม่ต้องแสดงจำนวนรายชื่อและหนังสือคนประจำเรือ
จึงอาจเป็นประเด็นที่ทำให้ทางการไม่สามารถตรวจสอบจำนวนรายชื่อและหนังสือคนประจำเรือได้
ซึ่งนำไปสู่ความกังวลว่าอาจเป็นช่องทางไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ได้
และหากได้มีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวนี้ขึ้นอาจส่งผลต่อการจัดระดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของประเทศไทย
(TIP REPORT) ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเล เพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมงเสนอ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดแนวทางการสร้างการรับรู้และแนวปฏิบัติให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง
เตรียมข้อมูล สำหรับการชี้แจงกับประเทศคู่ค้าถึงความจำเป็นของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... และจุดยืนของประเทศไทยต่อการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3319 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 29 มกราคม 2567) | ปสส. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
(วันจันทร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๗) ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๗
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่
๑๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3320 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 | ตช. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการในการทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่
เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ.๒๕๖๕
รวมทั้งกำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่ถือว่าเป็นความผิดให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่แต่ละประเภท
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นควรกำหนดให้ชัดเจนว่าการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่โดยใช้วิธีการตรวจวัดจากเลือด
เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการขอความยินยอมจากผู้ขับขี่ยานพาหนะ
ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับกฎหมายของประเทศอังกฤษ และรัฐแคลิฟอร์เนีย
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในทางปฏิบัติเมื่อกฎหมายมีการประกาศใช้บังคับ และร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ยังไม่ได้กำหนดค่าสัมประสิทธิ์ในการแปลงค่ากรณีตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดจากของเสียอย่างอื่น
เพื่อรองรับกรณีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดจากของเสียอย่างอื่นที่อาจจะมีขึ้นในภายหน้าได้ตามที่กำหนดไว้ในร่างกฎกระทรวง
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|