ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1575 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31481 - 31500 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31481 | การนำเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนภายในประเทศภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ | กต | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการนำเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมี ๓ ประเด็นหลัก ได้แก่ กระบวนการจัดทำรายงาน UPR เป็นไปอย่างเปิดกว้างและโปร่งใส ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย ความก้าวหน้าของไทยในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ทั้งการที่ไทยเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนจำนวนมาก การมีกรอบกฎหมายและกลไกด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อคุ้มครองสิทธิของกลุ่มเปราะบางและกลุ่มชายขอบ ทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น และประเด็นท้าทายด้านสิทธิมนุษยชนและการแก้ไขปัญหาในบริบทของไทย ได้แก่ สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการโยกย้ายถิ่นฐานและการค้ามนุษย์ โดยประเทศไทยได้รับข้อเสนอแนะจากประเทศต่าง ๆ จำนวน ๑๗๒ ข้อ และสามารถยอมรับข้อเสนอแนะได้เลย จำนวน ๑๐๐ ข้อ ซึ่งเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับท่าทีและการดำเนินการของไทยอยู่แล้ว สำหรับข้อเสนอแนะอีก ๗๒ ข้อ ไทยขอนำกลับมาพิจารณาโดยมีกำหนดที่จะต้องแจ้งท่าทีต่อข้อเสนอแนะดังกล่าวให้ที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๑๙ ทราบในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๕ ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ๑.๒ เห็นชอบท่าทีไทยต่อข้อเสนอแนะ จำนวน ๗๒ ข้อ และเหตุผลประกอบข้อเสนอแนะ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำเอกสารสรุปท่าทีไทยเพื่อส่งให้สหประชาชาติภายในวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ตามที่สหประชาชาติกำหนดโดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีก ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการจัดทำรายงานประเทศภายใต้กลไก UPR เป็น “คณะกรรมการกำกับดูแลการจัดทำรายงานประเทศและติดตามการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะภายใต้กลไก UPR” โดยมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามความคืบหน้าในการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่ไทยให้การรับรอง รวบรวมและประมวลข้อมูลดังกล่าวเพื่อเตรียมการจัดทำรายงานในช่วงครึ่งเทอมแรก (ในอีกประมาณ ๒ ปีข้างหน้า) และการจัดทำและนำเสนอรายงาน UPR ของไทยในรอบที่สองในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ๑.๔ ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ในคณะกรรมการกำกับดูแลการจัดทำรายงานประเทศและติดตามการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะภายใต้กลไก UPR จัดทำแผนการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะและคำมั่นที่เกี่ยวข้อง โดยหารือกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการฯ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะได้นำมาจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการตามข้อเสนอแนะและคำมั่น UPR ในภาพรวม โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวให้เกิดผลดีต่อประชาชนภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการตอบรับข้อเสนอแนะในการเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย เนื่องจากประเทศไทยกำลังรื้อฟื้นกระบวนการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ในขั้นตอนการดำเนินการในระยะต่อไปจำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงประเด็นเรื่องสิทธิของรัฐในการกำหนดเงื่อนไขให้คนต่างด้าวลี้ภัยในดินแดนของตน และความเสี่ยงของประเทศไทยที่อาจต้องยอมรับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไว้เป็นการล่วงหน้า ตามที่ได้บัญญัติไว้ในอนุสัญญาฯ เพราะอาจจะมีผลเชื่อมโยงไปถึงการเรียกร้องให้ถอนข้อสงวน ข้อ ๒๒ ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กด้วย และในการจัดทำแผนปฏิบัติการและติดตามการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะและคำมั่น UPR ในภาพรวม ซึ่งจะต้องดำเนินการผ่านคณะกรรมการกำกับดูแลการจัดทำรายงานประเทศและติดตามการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะภายใต้กลไก UPR เห็นควรให้มีการประสานงานร่วมกันระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในคณะกรรมการฯ โดยใกล้ชิดบนพื้นฐานของการคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศไทยในภาพรวมทั้งในด้านความมั่นคง ด้านสิทธิมนุษยชน และด้านภาพลักษณ์ของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
31482 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางอ่องจิต เมธยะประภาส ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31483 | ขอทบทวนองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | พณ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. “รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการ” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ” ๒. “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิ สาระผล) กรรมการ” เป็น “อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นกรรมการ” ๓. “ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พันตรี นพ.ดร. วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ) กรรมการ” เป็น “เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31484 | รายงานประจำปี 2553 ของการกีฬาแห่งประเทศไทย | กก | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งคณะกรรมการ กกท. ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ โดยรายงานดังกล่าวเป็นการรายงานผลการดำเนินงานของ กกท. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ประกอบด้วย ผลผลิตที่ ๑ องค์กรกีฬาเพื่อความเป็นเลิศบริหารจัดการกีฬาได้อย่างมีมาตรฐาน ผลผลิตที่ ๒ องค์กรกีฬาอาชีพบริหารจัดการได้อย่างมีมาตรฐาน และผลผลิตที่ ๓ กกท. เป็นศูนย์กลางการให้บริการที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้บริการและการพัฒนากีฬาของประเทศ การรายงานผลการดำเนินงานด้านกองทุน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๔ กองทุน ได้แก่ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ กองทุนการศึกษาของนักกีฬา กองทุนกีฬามวย และกองทุนส่งเสริมกีฬาอาชีพ รวมทั้งการรายงานแผนการดำเนินงานและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||||||||
31485 | กรอบการเจรจาความตกลงด้านมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองภายใต้คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐานและคุณภาพของอาเซียน กรอบการเจรจาความตกลงด้านมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองรายสาขา รวม 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ และความตกลงว่าด้วยการปรับระบบด้านกฎระเบียบและ การควบคุมบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน | อก | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงด้านมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองภายใต้คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐานและคุณภาพของอาเซียน กรอบการเจรจาความตกลงด้านมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองรายสาขา รวม ๖ กลุ่มผลิตภัณฑ์ และความตกลงว่าด้วยการปรับระบบด้านกฎระเบียบและการควบคุมบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน รวม ๓ ฉบับ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กรอบการเจรจาความตกลงด้านมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองภายใต้คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐานและคุณภาพของอาเซียน เป็นแนวทางในการเจรจาจัดทำความตกลงด้านมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองภายใต้คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐานและคุณภาพของอาเซียน ครอบคลุม ๖ กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยานยนต์และชิ้นส่วน และผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งปัจจุบันการดำเนินงานในเรื่องมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองในกลุ่มอาเซียนยังคงใช้แตกต่างกันอยู่อันถือเป็นอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า การลดอุปสรรคดังกล่าวอาจทำได้โดยการเจรจาร่วมกันเพื่อปรับมาตรฐานเข้าหากันตามแนวทางมาตรฐานสากล เช่น มาตรฐาน ISO (International Organizational for Standardization) สำหรับผลิตภัณฑ์ทั่วไป มาตรฐาน IEC (International Electrotechnical Commission) สำหรับผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และมาตรฐาน UNECE (United Nations for Economic Commission for Europe) สำหรับผลิตภัณฑ์ยานยนต์และชิ้นส่วน รวมทั้งการปรับระบบการตรวจสอบรับรองให้เป็นที่ยอมรับได้ซึ่งกันและกัน ๑.๒ กรอบการเจรจาความตกลงด้านมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองรายสาขา ภายใต้คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐานและคุณภาพของอาเซียนอีก ๖ กลุ่มผลิตภัณฑ์ จะดำเนินการโดยใช้สาระสำคัญของกรอบการเจรจาฯ ตามข้อ ๑.๑ เป็นแนวทางร่วมกัน โดยอาจมีเนื้อหาสาระทางวิชาการเฉพาะด้านเพิ่มเติมในแต่ละความตกลงรายสาขาตามบริบทและความเหมาะสมของแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์แตกต่างกันไป ๑.๓ ความตกลงว่าด้วยการปรับระบบด้านกฎระเบียบและการควบคุมบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๓.๑ วัตถุประสงค์เพื่อรับผลทดสอบและใบรับรองบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการนำเข้าและส่งออกสินค้าดังกล่าวระหว่างประเทศอาเซียน โดยมิต้องตรวจสอบซ้ำ ๑.๓.๒ หากประเทศสมาชิกอาเซียนจะออกกฎระเบียบหรือมาตรฐานบังคับใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้ความตกลงนี้ ต้องเป็นไปเพื่อการปกป้องผู้บริโภคตามเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง ประกอบด้วยด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านการรบกวนทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับหลักการขององค์การการค้าโลก และมิได้มีข้อจำกัดหรือห้ามในเรื่องของการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านอื่น ๑.๓.๓ กระบวนการอนุญาตเป็นไปตามขั้นตอนปกติของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ๒. เมื่อรัฐสภาเห็นชอบตามความตกลงว่าด้วยการปรับระบบด้านกฎระเบียบและการควบคุมบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียนแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าประเทศไทยได้ดำเนินการเสร็จสิ้นตามกระบวนการภายในแล้ว เพื่อให้ความตกลงว่าด้วยการปรับระบบด้านกฎระเบียบและการควบคุมบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียนมีผลใช้บังคับต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
31486 | สาธารณรัฐประชาชนจีนเสนอขอแต่งตั้งกงสุลใหญ่ประจำจังหวัดสงขลา | กต | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสวี่ หมิงเลี่ยง (Mr. Xu MINGLIANG) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดสงขลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดสงขลา ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส สืบแทน นางหวัง ชั่นเฟิน (Mrs. Wang Canfen) ซึ่งครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31487 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2554 - 2555 หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐ เอกชน และการเมือง (วปม.) รุ่นที่ 5 จากคณะรัฐมนตรี | กห | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้
๑. รายชื่อบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐ เอกชน และการเมือง (วปม.) รุ่นที่ ๕ ประกอบด้วย ข้าราชการฝ่ายทหาร จำนวน ๒๙ คน ข้าราชการฝ่ายพลเรือน จำนวน ๙ คน หน่วยราชการอิสระ จำนวน ๘ คน และนักธุรกิจทั่วไป บุคคลทั่วไป และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน ๑๕ คน รวมทั้งสิ้น ๖๑ คน ๒. หากการตรวจสอบคุณสมบัติในภายหลังพบว่า ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการศึกษาหลักสูตรดังกล่าวขาดคุณสมบัติตามระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๗ และฉบับที่ ๒ (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่กำหนดไว้ ให้กระทรวงกลาโหม โดยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ตัดรายชื่อออกจากจำนวนที่ได้รับอนุมัติ หากมีความจำเป็นที่จะพิจารณาผู้ที่จะเข้าศึกษาทดแทน ให้กระทรวงกลาโหม โดยสภาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ดำเนินการตามความเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||
31488 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่าง ประเทศ | วท | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม IAEA/RCA Final Progress Review Meeting ภายใต้โครงการภูมิภาค RAS/8/111 “Diagnosing Industrial Multiphase System by Process Visualization using Radiotracers and Sealed Sources (RCA)” [การใช้เทคโนโลยีด้านรังสีติดตามวินิจฉัยให้เห็นภาพกระบวนการผลิตแบบมัลติเฟสของอุตสาหกรรมภายใต้โครงการความร่วมมือทางวิชาการระดับภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก (อาร์ซีเอ)] ร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) เสนอ ดังนี้
๑. กระทรวงการต่างประเทศยืนยันความเห็นเกี่ยวกับร่างหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฯ ว่า หนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฯ เป็นเพียงการอำนวยความสะดวกในการจัดการประชุมระหว่างประเทศ ซึ่งมีพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นกฎหมายรองรับ ดังนั้น ร่างหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฯ จึงมิได้เป็นหนังสือสัญญาที่มีบทบัญญัติเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือพื้นที่นอกราชอาณาเขต ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย หรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญา หรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ๒. กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่าร่างหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฯ ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติมีเนื้อความไม่แตกต่างจากร่างหนังสือตอบรับฯ ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งได้รวมความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศไว้ด้วยแล้ว และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติในหลักการแล้ว จึงไม่มีข้อขัดข้องต่อร่างหนังสือตอบรับฯ ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
31489 | การขอคงตำแหน่งและปรับปรุงหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย (นักบริหารสูง) ฝ่ายกิจการพิเศษ กระทรวงมหาดไทย | นร | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
๑. คงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย (นักบริหารสูง) ฝ่ายกิจการพิเศษ ต่อไปอีกระยะหนึ่งเป็นการชั่วคราว ไม่เกินสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คงตำแหน่งดังกล่าว เพื่อทำหน้าที่ในการช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินการของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ๒. ศอ.บต. จะต้องเร่งปรับปรุงและพัฒนาบุคลากรและองค์กรเพื่อให้สามารถรองรับการปฏิบัติงานในบทบาทที่จะต้องเป็นหน่วยปฏิบัติงานหลักในการดำเนินการบูรณาการ การพัฒนาและแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นระบบตามเจตนารมณ์ของกฎหมายจัดตั้ง ศอ.บต. |
|||||||||||||||||||||||||||
31490 | ขอความเห็นชอบการเสียภาษีสลากบำรุงสภากาชาดไทย | สกช | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด หรือกิ่งกาชาดอำเภอ/กิ่งอำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทย ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินแบ่งหรือสลากบำรุงกาชาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้มอบให้สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด หรือกิ่งกาชาดอำเภอ/กิ่งอำเภอ ไปใช้ในกิจการสาธารณกุศล เสียภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๕ แห่งยอดราคาสลาก ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ทั้งนี้ การเห็นชอบการเสียภาษีในอัตราดังกล่าวเฉพาะการออกสลากบำรุงกาชาดไทยประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เท่านั้น โดยยังไม่รวมถึงปีต่อ ๆ ไป เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31491 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงยุติธรรมและส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงยุติธรรม และส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งให้ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็น ปคร. ของกระทรวงยุติธรรม ๒. แต่งตั้งให้ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็น ปคร. ของสำนักงาน ป.ป.ส. ๓. แต่งตั้งให้ พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เป็น ปคร. ของสำนักงาน ป.ป.ท.
|
|||||||||||||||||||||||||||
31492 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย เพิ่มเติม งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | ยธ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายวัสดุอาหารผู้ต้องขังและผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. สำหรับงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุอาหารค้างชำระที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๓๑๘,๙๒๕,๑๗๐ บาท นั้น เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประกาศใช้บังคับแล้ว เห็นสมควรให้กรมราชทัณฑ์เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเป็นค่าวัสดุอาหารไว้แล้ว จำนวน ๒,๕๘๗,๐๔๔,๐๐๐ บาท ไปก่อน หากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรดังกล่าวมีไม่เพียงพอ ให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติมในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามความจำเป็นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31493 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีระหว่างนายอนุชา โมกขะเวส ฟ้องคณะรัฐมนตรีกับพวกรวม 3 คน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนมติ คณะรัฐมนตรีในส่วนที่เห็นชอบให้นายมานิต วัฒนเสน เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย และขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม | อส | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องในคดีระหว่างนายอนุชา โมกขะเวส ฟ้องคณะรัฐมนตรีกับพวกรวม ๓ คน ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เห็นชอบให้นายมานิต วัฒนเสน เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย และขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม โดยเห็นว่า
๑. ในการดำเนินการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยที่พิพาทนี้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (คณะรัฐมนตรี) และที่ ๒ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) ได้ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการที่กฎหมายกำหนดครบถ้วนแล้ว โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้คำนึงถึงความรู้ ความสามารถ ความประพฤติ และผลงาน ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่สามารถกระทำได้ และไม่ถือว่าเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ๒. ไม่มีพยานหลักฐานใด ๆ ที่ระบุได้อย่างแจ้งชัดว่า นายมานิต วัฒนเสน มีพฤติการณ์ไปในทางอิงแอบกับผลประโยชน์ของพรรคการเมืองโดยไม่สุจริตตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้าง ๓. การดำเนินการเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น เป็นไปตามข้อกำหนดในหนังสือสำนักงาน ก.พ. ๔. เมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า การพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมสมควรได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ นั้นชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๒ เห็นชอบให้แต่งตั้งนายมานิต วัฒนเสน ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เสนอ จึงชอบด้วยกฎหมาย และการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ (คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม) มีคำวินิจฉัยยกคำร้องทุกข์ของผู้ฟ้องคดีจึงชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
31494 | การจัดสรรเงินรางวัลและสิ่งจูงใจของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา และการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | สผ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบในหลักการและแนวทางการจัดสรรเงินรางวัลและสิ่งจูงใจของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา และการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา ตามที่คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้
๑. การประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา ครั้งที่ ๖/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๓ ได้เห็นชอบให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอกดำเนินการตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๕ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินรางวัล และสิ่งจูงใจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ซึ่งหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินรางวัลดังกล่าวจัดสรรเงินรางวัลให้กับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติ โดยมีวัตถุประสงค์และแนวทางเช่นเดียวกับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. การดำเนินโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการเพื่อรับเงินรางวัล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ได้ดำเนินการสอดคล้องกับการดำเนินการของฝ่ายบริหารทุกประการ โดยส่วนราชการสังกัดรัฐสภาใช้เงินเหลือจ่ายที่ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาได้ดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์แล้วมีเงินเหลือจ่ายอย่างแท้จริง รวมทั้งไม่มีหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระและมีงบประมาณเพียงพอสำหรับชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ๓. ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้รับอนุมัติให้กันเงินงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นค่าตอบแทนพิเศษตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภากันเงินไว้ จำนวน ๙,๐๔๖,๘๐๐ บาท และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกันเงินไว้ จำนวน ๑๓,๑๕๙,๐๒๐ บาท เพื่อเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31495 | การตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2553 และ 2552 ของสำนักงานศาลยุติธรรม | ศย | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมรายงานว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๒ เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๒ และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของสำนักงานศาลยุติธรรมโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
31496 | ขออนุมัติหลักการและงบประมาณในการดำเนินโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา | ศธ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๑.๑ อนุมัติการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) แบบรัฐต่อรัฐ (G to G) โดยให้ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแต่งตั้งเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในการเจรจากับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๒ อนุมัติในหลักการให้จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ รัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้มีบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย โดยให้ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศใช้รายละเอียดครุภัณฑ์ คุณลักษณะเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) เป็นหลักในการเจรจากับสาธารณรัฐประชาชนจีน หากมีการเปลี่ยนแปลง ให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงร่วมกันเพื่อหาข้อยุติที่เหมาะสมกับการเรียนการสอน และสอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานด้วย ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นผู้ดำเนินการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) จัดวางระบบเครือข่าย Wi-Fi และจัดทำระบบบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน การพัฒนาบุคลากร และสร้างความเข้าใจ เพื่อการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา ๑.๔ อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหน่วยงานเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำหรับจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ของส่วนราชการต่าง ๆ จำนวนเงิน ๑,๗๙๔,๘๓๒,๘๐๐ บาท ยกเว้นงบประมาณของกรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา เนื่องจากมีกฎหมายเฉพาะ ทั้งนี้ ในส่วนของเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณาก่อน สำหรับงบประมาณที่ยังขาดอยู่เพื่อการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา และการวางระบบสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการพัฒนาหลักสูตรสื่อการเรียนการสอน และการพัฒนาบุคลากรของส่วนราชการดำเนินงานโครงการ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการตามผลการเจรจาและข้อตกลงในการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐที่จะจัดทำขึ้น ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทวงการต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการทำสัญญาที่จัดหาในรูปแบบรัฐต่อรัฐ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารควรส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาก่อน และในการเจรจาควรแต่งตั้งผู้แทนจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานอัยการสูงสุด เข้าร่วมในคณะเจรจาด้วย ส่วนการดำเนินโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์พกพา เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการและส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนการดำเนินงานแก่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในทุกขั้นตอนของโครงการฯ เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณและการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ การดำเนินโครงการฯ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาเนื้อหาสาระที่จะบรรจุในคอมพิวเตอร์พกพา เพื่อให้การใช้คอมพิวเตอร์พกพาเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความรู้และการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และเร่งเตรียมความพร้อมในการสร้างความรู้ ความเข้าใจการใช้คอมพิวเตอร์พกพาให้กับบุคลากรทั้งผู้บริหาร ครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งสร้างความรู้ ความเข้าใจในเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับผู้ปกครองควบคู่ไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพาทั้งหมด ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
31497 | ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี | ทส | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรมทรัพยากรน้ำเปลี่ยนแปลงรายการ จาก รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี วงเงินทั้งสิ้น ๑,๐๐๐ ล้านบาท รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็น ๑.๑ รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ระยะเวลาดำเนินการ ๙๖๐ วัน ในวงเงิน ๙๖๔,๕๕๕,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๓๖,๒๒๕,๓๐๐ บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๘๐,๐๙๓,๑๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๗๔๘,๒๓๖,๖๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๗ ต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้โอนเปลี่ยนแปลงรายการจากรายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี จำนวน ๒๖,๕๒๕,๐๐๐ บาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕,๓๐๕,๓๐๐ บาท เป็น รายการค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี จำนวน ๒๖,๕๒๕,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕,๓๐๕,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๒๑,๒๑๙,๙๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๗ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ) พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานของทางราชการ โดยพิจารณาประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31498 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31499 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง | กษ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. นายชลิต ดำรงศักดิ์ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
31500 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง | ยธ | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งพลตำรวจตรี เกษม รัตนสุนทร ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
.....