ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1578 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31541 - 31560 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31541 | แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน | นร | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๙๖/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบาย ๑ คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ต่อ ๑ นักเรียน และแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบาย ๑ คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ ๑ นักเรียน ขึ้นใหม่ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ และเพิ่มองค์ประกอบในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็นกรรมการ เพิ่มเติม ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๓/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31542 | แต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มเติม | นร | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มเติม ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๑/๒๕๕๕ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (เพิ่มเติม) ลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ประกอบด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นที่ปรึกษา นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ดร.พิมพ์รภัช ดุษฎีอิสริยกุล นายประมุข ลมุล นายฐานิส ศรียะพันธ์ นายวิเชียร จันทรโณทัย และนายแพทย์สมหมาย บุญเกลี้ยง เป็นกรรมการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31543 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรชัย ศรีสารคาม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ๒. นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ๓. นางสาวจิตรา พรหมชุติมา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
31544 | สรุปผลการประชุมปรึกษาหารือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร | นร | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงการมอบหมายงานให้กระทรวงต่าง ๆ ร่วมดำเนินการขุดลอกคลอง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบดำเนินการขุดลอกคลองในบริเวณเขตทวีวัฒนา จำนวน ๖ คลอง ได้แก่ คลองซอย คลองขุนศรีบุรีรักษ์ คลองควาย คลองโพธิ์ คลองบางคูเวียง และคลองบ้านไทร และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการขุดลอกคลองบางบอน โดยให้กระทรวงแรงงานดำเนินการขุดลอกคลองบางน้ำจืด แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้เลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นผู้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31545 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31546 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31547 | โครงการ 1 คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ต่อ 1 นักเรียน | นร | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า องค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารนโยบาย ๑ คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ต่อ ๑ นักเรียน ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๙๖/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ไม่เป็นปัจจุบัน จึงเห็นควรปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการดังกล่าว โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นรองประธานกรรมการ และให้ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นกรรมการและเลขานุการร่วม ๒. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการแก้ไขคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้ประธานกรรมการเร่งรัดจัดการประชุมคณะกรรมการโดยด่วน เพื่อพิจารณาแนวทางในการดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันพุธที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31548 | โครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 500,000 บาท | นร | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการโครงการพักหนี้เกษตรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท ให้เป็นไปตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเกี่ยวกับการพักหนี้ครัวเรือนให้กับเกษตรกรรายย่อยและผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้ต่ำกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท อย่างน้อย ๓ ปี และปรับโครงสร้างหนี้สำหรับผู้ที่มีหนี้เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และให้พิจารณาทบทวนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (เรื่อง โครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกวา ๕๐๐,๐๐๐ บาท) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาแสดงเจตจำนงเข้าโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท) โดยเฉพาะกรณีลูกหนี้ที่มีสถานะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non Performing Loans-NPLs) ของสถาบันการเงินต่าง ๆ ไม่ควรรวมอยู่ในกลุ่มเป้าหมายตามนโยบายเกี่ยวกับการพักหนี้ของรัฐบาล แต่ถือเป็นความรับผิดชอบในการบริหารจัดการหนี้ของแต่ละสถาบันการเงินเอง ทั้งนี้ ให้รวบรวมข้อมูลเรื่องนี้ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว แนวทางการแก้ไขปัญหา และหลักเกณฑ์ที่จะดำเนินการต่อไปเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วน ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31549 | คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายเศรษฐกิจ) | นร | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) (ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗๑/๒๕๕๔ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี รวม ๕ คณะ) โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานตามเดิม และปรับปรุงองค์ประกอบ จากเดิม “รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เป็นกรรมการ” เป็น “รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นกรรมการ” ส่วนองค์ประกอบอื่น และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ดังกล่าว ให้เป็นไปตามเดิม ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรับไปดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้พิจารณาปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการคณะอื่นอีก ๔ คณะ ให้เป็นปัจจุบันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31550 | การลงพื้นที่ตรวจติดตามงานเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยของนายกรัฐมนตรีและคณะในระหว่างวันที่ 13 - 17 กุมภาพันธ์ 2555 | นร | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายเป็นการทั่วไปให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณากลั่นกรอง จัดลำดับความสำคัญ และความจำเป็นเหมาะสมของการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ที่นายกรัฐมนตรีและคณะได้ตรวจติดตามงานเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ตลอดจนอนุมัติ เห็นชอบ เปลี่ยนแปลง หรือมีคำสั่งในเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อมีมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้น ๆ โดยให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมลงพื้นที่อยู่ด้วย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น ให้ข้อมูล ความเห็น หรือข้อเสนอแนะต่าง ๆ ประกอบการพิจารณาตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีด้วย และให้สำนักงบประมาณแจ้งเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติ เห็นชอบ เปลี่ยนแปลง หรือมีคำสั่งในเรื่องดังกล่าว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อสรุปเรื่องแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ทั้งนี้ ตามมาตรา ๗ ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘
|
|||||||||||||||||||||||||||
31551 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำพูน พ.ศ. .... | นร | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำพูน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเหมืองง่า ตำบลอุโมงค์ ตำบลมะเขือแจ้ ตำบลในเมือง ตำบลบ้านกลาง ตำบลต้นธง ตำบลเวียงยอง ตำบลศรีบัวบาน และตำบลป่าสัก อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
31552 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สภาเทคนิคการแพทย์เป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของสภาเทคนิคการแพทย์และบุคลากรของสภาเทคนิคการแพทย์ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สภานายกพิเศษแห่งสภาเทคนิคการแพทย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
31553 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลนาอาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย พ.ศ. .... | นร | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลนาอาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลนาอาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย บางส่วน เนื้อที่ประมาณ ๖๐ ไร่ ๕๙ ตารางวา โดยที่ดินส่วนหนึ่งเนื้อที่ประมาณ ๔๘ ไร่ ๑ งาน ๖๐ ตารางวา มอบให้กระทรวงสาธารณสุขใช้เป็นที่ตั้งโรงพยาบาลจิตเวชเลยราชนครินทร์ ที่ดินส่วนหนึ่งเนื้อที่ประมาณ ๘ ไร่ ๒ งาน ๙๙ ตารางวา มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ใช้เป็นที่ตั้งศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดเลย และที่ดินอีกส่วนหนึ่งเนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ มอบให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ใช้เป็นที่ตั้งบ้านพักข้าราชการในสังกัดกรมการปกครองซึ่งปฏิบัติราชการประจำอำเภอเมืองเลย และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
31554 | รายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ประจำปี 2553 | ศป | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ และให้ส่งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป โดยสาระสำคัญของรายงานฯ ประกอบด้วยแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ๖ ยุทธศาสตร์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การยกระดับมาตรฐานงานคดีและการบังคับคดีปกครอง ๑.๑ สถิติคดีปกครอง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ (๑ มกราคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓) ศาลปกครองชั้นต้น มีปริมาณคดีเข้าสู่การพิจารณา ๔,๖๐๗ คดี พิจารณาคดีแล้วเสร็จ ๔,๕๖๗ คดี และอยู่ระหว่างการพิจารณา ๔๐ คดี ส่วนศาลปกครองสูงสุด มีปริมาณคดีสู่การพิจารณา ๒,๒๗๓ คดี พิจารณาคดีแล้วเสร็จ ๑,๓๒๒ คดี และอยู่ระหว่างการพิจารณา ๙๕๑ คดี ๑.๒ การให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับคดีปกครอง ๑๓,๖๕๐ ราย ๑.๓ การบังคับคดีปกครอง มีคดีที่ต้องดำเนินการบังคับคดี ๑,๕๗๖ คดี คดีที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ๖๒๑ คดี และอยู่ระหว่างการดำเนินการบังคับคดี ๙๕๕ คดี ๒. ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์และการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ได้มีการจัดอบรมสัมมนา เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ทั้งบุคลากรในกลุ่มตุลาการศาลปกครอง และข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ๓. ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาองค์ความรู้และระบบการจัดการองค์ความรู้ที่มีประสิทธิภาพ ได้พัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทางปกครอง ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศให้มีความรู้ครบถ้วน ทันสมัย ได้แก่ การจัดทำงานวิจัย บทความและเอกสารทางวิชาการ ตลอดจนสร้างกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการและการศึกษาดูงานในต่างประเทศ เป็นต้น ๔. ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การเสริมสร้างโอกาสการเข้าถึงความยุติธรรมทางปกครอง ได้สร้างเครือข่ายและจัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ความเข้าใจ และเสริมสร้างโอกาสการเข้าถึงความยุติธรรมแก่ประชาชน ได้แก่ การจัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนโดยตรง และการจัดให้มีศูนย์บริการประชาชน เป็นต้น ๕. ยุทธศาสตร์ที่ ๕ การเผยแพร่แนวปฏิบัติราชการที่ดีเพื่อลดและป้องกันการเกิดข้อพิพาททางปกครอง ได้มีการจัดกิจกรรมหน่วยงานภายนอกเข้าศึกษาดูงานศาลปกครอง เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับศาลปกครองและกฎหมายปกครอง ให้แก่นักเรียน นักศึกษา เจ้าหน้าที่ของรัฐ และประชาชนทั่วไปที่สนใจ ๖. ยุทธศาสตร์ที่ ๖ การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการบริหารจัดการองค์กร ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการสนับสนุนการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การพัฒนาระบบคดีที่อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชน การพัฒนาโปรแกรมระบบสอบถามและติดตามคดีปกครองผ่านเว็บ และการพัฒนาระบบติดต่อสื่อสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
31555 | รายงานการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 125 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | สผ | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ ๑๒๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (The 125th Assembly of the Inter - Parliamentary Union and Related Meetings) ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิส ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ประเทศสมาชิกได้ร่วมกันพิจารณาประเด็นปัญหาต่าง ๆ ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และด้านอื่น ๆ ทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค โดยเน้นมิติการดำเนินงานทางด้านรัฐสภา (Parliamentary Dimension) ซึ่งที่ประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภาฯ ได้ลงมติรับรองร่างข้อมติในเรื่องต่าง ๆ ที่ได้อภิปรายไปแล้ว โดยประเทศสมาชิกจะนำข้อมติไปปฏิบัติหรือแจ้งให้รัฐบาลทราบ และรายงานผลการนำข้อมติไปปฏิบัติให้สหภาพรัฐสภาทราบ ๒. คณะผู้แทนรัฐสภาไทยได้เสนอข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการประชุมตามวาระต่าง ๆ อาทิ การประชุมกลุ่มอนุภูมิภาคอาเซียน + ๓ (The ASEAN + 3 Group Meeting) การประชุมกลุ่มภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก (The Asia - Pacific Group Meeting) การประชุมคณะกรรมาธิการประสานงานสมาชิกรัฐสภาสตรี การประชุมคณะมนตรีบริหารสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ ๑๘๙ การประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ (คณะกรรมาธิการสามัญ คณะที่ ๑) การประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน การคลังและการค้า (คณะกรรมาธิการสามัญ คณะที่ ๒) เป็นต้น นอกจากนี้ คณะผู้แทนรัฐสภาไทยได้หารือทวิภาคีกับหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาบาห์เรนในประเด็นเกี่ยวกับการสนับสนุนให้ชาวไทยไปท่องเที่ยวที่บาห์เรนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในบาห์เรนไม่มีปัญหาเรื่องการเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างชาติพันธุ์ ศาสนา และเพศ ทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ๓. ประเด็นที่ควรสนับสนุนให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับร่างรายงานที่การนำเสนอในคณะกรรมาธิการสามัญสหภาพรัฐสภาว่าด้วยสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ (คณะกรรมาธิการสามัญ คณะที่ ๑) ที่จะถูกหยิบยกไปเป็นร่างข้อมติในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งควรติดตามรายงานดังกล่าวว่าจะมีการแก้ไขเนื้อหาที่มีการกล่าวถึงประเทศไทยเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมืองหรือไม่ และประเด็นการหารือทวิภาคีตามที่ที่ประชุมคณะผู้แทนรัฐสภาไทยได้มีการเสนอความคิดเห็นในการประชุมหารือทวิภาคีกับมิตรประเทศต่าง ๆ ควรมีการวางแผนและการวางยุทธศาสตร์ในการหารือกับประเทศต่าง ๆ โดยกำหนดเป็นแผนร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31556 | ร่างพระราชกฤษฎีการะบุทบวงการชำนัญพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (องค์การการท่องเที่ยวโลก) | กต | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีการะบุทบวงการชำนัญพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้องค์การการท่องเที่ยวโลก (United Nations World Tourism Organization - UNWTO) เป็นทบวงการชำนัญพิเศษตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสหประชาชาติและทบวงการชำนัญพิเศษในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๐๔ เพื่อให้การดำเนินงานขององค์การการท่องเที่ยวโลก และเจ้าหน้าที่ได้รับความคุ้มครองในประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของทบวงการชำนัญพิเศษ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
31557 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ ตำบลบ้านโคก และตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... | กษ | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ ตำบลบ้านโคก และตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยใหญ่ ตำบลบ้านโคก และตำบลดงมูลเหล็ก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อก่อสร้างระบบส่งน้ำ ตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
31558 | รายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกระทรวงแรงงาน ครั้งที่ 2 | รง | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ [เรื่อง แผนงาน/โครงการและงบประมาณในการช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ด้านสังคม)] ประกอบด้วย การดำเนินการให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการ และลูกจ้างทั้งที่ถูกเลิกจ้างและไม่ถูกเลิกจ้าง รวมทั้งแรงงานต่างด้าว สรุปได้ ดังนี้
๑. การให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการ ได้ดำเนินการให้การช่วยเหลือตามโครงการต่าง ๆ ได้แก่ ๑.๑ โครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้าง โดยให้นายจ้างทำข้อตกลงกับกระทรวงแรงงาน (กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน) ว่าจะไม่เลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากสาเหตุการประสบอุทกภัย ซึ่งรัฐบาลจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างในอัตราเดือนละ ๒,๐๐๐ บาทต่อเดือน เป็นเวลา ๓ เดือน และนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มให้แก่ลูกจ้างเมื่อรวมกันแล้วลูกจ้างต้องได้รับเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ ของค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับก่อนเกิดอุทกภัย มีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการ จำนวน ๑,๔๕๐ แห่ง ลูกจ้าง จำนวน ๒๗๔,๓๗๙ คน ปัจจุบันได้พิจารณาอนุมัติจัดสรรงบประมาณให้สถานประกอบการ จำนวน ๒๗๗ แห่ง ลูกจ้างได้รับการช่วยเหลือ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ คน ๑.๒ โครงการเพื่อนช่วยเพื่อน โดยการยืมตัวลูกจ้างจากสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัยไปทำงานที่สถานประกอบการใกล้เคียงที่ไม่ประสบอุทกภัย มีสถานประกอบการร่วมโครงการ ๖๙๔ แห่ง ตำแหน่งงานรองรับ จำนวน ๗๙,๑๓๑ อัตรา มีลูกจ้างเข้าทำงานตามโครงการ จำนวน ๑๓,๒๕๑ คน ในสถานประกอบการ ๑๑๐ แห่ง ๑.๓ โครงการประกันสังคมเคียงข้างผู้ประกันตนต้านอุทกภัย โดยสำนักงานประกันสังคมนำเงินกองทุนประกันสังคมไปฝากกับสถาบันการเงิน จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้สถานประกอบการกู้เงินไปซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหายจากอุทกภัย รายละไม่เกิน ๑ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓ ต่อปี คงที่ ๓ ปี มีธนาคารเข้าร่วมโครงการ ๔ ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารนครหลวงไทย และได้มีการอนุมัติสินเชื่อให้สถานประกอบการแล้ว จำนวน ๑๔ ราย เป็นเงิน ๑๔ ล้านบาท ๑.๔ โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน โดยสำนักงานประกันสังคมนำเงินกองทุนประกันสังคมไปฝากสถาบันการเงิน จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้สถานประกอบการกู้เงินเพื่อนำไปเสริมสภาพคล่อง เพิ่มผลิตภาพแรงงาน และเพื่อรักษาและส่งเสริมการจ้างงาน โดยสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯ มาแล้ว ไม่น้อยกว่า ๓ เดือน และต้องรักษาจำนวนผู้ประกันตนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของจำนวนผู้ประกันตน ณ วันที่ได้รับสินเชื่อตลอดอายุโครงการ ๓ ปี โดยให้สถานประกอบการยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ ๓ ต่อปี คงที่ ๓ ปี (กรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน) และอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๕ คงที่ ๓ ปี (กรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกัน) มีธนาคารพาณิชย์เสนอเข้าร่วมโครงการ ๔ ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ และธนาคารเกียรตินาคิน ซึ่งจะต้องจัดทำข้อตกลงต่อไป ๑.๕ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการพัฒนาฝีมือแรงงานจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานให้เหลือร้อยละ ๐.๑ มีระยะเวลา ๑ ปี จากเดิมที่กำหนดให้ผู้เข้ารับการฝึกกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑ และสถานประกอบการกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓ ๑.๖ การขยายหรือเลื่อนระยะเวลาการส่งเงินสมทบตามกฎหมายประกันสังคม ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการประกันสังคมอยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในเรื่องการขยายหรือเลื่อนระยะเวลาการส่งเงินสมทบของนายจ้างไม่เป็นเหตุให้คิดเงินเพิ่มตามกฎหมายประกันสังคม ๑.๗ การลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมให้แก่นายจ้างและลูกจ้างในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยช่วงที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ ลดอัตราเงินสมทบเหลือร้อยละ ๓ และช่วงที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ลดอัตราเงินสมทบเหลือร้อยละ ๔ และได้ออกเป็นกฎกระทรวง เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๕ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๒. การให้ความช่วยเหลือลูกจ้าง ๒.๑ กรณีลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง ได้ดำเนินการให้การช่วยเหลือตามโครงการต่าง ๆ อาทิ การช่วยเหลือลูกจ้างผู้ประกันตนที่ว่างงานให้ได้รับเงินช่วยเหลือร้อยละ ๕๐ ของค่าจ้างเป็นเวลา ๖ เดือน (ไม่เกิน ๗,๕๐๐ บาท/เดือน/คน) มีผู้ประกันตนที่ว่างงานเนื่องจากสถานประกอบการประสบอุทกภัยไปขึ้นทะเบียนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน จำนวน ๑๕,๒๖๑ ราย การจัดหาตำแหน่งงานว่างเพื่อจัดหางานให้กับแรงงานที่ประสบอุทกภัย ปัจจุบันมีตำแหน่งงานว่าง จำนวน ๑๖๕,๑๙๑ อัตรา และการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพ โดยจ้างงานผู้ถูกเลิกจ้างในพื้นที่ประสบอุทกภัยทำงานซ่อมแซมสาธารณประโยชน์ ได้ค่าตอบแทนคนละ ๑๕๐ บาทต่อวัน ระยะเวลา ๒๐ วัน ขณะนี้สามารถช่วยเหลือผู้ถูกเลิกจ้าง ว่างงานและขาดรายได้ จำนวน ๑๑,๘๙๑ คน เป็นต้น ๒.๒ กรณีลูกจ้างที่ยังไม่ถูกเลิกจ้าง ได้ดำเนินการให้การช่วยเหลือตามโครงการต่าง ๆ อาทิ การฝึกยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้มีทักษะที่สูงขึ้นตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ โดยลูกจ้างจะได้รับค่าอาหารระหว่างการฝึกรายละ ๑๒๐ บาทต่อวัน จำนวน ๑๐ วัน ขณะนี้ได้รับจัดสรรเงินประจำงวดจากสำนักงบประมาณและจัดสรรลงพื้นที่แล้ว วงเงิน ๓๒.๘ ล้านบาท เป้าหมายการดำเนินการ ๔๐๐ รุ่น รุ่นละ ๒๐ คน รวม ๘,๐๐๐ คน การให้ลูกจ้างที่บ้านเรือนของตนเองหรือพ่อแม่เสียหายจากอุทกภัยกู้เงินไปซ่อมแซมบ้านรายละไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๕ ต่อปี คงที่ ๒ ปี ปัจจุบันมีผู้ประกันตนมาขอหนังสือรับรองจากสำนักงานประกันสังคม จำนวน ๔,๖๕๕ ราย อนุมัติสินเชื่อให้ผู้ประกันตน จำนวน ๖๑๔ ราย เป็นเงิน ๒๘.๒๐๕ ล้านบาท และการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการญี่ปุ่นในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยจัดส่งลูกจ้างไปฝึกงานในต่างประเทศซึ่งเป็นบริษัทแม่ มีบริษัทยื่นขออนุญาตพาลูกจ้างคนไทยไปทำงานเป็นการชั่วคราวที่ประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ จำนวน ๙๙ บริษัท ลูกจ้าง ๕,๗๓๔ คน เดินทางไปแล้ว จำนวน ๘๖ บริษัท ลูกจ้าง ๕,๑๙๒ คน เป็นต้น ๒.๓ กรณีลูกจ้างที่เป็นแรงงานต่างด้าว ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวผู้ประสบอุทกภัยโดยจัดที่พักพร้อมอุปกรณ์และอาหาร มีแรงงานต่างด้าวเข้าพักพิงอยู่ในศูนย์ช่วยเหลือ จำนวน ๒,๐๑๔ คน
|
|||||||||||||||||||||||||||
31559 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์) | รง | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) ครั้งที่ ๑๕ ระหว่างวันที่ ๔ - ๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภารกิจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในการเข้าร่วมการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ ๑๕ ๑.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้กล่าวต่อที่ประชุมใหญ่ว่า ประเทศไทยได้มุ่งสร้างความยุติธรรมทางสังคมให้เกิดขึ้นจริงแก่ทุกคนในสังคมไทย ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของคนทุกกลุ่มโดยไม่เลือกปฏิบัติ โดยได้มีการดำเนินนโยบาย แผนงาน และแนวปฏิบัติที่จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาและการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของ “วาระงานที่มีคุณค่า (Decent Work)” โดยขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างการจัดทำแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าบนพื้นฐานของการปรึกษาหารือไตรภาคี และพยายามพัฒนาระบบบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว และรูปแบบการอนุญาตการทำงานของแรงงานต่างด้าวเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ รวมทั้งได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูประเทศ 3 R ได้แก่ การกู้ภัย (Rescue) การซ่อม (Restore) และการสร้าง (Rebuild) ๑.๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นหนึ่งในผู้อภิปรายในวาระพิเศษ เรื่อง “การจัดการกับผลกระทบจากภัยพิบัติธรรมชาติโดยเน้นนโยบายการมีงานทำ (Natural Disaster Response with Central focus on Employment Policy)” ที่กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น จัดขึ้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้นำเสนอว่า การเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทยทำความเสียหายต่อนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อภาคการผลิตและการจ้างงาน รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการเชิงยุทธศาสตร์ “มาตรการ 3 R” เพื่อฟื้นฟูประเทศ สำหรับแรงงานต่างด้าว ในเบื้องต้นได้มีการจัดศูนย์พักพิงให้ สำหรับแรงงานต่างด้าวที่เดินทางกลับประเทศไปในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤต หากประสงค์จะกลับมาทำงานในประเทศไทยอีก รัฐบาลก็จะดำเนินการร่วมมือกับประเทศต้นทางให้กลับมาทำงานกับนายจ้างคนเดิม สำหรับก้าวต่อไปของประเทศไทย รัฐบาลทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนจากต่างประเทศและประชาคมระหว่างประเทศ โดยร่วมกับภาคประชาสังคมที่จะช่วยกันช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเสริมสร้างความมั่นใจ ความเชื่อถือ และความก้าวหน้าของประเทศต่อไป ๒. ภารกิจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในการส่งเสริมตลาดแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น ๒.๑ การหารือข้อราชการในการส่งเสริมจัดส่งผู้ฝึกงานไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่นกับองค์การ International Manpower Development Organization, Japan : IM Japan) ซึ่งเป็นโครงการที่รับผู้ฝึกงานไทยไปฝึกงานในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กของประเทศญี่ปุ่น โดยกรมการจัดหางานเป็นผู้ดำเนินการ ในการหารือทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันว่า ที่ผ่านมามีการส่งแรงงานไทยไปฝึกงานตามโครงการ IM Japan ลดลง สาเหตุจากหลักสูตรการสอบที่เข้มงวดและการรับสมัครสอบจะดำเนินการเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทำให้แรงงานในภูมิภาคขาดโอกาสในการสมัครงาน โครงการ IM Japan จึงร่วมกับกรมการจัดหางานเปิดรับสมัครผู้ที่ต้องการไปฝึกงานประเทศญี่ปุ่นภายใต้โครงการ IM Japan ในภูมิภาคโดยนำร่องในจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดแรก ๒.๒ การหารือข้อราชการเรื่องความร่วมมือการจัดส่งผู้ฝึกงานกับ Mr. Suzuki รองประธานองค์การ Japan International Training Cooperation Organization : JITCO) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลระบบการรับผู้ฝึกงานต่างชาติของญี่ปุ่น โดยผลการหารือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ขอให้ญี่ปุ่นพิจารณารับผู้ฝึกงานไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งขอให้ JITCO พิจารณาขยายอายุของผู้ฝึกงานที่เข้าร่วมโครงการให้สูงขึ้น จากไม่เกิน ๒๕ ปี เป็นไม่เกิน ๓๐ ปี สำหรับการเตรียมความพร้อมด้านภาษาซึ่งมีความสำคัญในการฝึกงานและการดำรงชีวิตในญี่ปุ่น ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันว่าควรมีองค์กรไม่แสวงหากำไรมาช่วยในเรื่องการฝึกอบรมซึ่งจะได้มีการประสานงานกันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31560 | รัฐบาลสาธารณรัฐกาบองเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกาโลส วิกเตอร์ บงกู (Mr. Carlos Victor Boungou) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐกาบองประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโซล สืบแทน นายชอง ปีแยร์ โซเล เอมาเน (Mr. Jean Pierre Sole - Emane) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....