ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 158 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 3141 - 3160 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3141 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการพัฒนาและการส่งเสริมการดำเนินงานด้านหม่อนไหม ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการพัฒนาและการส่งเสริมการดำเนินงานด้านหม่อนไหม
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส
วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3142 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ปัญหายาเสพติดในมิติด้านความมั่นคง ของคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา | สว. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ปัญหายาเสพติดในมิติด้านความมั่นคง ของคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ
วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงศึกษาธิการ (สถานศึกษา) กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน
ก.พ.ร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3143 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “แนวทางการขับเคลื่อนศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย (ศส.ปชต.)” ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา | สว. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “แนวทางการขับเคลื่อนศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย
(ศส.ปชต.)” ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3144 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี) | นร.04 | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๖/๒๕๖๗ เรื่อง
แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3145 | ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการถอนข้อสงวนข้อ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก | สม. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการถอนข้อสงวนข้อ ๒๒
ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3146 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 | ดศ. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. ๒๕๖๒ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๗
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3147 | การจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ วาระ ๑
ในระหว่างวันที่ ๓-๕ มกราคม ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อยเป็นอย่างดี
โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ของทุกหน่วยงาน
ถึงแม้ว่าการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ดังกล่าว รัฐบาลมีเวลาเตรียมการในเรื่องนี้ค่อนข้างน้อย ดังนั้น
ในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการนั้น
ขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการนำนโยบายของรัฐบาลมากำหนดเป็นจุดเน้นที่ต้องดำเนินการและใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนงาน/โครงการรองรับต่อไป
โดยพิจารณากำหนดสัดส่วนงบประมาณที่สะท้อนถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้ชัดเจน
กำหนดตัวชี้วัดในการดำเนินแผนงาน/โครงการที่สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรมและในกรณีจะเพิ่มหรือลดงบประมาณในรายการใดก็ต้องมีเหตุผลและความจำเป็นที่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนด้วย
โดยขอให้สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานหลักในการหารือและประสานงานกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามแนวทางดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้
ให้แต่ละกระทรวงส่งแผนการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาลของแต่ละกระทรวงไปยังสำนักงบประมาณ
เพื่อประกอบการพิจารณาการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณดังกล่าวข้างต้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3148 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการปรึกษาหารือทางการเมืองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศเเห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน | กต. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการปรึกษาหารือทางการเมืองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน
และอนุมัติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการปรึกษาหรือทางการมืองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าโดยปัจจุบันไทยอยู่ระหว่างการเจรจาเปิดตลาดสินค้าทวิภาคีกับอาเซอร์ไบจานภายใต้กระบวนการภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก
(WTO) ของอาเซอร์ไบจาน
จึงอาจใช้เวทีดังกล่าวผลักดันประเด็นที่ไทยและสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานมีผลประโยชน์ร่วมกัน
และในอนาคตอาจพิจารณาขยายประเด็นการหารือให้ครอบคลุมประเด็นความมั่นคงที่เป็นประโยชน์ร่วมกันหรือข้อห่วงกังวลของทั้งสองฝ่าย
เช่น ประเด็นการต่อต้านการก่อการร้ายและแนวคิดรุนแรงสุดโต่ง อาชญากรรมข้ามชาติ
ความมั่นคงทางไซเบอร์ เป็นต้น รวมทั้งควรวิเคราะห์และติดตามประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3149 | การเร่งรัดการดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ | นร. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง
และการประปาส่วนภูมิภาค ได้ผ่อนปรนให้ประชาชนผู้ได้รับทะเบียนบ้านชั่วคราวซึ่งออกให้กับที่อยู่อาศัยที่ปลูกสร้างขึ้นในที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต
รวมถึงผู้ที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐสามารถขอใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาได้ในอัตราค่าบริการที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนกลุ่มดังกล่าวในระยะยาว
ซึ่งบางส่วนไม่มีสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้าและน้ำประปาใช้มาเป็นเวลานานมากแล้ว จึงขอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
(สคทช.) ดำเนินการ ดังนี้ ๑.
เร่งรัดการดำเนินการขอผ่อนผันการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ เมษายน
๒๕๔๖ (เรื่อง
การออกเลขที่บ้านชั่วคราวให้กับผู้บุกรุกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย)
รวมทั้งเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ดินที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐมาก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติในวันนี้สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้าและน้ำประปาได้เป็นการชั่วคราวตามหลักสิทธิมนุษยชน
โดยให้ดำเนินการเรื่องนี้เป็นการนำร่องก่อนเฉพาะในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน
และให้ สคทช. รายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๑ เดือน ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับ สคทช. ในการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นตามหน้าที่และอำนาจด้วย ๒.
เร่งรัดการดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ภายใน ๑ ปี ทั้งนี้ ให้ สคทช.
รายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3150 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สาม พ.ศ. .... | ทส. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สาม
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าใช้น้ำประเภทที่ ๒ และประเภทที่ ๓
ที่ไม่ใช่น้ำจากทางน้ำชลประทานตามกฎหมายว่าด้วยชลประทานและน้ำบาดาลตามกฎหมายว่าด้วยน้ำบาดาล
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่เห็นควรให้นำหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าใช้น้ำสำหรับการใช้น้ำประเภทที่สองและการใช้น้ำประเภทที่สาม
ตามมาตรา ๔๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3151 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐเฮลเลนิก | กต. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐเฮลเลนิก
และให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีเพื่อทบทวน
ขยาย และเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีตลอดจนและเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นภูมิภาคและประเด็นระหว่างประเทศที่สนใจร่วมกัน
เช่น ด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม
โดยไทยและกรีชจะสลับกันจัดการหารือขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
โดยผู้แทนเข้าร่วมการหารือจะเป็นระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และระดับรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐเฮลเลนิกในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยเห็นว่า
การจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐเฮลเลนิก
จะทำให้เกิดเวทีและช่องทางการติดต่อสื่อสารที่เป็นประโยชน์ในการผลักดันความร่วมมือระหว่างไทยและสาธารณรัฐเฮลเลนิกในด้านต่าง
ๆ รวมถึงเศรษฐกิจและการค้า ทั้งนี้
โดยที่ปัจจุบันไทยอยู่ระหว่างเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) กับสหภาพยุโรป
(European Union : EU) ไทยจึงอาจใช้กลไกการหรือทวิภาคีกับสาธารณรัฐเฮลเลนิก
ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เพื่อสนับสนุนการเจรจาความตกลงการค้าเสรีดังกล่าวโดยการผลักดันประเด็นที่ไทยและสาธารณรัฐเฮลเลนิกมีผลประโยชน์ร่วมกัน
โดยเห็นว่า การจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐเฮลเลนิก
จะทำให้เกิดเวทีและช่องทางการติดต่อสื่อสารที่เป็นประโยชน์ในการผลักดันความร่วมมือระหว่างไทยและสาธารณรัฐเฮลเลนิกในด้านต่าง
ๆ รวมถึงเศรษฐกิจและการค้า ทั้งนี้
โดยที่ปัจจุบันไทยอยู่ระหว่างเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade
Agreement : FTA) กับสหภาพยุโรป (European Union
: EU) ไทยจึงอาจใช้กลไกการหรือทวิภาคีกับสาธารณรัฐเฮลเลนิก
ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เพื่อสนับสนุนการเจรจาความตกลงการค้าเสรีดังกล่าวโดยการผลักดันประเด็นที่ไทยและสาธารณรัฐเฮลเลนิกมีผลประโยชน์ร่วมกัน
และกระทรวงการต่างประเทศต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3152 | ร่างกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในหมวด 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 รวม 3 ฉบับ | นร.14 | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการ ๑.๑
ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือรายละเอียดการใช้น้ำแต่ละประเภท พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะหรือรายละเอียดของการใช้น้ำสาธารณะซึ่งจัดแบ่งออกเป็น
๓ ประเภท ๑.๒
ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สอง และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สาม
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่ ๒
และประเภทที่ ๓ ซึ่งไม่เกินอัตราที่กำหนดในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ.
๒๕๖๑ ๑.๓
ร่างกฎกระทรวงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าใช้น้ำสำหรับการใช้น้ำประเภทที่สองและการใช้น้ำประเภทที่สาม
และการเรียกเก็บ ลดหย่อน หรือยกเว้นค่าใช้น้ำ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์อัตราค่าใช้น้ำสำหรับการใช้น้ำประเภทที่
๒ และประเภทที่ ๓ รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเรียกเก็บ ลดหย่อน
หรือยกเว้นค่าใช้น้ำ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เช่น ๑) ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สองและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สาม
พ.ศ. .... เนื่องจากร่างกฎกระทรวงดังกล่าวออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งตามมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้กำหนดมิให้นำความในมาตรา
๔๘
มาใช้บังคับแก่การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะที่เป็นน้ำบาดาลตามกฎหมายว่าด้วยน้ำบาดาล
ดังนั้น การกำหนดให้กิจการตาม ข้อ ๓ ให้ได้รับการลดหย่อนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตลงกึ่งหนึ่ง
หรือการกำหนดยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามข้อ ๔
แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สาม
สำหรับการใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะที่เป็นน้ำบาดาลจะสอดคล้องกับมาตรา ๕๕ หรือไม่ ๒) ควรระบุวัตถุประสงค์ของการใช้น้ำว่าเป็นการใช้น้ำเพื่ออุตสาหกรรมหรือวัตถุประสงค์
เพื่อการผลิตของนิคมอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกำหนดคำนิยามของผู้ใช้น้ำประเภทที่
๓ ให้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการพิจารณาว่าผู้ใช้น้ำจะเป็นผู้ใช้น้ำประเภทที่ ๒ หรือ
๓ ควรกำหนดจากปริมาณน้ำที่ใช้ เนื่องจากจะมีผลในการคิดค่าธรรมเนียมและอัตราการใช้น้ำทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะมีผลกระทบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในภาพรวม และ ๓) ในกรณีกลุ่มเกษตรกรที่เกิดจากการรวมกลุ่ม
หรือกลุ่มผู้ใช้น้ำในแหล่งน้ำขนาดเล็ก โดยใช้ทรัพยากรน้ำเพื่อการผลิตหรืออุปโภคบริโภคภายในกลุ่ม
การใช้น้ำลักษณะดังกล่าวเข้าหลักเกณฑ์การใช้น้ำประเภทที่หนึ่ง ตามข้อ ๒ (๓)
หรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันมีกลุ่มเกษตรกรในลักษณะที่มีการรวมกลุ่มเกินกว่า ๑๐ คน
เป็นจำนวนมาก การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอาจเป็นการสร้างข้อจำกัดในการรวมกลุ่มและภาระค่าใช้จ่ายซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรงและการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เช่น ๑)
เมื่อร่างกฎกระทรวงมีผลใช้บังคับแล้วจำเป็นต้องมีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างทั่วถึงเพื่อจะได้มีความรู้
ความเข้าใจและถือปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไป การดำเนินการใด ๆ ในแม่น้ำ ลำคลอง
บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเล หรือบนชายหาดของทะเล ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย ๒) ควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดดำเนินการให้มีการออกกฎหมายลำดับรอง
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่เหลืออยู่นอกเหนือกฎกระทรวงทั้ง
๓ ฉบับดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ ๓) ควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจในหลักการและสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงทั้ง
๓ ฉบับ ให้กับผู้ใช้น้ำดังกล่าวอย่างทั่วถึงต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3153 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สาม พ.ศ. .... | ทส. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สาม
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต อายุใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต
การโอนใบอนุญาต และการอนุญาต รวมทั้งการขอและการออกใบแทนใบอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่
๒ และประเภทที่ ๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดเพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่แจ้งเหตุแห่งการจำหน่ายเรื่องออกจากสารบบให้ผู้ยื่นคำขอทราบด้วย
ควรพิจารณากรอบระยะเวลาให้มีความเหมาะสมที่จะไม่ก่อให้เกิดการดำเนินการที่ล่าช้าเกินสมควรและส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
และในระยะต่อไป กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำควรพิจารณาปรับปรุงกรอบระยะเวลาในการขออนุญาตใช้น้ำตามหมวด
๒ การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้กระชับขึ้น
เพื่ออำนวยความสะดวกต่อภาคการผลิตและสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3154 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567) | ปสส. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด
พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่
๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖
ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ มกราคม
๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3155 | การบังคับใช้มาตรฐานระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ใหม่ให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 5 และยูโร 6 | นร. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ประเทศไทยได้เริ่มใช้มาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ใหม่ให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร
๕ ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา นั้น
ถือเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาปภายในที่สำคัญของประเทศ
รวมทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
โดยเฉพาะปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองที่เกิดจากรถยนต์ด้วย อย่างไรก็ตาม
การดำเนินการเพื่อยกระดับมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ใหม่ในระยะต่อไปจากมาตรฐานยูโร
๕ เป็นมาตรฐานยูโร ๖
โดยเฉพาะกรณีรถยนต์ดีเซลทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นหลักจะส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจและเศรษฐกิจในวงกว้าง
เช่น ความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการขนส่ง การขนส่งข้ามแดน
ความพร้อมของผู้ประกอบการผลิตรถยนต์ นอกจากนี้
ในปัจจุบันประเทศในภูมิภาคอาเซียนมีเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่บังคับใช้มาตรฐานยูโร
๖ แล้ว ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการบังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ใหม่ตามมาตรฐานยูโร
๖ ผ่านกลไกคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติตามขั้นตอน ให้รอบคอบ เหมาะสม
โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ในทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3156 | ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567)] | ปสส. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด
พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3157 | การคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (1. นายเสรี นนทสูติ ฯลฯ จำนวน 6 คน) | กค. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
จำนวน ๖ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่กระทรวงการคลังมีคำสั่งแต่งตั้ง
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. ดร.เสรี นนทสูติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. นางสมหมาย
ศิริอุดมเศรษฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบัญชี ๓. นายสีหนาท ล่ำซำ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจ ๔. นายประกิด บุณยัษฐิติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจ ๕. นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3158 | การกำหนดตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน (KPIs) ของส่วนราชการ | นร. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เกิดผลเป็นรูปธรรม จึงขอให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักรับไปประสานกับทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเพื่อพิจารณากำหนดตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน
(KPIs) และติดตามการประเมินผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาลเกิดผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงานที่ชัดเจน
และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3159 | การรับราชการภายหลังเกษียณอายุ | นร. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เห็นควรให้ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ว่า
จะไม่มีการต่ออายุให้ข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร รับราชการต่อไปภายหลังเกษียณอายุ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3160 | การจัดทำโครงการหรือกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร. | 09/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒ มกราคม
๒๕๖๗)
เห็นชอบให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดทำโครงการหรือกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ให้ถูกต้อง ละเอียดรอบคอบ เป็นไปตามโครงการและกิจกรรมที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
นั้น ขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
โดยเชิญชวนประชาชนจากทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำโครงการหรือกิจกรรม
แล้วให้เสนอโครงการหรือกิจกรรมให้คณะกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรม
งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี
(นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) เป็นประธาน พิจารณโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้
ขอให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์
งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่การจัดงานเฉลิมพระเกียรติดังกล่าวในภาพรวม
ให้รวดเร็ว ถูกต้อง และทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนได้ทราบและร่วมแสดงความจงรักภักดีในปีมหามงคลนี้อย่างพร้อมเพรียงกันด้วย
|