ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 144 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2861 - 2880 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2861 | ความร่วมมือด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาป่าระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานถึงความพร้อมของรัฐบาลกัมพูชาในการส่งคณะเจ้าหน้าที่มาหารือเกี่ยวกับแนวทางการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลและสายด่วน
(Hotline) เพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาป่ารวมทั้งควบคุมการเกิดไฟไหม้และลดจุดความร้อนในพื้นที่บริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศให้เหลือน้อยที่สุด
จึงขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาป่าฝ่ายไทย ให้แล้วเสร็จ
แล้วประสานการดำเนินการต่าง ๆ กับรัฐบาลกัมพูชาต่อไปโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2862 | การพิจารณาทบทวนการวางผังเมืองใหม่ | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการและรับฟังความคิดเห็นจากเอกชนและประชาชนในหลายภาคส่วน
ซึ่งมีการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาในการขออนุญาตก่อสร้างและการประกอบอาชีพที่เกิดขึ้นจากการวางผังเมืองในพื้นที่ต่าง
ๆ ไม่สอดคล้องกับการขยายตัวของเมืองในปัจจุบัน ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนทั้งภายในประเทศและจากต่างประเทศ
และขจัดปัญหาอุปสรรคที่เป็นข้อจำกัดต่อการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) อันเนื่องมาจากการวางผังเมืองที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาทบทวนการวางผังเมืองในจังหวัดต่าง
ๆ รวมทั้งกรุงเทพมหานครให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน แล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
รวมถึงให้พิจารณาดำเนินการตามแนวทางข้างต้นเพื่อยกระดับเมืองรองต่าง ๆ ให้มีความพร้อมรองรับการขยายตัวของเมืองและการลงทุนในพื้นที่ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2863 | การเสนอรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมต่อยูเนสโก (ชุดไทยพระราชนิยม) | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน
ได้มีมติให้จัดทำข้อมูลเกี่ยวกับรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (ชุดไทยพระราชนิยม)
เสนอต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations
Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO)
หรือยูเนสโก
เพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
ต่อไปนั้น รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่
เพื่อผลักดันวัฒนธรรมไทยให้แพร่หลายและยกระดับไปสู่ระดับโลกต่อไป ดังนั้น
จึงขอให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งรัดติดตามการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จ
แล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยเร็ว
ก่อนนำเสนอต่อยูเนสโกพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2864 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.02 | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยผลการดำเนินงานของ กปช. มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
การสร้างความตระหนักรู้
ความเข้าใจเรื่องสื่อสารที่สำคัญของประเทศและเกิดพฤติกรรมที่เหมาะสม
เสริมสร้างค่านิยมที่ดีในสังคม เช่น การพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG สังคมสูงวัย กับวิถีชีวิตในอนาคต
(๒) การสร้างการรับรู้ภาพลักษณ์เชิงบวกของประเทศไทยต่อประชาคมโลก เช่น Health
Care ความก้าวหน้าทางการแพทย์ระดับโลก (๓)
การส่งเสริมให้ประชาชนมีทักษะการรู้เท่าทันสื่อและข่าวปลอม (Fake News) สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือ เช่น
การจัดการข่าวปลอมผ่านรูปแบบของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และ (๔)
การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศที่เหมาะสมกับยุคดิจิทัล
เช่น การพัฒนาหลักสูตรนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารของภาครัฐ และมอบหมายหน่วยงานภาครัฐรับข้อเสนอของประชาชนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ให้กระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำผู้ว่าราชการจังหวัด ๗๖ จังหวัด ให้ความสำคัญกับงานประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนในพื้นที่และสั่งการให้หน่วยงานในระดับจังหวัดสนับสนุนและประสานการดำเนินงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนางานประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพ
ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงศึกษาธิการ เช่น ควรพิจารณาในมิติของการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม
การรับรู้อย่างเท่าทัน และการป้องกันความปลอดภัยข้อมูลข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์ในกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดการสื่อสารที่ถูกต้อง
รวดเร็ว ปลอดภัย และมีภูมิคุ้มกันต่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ (Cyber
Crime) ควรพิจารณารูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสมให้แก่คนพิการตามประเภทความพิการ
ในทุกช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้คนพิการทุกประเภทได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ชัดเจน
และตรงประเด็น และในประเด็นที่ ๕ การรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัลควรให้มีการรณรงค์สร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม
ในมิติทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพื่อให้ประชาชนและเยาวชนใช้วัฒนธรรมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตนเอง
และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ความรู้กับประชาชนในทุกภาคส่วนให้รู้เท่าทันสังคมโลก
และประเด็นที่ ๖ ส่งเสริมค่านิยมที่ดีของไทย
ควรผลิตสื่อส่งเสริมค่านิยมไทยในรูปแบบที่หลากหลาย ทันสมัย และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งภาครัฐควรพัฒนาแอปพลิเคชันทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุ
เพื่อให้ข้อมูลและบริการครบทุกวงจร รวมถึงมุ่งเน้นการสื่อสารสร้างค่านิยมไทยร่วมสมัยให้ประชาชนตระหนักว่าการประพฤติตนตามคุณธรรมและค่านิยมพื้นฐานเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ควรเป็นการบังคับ
ตลอดจนธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติด้วยรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจและแปลกใหม่
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2865 | ขอความร่วมมือในการใช้ลายผ้าพระราชทาน จำนวน 4 ลาย | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
ได้พระราชทานลายผ้า จำนวน ๔ ลาย ได้แก่ ลายวชิรภักดิ์ ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณรีฯ
๒๕๖๙ ลายหัวใจ และลายดอกรักราษฎร์ภักดี จึงขอความร่วมมือให้คณะรัฐมนตรี ส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งประชาชนทุกภาคส่วนใช้ลายผ้าพระราชทานดังกล่าวในการแต่งกายในวาระและโอกาสต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อส่งเสริมการใช้ลายผ้าทั้ง ๔ ลาย ให้แพร่หลาย
โดยพร้อมเพรียงกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2866 | การยกระดับคุณภาพชีวิตและการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) ในระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
เพื่อสร้างโอกาสให้กับประชาชนในพื้นที่ทางด้านเศรษฐกิจและยกระดับการท่องเที่ยว
ซึ่งหลายพื้นที่เป็นจุดที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักท่องเที่ยวและสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนได้
จึงขอความร่วมมือให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งภาคเอกชนและประชาชนในทุกภาคส่วนให้การส่งเสริม สนับสนุน และช่วยกันพัฒนา
ยกระดับคุณภาพชีวิต และดำเนินมาตรการต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
๓ จังหวัดดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไปหลังจากการตรวจราชการในครั้งนี้ด้วย
รวมทั้งขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมประชาสัมพันธ์
และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์
เผยแพร่ข่าวสารและศักยภาพในด้านต่าง ๆ ของทั้ง ๓ จังหวัด
เพื่อดึงดูดการลงทุนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้เดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2867 | การพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสมของประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ประชุมได้มีมติให้ส่วนราชการพิจารณาทบทวนความจำเป็น
เหมาะสมของประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่สามารถยกเลิกได้โดยการตราพระราชบัญญัติกลางยกเลิก
จำนวน ๗๑ ฉบับ ตามบัญชีแนบท้ายนี้ โดยให้เสนอความเห็นไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ภายใน ๑๔ วัน และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งผลการพิจารณาดังกล่าวไปยังคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2868 | มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการรายงานภาพรวมการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ณ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ของสำนักงบประมาณ พบว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนในภาพรวมมีจำนวนต่ำกว่าที่วางแผนไว้เกือบหนึ่งหมื่นล้านบาท
ซึ่งการลงทุนของภาครัฐเป็นมาตรการสำคัญประการหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้โดยตรง
ดังนั้น
จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและการเบิกจ่ายเงินทั้งในส่วนของเงินงบประมาณและเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2869 | การจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยและเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 1 และเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ 2 ตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินการจัดสรรงบประมาณสำหรับการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยและเงินชดเชยความเสียหายรอบแรก ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ตามมาตรา
๙ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (พระราชกำหนด Soft Loan) คิดเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๔๕๓.๑๑ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง
โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอน
และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงการคลังดำเนินการยื่นขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ต่อสำนักงบประมาณ
ตามพระราชกำหนด Soft Loan มาตรา ๑๔ วรรคสอง
ที่กำหนดให้ในกรณีที่ต้องมีการจ่ายเงินชดเชย
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2870 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ และมอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว
เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2871 | ร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - ฮ่องกง (First Protocol to Amend ASEAN – Hong Kong, China Free Trade Agreement) | พณ. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง
(ASEAN-Hong Kong, China Free
Trade Agreement : AHKFTA) บทที่ ๓ (เรื่อง
กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อรองรับการนำบัญชีสินค้าที่ใช้กฎเฉพาะรายสินค้า (Product
Specific Rules : PSRs) ที่เจรจาใหม่ในระบบฮาร์โมไนซ์
๒๐๒๒ (HS 2022) มาบังคับใช้ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง
เมื่อลงนามแล้วให้ส่งพิธีสารดังกล่าว
ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง ทั้งนี้
หากมีการแก้ไขถ้อยคำในร่างพิธีสารดังกล่าวที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้พิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง
มีผลใช้บังคับ ๖๐ วัน หลังจากวันที่ภาคีทั้งหมดได้แจ้งเลขาธิการอาเซียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่าได้ดำเนินตามกระบวนการทางกฎหมายภายในที่จำเป็นสำหรับการมีผลใช้บังคับของพิธีสารดังกล่าวแล้วเสร็จ ๕.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการนำส่งสัตยาบันสารของพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง
ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบันพิธีสารดังกล่าว เมื่อรัฐสภามีมติเห็นชอบพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง
แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2872 | การร่วมรับรองเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน สำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) | พณ. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน
(ASFF) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าวในฐานะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(AEM) โดยร่างเอกสาร ASFF มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและอำนวยความสะดวกด้านการค้าบริการในภูมิภาคและพัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขันของอาเซียน
มีสาระสำคัญ อาทิ การสร้างความเป็นธรรมและการเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจบริการของอาเซียน
การส่งเสริมให้เกิดความโปร่งใสด้านกฎระเบียบภายในประเทศ
การส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคบริการ เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน
สำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวและให้กระทรวงพาณิชย์
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นว่าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ควรร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
ประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งรัดการขยายผลระบบศูนย์กลางบริการภาครัฐเพื่อภาคธุรกิจ (Biz Portal) ให้ครอบคลุมการออกหนังสือรับรองและใบอนุญาตทุกประเภทรวมถึงระบบการชำระค่าธรรมเนียมและการติดตามสถานะผ่านรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร
ณ จุดเดียว ตลอดจนพัฒนาพื้นที่การให้บริการให้ทั่วถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
อย่างทั่วถึง
ควรส่งเสริมให้มีการทบทวนระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการบริหารจัดการภาครัฐด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
และเอื้อต่อการทำธุรกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลของประชาชน
โดยต้องให้ความคุ้มครองผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบอย่างเป็นธรรม
และควรคำนึงถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและรักษาความลับทางการค้าอันเป็นที่ยอมรับร่วมกันในระดับภูมิภาค
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2873 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการด้านความปลอดภัยของผู้รับใบอนุญาต กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงมาตรฐานเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | อว. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการด้านความปลอดภัยของผู้รับใบอนุญาตกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ในการจัดทำและดำเนินการให้เป็นไปตามแผนป้องกันอันตรายจากรังสี กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
และร่างกฎกระทรวงมาตรฐานเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักความปลอดภัยทางนิวเคลียร์สำหรับก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี
รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต ของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ในลำดับที่ ๑๑.๔ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทุกขนาด โดยให้เสนอรายงานฯ
ในขั้นขออนุญาตก่อสร้างเพื่อประกอบกิจการ หรือในขั้นขออนุญาตประกอบกิจการ
แล้วแต่กรณี และควรพิจารณากำหนดแนวทางในการบูรณาการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผน
๓ ด้าน ได้แก่ (๑) แผนป้องกันอันตรายจากรังสี (๒) แผนฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
และ (๓) แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และควรพิจารณาเร่งกำหนดระเบียบประกาศ
หรือคู่มือในการดำเนินงานอย่างชัดเจน เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดข้อโต้แย้งในทางปฏิบัติรวมถึงประเด็นการกำหนดมาตรฐานในการติดตั้งและใช้อุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยในสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานสากล
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติต้องพิจารณาในแง่ของมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบัน
เพื่อนำมากำหนดเป็นระเบียบหรือคู่มือเกี่ยวกับมาตรฐานสำหรับสถานประกอบการฯ
สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2874 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปปง. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
พ.ศ. ๒๕๕๙
เพื่อกำหนดหลักการให้บุคคลที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายหรือการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
(บุคคลที่ถูกกำหนด) ให้สามารถนำทรัพย์สินที่ถูกระงับการดำเนินการมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นพื้นฐานของตนเองและครอบครัว
รวมทั้งเพิ่มหน้าที่และอำนาจของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการรวบรวมข้อมูลและหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการกำหนดหรือเพิกถอนรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดเพื่อให้มีมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2875 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | นร. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ในวันพุธที่ ๒๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๒
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2876 | การเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามกรอบความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ปี 2567-2569 | กษ. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามกรอบความตกลงองค์การการค้าโลก
(WTO) ปี
๒๕๖๗-๒๕๖๙ สินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ (แห้งเป็นผงและไม่เป็นผง)
หัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ตามมติคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ ดังนี้ (๑)
เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ ปริมาณในโควตา ปีละ ๓.๑๕ ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๐ และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ
๒๑๘ (๒) หอมหัวใหญ่ (แห้งเป็นผงและไม่เป็นผง) ปริมาณในโควตาปีละ ๑,๒๕๖.๕๐ ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๒๗ และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ ๑๔๒ (๓)
หัวพันธุ์มันฝรั่ง ปริมาณในโควตา ไม่จำกัดจำนวน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๐
และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ ๑๒๕ (๔) หัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ปริมาณในโควตาปี
๒๕๖๗ จำนวน ๗๕,๕๐๐ ตัน ปี ๒๕๖๘ จำนวน ๗๘,๐๐๐ ตัน และปี ๒๕๖๙ จำนวน ๘๐,๐๐๐ ตัน
อัตราภาษีในโควตาร้อยละ ๒๗ และอัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ ๑๒๕ ตามที่คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์เสนอ
โดยให้ใช้ดำเนินการได้เฉพาะปี ๒๕๖๗ เท่านั้น
และให้คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดช่วงเวลาการนำเข้าสินค้าเกษตรดังกล่าวให้เหมาะสมและไม่กระทบต่อผลผลิตหอมหัวใหญ่และมันฝรั่งในประเทศ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรระมัดระวังไม่ให้เงื่อนไขที่กำหนดให้ผู้นำเข้าหรือผู้แทนผู้นำเข้าต้องรับซื้อผลผลิตหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปจากเกษตรกรของไทยถูกใช้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่สินค้าหัวมันฝรั่งฯ
ของไทยและทำให้สินค้าหัวมันฝรั่งฯ จากต่างประเทศเสียเปรียบในด้านการแข่งขัน
ควรระมัดระวังไม่ให้มาตรการเกี่ยวกับการบริหารช่วงเวลาการนำเข้า
โดยให้นำเข้าเฉพาะช่วงเดือนที่กำหนดไว้ ถูกใช้เพื่อจำกัดโอกาสและปริมาณของการนำเข้า
ควรให้ความสำคัญกับสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปภายในประเทศ การตรวจรับรอง
และการรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน
เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการแปรรูปอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย
และให้ความสำคัญต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตรให้สอดคล้องและเพียงพอกับความต้องการของอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมต่อเนื่องเพื่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2877 | แนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาค | อก. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินงานขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล
ของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาค
และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน
ก.พ.ร. รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. เช่น ร่างแผนปฏิบัติการฯ
ควรมีการจัดการด้านการรับรองมาตรฐานสินค้าฮาลาลที่ส่งผล และการกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายของร่างแผนปฏิบัติการฯ
ควรเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนเพื่อสะท้อนความสำเร็จของการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2878 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กับคณะ เป็นผู้เสนอ และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) | ปสส. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กับคณะ เป็นผู้เสนอ
และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2879 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน | พน. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
(นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2880 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายเกษม ตั้งเกษมสำราญ ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | สธ. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายเกษม ตั้งเกษมสำราญ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านควบคุมป้องกันโรค [นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน)] สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ๒. นางน้ำทิพย์ หมั่นพลศรี ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขารังสีวิทยา) สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๖ ๓. นางสาวสมจินต์ จินดาวิจักษณ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาโสต ศอ นาสิก) โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๖ ๔. นางดวงกมล ตั้งวิริยะไพบูลย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน) โรงพยาบาลสวนปรุง กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๖ ๕. นางสาววนิดา สมบูรณ์ศิลป์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) โรงพยาบาลเจ้าพระยา ยมราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ |