ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 160 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 3181 - 3200 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3181 | การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
และคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ รวม ๘ คณะ และคณะกรรมการอำนวยการฯ ในการประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ได้มีมติเห็นชอบการจัดพิธีการต่าง ๆ รวมทั้งโครงการและกิจกรรมของหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว นั้น
ขอกำชับให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ละเอียดรอบคอบ
เป็นไปตามโครงการและกิจกรรมที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติยศทุกประการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3182 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค) | สธ. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
(๓๐ บาทรักษาทุกโรค) ความคืบหน้าการยกเว้นโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค
ซึ่งได้มีการกำหนดเป้าหมาย แนวทางพัฒนา กิจกรรมตัวชี้วัดระยะ ๑๐๐ วัน (ในระยะต้น)
และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ (ระยะต่อไป) โดยมีผลการดำเนินงาน เช่น (๑)
บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ๔ จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด
และนราธิวาส (๒) นัดหมายพบแพทย์ตรวจเลือด รับยาใกล้บ้าน ๑ จังหวัด ๑ โรงพยาบาล
ดำเนินการแล้ว ทั่วประเทศ (๓) บรรจุตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ๒,๒๑๐ อัตรา (๔) จัดตั้งโรงพยาบาล ๑๒๐
เตียง ในเขตดอนเมือง/อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ (๕) จัดตั้งสถานชีวาบาลจังหวัดละ
๑ แห่ง รวม ๔๔ จังหวัด (๖) ฉีดวัคซีน HPV ในหญิงอายุ ๑๑-๒๐
ปี ๘๐๗,๖๐๔ โดส เป็นต้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3183 | มาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย | กค. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อปรับอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ
และปรับโครงสร้างภาษีและอัตราภาษีสำหรับสินค้าสุรา และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ ๒๘
ธันวาคม ๒๕๖๔ เพื่อปรับโครงสร้างภาษีศุลกากรสินค้าไวน์ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสำหรับกลุ่มสินค้าดังกล่าว
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ การตรวจสินค้าเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(VAT Refund for Tourists) ของนักท่องเที่ยว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ที่เห็นว่าควรติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเป็นระยะอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้อย่างแท้จริง
และควรติดตามประเมินผลการดำเนินมาตรการดังกล่าวเพื่อประเมินความคุ้มค่าของมาตรการต่าง
ๆ ทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคม
โดยให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง
และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาควรดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ภาคประชาชนและภาคธุรกิจทราบเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวได้
และสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็น และประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3184 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนรับหลักการ | นร.05 | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.
เมื่อสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติให้คณะรัฐมนตรีรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปพิจารณาก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติรับหลักการแล้ว
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาดำเนินการ
โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเชิญผู้แทนกระทรวง ทบวง กรม
ที่เกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาร่วมพิจารณาโดยด่วนให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลาที่ขอรับมา
ทั้งนี้
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเชิญผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณร่วมพิจารณาด้วย
เพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความสอดคล้องกับทิศทางนโยบายของคณะรัฐมนตรีและกรอบของงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3185 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน
สรุปได้ ดังนี้ ๑) สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น
๕๗,๓๙๙
เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ ๕๑,๒๐๔ เรื่อง
คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๒๑ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนมากที่สุด (๕,๑๙๘ เรื่อง) ๒)
การประมวลผลและวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
มีสถิติเรื่องร้องทุกข์ ๕๗,๓๙๙ เรื่อง น้อยกว่าปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๐,๕๒๐ เรื่อง (มีเรื่องร้องทุกข์ ๖๗,๙๑๙ เรื่อง) โดยประเด็นที่ประชาชนยื่นเรื่องร้องทุกข์มากที่สุดคือ เสียงรบกวน/สั่นสะเทือน
(๔,๘๙๓ เรื่อง) ๓) ข้อจำกัด
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ เช่น
กรณีปัญหาเสียงดังรบกวนเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานและกฎหมายหลายฉบับ
เจ้าหน้าที่ใช้วิธีการไกล่เกลี่ยมากกว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัญหายังคงเกิดขึ้นซ้ำ และ ๔) ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน
เช่น ควรกำหนดให้หน่วยงานระดับกระทรวงเชื่อมโยงฐานข้อมูลเรื่องร้องทุกข์กับศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
๑๑๑๑ ให้ครบถ้วนภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรูปแบบ/แนวทาง/กระบวนงาน/ขั้นตอนในการระงับเหตุหรือการแก้ไขปัญหาเสียงดังรบกวนของสถานบันเทิงใน
๔ พื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง (กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ และภูเก็ต)
และรายงานให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทราบผลการดำเนินการทุกไตรมาส ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และกระทรวงยุติธรรม เช่น หน่วยงานภาครัฐต้องให้ความสนใจในการรับฟังความคิดเห็นหรือข้อมูลดังกล่าว
และใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลเรื่องราวร้องทุกข์เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจในการกำหนดนโยบาย
แผนงาน โครงการและแนวทางดำเนินการเพื่อตอบสนองให้ตรงตามความต้องการของประชาชน ๒) การอนุญาตตั้งสถานบริการ/สถานบันเทิง
หน่วยงานอนุญาตควรพิจารณาพื้นที่โดยรอบสถานที่ตั้งอย่างเคร่งครัดตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติสถานบริการ
พ.ศ. ๒๕๐๙ เพื่อป้องกันการร้องทุกข์กรณีที่เกิดขึ้นใหม่ ๓) การต่อใบอนุญาตประกอบกิจการ
นอกจากการพิจารณาสภาพพื้นที่ปัจจุบันโดยรอบสถานที่ตั้งแล้ว ควรนำปัญหาการร้องทุกข์เรื่องเสียง
และการร้องเรียนเรื่องอื่น
รวมถึงความสามารถในการแก้ไขปรับปรุงของสถานบริการ/สถานบันเทิง
มาประกอบการพิจารณาให้อนุญาต
เพื่อป้องกันการร้องทุกข์ซ้ำจากผู้ได้รับผลกระทบรายเดิม
และเป็นการลดภาระงานของหน่วยงานกำกับดูแล และ ๔) ควรกำชับการแจ้งผลความคืบหน้าหรือความสำเร็จในการดำเนินการให้ผู้ร้องทราบเป็นระยะ
ๆ ในช่องทางที่สะดวกและรวดเร็ว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนในปีต่อไป
ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาจากเรื่องร้องทุกข์และข้อคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ชัดเจน
เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่สำคัญ (KPIs) ของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3186 | การบริหารจัดการการให้บริการของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากการรายงานของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการบริหารจัดการพื้นที่การให้บริการของสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ
(จตุจักร) (หมอชิต ๒) ทราบว่า บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้มีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนบริเวณสถานีขนส่งฯ
มีการตรวจสอบพนักงานขับรถและสภาพรถโดยสารให้มีความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
และสามารถให้บริการประชาชนได้ตามปกติในช่วงปีใหม่ อย่างไรก็ตาม ขอให้กระทรวงคมนาคม
(บขส.) พัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชน ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของอาคารชานชาลา
และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยให้กำหนดเป้าหมายการดำเนินการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๖๗ ที่จะถึงนี้
ให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
และขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชนด้วย
โดยเฉพาะการขนส่งและเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนทั่วประเทศ ทั้งนี้ ให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเตรียมการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบล่วงหน้าเพื่อให้สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสมต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3187 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ (ร่างพระราชบัญญัติสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย พ.ศ. ....) | นร 05 | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า เมื่อสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติให้คณะรัฐมนตรีรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปพิจารณาก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติรับหลักการแล้ว
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาดำเนินการ
โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเชิญผู้แทนกระทรวง ทบวง กรม
ที่เกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาร่วมพิจารณาโดยด่วนให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลาที่ขอรับมา
ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบด้วย
และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเชิญผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณร่วมพิจารณาด้วย
เพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความสอดคล้องกับทิศทางนโยบายของคณะรัฐมนตรีและกรอบของงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3188 | สถานการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา นั้น
ขอให้กระทวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
และแจ้งเตือนภัยให้กับคนไทยที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นทราบเป็นระยะ เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อมอพยพออกจากพื้นที่ได้ทันท่วงที
ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้การใช้ระบบแจ้งเตือนภัยมีความสำคัญที่สุดเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถรับรู้และเตรียมความพร้อมรับมือต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้
ในส่วนของประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้มีการติดตั้งระบบแจ้งเตือนภัยไว้แล้ว
จึงขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการทดสอบและซักซ้อมการใช้ระบบดังกล่าวให้มีความพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา
เพื่อป้องกันภัยและลดความเสียหายจากสถานการณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3189 | มาตรการ "Easy E-Receipt" | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๔ ธันวาคม ๒๕๖๖ เห็นชอบมาตรการ “Easy E-Receipt” ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศในช่วงต้นปี พ.ศ.
๒๕๖๗ โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม-๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท โดยจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร นั้น
เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรมและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ในวงกว้าง
จึงขอให้กระทรวงการคลังเร่งประสานงานกับกรมประชาสัมพันธ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการประซาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับมาตรการ
“Easy E-Receipt” แก่ผู้ประกอบการและประชาชนผู้บริโภคให้ถูกต้อง
ทั่วถึง ในทุกช่องทางการสื่อสารโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3190 | ข้อเสนอแนะกรณีการจัดให้เด็กสมรสก่อนวัยอันควร | สม. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะกรณีการจัดให้เด็กสมรสก่อนวัยอันควร ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๒๔๗ (๓) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ (๓) (ตามข้อ ๒.๕) ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3191 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2566 (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Projects of the Mekong - Lancang Cooperation Special Fund 2023) | อว. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ (Memorandum of Understanding on
the Cooperation on Projects of the Mekong-Lancang Cooperation Special Fund 2023) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในด้านต่าง
ๆ เช่น การเกษตร ปศุสัตว์ การจัดการทรัพยากรน้ำ สุขภาพ ระบบขนส่งการท่องเที่ยว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ขี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรวิเคราะห์และประเมินผลจากการดำเนินโครงการตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3192 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง อำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 | ยธ. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย
เรื่อง อำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๕๐ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๖ โดยที่ประชุมเห็นว่า
ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกมาตรา ๑๑/๖
ในประเด็นการยกเลิกอำนาจการควบคุมตัวผู้ถูกจับในคดียาเสพติดไว้เพื่อสืบสวนสอบสวนได้เป็นเวลาไม่เกิน
๓ วัน ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ และยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายรวม
๒ ฉบับ คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๘๗ วรรคสาม และพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง และที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3193 | การนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ฉบับที่ 8 | พม. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ฉบับที่ ๘
ทั้งฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
ฉบับที่ ๘ ฉบับภาษาอังกฤษต่อคณะกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบต่อไป
โดยรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาฯ ฉบับที่ ๘ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้
ดังนี้ (๑) ไทยมีความก้าวหน้าในการส่งเสริมสิทธิและความเสมอภาคระหว่างเพศ เช่น ส่งเสริมสิทธิด้านการศึกษา
ส่งเสริมบทบาทสตรีทางเศรษฐกิจ และ (๒) ด้านกฎหมาย มีการดำเนินการ เช่น
ปรับปรุงกฎหมายที่มีนัยยะเลือกปฏิบัติระหว่างเพศและวิเคราะห์เนื้อหากฎหมายที่มีผลใช้บังคับในปัจจุบันซึ่งพบว่ามีกฎหมายที่มีเนื้อหาบางส่วนมีนัยยะในการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศ
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ปรับถ้อยคำในรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
ฉบับที่ ๘ ฉบับภาษาอังกฤษ ตามข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ
รวมทั้งดำเนินการปรับปรุงข้อมูลในส่วนของความก้าวหน้าในการจัดทำกฎหมายเพื่อปรับบรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันก่อนส่งรายงานฯ
ให้คณะกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3194 | การเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีว่า จากรายงานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่
ปี ๒๕๖๗ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและหน่วยงานภาคีเครือข่าย สรุปได้ว่า
ภาพรวมของการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต ณ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗
ลดลงจากปีที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ผู้เสียชีวิตลดลงจาก ๒๑๘ ราย เหลือ ๑๒๘
ราย ต้องขอขอบคุณกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในเส้นทางสายหลักและสายรอง
ป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุเตรียมความพร้อมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ
ตลอดจนประชาสัมพันธ์เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรและทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุและรับส่งผู้ประสบเหตุได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ยังคงมีประชาชนบางส่วนอยู่ระหว่างเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานคร
ทำให้เส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดยังมีปริมาณรถหนาแน่น จึงขอให้หน่วยงานต่าง
ๆ
ดังกล่าวข้างต้นดูแลความปลอดภัยทางถนนและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ยังอยู่ระหว่างการเดินทางกลับ
และในปีต่อไป ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ภาพรวมการเกิดอุบัติเหตุลดลงได้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3195 | การขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาระบบ National Single Window รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ
และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ให้มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of
Doing Business) รวมถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าผ่านการใช้ระบu
National Single Window ได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว
(One Stop Service) นั้น ขอให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นให้แล้วเสร็จและครบวงจร
และให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ความร่วมมือและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจโดยเร็ว
เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย
รวมทั้งเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3196 | การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาล | นร. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๖ และ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖)
ให้โฆษกประจำกระทรวงดำเนินการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ ในภารกิจ หน้าที่และอำนาจของแต่ละกระทรวง
รวมทั้ง ผลการปฏิบัติงานของรัฐมนตรีในช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ให้รวดเร็ว สม่ำเสมอ
และต่อเนื่อง และให้ประสานข้อมูลข่าวสารผลการดำเนินงานของกระทรวงในเรื่องสำคัญต่าง
ๆ กับโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง นั้น เนื่องจากการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลในช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่ละกระทรวงได้ดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก และสมควรสร้างการรับรู้ให้ชัดเจน ถูกต้อง
และทั่วถึง จึงขอมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปประสานงานกับรัฐมนตรีทุกกระทรวงเพื่อนำข้อมูลข่าวสารผลการดำเนินงานของกระทรวงในเรื่องสำคัญต่าง
ๆ ส่งให้กรมประชาสัมพันธ์และหน่วยงานของรัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของรัฐบาลให้ประชาชนได้ทราบอย่างถูกต้อง ทั่วถึง
และมีความต่อเนื่องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3197 | ขอความเห็นชอบการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) | พณ. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบบัญชีกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า (Product-Specific Rules of Origin : PSRs) ในพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์
ฉบับปี ๒๐๒๒ (Harmonized
System 2022 : HS 2022) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย
(Thailand-Australia
Free Trade Agreement : TAFTA) และการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย
เพื่อดำเนินการแก้ไขภาคผนวก ๔.๑ (เรื่องกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า) ของความตกลง TAFTA และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย
และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย
โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังดำเนินกระบวนการภายในเพื่อให้บัญชีกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลง
TAFTA เริ่มมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเข้าลักษณะตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสาม โดยจะเข้าข่ายตามมาตรา
๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ กระทรวงพาณิชย์จะต้องพิจารณาและแจ้งยืนยันประเด็นดังกล่าวเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย
และควรประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ตรงกันในการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลง
TAFTA ต่อผู้ผลิต ผู้ประกอบการ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
เพื่อลดปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนหรือปรับเปลี่ยนบัญชีถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย
ฉบับปี ๒๐๒๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3198 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ | กต. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ
และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ
ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทน
เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามที่ได้รับมอบหมาย
รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถเริ่มใช้ความตกลงฯ ในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญให้ยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทยและผู้ถือหนังสือเดินทางกึ่งราชการและหนังสือเดินทางธรรมดาของสาธารณรัฐประชาชนจีนในการเดินทางเข้า-ออกหรือผ่านดินแดนของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง
สำหรับการพำนักแต่ละครั้งระยะเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน และรวมระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน
ภายในช่วงเวลา ๑๘๐ วันใด ๆ ยกเว้นกรณีการพำนักถาวร การทำงาน การศึกษา
กิจกรรมด้านสื่อ หรือกิจกรรมอื่น ๆ
ที่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตล่วงหน้า จากหน่วยงานที่รับผิดชอบของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง
ทั้งนี้ ภาคีผู้ทำสัญญาแต่ละฝ่ายสามารถระงับใช้ความตกลงฯ เป็นการชั่วคราว
ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยสาธารณะ
และสาธารณสุขรวมทั้งสามารถแก้ไขและยกเลิกความตกลงฯ
โดยแจ้งอีกฝ่ายล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูต ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3199 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (1. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ฯลฯ รวม 7 คน) | คค. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย
รวม ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการ ๒. นายวิม รุ่งวัฒนจินดา กรรมการ ๓. นายศันสนะ สุริยะโยธิน กรรมการ ๔. นางสาวศุกร์ศิริ อภิญญานุวัฒน์ กรรมการ ๕. นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย กรรมการ ๖. นายอาทิตย์ สุริยาภิวัฒน์ กรรมการ ๗. นายอารีศักดิ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
3200 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 พ.ศ. .... | สธ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต
นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท
๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า
หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าการกำหนดระยะเวลาการแจ้งคำสั่งไม่อนุญาตตามร่างกฎกระทรวงฯ
ข้อ ๑๖ วรรคสอง ควรกำหนดให้สอดคล้องตามมาตรา ๑๐
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าร่างกฎกระทรวงข้อ
๑๖ วรรคหนึ่ง
ซึ่งกำหนดให้ผู้อนุญาตพิจารณาคำขออนุญาตให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ
เห็นว่าระยะเวลาสามสิบวันเป็นระยะเวลาที่พอสมควรที่ผู้อนุญาตจะได้พิจารณาคำขอและอนุญาตให้แล้วเสร็จ
แต่ก็มีข้อสังเกตว่าหากผู้อนุญาตไม่สามารถพิจารณาคำขอให้เสร็จสิ้นได้ภายในกำหนดสามสิบวันจะมีมาตรการอย่างไรในระหว่างที่พิจารณาคำขอ
จึงสมควรที่จะกำหนดมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบดังกล่าวด้วย และร่างกฎกระทรวงข้อ ๑๖
วรรคสอง
ที่กำหนดให้ผู้ขออนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีคำสั่งไม่อนุญาต
เห็นว่ากำหนดระยะเวลาดังกล่าวเป็นระยะเวลาที่กระชั้นชิด
ซึ่งในการอุทธรณ์คำสั่งผู้อุทธรณ์จะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการเตรียมข้อมูลในการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
จึงสมควรที่จะเพิ่มกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์จากสิบห้าวันเป็นสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ผู้ขออนุญาตได้รับหรือถือว่าได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งไม่อนุญาต
ซึ่งจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมมากกว่าตามร่างซึ่งกำหนดให้อุทธรณ์ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่มีคำสั่งไม่อนุญาต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |