ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 149 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2961 - 2980 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2961 | การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ประจำปี 2567 (เพิ่มเติม) | นร. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดให้วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗
เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ อีก ๑ วัน ในปี ๒๕๖๗ ๒.
ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็น หรือราชการสำคัญในวันหยุดดังกล่าวที่ได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว
ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน
ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการประชาชน ๓. ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน
ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงานพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมของการกำหนดให้วันดังกล่าวข้างต้น
เป็นวันหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2962 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 1 | กค. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติและรับทราบตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ครั้งที่ ๑ ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ ปรับเพิ่มสุทธิ
๕๖๐,๒๗๖.๑๐ ล้านบาท (จากเดิม ๑๙๔,๔๓๔.๕๓ ล้านบาท เป็น ๗๕๔,๗๑๐.๖๓ ล้านบาท)
แผนการบริหารหนี้เดิม ปรับเพิ่ม ๓๘๗,๗๕๘.๕๒ ล้านบาท (จากเดิม ๑,๖๒๑,๑๓๕.๒๒ ล้านบาท
เป็น ๒,๐๐๘,๘๙๓.๗๔ ล้านบาท) และแผนการชำระหนี้ ปรับเพิ่ม ๙,๐๗๕.๐๗ ล้านบาท (จากเดิม
๓๙๐,๕๓๘.๖๓ ล้านบาท เป็น ๓๙๙,๖๑๓.๗๐ ล้านบาท) ๑.๒ อนุมัติการบรรจุโครงการพัฒนา โครงการ
และรายการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
ครั้งที่ ๑ จำนวน ๕๖ โครงการ/รายการ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๑ แห่ง คือ
การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ
(Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า ๑ เท่า สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ โดยให้ กคช. รับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
เช่น (๑) กคช.มีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำกว่าเกณฑ์
เนื่องจากมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดในแต่ละปีที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ในวงเงินค่อนข้างสูง
(๒) กคช. ควรบริหารสินทรัพย์และหนี้สินให้สมดุล (๓) กคช.
ควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในแต่ละปี
และ (๔) กคช. ควรเร่งรัดการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ลงทุนไปแล้วในอดีต
แต่ปัจจุบันทรัพย์สินนั้นไม่สามารถทำให้เกิดกำไรได้ ไปดำเนินการด้วย
รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานที่บรรจุกรอบวงเงินกู้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ปรับปรุงครั้งที่ ๑
เร่งรัดดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวด้วย ๑.๔ รับทราบแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง
๕ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๗-๒๕๗๑)
และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดประสานงานกับรัฐวิสาหกิจที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการในกลุ่มโครงการที่ยังขาดความพร้อมในการดำเนินการ
เพื่อเร่งรัดการดำเนินการและการลงทุนเพื่อเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในระยะต่อไป ๒.
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
มาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง
กู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕
รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ภายใต้กรอบวงเงินของการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
ครั้งที่ ๑ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน
การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควร (๑) กำกับ ติดตาม
และเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
(๒)
การกู้เงินควรพิจารณาให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพคล่องทางการเงินในแต่ละช่วงเวลา
และจะต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและและการเงินโลกที่ยังมีแนวโน้มของความผันผวนอยู่ในเกณฑ์สูง
รวมทั้งแรงกดดันทางการคลังที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้สาธารณะและแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของภาระดอกเบี้ย
ซึ่งจะต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมิให้กระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
ตลอดจนเป็นข้อจำกัดต่อกรอบงบประมาณ และ (๓)
รัฐบาลควรให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในโอกาสที่เหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2963 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินขององค์การเภสัชกรรม | สธ. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรมกู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินในลักษณะ
Roll-Over ครอบคลุมระยะเวลาการกู้
๕ ปี วงเงินกู้จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรวางแผนการบริหารสภาพคล่องทางการเงิน
โดยการเร่งรัดติดตามการชำระหนี้ให้ทันตามกำหนดและสมดุลกับการใช้จ่ายเงิน
เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินงานในอนาคต
การกู้เงินดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามกฎหมายและอยู่ภายใต้ขอบวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐผู้กู้
เพื่อประโยชน์ของประเทศและของหน่วยงานของรัฐ โดยต้องกระทำด้วยความรอบคอบ
และคำนึงถึงความคุ้มค่า ความสามารถในการชำระหนี้ การกระจายภาระการชำระหนี้
เสถียรภาพและความยั่งยืนทางการเงินการการคลัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2964 | การเสนอร่างกฎหมายของฝ่ายบริหารเพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล | นร. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สมควรมีกฎหมายที่ช่วยสนับสนุนและขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ส่วนราชการผู้รับผิดชอบกฎหมายนั้นเป็นผู้เสนอหลักและผ่านกลไกการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งจะร่วมพิจารณากับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบเพื่อให้กฎหมายนั้นสามารถนำไปใช้บังคับได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
และไม่เกิดความซ้ำซ้อน หรือขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
หรือกฎหมายอื่น จึงขอให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดให้ส่วนราชการในความรับผิดชอบดำเนินการเสนอร่างกฎหมายต่าง
ๆ เพื่อให้มีกฎหมายใหม่ หรือเป็นการแก้ไข ปรับปรุง หรือยกเลิกกฎหมายเดิมให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน
และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้
ให้ตรวจสอบและพิจารณาความจำเป็นของร่างกฎหมายซึ่งเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งและบรรจุในระเบียบวาระของสภาผู้แทนราษฎรด้วย
หากพิจารณาแล้วเห็นว่าร่างกฎหมายใดมีความจำเป็นต้องตราขึ้น ขอให้เร่งรัดเสนอร่างกฎหมายเรื่องนั้นต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้พิจารณาและส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาและเสนอสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างกฎหมายฉบับของคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในคราวเดียวกันด้วย
แต่หากพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องมีกฎหมายดังกล่าว ก็ขอให้แจ้งประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบโดยเร็วต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2965 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง พ.ศ. .... | อก. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง
พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
พ.ศ. ๒๕๔๘ และยกเว้นค่าธรรมเนียมบางรายการสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรองตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2966 | รายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (เรื่อง การบังคับใช้กฎหมายกรณีการประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน) | อก. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (เรื่อง
การบังคับใช้กฎหมายกรณีการประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน)
ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณารายงานฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ ดังนี้ (๑) ประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ก่อให้เกิดมลพิษ
เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างพิจารณาเสนอแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา
๓๙ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕
ให้สามารถออกคำสั่งปรับปรุงแก้ไขกรณีที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานได้รับคำสั่งให้ปิดโรงงานได้
(๒)
การแก้ไขปัญหามลพิษและกระบวนการในการเรียกร้องค่าเสียหายจากการประกอบกิจการโรงงาน
เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้รับการจัดสรรงบกลางฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๕๙.๘๕
ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหากากอุตสาหกรรมและของเสียที่ตกค้างและปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม
จากการประกอบกิจการโรงงานของ บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด
ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเก็บรวบรวมและบำบัด/กำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วและของเสียในพื้นที่
ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว ๑,๖๒๐.๖๑ ตัน (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๐
พ.ย. ๖๖) และ (๓) การดำเนินการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากปัญหามลพิษ เช่น
กรมควบคุมมลพิษได้เสนอแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีแพ่งต่อบุคคลที่ก่อให้เกิดหรือเป็นแหล่งกำเนิดของการรั่วไหลหรือแพร่กระจายของมลพิษเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชน
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2967 | การขอขยายเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกไปอีก ๓ ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการ ๒.๑
ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ ๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๓ ฉบับ รวม
๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. อนุมัติในหลักการ ๓.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีการโอนและการจำนองห้องชุดตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม
๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. เห็นชอบกรอบวงเงินสำหรับมาตรการด้านประกันภัย
ได้แก่
โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และโครงการเมืองต้นแบบ
“สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โครงการละ ๑๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2968 | ร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรีที่ต้องเร่งรัดติดตามโดยเร่งด่วน | นร. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน)
ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า
ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ที่ประชุมได้มีมติเห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังต่อไปนี้
จำนวน ๙ ฉบับ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ในท้องที่เขตวังทองหลาง
เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี
อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... ๑.๒
ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่..) พ ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕
ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๗
ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ๑.๘
ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ๑.๙
ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานจังหวัดสมุทรปราการและศาลแรงงานจังหวัดระยอง
พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2969 | การปรับบทบาทภารกิจ หน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต และข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต | นร.09 | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑ รับทราบ ๑.๑
ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง
ส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
และส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวงในส่วนของหน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
รวม ๓๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
เพื่อปรับปรุงบทบาทภารกิจให้ครอบคลุมงานด้านส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
การเสริมสร้างวินัย การส่งเสริมธรรมาภิบาล และการต่อต้านการทุจริต ๑.๒
ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... รวม
๓๖ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและหน้าที่และอำนาจของสำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข โดยการจัดตั้งส่วนราชการเพิ่มใหม่ ได้แก่
กองสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ (ยกฐานะของ “สำนักสนับสนุนระบบปฐมภูมิ”
ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดตั้งภายใน) ปรับปรุงหน้าที่และอำนาจกองกฎหมาย ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต รวมทั้งตัดสถาบันพระบรมราชชนกออกจากส่วนราชการของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่
๒) เกี่ยวกับบทบาทภารกิจ หน้าที่และอำนาจของ ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
เพื่อให้การขับเคลื่อนการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2970 | การแต่งตั้งประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (1. นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ฯลฯ รวม 11 คน) | นร.11 สศช | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ รวม ๑๑ คน เนื่องจากประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิเดิม ได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ดังนี้ ๑. นายศุภวุฒิ
สายเชื้อ ประธานสภา ๒. นายกงกฤช
หิรัญกิจ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายกฤษณะ
วจีไกรลาศ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๔.
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๕.
นายปิยะมิตร ศรีธรา กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๖.
นายวิษณุ อรรถวานิช กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นางสาวรัสรินทร์
ชินโชติธีรนันท์ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายสมประวิณ
มันประเสริฐ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๙.
นายสุพจน์ เตชวรสินสกุล กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐. นายอารีย์ ชวลิตชีวินกุล กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๑. นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2971 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายวัน อยู่บำรุง) | นร.04 | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี จำนวน ๒
ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายวัน อยู่บำรุง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2972 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์) | นร.04 | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายวัน อยู่บำรุง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2973 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายล่ำซำ ลักขณาภิชนชัช) | สธ. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายล่ำซำ ลักขณาภิชนชัช ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี
กรมการแพทย์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม)
สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2974 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายสุริยะ คูหะรัตน์ ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | สธ. | 13/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายสุริยะ คูหะรัตน์ ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๕ ๒. นายสมเจตน์ เหล่าลือเกียรติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรมป้องกัน) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มีนาคม
๒๕๖๖ ๓. นางวิมล โรมา ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ
(ด้านส่งเสริมสุขภาพ) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ๔. นายมานัส โพธาภรณ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน)
โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๖ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2975 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (1. นายโอภาส การย์กวินพงศ์ ฯลฯ รวม 14 คน) | สธ. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมมีจำนวนกรรมการเกินกว่าสิบเอ็ดคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน
ตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติองค์การเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๐๙ และมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม รวม ๑๔ คน
เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ขอลาออก และดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑. นายโอภาส การย์กวินพงศ์ ประธานกรรมการ ๒. นายพงศธร พอกเพิ่มดี กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข) ๓. นายพงษ์ศักดิ์ เมธาพิพัฒน์ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. นางสาวกรรภคมณฑ์ โสภาศพิรุณศักดิ์ กรรมการ ๕. นายกิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ กรรมการ ๖. นายกุลเศขร์ ลิมปิยากร กรรมการ ๗. นางสาวจรสพร เฉลิมเตียรณ กรรมการ ๘. นายทวีศิลป์ วิษณุโยธิน กรรมการ ๙. นางนงลักษณ์ โกวัฒนะ กรรมการ ๑๐. นายปณิธาน ปวโรฬารวิทยา กรรมการ ๑๑. นายพงศ์เกษม ไข่มุกด์ กรรมการ ๑๒. นางศศิวิมล มีอำพล กรรมการ ๑๓. นายศุภฤกษ์ ภู่พงศ์ศักดิ์ กรรมการ ๑๔. นายสุรโชค ต่างวิวัฒน์ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2976 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายฐนัญพงษ์ สุขสมศักดิ์) | กค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฐนัญพงษ์ สุขสมศักดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการสูง) กองประเมินราคาทรัพย์สิน กรมธนารักษ์
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ)
กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2977 | รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2565 | ยธ. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย ๑)
เหตุผลความเป็นมาของการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงาน ๒)
แผนปฏิบัติการต้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ๓) สถานการณ์ยาเสพติด ๔) ผลปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน
ป.ป.ส. ๕) การกระทำความผิดของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และ ๖) ปัญหา
อุปสรรคและการดำเนินการแก้ไขปัญหา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้เสนอรายงานดังกล่าวพร้อมข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2978 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทย และกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | กค. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
เฉพาะการอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) และเห็นชอบในการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยไม่ต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม ทั้งนี้ กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง
จะดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือแสดงเจตนารมณ์ในการยินยอมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
โดยไม่ต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม
เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานระหว่างทั้งสองประเทศต่อไป โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญกำหนดให้คู่ภาคีจะต้องอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน
โดยไม่ให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนของการผ่านแดน โดยสินค้าผ่านแดนนั้น
เป็นของที่ไม่ต้องชำระอากรหากได้ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศที่มีการผ่านแดนอย่างครบถ้วน
แต่ประเทศภาคีสามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาระที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง
หรือค่าบริการอื่น ๆ ได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่านแดนสินค้าระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและสรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2979 | รายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.01 | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ในการประชุมเมื่อวันที่
๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ได้มีมติเห็นชอบรายงานดังกล่าว มีสาระสำคัญครอบคลุมการดำเนินงานของ
๑)คณะอนุกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดย คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ ๒) คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่าง
ๆ และ ๓) สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น
คัดเลือกศูนย์ข้อมูลข่าวสารโดดเด่น ปี ๒๕๖๕
รวมทั้งรายงานผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ
พ.ศ. ๒๕๔๐ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ และแผนงาน/โครงการในการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ
พ.ศ. ๒๕๔๐ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ นอกจากนี้ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ
ได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ เช่น ควรกำหนดแนวทางการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ
พ.ศ. ๒๕๔๐ และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒
และจัดทำคู่มือแนะนำสำหรับหน่วยงานของรัฐต่อไป ตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2980 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน ระหว่างไทยกับกัมพูชา | มท. | 06/02/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเห็นชอบ (ร่าง)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน
ระหว่างไทยกับกัมพูชา และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ฉบับดังกล่าว โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญของความร่วมมือทางวิซาการ
ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูล การแจ้งเตือนภัยพิบัติ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์ที่ทันสมัย
การปรับปรุงกลไกในการแบ่งปันข้อมูล การจัดตั้งกลไกการสื่อสารและประสานงาน
การจัดตั้งระบบสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ในการจัดการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ
ระบบพิเศษที่ตั้งขึ้นล่วงหน้าและแผนฉุกเฉิน การฝึกซ้อมแผนรับมือเหตุฉุกเฉินจากภัยพิบัติ
และการเยือนระหว่างทั้งสองประเทศ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง)
บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน
ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ด่วนที่สุด ที่ กต ๐๘๐๕/๗๙๓ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม
๒๕๖๖ ที่เห็นควรพิจารณาเสนอร่างเอกสารดังกล่าว ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา
๔ (๗) ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|