ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 152 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 3021 - 3040 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3021 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (1. นายชลธิศ สุรัสวดี ฯลฯ จำนวน 8 คน) | สคทช | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
จำนวน ๘ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. นายชลธิศ สุรัสวดี ด้านการบริหารจัดการที่ดิน ๒. นายคณิต สุขรัตน์ ด้านทรัพยากรดิน ๓. นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ ด้านการปฏิรูปที่ดิน ๔. นายมณฑล สุดประเสริฐ ด้านการผังเมือง ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ขวัญชัย ดวงสถาพร ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๖. นายเสรี นนทสูติ ด้านกฎหมาย ๗. รองศาสตราจารย์ชนินทร์ ทินนโชติ ด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3022 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน
๒๕๖๖ เรื่อง
การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน
(กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ซึ่งแจ้งว่าไม่มีมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชนที่จะต้องยืนยันการคงอยู่ต่อไป
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3023 | รายงานผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 | นร.12 | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑)
ผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการประกาศช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ในการติดต่อราชการและระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการปฏิบัติงานตามมาตรา
๒๐ แห่ง พระราชบัญญัติฯ โดยสำนักงาน. ก.พ.ร.
ได้มีการสำรวจสถานะของการดำเนินการดังกล่าวในระยะแรก (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม
๒๕๖๖) พบว่า หน่วยงานของรัฐทั้งหมด ๘,๒๙๔ หน่วยงาน ดำเนินการออกประกาศกำหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับประชาชนติอต่อราชการตามมาตรา
๑๐ แล้ว จำนวน ๖,๗๘๒ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๘๒
ของหน่วยงานของรัฐทั้งหมด และดำเนินการกำหนดระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรา
๑๖ แล้ว จำนวน ๖,๖๓๑ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๘๐ ของหน่วยงานของรัฐทั้งหมด
และ (๒) การขอยกเว้นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งจะต้องออกเป็นกฎกระทรวงเพื่อยกเว้นการดำเนินการมีหน่วยงานเสนอขอยกเว้นฯ
จำนวน ๘ หน่วยงาน รวม ๓๕๕ งานบริการ ได้รับยกเว้น ๕๑ งานบริการ เช่น
หนังสือเดินทาง (Passport) คำสั่งอื่นของบุคคลสัญชาติไทย
เนื่องจากเจ้าพนักงานไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องที่แท้จริงของข้อมูลได้ ทั้งนี้
สำหรับการดำเนินการในระยะต่อไป สำนักงาน ก.พ.ร.
จะติดตามเร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามมาตรา ๒๐ ให้ครบถ้วนโดยเร็ว รวมถึงสร้างการรับรู้ให้หน่วยงานของรัฐรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา
๒๐ ผ่านระบบศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ (www.info.go.th) ที่เป็นช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลภาครัฐได้อย่างเบ็ดเสร็จครบวงจร
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3024 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) | ดศ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน
๒๕๖๖ การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน
(กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ซึ่งแจ้งว่าไม่มีมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชนที่จะต้องยืนยันการคงอยู่ต่อไป
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3025 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน (กระทรวงพาณิชย์) | พณ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน
๒๕๖๖ การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน
(กระทรวงพาณิชย์) ซึ่งแจ้งว่าไม่มีมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชนที่จะต้องยืนยันการคงอยู่ต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3026 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน (สำนักงาน ก.พ.) | นร.10 | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ กันยายน ๒๕๖๖ การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน
(สำนักงาน ก.พ.) ซึ่งแจ้งว่าไม่มีมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชนที่จะต้องยืนยันการคงอยู่ต่อไป
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3027 | รายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2565 | อว. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์
ประจำปี ๒๕๖๕ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) การดำเนินการตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์
พ.ศ. ๒๕๕๘ เช่น ๑ การจัดทำกฎหมายลำดับรองประกอบการบังคับใช้พระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ฯ
จำนวน ๓๑ ฉบับ ๒) รับคำขอใบอนุญาตใช้-ผลิตสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ๓) จัดทำระบบการให้บริการแบบออนไลน์
และ ๔) จัดทำแผนกลยุทธ์ว่าด้วยการพัฒนางานสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙
และแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๙ (๒) ผลการดำเนินการที่สำคัญ เช่น ๑) มีสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์
๓๐๓ แห่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการวิจัยมากที่สุด ๒)
มีการใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ๑๖๒.๘๐ ล้านตัว
โดยหนูเมาส์เป็นสัตว์ทดลองที่นิยมใช้มากที่สุด ๓)
มีผู้ใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ยื่นขอรับใบอนุญาต ๑,๒๘๒ คน ๔)
มีผู้ผลิตสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ยื่นขอรับใบอนุญาต ๓ คน และ ๕) มีการแจ้งนำเข้าสัตว์จากต่างประเทศ
๕๕๓ ตัว และแจ้งส่งออกสัตว์ไปยังต่างประเทศ ๘๖,๔๑๖ ตัว และ (๓)
การพัฒนางานการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ในระยะต่อไป เช่น
พัฒนาคุณภาพสัตว์ทดลองทั้งชนิดและปริมาณให้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้สัตว์พัฒนาสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ให้ได้มาตรฐาน
พัฒนาบุคลากร พัฒนาหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ฯ
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3028 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB23DA | กค. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น
LB23DA
ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ จำนวน ๓๒,๙๐๐ ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดดังกล่าว
ดังนี้ (๑) การชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลจากเงินส่วนเกิน (Premium) ที่ได้รับจากการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ของกระทรวงการคลัง จำนวน
๒,๙๐๐ ล้านบาท (๒) การชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลจากเงินในบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท และ (๓)
การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๒๘,๐๐๐
ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3029 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล ฯลฯ จำนวน 10 ราย) | กต. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๐ ราย ซึ่งเป็นการแต่งตั้งจากผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงทั้ง ๑๐ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ซึ่งการแต่งตั้งข้าราชการให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศในลำดับที่ ๑ ๓ ๔ ๖ ๙ และ ๑๐ รวม ๖ ราย ได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ๓. นางสาววิมลพัชระ รักษาเกียรติ ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงชันติอาโก สาธารณรัฐชิลี ๔. นางกาญจนา ภัทรโชค ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ๕. นายนิกรเดช พลางกูร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสารนิเทศ ๖. นางสาวอุรวดี ศรีภิรมย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๗. นางพันทิพา เอี่ยมสุทธา เอกะโรหิต ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๘. นายไพศาล หรูพาณิชย์กิจ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. นางสาวนิธิวดี มานิตกุล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3030 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความคุ้มค่าของการขุดคลองเชื่อมสองฝั่งทะเลภาคใต้ของไทย ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา | สว. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความคุ้มค่าของการขุดคลองเชื่อมสองฝั่งทะเลภาคใต้ของไทย
ของคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ตามที่สำนักเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3031 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางในประเทศ กรณีศึกษา : ถุงมือยาง และรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาและส่งเสริมเกษตรสร้างมูลค่าตามยุทธศาสตร์ชาติ : กรณีศึกษาสินค้าเกษตรทุเรียน ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา | สว. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางในประเทศกรณีศึกษา : ถุงมือยาง
และรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาและส่งเสริมเกษตรสร้างมูลค่าตามยุทธศาสตร์ชาติ
: กรณีศึกษาสินค้าเกษตรทุเรียน ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางในประเทศ กรณีศึกษา : ถุงมือยาง
และข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3032 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล | ดศ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล
และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นกรอบการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล
และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันระหว่างรัฐบาลไทย
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3033 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา | คค. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ (Full
Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย และมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางทางการทูตถึงการดำเนินการตามกระบวนการเสร็จสิ้นเพื่อให้ความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับ โดยร่างความตกลงฯ
จัดทำขึ้นระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
เพื่อใช้แทนที่และยกเลิกความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลศรีลังกา
ที่ลงนามเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๓ โดยมีถ้อยคำและบริบทที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
ดังนั้น ร่างความตกลงฯ จึงเป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3034 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 - 2572 เพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | ยธ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๒
เพื่อเป็นค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน
๓,๐๐๐ ซีชี)
พร้อมพนักงานขับรถยนต์ จำนวน ๑ คัน อัตราค่าเช่าไม่เกิน ๘๕,๐๐๐
บาทต่อคันต่อเดือน ระยะเวลา ๖๐ เดือน (ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๖๗ ถึงเดือนธันวาคม
๒๕๗๑) ภายในวงเงิน ๕,๑๐๐,๐๐๐ บาท
ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๗๖๕,๐๐๐ บาท
ให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ส่วนที่เหลือ จำนวน ๔,๓๓๕,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๒
โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับวงเงินตามสัญญาตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ การขออนุมัติดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกินร้อยละแปดของงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง ๆ
เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3035 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 4 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ดศ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล
ครั้งที่ ๔ (The 4th ASEAN Digital Ministers’
Meeting : The 4th ADGMIN) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
ประกอบด้วย เอกสารจะมีการลงนาม จำนวน ๑ ฉบับ และเอกสารที่จะรับรอง จำนวน ๑๑ ฉบับ
รวมจำนวน ๑๒ ฉบับ ซึ่งเป็นเอกสารแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกอาเซียนในการดำเนินโครงการและกิจกรรมความร่วมมือด้านดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนอย่างแข็งขันและต่อเนื่อง
สนับสนุนการดำเนินงานด้านการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล
การสร้างระบบนิเวศด้านดิจิทัลในอาเซียนให้มีความพร้อมทั้งในด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
การลดช่องว่างทางดิจิทัล การส่งผ่านข้อมูลระหว่างกัน
และกรอบแนวทางการกำกับดูแลที่เหมาะสมกับบริบทของอาเซียนที่มีความแตกต่างด้านการพัฒนา
เพื่อสามารถรับมือกับความท้าทายของโลกไซเบอร์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม
และเป็นการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายตามแผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล ค.ศ. ๒๐๒๕
อย่างเป็นรูปธรรม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมาย
ร่วมลงนามในร่างเอกสารที่จะมีการลงนาม จำนวน ๑ ฉบับ และเอกสารที่จะรับรอง จำนวน ๑๑
ฉบับ รวมจำนวน ๑๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเห็นควรพิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนต่อไป
รวมทั้งพิจารณาแนวทางการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเฉพาะด้าน อาทิ
รถยนต์ไร้คนขับ และความปลอดภัยบนโลกอินเทอร์เน็ต
เพื่อต่อยอดเทคโนโลยีไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องได้อย่างเป็นรูปธรรม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3036 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศในนามของประเทศสมาชิกยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง กับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงว่าด้วยการสนับสนุนสำนักงานเลขาธิการชั่วคราว ACMECS | กต. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศในนามของประเทศสมาชิกยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง
กับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงว่าด้วยการสนับสนุนสำนักงานเลขาธิการชั่วคราว
ACMECS และให้ผู้แทนที่กระทรวงการต่างประเทศมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและขับเคลื่อนสำนักงานเลขาธิการชั่วคราวฯ
ซึ่งกำหนดขอบเขตความร่วมมือตามภารกิจหลักของสำนักงานเลขาธิการชั่วคราวฯ รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินให้แก่สถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขงเพื่อการสนับสนุนและบริการแก่สำนักงานเลขาธิการชั่วคราวฯ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน
และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3037 | การดำเนินงานโครงการ "โคแสนล้าน" นำร่อง | สทบ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน)
ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติขอให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
และขอให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลของโครงการ
“โคแสนล้าน” นำร่อง ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
รวมทั้งเกษตรกรและประชาชนผู้สนใจโดยทั่วไปได้ทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงโดยด่วน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3038 | การแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 | นร. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
โดยเฉพาะเรื่องฝุ่นละออง PM2.5 มาอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิดอย่างเข้มงวด
และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมดำเนินการแก้ไขปัญหา
ตลอดจนประสานการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
ส่งผลให้ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในหลายพื้นที่บรรเทาความรุนแรงลง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในอีกหลายพื้นที่ของประเทศยังน่าเป็นห่วง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงขอมอบหมายการดำเนินการ
ดังนี้ ๑. ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านลงพื้นที่ในเขตตรวจราชการในความรับผิดชอบเพื่อติดตามและตรวจสอบสภาพปัญหาฝุ่นละออง
PM2.5
และกำกับดูแลการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวให้ทั่วถึงและเพียงพอ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม [สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)]
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 และจุดความร้อนในพื้นที่ต่าง ๆ
ให้ครบถ้วนอย่างต่อเนื่อง
เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประกอบการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เหมาะสม ถูกต้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3039 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... | กษ. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘
ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและชาวประมงผู้ประกอบอาชีพโดยสุจริตให้ได้รับความเป็นธรรม
และส่งเสริมการทำการประมงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเล
เพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมงเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรรักษาการสื่อสารกับสหภาพยุโรปเพื่อให้รับทราบข้อมูลและสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฯ
โดยตรงจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยให้สหภาพยุโรปมีความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินการของรัฐบาลด้านการทำประมงอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
และรักษาความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยยังคงปฏิบัติตามกฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้รับรองและเข้าเป็นภาคี
และการเสนอให้ยกเว้นเรือประมงที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำงานประมงในน่านน้ำไทยซึ่งมีพื้นที่กว่าสามแสนตารางกิโลเมตรไม่ต้องแสดงจำนวนรายชื่อและหนังสือคนประจำเรือ
จึงอาจเป็นประเด็นที่ทำให้ทางการไม่สามารถตรวจสอบจำนวนรายชื่อและหนังสือคนประจำเรือได้
ซึ่งนำไปสู่ความกังวลว่าอาจเป็นช่องทางไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ได้
และหากได้มีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวนี้ขึ้นอาจส่งผลต่อการจัดระดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ของประเทศไทย
(TIP REPORT) ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเล เพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมงเสนอ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดแนวทางการสร้างการรับรู้และแนวปฏิบัติให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง
เตรียมข้อมูล สำหรับการชี้แจงกับประเทศคู่ค้าถึงความจำเป็นของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... และจุดยืนของประเทศไทยต่อการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3040 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 29 มกราคม 2567) | ปสส. | 30/01/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
(วันจันทร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๗) ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๗
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่
๑๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|