ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 142 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2821 - 2840 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2821 | ความตกลงการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา (Free Trade Agreement between the Kingdom of Thailand and the Democratic Socialist Republic of Sri Lanka) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567)] | ปสส. | 12/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๗
ซึ่งให้เสนอความตกลงการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
(Free Trade
Agreement between the Kingdom of Thailand and the Democratic Socialist
Republic of Sri Lanka) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2822 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | สธ. | 12/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ
ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๘ ประเด็น โดยในส่วนของประเด็นที่เห็นควรให้แก้ไขผู้รักษาการตามกฎหมาย
จาก “นายกรัฐมนตรี” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข” นั้น ยังมีความเห็นบางส่วนที่เห็นว่า
การให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายมีความเหมาะสมแล้ว
เนื่องจากการดำเนินการตามกฎหมายฉบับนี้จำเป็นจะต้องมีการบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่าง
ๆ เพื่อให้นโยบาย แผนงาน และมาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
รวมทั้งการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือผู้มีปัญหาจากการดื่มแอลกอฮอล์เกิดผลสัมฤทธิ์
ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒.
รับทราบคำชี้แจงเหตุผลตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยเป็นการปรับปรุงคำนิยามให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
เพิ่มเติมองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการต่าง ๆ เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีผู้รักษาการในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับสถานที่ห้ามจำหน่ายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เพิ่มอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพิ่มหมวดว่าด้วยการโฆษณาเพื่อการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ห้ามแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ
หรือชักจูงใจ กำหนดให้มีการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพแก่ผู้มีปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และกำหนดเวลาห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณสถานที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ทั้งนี้
ให้ส่งความเห็นที่มีต่อร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานศาลยุติธรรม
และผลการพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ของกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
และความเห็นที่มีต่อประเด็นดังกล่าว ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งคำชี้แจงเหตุผลตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ไปประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรด้วย ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2823 | การแต่งตั้งกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร (1. ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ฯลฯ จำนวน 55 คน) | นร.01 | 12/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
จำนวน ๕๕ คน ตามมติคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๖
เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ เนื่องจากคณะกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด)
ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ ดังนี้ ๑. สาขาสังคม
การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ๑.๑
ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ๑.๒
ผู้ช่วยศาสตราจารย์จันทจิรา เอี่ยมมยุรา ๑.๓
พลโท สุขสันต์ สิงหเดช ๑.๔
นายพิรุฬ เพียรล้ำเลิศ ๑.๕
นายมานะ วีระอาชากุล ๑.๖
พลตำรวจโท วราวุธ ทวีชัยการ ๑.๗
พลตำรวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ๑.๘ รองศาสตราจารย์วรรณภา ติระสังขะ ๑.๙
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ๑.๑๐
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์
๑.๑๑ นายนนทิกร กาญจนะจิตรา ๑.๑๒
รองศาสตราจารย์อดิศร เนาวนนท์ ๑.๑๓
พลเอก กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ ๑.๑๔
นายธนกฤต วรธนัชชากุล ๑.๑๕
พันตำรวจโท เธียรรัตน์ วิเชียรสรรค์ ๑.๑๖
นางพัชฌา จิตรมหึมา ๑.๑๗
นายอรรถพล อรรถวรเดช ๑.๑๘
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ๑.๑๙
นายสมคิด จันทมฤก ๑.๒๐
นายมานะ สิมมา ๑.๒๑
นางวนิดา สักการโกศล ๑.๒๒
นายคุณวุฒิ ตันตระกูล ๑.๒๓
นายสุวัฒน์ เอื้อเฟื้อ ๑.๒๔
นายจเร พันธุ์เปรื่อง ๑.๒๕
รองศาสตราจารย์ยุทธพร อิสรชัย ๑.๒๖
นายธนากร แหวกวารี ๑.๒๗
นายสมยศ อักษร ๑.๒๘
นายไพรัช ชัยชาญ ๒. สาขาการแพทย์และสาธารณสุข ๒.๑
ศาสตราจารย์บุญศรี มีวงศ์อุโฆษ ๒.๒
นายรุ่งเรือง กิจผาติ ๒.๓
ศาสตราจารย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ๒.๔
พลโท ศาสตราจารย์คลินิกภานุวิชญ์ พุ่มหิรัญ ๒.๕
นายกิติพงษ์ มหารัตนวงศ์ ๒.๖
นางสาวเสาวณีย์ คงวุฒิปัญญา ๒.๗
พลอากาศโท อิทธพร คณะเจริญ ๓. สาขาต่างประเทศ ความมั่นคง และการเมือง ๓.๑
พลเอก วิทยา จินตนานุรัตน์ ๓.๒ นายดนัย มู่สา ๓.๓
นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต ๓.๔
พลตำรวจตรี ศาสตราจารย์ชัชนันท์ ลีระเติมพงษ์ ๓.๕
พันตำรวจเอก วิทยา บวรศิขริน ๓.๖
นายปิยะ คงขำ ๓.๗
นายศุภวัฒน์ สิงห์สุวงษ์ ๔. สาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม
และการเกษตร ๔.๑
นายอดิทัต วะสีนนท์ ๔.๒
นายภุชพงค์ โนดไธสง ๔.๓
รองศาสตราจารย์ชมพูนุท โภสลากร เพิ่มพูนวิวัฒน์ ๔.๔
พันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย ๔.๕
นางสาวสายน้ำผึ้ง ทองใส ๔.๖
ศาสตราจารย์วราวุฒิ ครูส่ง ๔.๗
นายสุรพงษ์ เจียสกุล ๕. สาขาเศรษฐกิจและการคลัง ๕.๑
นางชลิดา พันธ์กระวี ๕.๒
นางดวงตา ตันโช ๕.๓
นายเกริกพงษ์ เกสรทอง ๕.๔
นายพนิต ธีรภาพวงศ์ ๕.๕
นายเทวินทร์ นรินทร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2824 | รายงานประจำปีกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย ส่วนที่ ๑ ข้อมูลทั่วไป กองทุนฯ จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยกำหนดให้ตั้งไว้ที่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในการจัดประชารัฐสวัสดิการที่เป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย
หรือเพื่อสนับสนุนโครงการที่ให้บริการทางสังคมที่เป็นการช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบาก
ส่วนที่ ๒ ผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ประกอบด้วยการจัดรัฐสวัสดิการให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
รวม ๒ รูปแบบ ได้แก่ สวัสดิการที่ไม่กำหนดระยะเวลา
ซึ่งจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพโดยเป็นวงเงินสำหรับซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
และสวัสดิการที่กำหนดระยะเวลา ซึ่งเป็นสวัสดิการตามมาตรการต่าง ๆ
ที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละช่วงเวลา เช่น
มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ส่วนที่ ๓
ผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการใช้จ่ายของกองทุนฯ มีบทบาทอย่างมากต่อการบรรเทาภาระค่าครองชีพโดยช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
จำนวนกว่า ๑๓.๒ ล้านคน (เฉลี่ย ๑,๓๓๓ บาทต่อคนต่อเดือน) และส่วนที่ ๔ รายงานของผู้สอบบัญชี
และรายงานการเงินของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจรากและสังคม
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรายงานการเงินของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมแล้วรายงานว่ามีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2825 | รายงานการศึกษา เรื่อง โอกาสของเศรษฐกิจชุมชนกับการเติบโตของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา | สว. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการศึกษา
เรื่อง โอกาสของเศรษฐกิจชุมชนกับการเติบโตของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม
วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
๒.
มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2826 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา | สว. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future
Food) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2827 | ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธ์ุ | ทส. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม
ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม
ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์ โดยร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ เป็นการกำหนดกรอบการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเกี่ยวกับการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพและชนิดพันธุ์ในอนาคต
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกลไกการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ
รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือและบูรณาการเชิงนโยบายระหว่างไทยและฝรั่งเศส
และสนับสนุนให้เกิดโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมโดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะดำเนินงานร่วมกันใน
๒ ประเด็น ได้แก่ (๑) ความหลากหลายทางชีวภาพกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ
(๒) การจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืนผ่านกิจกรรมความร่วมมือต่าง ๆ
เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ การเยี่ยมเยือนของทั้งเจ้าหน้าที่ระดับต่าง
ๆ การจัดประชุมหรือสัมมนาร่วมกัน เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ควรดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถดำเนินการสนับสนุนความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และเพื่อให้สามารถนำความรู้จากการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญในด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน ไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม
ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ในส่วนของการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ต่าง ๆ
ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศส
ภายใต้หนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อมความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์
นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาดำเนินการตามความจำเป็น
เหมาะสม คุ้มค่าและละเอียดรอบคอบ ตลอดจนคำนึงถึงผลกระทบในด้านต่าง ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากการที่ต่างประเทศหรือหน่วยงานระหว่างประเทศได้ทราบข้อมูล
ข่าวสาร หรือองค์ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ของประเทศไทยและนำไปใช้ประโยชน์
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เรื่อง
การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ) อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2828 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ | กต. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ
เพื่อฉลองวาระครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์ จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ร่างวิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลีย
หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง (ASEAN-Australia
Leaders’ Vision Statement-Partners for Peace and Prosperity) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลียต่อเนื่องจากช่วง
๕๐ ปีที่ผ่านมา และ (๒) ร่างปฏิญญาเมลเบิร์น หุ้นส่วนความร่วมมือเพื่ออนาคต (Melborne
Declaration-A Partnership for the Future) มีสาระสำคัญ เช่น
การปกป้องความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค การส่งเสริมอนาคตที่ยั่งยืน
และกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ในกรณีที่ต้องมีการปรับแก้ไขร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
ให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมผลการปรับแก้ร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
ความตกลงระหว่างประเทศของกรอบความร่วมมืออื่น ๆ
รวมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน รวมทั้งควรสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2829 | การปรับปรุงแก้ไขความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ (International Sugar Agreement : ISA) ฉบับปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) | อก. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ
(International Sugar Agreement :
ISA) ฉบับปี พ.ศ. ๒๕๓๕ (ค.ศ. ๑๙๙๒) และให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในตราสารการยอมรับการแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงว่าด้วยน้ำตาลระหว่างประเทศ
โดยการปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ มีวัตถุประสงค์ตามความตกลงฯ เป็นไปตามข้อมติที่ ๙๓
(๔) รับรองโดยที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ประกอบด้วย (๑) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านน้ำตาลโลกและสารทำความหวานอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพลังงานชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอลจากพืชน้ำตาล (๒) เพื่อเป็นเวทีในการหารือระหว่างประเทศด้านตลาดน้ำตาลและสารให้ความหวาน
รวมถึงผลพลอยได้ที่เกิดจากการผลิตในอุตสาหกรรมน้ำตาลและเชื้อเพลิงเอทานอล (๓)
เพื่ออำนวยความสะดวกการค้า ชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอลที่ผลิตจากน้ำตาล และ (๔)
เพื่อเพิ่มปริมาณการอุปสงค์ของน้ำตาลและพืชน้ำตาล โดยเฉพาะที่มิใช่การนำมาบริโภค ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรใช้โอกาสจากการปรับปรุงข้อตกลงดังกล่าว กำหนดแนวทางการผลิต การแปรรูป และการส่งออกผลิตภัณฑ์และผลพลอยได้ในอุตสาหกรรมน้ำตาล
เชื้อเพลิงชีวภาพ และเชื้อเพลิงเอทานอล
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมน้ำตาล
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เพื่อการอุปโภคของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2830 | การผลักดันให้ไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงาน InterPride World Conference และงาน WorldPride | นร. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖)
มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด) รับไปประสานกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งภาคเอกชนและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงาน
WorldPride ในปี ๒๕๗๑ นั้น ในการนี้
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ได้รับอนุมัติงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประมูลสิทธิการจัดงาน InterPride World Conference
และกิจกรรม Road to WorldPride ในประเทศไทย ณ
กรุงเทพมหานครและจังหวัดภูเก็ต แล้ว ซึ่งการดำเนินการเรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ
และยกระดับให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ
จึงขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันให้ไทยได้เป็นเจ้าภาพการจัดงาน
InterPride World Conference และงาน WorldPride ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2831 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงาน ก.พ.) | นร.10 | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๒ คณะ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๓ มีนาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2832 | การอำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมือง (ยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6) | นร. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
สืบเนื่องจากการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา
ปัตตานี และนราธิวาส) ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ พบว่า
กระบวนการในการตรวจคนเข้า/ออกเมือง ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองต่าง ๆ ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน
ทำให้เกิดความไม่สะดวกและความแออัดในบริเวณหน้าด่านเป็นอย่างมาก จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาการดำเนินการเพื่อยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(แบบ ตม.๖) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วในทุกด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางและลดความแออัดบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ในทุกพื้นที่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2833 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ และคณะอนุกรรมาธิการด้านต่าง ๆ ว่า
ยังมีการตั้งงบประมาณซ้ำซ้อนกันในหลายหน่วยงาน เนื่องจากขาดการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำยังคงมีสัดส่วนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับงบประมาณรายจ่ายลงทุน
ดังนั้น ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ขอให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับ ดูแลแผนงานบูรณาการต่าง
ๆ ให้ความสำคัญกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายให้มีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่า ไม่ซ้ำซ้อน
และมีการบูรณาการกันอย่างจริงจัง สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำ ขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาปรับลดงบประมาณรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
เช่น งบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ งบประมาณด้านการฝึกอบรมและดูงาน
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายในการเช่ายานพาหนะ
(ให้ใช้การส่งเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือการจัดประชุมผ่านระบบออนไลน์ให้มากขึ้น)
รวมทั้งการลดการบรรจุอัตรากำลังใหม่ โดยให้มีเฉพาะที่จำเป็นตามกรอบอัตรากำลัง
ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.พ. กำหนดไว้เท่านั้น ทั้งนี้
เพื่อจะได้นำงบประมาณในส่วนที่ปรับลดนี้ไปจัดสรรเป็นงบประมาณรายจ่ายลงทุน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2834 | ร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรีที่ต้องเร่งรัดติดตามโดยเร่งด่วน | นร.04 | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน)
ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ประชุมได้มีมติเห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังต่อไปนี้ จำนวน
๗ ฉบับ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๑.
ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น พ.ศ.
.... ๒. ร่างพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(ฉบับที่ ..) ศ. .... ๕.
ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. .... ๖. ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย
และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2835 | การสนับสนุนการดำเนินงานของสมัชชาเด็กและเยาวชน | นร. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้เยาวชนมีสิทธิในการแสดงออกในพื้นที่ปลอดภัยภายใต้กรอบของกฎหมาย
ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดให้มีสมัชชาเด็กและเยาวชนเป็นเวทีแสดงออก
โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) นั้น
ขอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณากำหนดกรอบและแนวทางการดำเนินงาน/กิจกรรมของสมัชชาเด็กและเยาวชนให้ละเอียด
รอบคอบ ชัดเจน
เพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนสามารถสะท้อนความคิดเห็นและความต้องการของตนได้อย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2836 | การแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของหน่วยงานของรัฐทับซ้อนกัน | นร. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ปัญหาแนวเขตที่ดินของส่วนราชการทับซ้อนกันเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง
โดยเฉพาะประชาชนที่พักอาศัยและเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่เกี่ยวเนื่องกับแนวเขตที่ดินดังกล่าว
ดังนั้น จึงขอกำชับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องเร่งประสานหารือกันและดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในทุกพื้นที่ให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว
โดยให้เร่งดำเนินการในพื้นที่ที่มีปัญหาหรือข้อพิพาทให้แล้วเสร็จเป็นลำดับแรก ทั้งในส่วนของพื้นที่ชายแดน
พื้นที่รอยต่อกับอุทยานแห่งชาติ และที่ดิน ส.ป.ก. โดยให้ใช้หลักวิทยาศาสตร์และแผนที่ทหาร
(มาตราส่วน ๑ : ๕๐๐๐) เป็นบรรทัดฐาน ทั้งนี้
ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2837 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันพฤหัสบดีที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567) และแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | ปสส. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.
รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ กุมภาพันธ์
๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2838 | ร่างตราสารว่าด้วยการขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (Instrument of Extension of the Memorandum of Understanding on the ASEAN Power Grid: IOE of APG MOU) | พน. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างตราสารว่าด้วยการขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน
(Instrument of Extension of
the Memorandum of Understanding on the ASEAN Power Grid : IOE of APG MOU) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นผู้ลงนามในตราสารว่าด้วยการขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้ลงนามตราสารดังกล่าวข้างต้น
โดยร่างตราสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการบังคับใช้ของบันทึกความเข้าใจฯ
ออกไปเป็นวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘
เพื่อสนับสนุนกลไกการดำเนินงานของการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน
ให้สามารถยกระดับการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้า และการส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน
โดยเปิดโอกาสให้มีการแบ่งปันทรัพยากรของภูมิภาค
ด้วยการส่งพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างตราสารว่าด้วยการขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) และให้กระทรวงพลังงาน (สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงพลังงาน
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานพิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2839 | การลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) | นร.01 | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) ขอความร่วมมือให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งภาคเอกชนและประชาชนในทุกภาคส่วนให้การส่งเสริม สนับสนุน
และช่วยกันพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิต และดำเนินมาตรการต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสารและศักยภาพในด้านต่าง
ๆ ของทั้ง ๓ จังหวัด
เพื่อดึงดูดการลงทุนและนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น
นั้น จากการลงพื้นที่ดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒๗-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา ได้เห็นถึงโอกาสและศักยภาพของทั้ง
๓ จังหวัด ทั้งในด้านการท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี อาหาร และผลิตภัณฑ์ของชุมชนต่าง
ๆ
(ที่พร้อมรับการสนับสนุนและผลักดันจากทุกภาคส่วนให้เจริญเติบโตและแพร่ขยายออกไปในวงกว้าง
ดังนั้น จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทาง/มาตรการต่าง
ๆ ในกรอบหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานเพื่อดำเนินการสนับสนุน ส่งเสริมการเจริญเติบโต
และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกมิติ ทั้งนี้
ให้รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น การยกระดับท่าอากาศยานเบตง
รวมตลอดถึงการยกระดับการศึกษา การปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว การสร้างพิพิธภัณฑ์ เครื่องทองเหลือง
การตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงเอกสารโบราณและคัมภีร์อัลกุรอาน
การยกระดับอาหารและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของชุมชน เช่น ปลานิลสายน้ำไหล ปลาพลวงชมพู
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
2840 | การเร่งรัดกระบวนการอนุมัติ อนุญาตเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย | นร. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๓ มกราคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ) มอบหมายให้คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
(กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต) กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปรับปรุงข้อกฎหมายและกฎระเบียบ
รวมทั้งกระบวนการขอใบอนุญาตต่าง ๆ
ที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว นั้น
โดยที่ได้รับการร้องขอให้เร่งรัดการดำเนินการในเรื่องนี้จากทูตานุทูตหลายประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีเอกชนของต่างประเทศจะเข้ามาร่วมลงทุนประกอบการอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ในประเทศไทย
จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกระบวนการพิจารณาอนุมัติ
อนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น
เพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|