ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1571 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 31401 - 31420 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31401 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2554/2555 | อก | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๔/๒๕๕๕ ในอัตรา ๑,๐๐๐.๐๐ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับร้อยละ ๙๔.๐๕ ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ ๑,๐๖๓.๓๑ บาทต่อตันอ้อย และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ ๖๐.๐๐ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส ต่อเมตริกตัน และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๔/๒๕๕๕ เท่ากับ ๔๒๘.๕๗ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนในการชำระหนี้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายคืนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้เสร็จสิ้น และการยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ที่มาจากการปรับเพิ่มราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายในอัตรา ๕ บาทต่อกิโลกรัม หลังจากกองทุนฯ ชำระหนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๓/๒๕๕๔) แล้วเสร็จ รวมทั้งเร่งรัดการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบให้แล้วเสร็จ และนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายได้ในระยะยาว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. รับทราบข้อคิดเห็นและข้อคัดค้านของผู้แทนสถาบันชาวไร่อ้อยเกี่ยวกับการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๔/๒๕๕๕ ในอัตรา ๑,๐๐๐.๐๐ บาทต่อตันอ้อย ยังต่ำกว่าต้นทุนการผลิต โดยขอเพิ่มเงินค่าอ้อยอีกตันละ ๒๐๐ บาท เพื่อให้ชาวไร่อ้อยได้รับค่าอ้อยที่ตันละ ๑,๒๐๐.๐๐ บาท โดยให้กองทุนฯ กู้เงินมาจ่ายเงินส่วนเพิ่มดังกล่าวให้แก่ชาวไร่อ้อย พร้อมกับการจ่ายเงินค่าอ้อยขั้นต้นในทุกตันอ้อยที่ส่งเข้าหีบในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๔/๒๕๕๕ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา และผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารกองทุน เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๕ ที่เห็นว่า การเพิ่มเงินค่าอ้อยอีกตันละ ๒๐๐ บาท ตามข้อเสนอของผู้แทนสถาบันชาวไร่อ้อย จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำตาลทรายและความยั่งยืนของระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศในภาพรวม รวมทั้งเรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกองทุนฯ จึงมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวไร่อ้อยและผู้ที่เกี่ยวข้องและเร่งรัดให้มีการพิจารณาเรื่องนี้ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งโดยด่วน |
|||||||||||||||||||||||||||
31402 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในราชการ | พณ | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำนวน ๑ คัน ระยะเวลาสัญญา ๓ ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในวงเงินทั้งสิ้น ๓,๐๖๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๖๘๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นเงิน ๒,๓๘๐,๐๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์พิจารณาจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยให้เบิกจ่ายได้เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้ประกาศใช้บังคับแล้ว สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31403 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) | มท | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอัชพร จารุจินดา เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31404 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 9 คน) | ทส | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ให้กรรมการอื่นในคณะกรรมการสวนพฤกษศาสตร์ที่ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่พ้นจากตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ ตามมาตรา ๑๕ (๓) แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนพฤกษศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๒. แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ชุดใหม่ จำนวน ๙ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ส่วนกรรมการลำดับที่ ๕ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป ดังนี้ ๒.๑ นายอเนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ ประธานกรรมการ ๒.๒ นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต กรรมการ ๒.๓ นายนัที เปรมรัศมี กรรมการ ๒.๔ นางพรศิริ มโนหาญ กรรมการ ๒.๕ นางลัดดาวัลย์ สินธุรักษ์ กรรมการ ๒.๖ นายธัชสกล พรหมจมาศ กรรมการ ๒.๗ นายพงษ์ทร ชยาตุลชาต กรรมการ ๒.๘ นางสาวสิริวรรณ สุวรรณศร กรรมการ ๒.๙ นางสาวกานท์ชญา เทียนแก้วชญา กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31405 | สรุปผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามที่สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการพิจารณาทบทวนแผนงาน/โครงการต่าง ๆ จากกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ ๑๓๙,๔๕๒.๗๘๗๖ ล้านบาท มีการจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการแล้ว ๕๐,๖๙๘.๖๓๒๐ ล้านบาท โดยมีวงเงินที่ต้องพิจารณาจัดสรรเพิ่มเติมภายหลังการทบทวนอีกเป็นเงิน ๗๑,๐๔๒.๑๕๒๓ ล้านบาท ๒. ผลการตรวจสอบรายละเอียดแผนงาน/โครงการ ตามข้อ ๑ ปรากฏว่า มีแผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมจัดสรรงบประมาณได้เป็นเงิน ๒๖,๒๐๑.๖๓๔๑ ล้านบาท ซึ่งเห็นควรให้หน่วยงานเร่งดำเนินการขอจัดสรรกับสำนักงบประมาณในทันที ส่วนที่เหลืออีกเป็นเงิน ๔๑,๖๒๗.๒๘๓๖ ล้านบาท ให้หน่วยงานเร่งรัดเสนอขอรับจัดสรรต่อสำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ หากหน่วยงานใดไม่สามารถดำเนินการได้ ให้นำมาทบทวนความจำเป็นใหม่อีกครั้งหนึ่ง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31406 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. 2555 | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างระเบียบฯ ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ตามความเห็นของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดขอบเขตของเนื้อหาเกี่ยวกับกองทุนฯ ต้องไม่เป็นการขัดกับมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. ๒๔๙๑ ที่กำหนดให้การจ่ายเงินเป็นทุนหรือทุนหมุนเวียนเพื่อการใด ๆ ให้กระทำได้แต่โดยกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ หากไม่มีการแก้ไขในสาระสำคัญ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากับกระทรวงการคลังไม่ขัดข้อง ให้ดำเนินการต่อไปได้ แต่หากมีการแก้ไขในสาระสำคัญหรือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการคลังมีความเห็นไม่สอดคล้องกัน ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหารือร่วมกับกระทรวงการคลังในประเด็นการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สามารถจัดตั้งโดยไม่ต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๑ (เรื่อง แนวทางการจัดตั้งทุนหมุนเวียน) ซึ่งกำหนดให้ในกรณีส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนต้องเสนอให้คณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียนพิจารณาก่อนที่จะเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติและเสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ได้หรือไม่ประการใด ตามความเห็นของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31407 | ปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ ดังนี้
๑. ยกเลิกองค์ประกอบใน “ลำดับที่ ๑.๒ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) รองประธานกรรมการ และลำดับที่ ๑.๓ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์) เป็นรองประธานกรรมการ” และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน “ลำดับที่ ๑.๒ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการคนที่ ๑ ลำดับที่ ๑.๓ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการคนที่ ๒” ๒. ยกเลิกองค์ประกอบในลำดับที่ ๑.๑๑ “ผู้ทรงคุณวุฒิที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง จำนวน ๓ คน เป็นกรรมการ” และให้ใช้ความดังต่อไปนี้แทน “ผู้ทรงคุณวุฒิที่ประธานกรรมการแต่งตั้ง จำนวน ๓ คน เป็นกรรมการ”
|
|||||||||||||||||||||||||||
31408 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๙/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31409 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) | ทส | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายสนั่น วาริทสวัสดิ์ และนายธนะรัตน์ วดีศิริศักดิ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31410 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (จำนวน 4 ราย) | ทส | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ จำนวน ๔ ราย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งนายสนั่น วาริทสวัสดิ์ และนายธนะรัตน์ วดีศิริศักดิ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ๒. แต่งตั้งนายเรวัต วิศรุตเวช และนางพรศิริ มโนหาญ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ แทนกรรมการเดิมที่ขอลาออก ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31411 | การแต่งตั้งประธานผู้แทนการค้าไทย | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้ง นายโอฬาร ไชยประวัติ ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ประธานผู้แทนการค้าไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31412 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม | คค | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามลำดับ ดังนี้
๑. พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ๒. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
|
|||||||||||||||||||||||||||
31413 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) | พม | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
แต่งตั้งเป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. ว่าที่ร้อยตรี ศรัณย์ สมานพันธ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
31414 | การให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย | อก | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม การสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการจัดงาน “BOI FAIR 2011 โลกสดใส ไทยยั่งยืน” หรือ Going Green For the Future เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ การจัดงานซีอีโอ ฟอรั่ม (CEO Forum) ซี่งได้มีการแสดงปาฐกถาของบุคคลชั้นนำในการแสดงความมั่นใจถึงศักยภาพของประเทศไทยที่จะพัฒนาเป็นผู้นำในภูมิภาค รวมทั้งการประชุมที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุน (Honorary Investment Advisor) ที่ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำได้ให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมและส่งเสริมการลงทุนของประเทศ และการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงอุตสาหกรรมและจับคู่ธุรกิจ ซึ่งมีการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ ๑,๔๖๖ คู่ มูลค่าการซื้อขายถึง ๔,๐๕๔ ล้านบาท ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยได้รับความสนใจจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไทยในฐานะแหล่งรองรับการลงทุนและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของเอเชีย ๒. การดำเนินการฟื้นฟู เยียวยานิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ๗ แห่ง ที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ได้แก่ นิคมสหรัตนนคร นิคมไฮเทค นิคมบางปะอิน นิคมโรจนะ นิคมแฟคตอรี่แลนด์ นิคมนวนคร และนิคมบางกะดี ขณะนี้มีโรงงานประกอบกิจการแล้ว ๒๕๘ ราย คิดเป็นร้อยละ ๒๙ ของโรงงานทั้งหมด ๘๘๘ ราย ๓. มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ๓.๑ ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และวัตถุดิบที่นำมาทดแทนเครื่องจักรอุปกรณ์ และวัตถุดิบนำเข้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จำนวน ๑๕๔ โครงการ มูลค่า ๒๑,๕๐๒ ล้านบาท ๓.๒ อนุมัติวีซ่าและใบอนุญาตทำงานแก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริม จำนวน ๘๑ บริษัท ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติรวม ๓๕๖ ราย ๓.๓ อนุญาตให้ส่งออกเครื่องจักรและวัตถุดิบไปต่างประเทศ และการย้ายเครื่องจักรและวัตถุดิบไปต่างประเทศ หรืออยู่นอกโครงการเป็นการชั่วคราว สำหรับผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๑๒๓ โครงการ ๓.๔ เพิ่มสิทธิประโยชน์หรือยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายทั้งในกรณีทำการผลิตชั่วคราวหรือลงทุนใหม่ เพื่อฟื้นฟูธุรกิจในประเทศ อยู่ระหว่างการออกประกาศ ๔. โครงการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ๔.๑ โครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรม มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ จำนวน ๑๑๔ ราย ประกอบด้วย สถานประกอบการอุตสาหกรรม ๕๓ ราย และวิสาหกิจชุมชน ๖๑ ราย มีการใช้พื้นที่แล้ว ๑๓,๘๖๘ ตารางเมตร จากพื้นที่ ๒๐,๐๐๐ ตารางเมตร คงเหลือพื้นที่สามารถรองรับได้อีก ๖,๑๓๒ ตารางเมตร ๔.๒ โครงการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกากอุตสาหกรรมในสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย ได้ส่งทีมวิศวกร ๑๗ ทีม ๓๔ คน ออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือ เพื่อดูแล ตรวจสอบ และแนะนำเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน การดูแลรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การกำจัดกากอุตสาหกรรมทั้งชนิดอันตรายและไม่อันตราย และแก้ไขการปนเปื้อนของสารพิษ สารเคมี โดยเก็บรวบรวมข้อมูลสถานประกอบการได้แล้ว ๖๖ ราย ๔.๓ โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และการปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในสถานประกอบการทั้งภายในและภายนอกนิคม ได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ออกเก็บตัวอย่างน้ำ ดิน และสารปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม/เขตประกอบการอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ๓๗๒ ตัวอย่าง หรือร้อยละ ๓๑ ของตัวอย่างทั้งหมด (๑,๒๐๐ ตัวอย่าง) ๔.๔ โครงการคลินิกอุตสาหกรรม มีผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ จำนวน ๓,๙๕๒ ราย และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ๗๘๒ ราย สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ดำเนินการฟื้นฟูเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จำนวน ๔๖๕ ราย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31415 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๒ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ และครั้งที่ ๑๓ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31416 | การปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี 4990/55) | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ยังมิได้มีการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีท่านใหม่ จึงเห็นควรให้นางฐิติมา ฉายแสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
31417 | การจัดเตรียมข้อมูลประกอบการเจรจาหารือกับต่างประเทศ | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การเดินทางไปราชการต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีเพื่อเจรจาหารือกับต่างประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญของประเทศไทย เช่น จีน เกาหลี และญี่ปุ่น มีข้อมูลที่เกี่ยวของครบถ้วน ถูกต้อง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการเจรจาตกลง ตลอดจนการชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้เกิดความเชื่อมั่นในการดำเนินการของฝ่ายไทย จึงมอบให้รัฐมนตรีทุกท่านรวบรวมข้อมูลความต้องการและความช่วยเหลือร่วมมือกับแต่ละประเทศดังกล่าวที่อยู่ในความรับผิดชอบ รวมทั้งความต้องการของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และจัดส่งให้นายกรัฐมนตรี (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) ล่วงหน้าก่อนการเดินทางไปแต่ละประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับการขอรับความช่วยเหลือร่วมมือจากประเทศญี่ปุ่นในการวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับไปประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำข้อมูลความช่วยเหลือร่วมมือที่จะขอรับจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency - JICA) ให้แล้วเสร็จ แล้วส่งให้นายกรัฐมนตรี (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) โดยเร็ว ก่อนถึงกำหนดเดินทางไปประเทศดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
31418 | การเดินทางไปเยือนอินเดียและการเข้าร่วมประชุม World Economic Forum | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการเดินทางไปเยือนอินเดียและการเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๙ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเดินทางเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำเชิญของรัฐบาลอินเดีย เพื่อร่วมงานฉลองวันชาติ ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๖ มกราคม ๒๕๕๕ ในฐานะแขกเกียรติยศ (Chief Guest) ของรัฐบาล ประสบผลสำเร็จมาก เพราะอินเดียเห็นว่าไทยเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partner) ที่สำคัญ โดยในส่วนของความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ทั้งสองประเทศได้มีการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ และมีชนิดของสินค้าและบริการที่ทำความตกลงร่วมกันกว่า ๕,๐๐๐ รายการ โดยปัจจุบันมี ๘๒ รายการเท่านั้นที่เสร็จสมบูรณ์ และในครั้งนี้ได้ทำความตกลงเพิ่มอีก ๑ รายการ คือ สินค้าประเภทตู้เย็น รวมทั้งได้ทำข้อตกลงด้านการทหาร ความมั่นคง วัฒนธรรม และการศึกษา ซึ่งความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศจะช่วยให้มีการขยายการค้าและการลงทุน ตลอดจนการท่องเที่ยวระหว่างกันมากยิ่งขึ้น โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) รับไปหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำกับ ติดตาม การดำเนินงานของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ให้สามารถให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกได้อย่างคล่องตัวและมีความเสมอภาคกัน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไปพิจารณาเกี่ยวกับการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศเพื่อรองรับการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ด้วย ๒. การเข้าร่วมการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum - WEF) ครั้งที่ ๔๒ ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๙ มกราคม ๒๕๕๕ ได้เข้าร่วมการประชุมกลุ่มย่อยในวาระที่สำคัญ ได้แก่ การประชุมผู้นำเศรษฐกิจโลกอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งเป็นการเชิญเฉพาะนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้นำประเทศอื่น ๆ และผู้บริหาร (CEO) ชั้นนำของโลก โดยใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งตอบข้อซักถามเกี่ยวกับแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของไทยในอนาคต เวทีต่อมาคือ การกล่าว Opening Remarks และร่วมเป็นผู้อภิปราย (Panelist) ในเรื่อง Woman as the way forward ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเสนอมุมมองของผู้หญิงต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก โดยได้ชี้แจงถึงแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเพื่อช่วยยกระดับให้สตรีมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อให้ผู้หญิงสามารถมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เป็นปัญหาระดับสากล และได้เป็นประธานงาน Thai Night โดยได้กล่าวชี้แจงถึงวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในประเทศไทย ตลอดจนประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้ผู้สนใจเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum East Asia ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม - ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ ที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในภูมิภาคยุโรป ทำให้แต่ละประเทศตื่นตัวและเน้นมาให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและเสริมสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศให้เข้มแข็ง ซึ่งเป็นแนวทางเดียวที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่ โดยในระยะยาวจำเป็นจะต้องมีแผนพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศตั้งแต่ในระดับเด็กและเยาวชนขึ้นมาเป็นลำดับอย่างชัดเจน และในส่วนของการกำหนดเป้าหมายความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ควรมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนรอบด้านทั้งในส่วนที่เป็นปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาเกี่ยวกับการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31419 | การจัดเตรียมร่างคำชี้แจงเกี่ยวกับพระราชกำหนด | นร | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ประกาศใช้พระราชกำหนด รวม ๔ ฉบับ ได้แก่ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ พระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๕ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. ๒๕๕๕ และพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๕ และเสนอพระราชกำหนด รวม ๔ ฉบับดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาตามมาตรา ๑๘๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๕ แล้วนั้น โดยที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ได้เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ และพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ ไม่เป็นไปตามมาตรา ๑๘๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมการในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จึงเห็นสมควรดำเนินการในกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รับคำร้องของประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อวินิจฉัยความชอบของพระราชกำหนดไว้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๕ เห็นควรให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในการจัดทำคำชี้แจงหรือเสนอความเห็นเป็นหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญและคำแถลงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวต่อรัฐสภา ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจงด้วยวาจาต่อศาลรัฐธรรมนูญ สำหรับแนวทางในการชี้แจงต่อรัฐสภาให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) หารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31420 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้
๑. นายทรงคุณ วิญญูวรรธน์ ตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรม สาขาพยาธิวิทยา) ตำแหน่งเลขที่ ๓๙๑๘ กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันพยาธิวิทยา กรมการแพทย์ ให้ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาพยาธิวิทยา) ตำแหน่งเลขที่และส่วนราชการเดิม ตั้งแต่ วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๒ ๒. นายอุดม ไกรฤทธิชัย ตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) ตำแหน่งเลขที่ ๑๒๖๙ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) ตำแหน่งเลขที่ ๑๒๕๙ ส่วนราชการเดิม ตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓
|
.....