ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 147 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2921 - 2940 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2921 | การลดจำนวนคนและรถในขบวนเดินทางและการลงพื้นที่ตรวจราชการของรัฐมนตรี | นร. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๓ และ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๖)
มอบหมายให้รัฐมนตรีพิจารณาปรับลดจำนวนคนและรถนำขบวนให้เหมาะสมเท่าที่จำเป็น
เพื่อให้เกิดผลกระทบด้านการจราจรกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้น้อยที่สุด
รวมถึงกรณีการลงพื้นที่ตรวจราชการของรัฐมนตรีด้วย โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่/ผู้บริหารระดับสูงที่จะร่วมขบวนก็ขอให้พิจารณากำหนดเท่าที่จำเป็น
นั้น
ขอกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านพิจารณาปรับลดจำนวนคนและรถในขบวนลงอีกเท่าที่จำเป็นจริง
ๆ เท่านั้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2922 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดนครพนม สกลนคร และอุดรธานี | นร. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดนครพนม
สกลนคร และอุดรธานี ในระหว่างวันที่ ๑๗-๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ ในพื้นที่ ในการนี้ขอมอบหมายการดำเนินการเพิ่มเติมในเรื่องต่าง
ๆ ดังนี้ จังหวัดนครพนม ๑. การอำนวยความสะดวกทางการค้าโดยใช้ระบบ National Single Window รวมทั้งการปรับปรุงกฎระเบียบ
ขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ
ณ จุดเดียว (One Stop Service) นั้น ขอให้กระทรวงการคลัง
(กรมศุลกากร) ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการดำเนินการให้เรื่องข้างต้นแล้วเสร็จทั้งระบบโดยเร็ว
เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกและรวดเร็วทั้งกระบวนการนำเข้าและส่งออกสินค้า ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งประสานกับกระทรวงมหาดไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมจากเมืองรองให้เป็นเมืองหลักต่อไป จังหวัดสกลนคร ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
(กรมที่ดิน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการทับซ้อนกันของแนวเขตที่ดินของรัฐในพื้นที่หนองหาร
จังหวัดสกลนคร ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อให้สามารถนำไปใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติและพัฒนาเป็นท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้ต่อไป ๔.
ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาต่อยอดสินค้าชุมชนต่าง
ๆ ของจังหวัดสกลนคร ที่มีลักษณะโดดเด่นและมีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ เช่น ผ้าย้อมคราม
ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้นและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก จังหวัดอุดรธานี ๕.
สืบเนื่องจากการตรวจเยี่ยมค่ายและโรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี ขอให้กระทรวงกลาโหม
(กองทัพบก) เร่งประสานกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงรูปแบบที่พักอาศัยภายในค่าย
รวมทั้งโครงสร้างและสิทธิกำลังพลของบุคลากรในสังกัดสถานพยาบาลของกระทรวงกลาโหม
(กองทัพบก) ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2923 | ร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรีที่ต้องเร่งรัดติดตามโดยเร่งด่วน | นร.04 | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน) ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ
จำนวน ๔ ฉบับ ดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ได้แก่ ๒.๑
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๒
ร่างพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๓
ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนกลาโหม พ.ศ.
.... ๒.๔
ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2924 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ (ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. ....) | นร.09 | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
(ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายวิสุทธิ์
ไชยณรุณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายพิทักษ์เดช เดชเดโช กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายคอซีย์ มามุ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายวรภพ วิริยะโรจน์
กับคณะ เป็นผู้เสนอ พันตำรวจเอก ทวี
สอดส่อง กับคณะ เป็นผู้เสนอ และนายวิชัย สุดสวาสดิ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ รวม ๗
ฉบับ) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒.
ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ....
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล กับคณะ เป็นผู้เสนอ
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายพิทักษ์เดช เดชเดโช กับคณะ
เป็นผู้เสนอ นายคอซีย์ มามุ กับคณะ เป็นผู้เสนอ นายวรภพ วิริยะโรจน์ กับคณะ
เป็นผู้เสนอ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง กับคณะ เป็นผู้เสนอ และนายวิชัย สุดสวาสดิ์
กับคณะ เป็นผู้เสนอ) รวม ๗ ฉบับ
ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลา
พร้อมให้แจ้งความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปด้วยว่า
คณะรัฐมนตรีรับหลักการร่างพระราชบัญญัติฯ รวม ๗ ฉบับดังกล่าว
และให้ส่งความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรด้วย
โดยขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ รวม ๗ ฉบับดังกล่าว
พร้อมกับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ....
.ของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเลเพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมง
ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอไปในคราวเดียวกันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2925 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567)] | ปสส. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2926 | ขอความเห็นชอบท่าทีไทยและรับรองเอกสารที่จะเป็นผลลัพธ์สำหรับการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอท่าทีไทยสำหรับการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๑๓ [the
Thirteenth Ministerial Conference (MC13)]
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท่าทีของประเทศไทยสำหรับการประชุมดังกล่าวในประเด็นที่ประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลกอยู่ระหว่างการหารือ
เช่น การเจรจาจัดทำกฎเกณฑ์ว่าด้วยการอุดหนุนประมงระยะที่สอง การเจรจาปฏิรูปการค้าเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร
การค้าและการส่งเสริมด้านการพัฒนาของประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) และประเทศกำลังพัฒนา
การปฏิรูปกลไกการทำงานองค์การการค้าโลกรวมถึงกลไกการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก
และการค้าและสิ่งแวดล้อม และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายพิจารณาใช้ดุลพินิจในการเจรจาและรับรองผลการเจรจาตามสถานการณ์และความเหมาะสมในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ของไทยต่อไป
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม
MC13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรพิจารณาก่อนการทำความตกลงนั้นตามมาตรา
๔ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และหากความตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศก็จะเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และหากการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญานั้น ต้องมีการออกพระราชบัญญัติ
หรือหนังสือสัญญานั้นอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม
หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2927 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567)] | ปสส. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2928 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2566/2567 | อก. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ ทั้ง ๙ เขตคำนวณราคาอ้อย เป็นราคาเดียวทั่วประเทศ ดังนี้ ๑)
ราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ ในอัตรา ๑,๔๒๐ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส.
หรือเท่ากับร้อยละ ๙๑.๔๓ ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ และกำหนดอัตราขึ้น/ลง
ของราคาอ้อยเท่ากับ ๖๔.๒๐ บาทต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ๒) ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ เท่ากับ ๖๐๘.๕๗ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการทบทวนระเบียบมาตรการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการจัดเก็บรายได้เพื่อให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดจนการเพิ่มโอกาสของอุตสาหกรรมอ้อยไปสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้แก่
เอทานอลไบโอชีวภาพ เพื่อให้ชาวไร่อ้อยมีทางเลือกเพิ่มขึ้น
รวมทั้งพิจารณาถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงาน เป้าหมาย
ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ ฐานะเงินนอกงบประมาณ
รายได้หรือเงินอื่นใดที่หน่วยงานของรัฐนั้นมีอยู่ หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้
โดยต้องคำนึงถึงความโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ
ตลอดจนความสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศของไทยภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO)
ด้วย และควรเร่งศึกษาแนวทางและความเป็นไปได้ในการหาวิธีการทางเลือกเพื่อการกำหนดราคาอ้อยและน้ำตาลทรายขั้นต้นที่แตกต่างกันตามเขตการผลิต
เพื่อให้ราคาอ้อยและน้ำตาลที่ถูกกำหนด มีความเป็นธรรมและสามารถสะท้อนความสามารถในการผลิตที่แท้จริงของแต่ละพื้นที่
และพิจารณามาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น
โดยเฉพาะในเขตที่มีการประมาณการราคาอ้อยต่ำกว่าเขตอื่น
รวมทั้งติดตามประเมินผลมาตรการจูงใจให้เกษตรกรตัดอ้อยและเก็บเกี่ยวอ้อยสดเพื่อลดมลพิษจากการเผาอ้อยในระยะที่ผ่านมาเพื่อพัฒนามาตรการให้เกิดประสิทธิผลมากขึ้นในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๒.
ในการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และการสนับสนุนการเพิ่มระดับผลิตภาพของเกษตรกรชาวไร่อ้อยแทนการให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติม
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การจัดทำมาตรการ/โครงการเพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือเกษตรกร)
ที่กำหนดให้ทุกหน่วยงานหลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ
ชดเชย
หรือประกันราคาสินค้าเกษตรโดยตรงแก่เกษตรกรและให้พิจารณาดำเนินมาตรการ/โครงการในลักษณะที่เป็นการสนับสนุนการเพิ่มระดับผลิตภาพอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2929 | ขอความเห็นชอบในหลักการและเป็นโครงการต่อเนื่องสำหรับโครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัวตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย | สธ. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการแก้ไขชื่อเรื่องนี้ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับข้อเท็จจริง
จากเดิม “ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป
สำหรับโครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัวตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย”
เป็น “ขอความเห็นชอบในหลักการและเป็นโครงการต่อเนื่องสำหรับโครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัวตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย”
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. เห็นชอบมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการการผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขตามโครงการดังกล่าว
โดยคำนึงถึงความพร้อมของหัตถการทางการแพทย์ ความซ้ำซ้อนของภารกิจและภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ
รวมทั้งนำผลการดำเนินงานโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๗๐
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒ และวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๕ ที่กำหนดเป้าหมายการผลิตแพทย์เพื่อรองรับความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข
อัตราส่วนแพทย์ต่อประชากรในภาพรวม ๑ : ๑,๒๐๐ คน ประกอบการพิจารณาเหตุผลความจำเป็นด้วย ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข
โดยสถาบันพระบรมราชชนกควรพิจารณาการผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนด้านสุขภาพของประเทศอย่างเป็นระบบ
รวมทั้งคำนึงถึงการคัดเลือกผู้ที่มีศักยภาพเข้ารับการศึกษา ความคุ้มค่า
และความพร้อมของสถานศึกษา ตลอดจนมีการติดตามประเมินผลโครงการเป็นรายปี
เพื่อให้สามารถปรับแผนการดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงสาธารณสุข
โดยสถาบันพระบรมราชชนกจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณพร้อมทั้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีและพิจารณาความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน หรือนำเงินนอกงบประมาณมาสมทบตามความพร้อม
ความจำเป็นและความเหมาะสมที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ
รวมทั้งพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น (๑)
ควรวิเคราะห์ความต้องการกำลังคนด้านสาธารณสุข
รวมถึงความซ้ำซ้อนของโครงการในลักษณะเดียวกัน (๒)
ควรพิจารณาทบทวนเป้าหมายการผลิตให้สอดคล้องกับศักยภาพในการจัดการเรียนการสอนของสถาบันพระบรมราชชนก
และ (๓) ควรมีการวางแผนรองรับการบรรจุและวางระบบบริหารจัดการอัตรากำลัง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมด้วย
ดังนี้ ๓.๑
บริหารจัดการโครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัวตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย
(โครงการผลิตแพทย์ฯ) ให้สอดคล้องและต่อเนื่องกับแผนการผลิตแพทย์ตามโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย
ปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๕ [(เรื่อง
โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๐ (ดำเนินการต่อเนื่องในระยะที่
๒ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗o)] รวมถึงกำหนดเป้าหมายของการผลิตบุคลากรทางการแพทย์
การพยาบาล และการสาธารณสุขในภาพรวมในแต่ละช่วงเวลาให้ชัดเจนและมีสัดส่วนที่เหมาะสมกับโครงสร้างประชากรและความต้องการด้านการบริการสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ ๓.๒
กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกบุคคลเข้าร่วมโครงการผลิตแพทย์ฯ และเงื่อนไขการชดใช้ทุนให้มีความเหมาะสม
ตลอดจนวางแผนทางก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) ของบุคลากรทางการแพทย์ การพยาบาล
และการสาธารณสุขให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถธำรงรักษาบุคลากรที่เกี่ยวข้องไว้ในระบบราชการและในพื้นที่ชนบทได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ๓.๓
ร่วมกับสถาบันพระบรมราชชนกเร่งเตรียมความพร้อมของสถาบันการศึกษาที่รับผิดชอบการผลิตบุคลากรภายใต้โครงการผลิตแพทย์ฯ
เพื่อให้สามารถจัดเตรียมหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2930 | การสิ้นสุดหน้าที่ของ นายริการ์โด มอรัน เฟร์รากูติ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงซานซัลวาดอร์ สาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ และการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงซานซัลวาดอร์ สาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ เป็นการชั่วคราว | กต. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่ของ
นายริการ์โด มอรัน เฟร์รากูติ (Mr.
Ricardo Moran Ferracuti) กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงซานซัลวาดอร์
สาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ เนื่องจากครบเกษียณอายุ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2931 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2565/2566 | อก. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ เป็นรายเขต ๙ เขต โดยมีอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศ ดังนี้ ๑)
ราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ในอัตรา ๑,๑๙๗.๕๓ บาทต่อตันอ้อย ณ
ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. ๒) อัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อย เท่ากับ ๗๑.๘๕ บาท ต่อ
๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ๓) ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ เท่ากับ ๕๑๓.๒๓ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรม
โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายดำเนินการให้โรงงานน้ำตาลนำส่งเงินเข้ากองทุนตามส่วนต่างระหว่างรายได้สุทธิและราคาอ้อยขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ตามมาตรา ๕๗
แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป
ควรกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในภาพรวม
และกระทรวงอุตสาหกรรมควรพิจารณาเร่งรัดติดตามประเมินผลมาตรการลดการเผาอ้อยในระยะที่ผ่านมาเพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรค
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเกษตรกรชาวไร่อ้อย
และ/หรือความจำเป็นในการทบทวนแนวทางตามมาตรการดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
ซึ่งจะส่งผลในการรักษาสภาพดินและลดมลพิษที่เกิดจากการเผาอ้อย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2932 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดเชียงใหม่ | กต. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ
นายรอนัลด์ จอห์น เอลเลียตต์ (Mr. Ronald John Elliott) กงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดเชียงใหม่
ตั้งแต่วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2933 | การขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค (งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568) | นร.01 | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบกรอบวงเงินการขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามนัยมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับ
ติดตามการใช้จ่ายเงินอุดหนุนของสภาองค์กรของผู้บริโภคให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประสิทธิภาพ ผลสัมฤทธิ์
และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สภาองค์กรของผู้บริโภค
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากำหนดและเพิ่มตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนผลลัพธ์ไปยังประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
อาทิ หน่วยงานประจำจังหวัดสามารถแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภคจนได้ข้อยุติเพิ่มเติม
ควรพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมของรูปแบบกิจกรรมในแผนงานพัฒนานโยบายเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมในลักษณะการประชุมสัมมนาหรือการประชุมหารือระยะสั้นเพียง ๑-๒
ครั้ง ในแผนงาน
และควรพิจารณาประสานใช้กลไกการดำเนินงานของหน่วยงานอื่นที่มีอยู่แล้วในพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อาทิ เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ มกราคม ๒๕๖๗ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2934 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567) | ปสส. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์
๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๑
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)
วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2935 | การขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการ ก.พ.ร. ครั้งที่ 1 (นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ) | นร.12 | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นางสาวอ้อนฟ้า
เวชชาชีวะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
ต่อไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายปานปรีย์ พหิทธานุกร) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2936 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา (1. นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ ฯลฯ รวม 7 คน) | กษ. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา
รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ ประธานกรรมการร ๒. นายอภัย สุทธิสังข์ กรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๓. นายดนัย วิจารณ์ กรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. พลเอก นิธิ จึงเจริญ กรรมการอื่น ๕. พลตำรวจตรี วรากร
อยู่อย่างไท กรรมการอื่น ๖. พลตำรวจตรี มนตรี แป้นเจริญ กรรมการอื่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2937 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (1. นางศรัณยา สุวรรณพรหม ฯลฯ จำนวน 7 คน) | กษ. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร
จำนวน ๗ คน แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นางศรัณยา สุวรรณพรหม (ผู้แทนสถาบันเกษตรกร) ๒. พันตำรวจเอก พัฒน์เชษฐ์
อุ่นอนันต์ (ผู้แทนสถาบันเกษตรกร) ๓. นายชุติเดช มีจันทร์ ๔. นายพรชัย อินทร์สุข ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภูมิศิษฐ์
มหาเวสน์ศิริ ๖. นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2938 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (1. พลเอก สุพจน์ มาลานิยม ฯลฯ รวม 10 คน) | พม. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ
รวม ๑๐ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ดังนี้ ๑. พลเอก สุพจน์ มาลานิยม ประธานกรรมการ ๒. นายอนุกูล ปีดแก้ว กรรมการอื่น
(ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๓. นายสมมาตร มณีหยัน กรรมการอื่น
(ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. นายเดชบุญ มาประเสริฐ กรรมการอื่น ๕. นายมณเฑียร อินทร์น้อย กรรมการอื่น ๖. นายสมิทธิ ดารากร ณ อยุธยา กรรมการอื่น ๗. นายอณุศาสณ์ อรรถวิทยา กรรมการอื่น ๘. นายอดิศร นุชดำรงค์ กรรมการอื่น ๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อำนาจ จำรัสจรุงผล กรรมการอื่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2939 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (1. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ฯลฯ รวม 6 คน) | สพร. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด) เสนอ ดังนี้ ๑. นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ประธานกรรมการ ๒. นายธนา โพธิกำจร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ๓. นายอภิรัต ศิรินาวิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ๔. นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการและทรัพยากรบุคคล ๕. นายฉัตรชัย ธนาฤดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การบัญชี และงบประมาณ การตรวจสอบประเมินผลและการบริหารความเสี่ยง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2940 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง พ.ศ .... ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ (กำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง วันที่ 1 เมษายน 2567 และกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ รวมทั้งกำหนดให้ศาลจังหวัดพระประแดงสามารถนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดสำหรับคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่อำเภอพระประแดงและอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป) | ศย. | 13/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลจังหวัดพระประแดง
พ.ศ. .... ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติมาตรา
๓ แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด
พ.ศ. ๒๕๒๐ บังคับสำหรับคดีที่เกิดขึ้นในบางท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓
ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวันเปิดทำการของศาลจังหวัดพระประแดงโดยให้มีเขตตลอดท้องที่อำเภอพระประแดง
และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ และให้เปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน
๒๕๖๗ เป็นต้นไป รวมทั้งกำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการ
โดยตัดท้องที่ที่ทับซ้อนกันออกจากเขตอำนาจศาลแขวงสมุทรปราการและให้ไปอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพระประแดง
ตลอดจนกำหนดให้ศาลจังหวัดพระประแดงสามารถนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัดสำหรับคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งเกิดขึ้นในท้องที่อำเภอพระประแดง
และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม ที่เห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์
เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน
โดยใช้ช่องทางและวิธีการสื่อสารในหลากหลายรูปแบบที่เหมาะสม
เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนในเรื่องเขตอำนาจศาลและได้รับความสะดวกในการพิจารณาพิพากษาคดี
ทั้งนี้
การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการส่งเสริมการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|