ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 166 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 3301 - 3320 จากข้อมูลทั้งหมด 123967 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3301 | การเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย นมและครีม ปี 2566 เพิ่มเติม | กษ. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลื่อนการพิจารณา เรื่อง
การเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย นมและครีม ปี ๒๕๖๖ เพิ่มเติม ออกไปก่อน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3302 | แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ | กค. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ
จำนวน ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (๒) มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ และ (๓) มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด
๑๙ ตามโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระ อนุมัติวงเงินงบประมาณ
จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน ๒ มาตรการ รวมทั้งสิ้น ๔,๙๐๐
ล้านบาท และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
และรับทราบมาตรการแก้ไขหนี้ในระบบ มาตรการแก้ไขหนี้นอกระบบ และการปรับโครงสร้างระบบการให้สินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๔,๙๐๐ ล้านบาท ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินมาตรการเชิงป้องกัน
โดยการให้ความรู้ทางการเงิน ควรให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเป็นธรรมและเหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย
เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาจงใจผิดนัดชำระหนี้ การออกแบบมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ดังกล่าวควรคำนึงถึงประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับเป็นหลัก
รวมถึงควรมีการประเมินประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของโครงการให้เป็นไปตามคำสั่งอื่น เจตนารมณ์
และควรเร่งส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศที่ช่วยสร้างวัฒนธรรมบ่มเพาะให้เกิดวินัยในการบริหารเงินและหนี้อย่างรับผิดชอบ
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนประสบความสำเร็จและมีผลยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3303 | ขอยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่่โครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ | ยธ. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยกเลิกการใช้พื้นที่โครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์
ของกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๖,๕๔๑ ตารางเมตร ประกอบด้วย (๑) สำนักงานรัฐมนตรีและสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
พื้นที่ชั้น ๘ จำนวน ๑,๖๙๑ ตารางเมตร และพื้นที่ชั้น ๙ จำนวน
๔,๓๕๗ ตารางเมตร รวมจำนวน ๖,๐๔๘
ตารางเมตร และ (๒) กรมบังคับคดี พื้นที่ชั้น ๙ จำนวน ๔๙๓ ตารางเมตร ตั้งแต่วันที่
๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ เรื่อง
หลักเกณฑ์การยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ
ในส่วนที่กำหนดให้หน่วยงานจะต้องแจ้งให้กรมธนารักษ์ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย ๑ ปี
ในประเด็นการขอยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ
ให้แก่กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานรัฐมนตรีและสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
และกรมบังคับคดี)
เฉพาะกรณีการขอยกเลิกการใช้พื้นที่โครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ บริเวณชั้น ๘-๙ จำนวน ๖,๕๔๑
ตารางเมตร ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย ที่เห็นควรให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ หนังสือเวียน และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3304 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2566 และแนวโน้มปี 2566 - 2567 | นร.11 สศช | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๖
และแนวโน้มปี ๒๕๖๖-๒๕๖๗ สรุปได้ ดังนี้ (๑) เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๖
มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ขยายตัวร้อยละ ๑.๕ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ
๑.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเมื่อรวม ๙ เดือนแรกของปี ๒๕๖๖ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ
๑.๙ โดยด้านการใช้จ่าย การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในเกณฑ์สูง การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง
ส่วนการส่งออกสินค้าการอุปโภคของรัฐบาลและการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สำหรับด้านการผลิต
สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร และสาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้าขยายตัวในเกณฑ์สูง
สาขาเกษตรกรรม สาขาการขายส่งและการขายปลีก และสาขาการก่อสร้างขยายตัว
ส่วนสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมลดลงต่อเนื่อง (๒) แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๖ และ
๒๕๖๗ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๖๖ คาดว่า GDP จะขยายตัวร้อยละ
๒.๕ ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๖ ในปี ๒๕๖๕ อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ
๑.๔ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๑.๐ ของ GDP สำหรับปี
๒๕๖๗ คาดว่า GDP จะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๒.๗-๓.๗ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังนำข้อมูลในเรื่องนี้ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปตรวจสอบและวิเคราะห์ให้ถูกต้อง
ชัดเจน เพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม และรวดเร็วมากยิ่งขึ้นต่อไป ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติวิเคราะห์ข้อมูลอื่น ๆ
เพิ่มเติมด้วย เช่น หนี้ภาคครัวเรือน รายได้ของประชาชน
หนี้และศักยภาพในการประกอบธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศให้รอบด้านมากยิ่งขึ้น
และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3305 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณการเช่าบ้านข้าราชการในต่างประเทศ | กต. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๑ เพื่อเช่าบ้านข้าราชการที่ไปประจำการในต่างประเทศ
งวดเดือนธันวาคม ๒๕๖๖ และอนุมัติการทำสัญญาที่มีระยะเวลาเกินกว่า ๑ ปีงบประมาณ
วงเงินงบประมาณ ๔๐๖,๑๕๓,๔๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่นสำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน
ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน แผนงานบุคลากรภาครัฐ รายการบุคลากรภาครัฐ งบดำเนินงาน
ค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ รายการค่าเช่าบ้านข้าราชการในต่างประเทศ จำนวน ๘๘,๔๘๓,๗๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๓๑๗,๖๖๙,๗๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ พ.ศ. ๒๕๗๑
โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับวงเงินตามสัญญาตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3306 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษในช่วงเทศกาลปีใหม่ของปี พ.ศ. 2567) | คค. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข
๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข
๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑
นาฬิกา ของวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันพุธที่ ๓
มกราคม ๒๕๖๗
เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเดินทางบนทางหลวงพิเศษในช่วงเทศกาลดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3307 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกผันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่าอาคารสำหรับสถานเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนไทยถาวรประจำอาเซียน และสถานกงสุลใหญ่ จำนวน 7 แห่ง และเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง จำนวน 2 คัน | กต. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๒
เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารสถานเอกอัครราชทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน
และสถานกงสุลใหญ่ และค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง รวมทั้งสิ้น ๙ รายการ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๙๗,๖๗๙,๑๐๐ บาท
หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่นสำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนตามนัยมาตรา
๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าสำนักงานในต่างประเทศและการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๒๘,๘๗๔,๑๐๐ บาท
ให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
รวมถึงพิจารณาดำเนินการตามมติคระรัฐมนตรีเมื่อวัยที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ เรื่อง
การสนับสนุนการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ตามความจำเป็นและเหมาะสมในโอกาสแรก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3308 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2535 (เรื่อง แนวทางการจัดระบบบริหารการพัฒนาแหล่งน้ำ) ในส่วนที่กำหนดว่า "ระบบท่อส่งน้ำต่าง ๆ ควรจะมีผู้รับผิดชอบรายเดียวในการพัฒนาระบบให้เป็นท่อส่งน้ำสายหลัก (Trunk Transmission Main) และการดำเนินการบริหาร/จัดการ (Operate) เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นผู้ค้าส่ง (Wholeseller) ในการซื้อน้ำจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานและขายน้ำดิบให้กับระบบจำหน่ายต่าง ๆ" | กษ. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔
กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ (เรื่อง แนวทางการจัดระบบบริหารการพัฒนาแหล่งน้ำ)
ในส่วนที่กำหนดว่า “ระบบท่อส่งน้ำต่าง ๆ
ควรจะมีผู้รับผิดชอบรายเดียวในการพัฒนาระบบให้เป็นท่อส่งน้ำสายหลัก (Trunk Transmission Main) และการดำเนินการบริหาร/จัดการ
(Operate) เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นผู้ค้าส่ง (Wholeseller)
ในการซื้อน้ำจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานและขายน้ำดิบให้กับระบบจำหน่ายต่าง
ๆ” ไปเพื่อดำเนินการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ
ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3309 | การสรรหากรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐแทนตำแหน่งที่ว่าง (นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต) | ปปท. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอรายชื่อ นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต เป็นบุคคลที่คณะรัฐมนตรีสรรหาและเสนอรายชื่อต่อคณะกรรมการคัดเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
เพื่อคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
แทนตำแหน่งที่ว่างลง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3310 | การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยจำนวนมาก | นร. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยจำนวนมาก
(High Season) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม
ประเทศไทยจำเป็นจะต้องจูงใจและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในการตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทย
รวมทั้งดำรงภาพลักษณ์ที่ถูกต้อง ชัดเจน ในสายตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในเรื่องต่าง
ๆ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไปประสานกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(คปภ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดให้มีการประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยให้ครอบคลุมทั้งในกรณีเสียชีวิตและกรณีประสบอุบัติเหตุ
โดยพิจารณากำหนดเงื่อนไข อัตราเงินชดเชย
และระยะเวลาในการคุ้มครองที่เหมาะสมและเป็นธรรม รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดให้มีระบบบริการสาธารณสุขและประกันสุขภาพ
(Universal Healthcare)
สำหรับนักท่องเที่ยวด้วย ทั้งนี้ งบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น
ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของหน่วยงานก่อนเป็นลำดับแรก
โดยหากไม่สามารถปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้หรือมีงบประมาณไม่เพียงพอ
และมีความจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ก็ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำกับให้มีการบูรณาการและประสานการทำงานร่วมกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสถานีตำรวจในท้องที่ต่าง ๆ ในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่เดินทางเข้าประเทศและเดินทางกลับ
โดยต้องมีความพร้อมในการตอบสนองและเผชิญเหตุได้อย่างรวดเร็วเมื่อได้รับแจ้งเหตุ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสะอาดของสถานที่ท่องเที่ยวต่าง
ๆ ในความรับผิดซอบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของห้องน้ำสาธารณะ
ป้ายบอกทาง จุดจอดรถ จุดทิ้งขยะ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับรองรับผู้สูงอายุ เด็ก
และคนพิการ ๔. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดประชุมและมอบนโยบายให้แก่สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในต่างประเทศทุกแห่งเพื่อเร่งรัดการทำงานเชิงรุก
โดยเฉพาะการดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ทราบถึงมาตรการในการดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
รวมทั้งขอความร่วมมือสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม
และร้านอาหารในการเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทย
นอกจากนี้
ให้แต่ละสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในต่างประเทศเตรียมความพร้อมและกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการติดตามข่าวสารและชี้แจงตอบโต้ข่าวปลอม
(Fake News) ในประเด็นต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย
ให้ถูกต้อง รวดเร็ว และเท่าทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ๕. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานงานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งประสานผู้ประกอบการ(Operators) ทุกราย เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทราบถึงช่องทางการติดต่อ
เพื่อขอทราบข้อมูลข่าวสารหรือขอรับความช่วยเหลือที่จำเป็นเร่งด่วนตั้งแต่เดินทางถึงประเทศไทยให้ชัดเจนและทั่วถึง
เช่น ศูนย์บริการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ๑๖๗๒ (Tourist Hotline 1672) ช่องทางการรับแจ้งเหตุของนักท่องเที่ยว
สายด่วน ๑๑๕๕ เพื่อให้การดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3311 | ร่างปฏิญญาเนปยีดอของการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 4 | กต. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนชื่อร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๘ เป็นร่างปฏิญญาเนปยีดอของการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๔
และปรับเปลี่ยนผู้รับรองเอกสารฉบับดังกล่าวจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นนายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายในการประชุมผู้นำฯ
โดยไม่กระทบสาระสำคัญของร่างเอกสารดังกล่าวที่คณะรัฐมนตรีได้เคยให้ความเห็นชอบแล้ว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรส่งเสริมให้ประเทศในอนุภูมิภาคฯ
ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติ
รวมทั้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ
เพื่อให้ประเทศสมาชิกสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบและบทลงโทษจากการกระทำผิดให้กับประชาชนในพื้นที่
ซึ่งจะส่งผลให้ช่วยลดความเสี่ยงในการเข้าสู่วงจรอาชญากรรมข้ามชาติ
และเพื่อให้ประเทศสมาชิกสามารถกำหนดแนวทางปฏิบัติร่วมกันได้อย่างชัดเจน และควรเน้นย้ำแนวทางการดำเนินงานของกรอบความร่วมมือดังกล่าวให้สอดประสานกับประเด็นความเชื่อมโยงด้านคมนาคมและการขนส่งที่กรอบความร่วมมืออื่น
ๆ ในพื้นที่ได้ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว อาทิ อาเซียน
แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) และยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง
(ACMECS) เพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกันและเกื้อหนุนการดำเนินการระหว่างกัน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3312 | ข้อเสนอแนะแนวทางบูรณาการขับเคลื่อนการป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ | ปช. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.รับทราบแนวทางบูรณาการขับเคลื่อนการป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบายในขั้นตอนการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางบูรณาการขับเคลื่อนการป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย
ในขั้นตอนการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการทุจริตในการดำเนินแผนงาน/โครงการในภาครัฐ
ประกอบด้วย ขั้นการวางแผนก่อนดำเนินโครงการ ขั้นการดำเนินโครงการ
และขั้นการสรุปผลหลังการดำเนินโครงการ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะแนวทางบูรณาการขับเคลื่อนการป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย
ในขั้นตอนการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน
ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรายงาน
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3313 | การกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff: UGT) | นร. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายในการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
นั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการดำเนินการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนที่มีความต้องการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนในการประกอบการ
ตลอดจนรองรับมาตรการทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงพลังงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณากำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff : UGT) ให้ชัดเจน เหมาะสม เป็นธรรม และมีเสถียรภาพ
เพื่อจูงใจนักลงทุนและส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภาพรวมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3314 | มติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 | นร.13 | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมติรับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ สรุปได้ ดังนี้ (๑) เรื่องเพื่อทราบ
จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ ๑) รับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายฯ
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายฯ มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๖
โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒) รับทราบความคืบหน้าของการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
๓) รับทราบการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในราชการตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔, ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ และ ๑๖ ตุลาคม
๒๕๖๖) และ ๔) รับทราบมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า และ (๒)
เรื่องเพื่อพิจารณา รวม ๕ เรื่อง ได้แก่ ๑) การแก้ไขหลักเกณฑ์ภายใต้มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
(EV3) ๒) มาตรการ EV3.5 คณะกรรมการนโยบายฯ
ได้พิจารณามาตรการ EV3.5 เพื่อให้มีผลใช้บังคับในช่วงปี ๒๕๖๗-๒๕๗๐
โดยครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่ง รถกระบะและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
รวมถึงสิทธิประโยชน์สำหรับรถยนต์แต่ละประเภทด้วย ๓) สนับสนุนงบประมาณสำหรับมาตรการ
EV3 ในส่วนที่ขาด และ EV3.5 ๔) การขยายเวลาสิทธิประโยชน์ภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล
(ECO Car) และ ๕) การปรับปรุงกระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญสำหรับรถยนต์นั่งในเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรี
(Free Zone) : คณะกรรมการนโยบายฯ
ในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ตามที่คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นควรกำหนดเป้าหมายในการสนับสนุน
Eco Car ที่ชัดเจน
โดยหลังจากขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยซน์ด้านภาษีสรรพสามิตในครั้งนี้แล้ว
ควรใช้อัตราภาษีตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสินค้ารถยนต์ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๙ เป็นต้นไป หากมีการดำเนินกิจกรรม มาตรการ
หรือโครงการที่อาจก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต
รวมทั้งการยกเว้นหรือการลดภาษีอากรใด ๆ
หน่วยงานของรัฐต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐต่อไป สำหรับงบประมาณในการดำเนินการตามมาตรการการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าดังกล่าว
สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙
ให้กรมสรรพสามิต ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต
โครงการการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ งบเงินอุดหนุน
เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์
จำนวน ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเงินอุดหนุนตามมาตรการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๐
เห็นควรให้กรมสรรพสามิตเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
และควรพิจารณากำหนดแผนงานในส่วนของการดำเนินการตาม “มาตรการเพื่อพัฒนารถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล
(ECO Car) และรถกระบะในระยะต่อไป
ให้เป็นไปในทิศทางที่สอดรับกับแนวทางการส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ”
ให้ชัดเจนต่อไปโดยเร็ว นอกจากเรื่องการส่งเสริมการผลิต และประเด็นการพัฒนารถยนต์ ECO
Car และรถกระบะ รวมถึงเป้าหมายการแก้ไขปัญหา PM 2.5 และการมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon neutrality ในขณะเดียวกัน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3315 | เรื่องสืบเนื่องจากการเยือนญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ ของนายกรัฐมนตรี | นร. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่
๑๕-๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ ได้มีโอกาสหารือกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือในภูมิภาคในมิติต่าง
ๆ จึงขอมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๑. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รับไปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดการดำเนินการส่งออกข้าว
จำนวน ๒ ล้านตัน
ไปยังประเทศอินโดนีเซียให้แล้วเสร็จและเป็นไปตามความประสงค์ของประเทศอินโดนีเซียที่ขอซื้อไว้ ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดการดำเนินการจัดตั้งสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา
รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองดูแลคนไทยและอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3316 | รายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของรองนายกรัฐมนตรีและส่วนราชการ | นร 05 | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.)
ของรองนายกรัฐมนตรีและส่วนราชการ รวมทั้งหมด ๓๗ ราย
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายชนินทร์
รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๒. นางสาวอรณี
รัตนประเสริฐ นักทัณฑวิทยาชำนาญการ ๓. นายศึกษิษฏ์
ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๔. นายชื่นชอบ
คงอุดม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๕. พลเอก
ธนะศักดิ์ ชื่นอิ่ม รองปลัดกระทรวงกลาโหม ๖. นางสาวพินทุ์สุดา
ชัยนาม เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง ๗. นายมนตรี
เดชาสกุลสม รองปลัดกระทรวงคมนาคม ๘. นายเวทางศ์
พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๙. นางโสรดา
เลิศอาภาจิตร์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ๑๐. นายสมคิด
จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ๑๑. นายสมาสภ์
ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ๑๒. นางโชติกา
อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ๑๓.
นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ๑๔. นายพงศธร พอกเพิ่มดี นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านสาธารณสุข) รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ๑๕. นายเอกภัทร
วังสุวรรณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ๑๖. นายมงคลชัย
สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๑๗. นางนิชา
หิรัญบูรณะ ธุวธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ๑๘. นางอุดมพร
เอกเอี่ยม รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ๑๙.
นางสาวสาวิตรี ชำนาญกิจ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ๒๐. นายวีรศักดิ์
ทิพย์มณเฑียร รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ๒๑. นายยุทธนา
สาโยชนกร รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ๒๒. นายฉัตรชัย
บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งซาติ ๒๓. นายกิตติศักดิ์ จุลสำรวล กรรมการร่างกฎหมายประจำ
(นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) ๒๔. นายสุวัฒน์ เอื้อเฟื้อ รองเลขาธิการ
ก.พ. ๒๕. นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ
ก.พ.ร. ๒๖. นายนฤชา ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน ๒๗. นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ๒๘. นายศุภฤกษ์ ภู่พงศ์ศักดิ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ๒๙. นายประเสริฐ ศิรินภาพร รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ๓๐. นางพิชญดา หัศภาค รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระ ราชดำริ ๓๑. นายศานติ ภักดีคำ รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา
รักษาราชการแทนเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา ๓๒. นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ๓๓. นายธัชพล กาญจนกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ๓๔. พลตรี ธีรวุฒิ วิทยากรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ๓๕. พลเรือตรี จุมพล นาคบัว ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทาง ทะเล ๓๖. นายทศพร แย้มวงษ์ รองเลขาธิการวุฒิสภา |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3317 | การใช้พื้นที่ภายในสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางชื่อ) เพื่อเป็นศูนย์แสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ของโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) | นร.05 | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๒
เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารสถานเอกอัครราชทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน
และสถานกงสุลใหญ่ และค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง รวมทั้งสิ้น ๙ รายการ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๙๗,๖๗๙,๑๐๐ บาท
หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่นสำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนตามนัยมาตรา
๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าสำนักงานในต่างประเทศและการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๒๘,๘๗๔,๑๐๐ บาท
ให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
รวมถึงพิจารณาดำเนินการตามมติคระรัฐมนตรีเมื่อวัยที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ เรื่อง
การสนับสนุนการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ตามความจำเป็นและเหมาะสมในโอกาสแรก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3318 | มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน | พน. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า
ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการที่ดำเนินการในช่วงเดือนกันยายน
๒๕๖๖-ถึงเดือนธันวาคม ๒๕๖๖
เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนและการพื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามหน้าที่และอำนาจที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน
งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
เร่งรัดดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ความพร้อม และความสามารถทางการเงินของภาครัฐ รวมถึงปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
รวมทั้งเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควรติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้สามารถบริหารจัดการราคาพลังงานของประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อไป
และควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางในการพัฒนาแหล่งพลังงานอื่นเพื่อใช้ทดแทน
Fossil Fuel เพื่อให้สอดคล้องกับผลการประชุม
COP 28 อันจะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่พึ่งพา Fossil Fuel อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. เห็นชอบการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน
๓๐๐ หน่วยต่อเดือน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3319 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2566) | ปสส. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖
ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)
วันพุธที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๖ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ธันวาคม
๒๕๖๖ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3320 | ร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... (นายศักดิ์ดา แสนมี่ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 12,888 คน เป็นผู้เสนอ) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2566)] | ปสส. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย
พ.ศ. .... (นายศักดิ์ดา แสนมี่ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน ๑๒,๘๘๘ คน เป็นผู้เสนอ
ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ ตามที่คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|