ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1445 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 28881 - 28900 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28881 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | นร11 | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๖/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. องค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นที่ปรึกษา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นประธานกรรมการ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ เป็นรองประธานกรรมการ คนที่สอง โดยมีรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้รับมอบหมาย รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณที่ได้รับมอบหมาย และอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม ๒. อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และกำหนดสาขาของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่จะได้รับความช่วยเหลือ กำหนดกรอบการใช้เงินตามโครงการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จัดทำแนวทางการจัดสรรและอนุมัติงบประมาณการใช้เงินตามโครงการให้ความช่วยเหลือ และพิจารณาเห็นชอบให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และสาขาของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จัดทำระเบียบ ประกาศ และคำสั่ง ตลอดจนหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อรองรับการปฏิบัติงาน รวมทั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๓. ให้คณะกรรมการฯ พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้แล้วเสร็จภายในหกเดือนนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง ๔. การเบิกจ่ายเบี้ยประชุมให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่นๆ ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน ให้เบิกจ่ายตามระเบียบของทางราชการ โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
28882 | การปรับปรุงโครงสร้างและการกำกับดูแลส่วนงานในการบริหารจัดการน้ำ [ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย แห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการพัสดุในการดำเนินโครงการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ] | นร09 | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างระเบียบและร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการพัสดุในการดำเนินโครงการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะประสานงานกับสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติเพื่อให้ทราบวงเงินการก่อหนี้ผูกพัน และให้กระทรวงการคลังดำเนินการก่อหนี้ผูกพันต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
28883 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติ (จำนวน 5 คน 1. นายกอปร กฤตยากีรณ ฯลฯ) | วท | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติชุดใหม่ จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสองปีตามวาระแล้ว ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกอปร กฤตยากีรณ ๒. นายพีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ ๓. นายทัศนะ พิทักษ์อรรณพ ๔. นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ ๕. นายสันติ บุญประคับ
|
||||||||||||||||||||||||
28884 | การขอความเห็นต่อร่างความตกลงด้านการป้องกันประเทศ ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (Agreement on Defence Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the French Republic) | กห | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมจัดทำความตกลงว่าด้วยการป้องกันประเทศ ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (Agreement on Defence Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the French Republic) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านการทหารต่าง ๆ เช่น นโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันประเทศ การวิจัยและพัฒนา การส่งกำลังบำรุง การฝึกศึกษา เป็นต้น ๒. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างความตกลงฯ ๓. ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของร่างความตกลงฯ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ ให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||
28885 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุรุสภา (จำนวน 8 คน 1. ศาสตราจารย์ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ฯลฯ) | ศธ | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุรุสภา จำนวน ๘ คน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานกรรมการ ๒. นายวรศักดิ์ แก่นมีผล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการบริหารการศึกษา ๓. นายเจริญ ไชยสมคุณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการอาชีวศึกษา ๔. นายสุกิจ เดชโภชน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการศึกษาพิเศษ ๕. รองศาสตราจารย์สุขุม เฉลยทรัพย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านมนุษยศาสตร์ ๖. นายนิวัตร นาคะเวช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสังคมศาสตร์ ๗. นายพลสัณห์ โพธิ์ศรีทอง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘. นายธีระพันธ์ พุทธิสวัสดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
28886 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวัฒนธรรม) (นายชาย นครชัย และนายเขมชาติ เทพไชย) | วธ | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายชาย นครชัย ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ๒. นายเขมชาติ เทพไชย ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
|
||||||||||||||||||||||||
28887 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ (จำนวน 3 ราย 1. นายวิชา จิวาลัย ฯลฯ) | มท | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จำนวน ๓ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ปฏิบัติหน้าที่ครบวาระและได้พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๕๖) ดังนี้
๑. นายวิชา จิวาลัย ๒. นายพัลลภ กฤตยานวัช ๓. นายปรีชา รณรงค์
|
||||||||||||||||||||||||
28888 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (จำนวน 6 คน 1. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ฯลฯ) | ยธ | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๖ คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ๒. พลเอก อุดมเดช สีตบุตร ๓. พลเอก อัธยา สุคนธสิงห์ ๔. พลตำรวจเอก ปรุง บุญผดุง ๕. พลตำรวจเอก กฤษณะ ผลอนันต์ ๖. พลตำรวจโท วุฒิ วิทิตานนท์
|
||||||||||||||||||||||||
28889 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... | ปสส | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้เพิ่มเติมความเป็นวรรคท้ายของร่างมาตรา ๑๕ ดังนี้ “ในกรณีที่รัฐบาลได้ปรับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดแก่ข้าราชการ ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปเพิ่มเติมให้แก่มหาวิทยาลัยในสัดส่วนเดียวกัน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้พนักงานมหาวิทยาลัยด้วย” ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28890 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28891 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. .... | ศธ | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงาน ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28892 | ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28893 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน สำหรับร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร ให้เพิ่มเติมความเป็นวรรคท้ายของร่างมาตรา ๑๕ ดังนี้ “ในกรณีที่รัฐบาลได้ปรับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดแก่ข้าราชการ ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปเพิ่มเติมให้แก่มหาวิทยาลัยในสัดส่วนเดียวกัน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้พนักงานมหาวิทยาลัยด้วย” ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันอังคารที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๑๐ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||
28894 | การประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ครั้งที่ 1/2556 วันที่ 28 มกราคม 2556 | นร04 | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการมอบนโยบายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศ รวมทั้งชี้แจงแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้กับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงเพื่อนำไปปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๖ ณ กระทรวงการต่างประเทศ สรุปได้ ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานต่าง ๆ จัดทำรายละเอียดวงเงินและคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศและนโยบายสำคัญของรัฐบาล ให้แล้วเสร็จภายใน ๑ สัปดาห์ เพื่อนำเสนอรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งสำนักงบประมาณภายในวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ๒. กรณีเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องและต้องมีการบูรณาการการดำเนินการของหลายหน่วยงานร่วมกัน เช่น เรื่องการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด เป็นต้น ให้มีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อร่วมกันพิจารณาดำเนินการก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป รวม ๘ คณะ ได้แก่ ๒.๑ คณะที่ ๑ คณะทำงานด้านการค้าชายแดนและความมั่นคง มีสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นเจ้าภาพหลัก จัดประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒.๒ คณะที่ ๒ คณะทำงานด้านการท่องเที่ยวและบริการ วัฒนธรรม สินค้าท้องถิ่น (OTOP) กิจการสปา (spa) และสุขภาพ มีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลัก ๒.๓ คณะที่ ๓ คณะทำงานด้านการแพทย์ชั้นสูง (Medical Hub) มีกระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ๒.๔ คณะที่ ๔ คณะทำงานด้านความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Energy) และสิ่งแวดล้อม มีกระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงอุตสาหกรรม ๒.๕ คณะที่ ๕ คณะทำงานด้านการปฏิรูปการศึกษา แรงงานและอาชีวศึกษาให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลและสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ มีกระทรวงศึกษาธิการเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงแรงงาน ๒.๖ คณะที่ ๖ คณะทำงานด้านการแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกันและความเหลื่อมล้ำทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ๒.๗ คณะที่ ๗ คณะทำงานด้านการบริหารจัดการข้อมูลและการบูรณาการองค์ความรู้ในภาคราชการทั้งที่เป็นองค์ความรู้ในประเทศและของต่างประเทศ มีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๒.๘ คณะที่ ๘ คณะทำงานกำหนดสิทธิประโยชน์และแรงจูงใจแก่นักลงทุน (Incentive Scheme) เพื่อจูงใจให้นักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในประเทศไทย และให้นักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริม SMEs ของไทยไปสู่อาเซียน มีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรม ๓. ให้ปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เป็นเจ้าภาพหลักในแต่ละเรื่องจัดทำกรอบยุทธศาสตร์การดำเนินงาน (scope) ในเรื่องที่รับผิดชอบดังกล่าว โดยให้คำนึงถึงการที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วย และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติภายในวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||
28895 | การเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | สธ | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ สำหรับใช้เป็นรถประจำตำแหน่งของรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ รวมระยะเวลา ๕ ปี จำนวน ๑ คัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๑๑๖,๘๐๐ บาท ตามอัตราค่าเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไปดำเนินการ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามวงเงินและระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
28896 | รายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. 2554 | นร12 | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบรายงานการพัฒนาระบบราชการไทย ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยสาระในรายงานประกอบด้วย ๓ ส่วน ดังนี้ ๑.๑ ส่วนที่ ๑ ภาพรวม ประกอบด้วย เป้าหมายและยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย สถานภาพของระบบราชการไทย หน่วยงานภาครัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร อัตรากำลัง และงบประมาณแผ่นดินที่รัฐสภาจัดสรรในรอบปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตลอดจนได้นำเสนอผลการประเมินภาพรวมซึ่งสะท้อนสมรรถนะของระบบราชการไทยในรอบปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ทำการประเมินโดยองค์กรอิสระในระดับนานาชาติ ๑.๒ ส่วนที่ ๒ ความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบราชการไทย ที่เกิดจากผลการดำเนินงานและการใช้มาตรการต่างๆ ของ ก.พ.ร. ในการส่งเสริมสนับสนุนให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐดำเนินการให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของหน่วยงานในกำกับของฝ่ายบริหาร ๑.๓ ส่วนที่ ๓ การดำเนินงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบด้วย การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ และผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของสำนักงาน ก.พ.ร. รวมทั้งกิจกรรมที่ดำเนินการเป็นพิเศษเพื่อสร้างความเข้มแข็งและเสริมสร้างสมรรถนะของสำนักงาน ก.พ.ร. ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาปรับปรุงรายงานในส่วนของขีดสมรรถนะและความสามารถในการแข่งขันของระบบราชการไทยเชิงเปรียบเทียบ โดยให้เห็นถึงข้อเท็จจริงในการปรับตัวที่ดีขึ้นของดัชนีของประเทศไทย ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับบางประเทศ เช่น ประเทศโคลอมเบีย เอลซัลวาดอร์ กรีซ โมร็อคโก และเปรู เป็นต้น ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
28897 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินรวมเกินกว่า 1,000 ล้านบาท และขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในการจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางบริการทางหลวงหมายเลข 7 กรุงเทพมหานคร - บ้านฉาง ตอน 1 และตอน 2 | คค | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้างทางบริการทางหลวงหมายเลข ๗ กรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง จังหวัดชลบุรี ระยะทาง ๓๒.๐๐๐ กิโลเมตร ระหว่าง กม. ๙+๔๐๐ - กม.๔๑ + ๔๐๐ โดยแบ่งการก่อสร้างเป็นตอน ๑ ระยะทาง ๓๒.๐๐๐ กิโลเมตร ระหว่าง กม. ๙ + ๔๐๐ - กม. ๔๑ + ๔๐๐ (RT.) ตอน ๒ ระยะทาง ๓๒.๐๐๐ กิโลเมตร ระหว่าง กม. ๙ + ๔๐๐ - กม. ๔๑ + ๔๐๐ (LT.) ในวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๑๙๐,๒๕๒,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน ๑๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินได้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒๖๖,๐๘๗,๐๐๐ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป รวมทั้งให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคมนาคมเสนอ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ในการดำเนินการก่อสร้างทางบริการทางหลวงหมายเลข ๗ กรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง ตอน ๑ และตอน ๒ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) พิจารณากำหนดจุดที่เป็นทางลอดและทางข้ามตลอดสายทางให้เหมาะสมเพียงพอด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
28898 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "ปัจจัยแวดล้อมที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและแนวทางการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อความยั่งยืน" | สสป | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง “ปัจจัยแวดล้อมที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและแนวทางการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อความยั่งยืน” และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจและประเมินสถานการณ์หลังจากการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำไปแล้วร้อยละ ๔๐ ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ และทบทวนนโยบายก่อนการดำเนินการครั้งต่อไป อย่างน้อยควรชะลอการปรับครั้งต่อไปในอีก ๓ ปีข้างหน้า (สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๘) ๒. สนับสนุนให้สถาบันการเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านเงินทุนหมุนเวียนและแหล่งเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๓. ปรับลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานแก่ผู้ประกอบการ อาทิ การให้คงไว้หรือชะลอการขึ้นค่า FT ค่าไฟฟ้า อย่างน้อยควรชะลอเวลาจนถึงสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้น ๔. หามาตรการรองรับแรงงานที่ตกงานจากผู้ประกอบการที่ต้องปิดกิจการหรือย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ๕. เร่งรัดให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวเพิ่มเติมภายใต้ความสมดุลระหว่างการรักษาความมั่นคงภายในกับความต้องการแรงงาน ๖. สนับสนุนให้แรงงานต่างด้าวประเทศอื่น ๆ เข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่มเติม เพื่อให้มีการแข่งขันระหว่างแรงงานต่างด้าวด้วยกัน และเพิ่มทางเลือกให้ผู้ประกอบการ ๗. สนับสนุนให้ภาคเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมชายแดน ในลักษณะเขตการปลอดอากรตามกฎหมายศุลกากร ๘. เจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้ผู้ประกอบการของไทยเข้าไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของประเทศ นั้น ๆ ในลักษณะเขตการปลอดอากร และสนับสนุนให้มีการอำนวยความสะดวกแบบ One Stop Service ด้านการลงทุนในต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
28899 | สรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนตุลาคม พ.ศ. 2555 | ทก | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สรุปได้ ดังนี้
๑. ผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน จำนวน ๓๙.๔๙ ล้านคน ประกอบด้วย ผู้มีงานทำ ๓๙.๒๑ ล้านคน ผู้ว่างงาน ๒.๒๓ แสนคน และผู้ที่รอฤดูกาล ๕.๘๐ หมื่นคน) ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๔ จำนวน ๖.๗ แสนคน (จาก ๓๘.๘๒ ล้านคน เป็น ๓๙.๔๙ ล้านคน) ๒. ผู้มีงานทำ จำนวน ๓๙.๒๑ ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๔ จำนวน ๙.๑ แสนคน (จาก ๓๘.๓๐ ล้านคน เป็น ๓๙.๒๑ ล้านคน) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๔ ทั้งนี้ ผู้ทำงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผู้ทำงานภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น ๕.๙ แสนคน รองลงมาเป็นสาขาการก่อสร้าง ๒.๕ แสนคน สาขาการผลิต ๑.๐ แสนคน สาขาที่พักแรมและการบริการด้านอาหาร ๑.๐ แสนคน สาขาการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ และรถจักรยานยนต์ ๖.๐ หมื่นคน และสาขากิจการอสังหาริมทรัพย์ ๖.๐ หมื่นคน สำหรับผู้ทำงานลดลง ได้แก่ ผู้ทำงานในสาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า ๑.๘ แสนคน รองลงมาเป็น สาขากิจกรรมการบริการด้านอื่น เช่น กิจกรรมบริการเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย การดูแลสัตว์เลี้ยง การบริการซักรีด และซักแห้ง เป็นต้น ๑.๐ แสนคน และสาขาการศึกษา ๗.๐ หมื่นคน เป็นต้น ๓. ผู้ว่างงานทั่วประเทศ จำนวน ๒.๒๓ แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ ๐.๖ ของกำลังแรงงานรวม (เพิ่มขึ้น ๔.๐ พันคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๔) เป็นผู้ว่างงานที่มีการศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา จำนวน ๕.๘ หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ๕.๐ หมื่นคน ระดับประถมศึกษา ๕.๐ หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ๔.๗ หมื่นคน และไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา ๑.๘ หมื่นคน ทั้งนี้ ผู้ว่างงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๗.๒ หมื่นคน ภาคกลาง ๕.๘ หมื่นคน ภาคเหนือ ๔.๙ หมื่นคน ภาคใต้ ๒.๗ หมื่นคน และกรุงเทพมหานคร ๑.๗ หมื่นคน
|
||||||||||||||||||||||||
28900 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2556 | ทก | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๖ ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สรุปได้ ดังนี้
๑. การประสบปัญหาภัยธรรมชาติ ในรอบปีที่ผ่านมาประชาชนร้อยละ ๕๗.๒ ระบุว่าประสบภัยธรรมชาติ ได้แก่ อุทกภัย ภัยแล้ง วาตภัย ภัยหนาว ภัยจากไฟป่าและหมอกควัน ดินโคลนถล่ม/ดินสไลด์ แผ่นดินไหว และคลื่นพายุซัดฝั่ง ร้อยละ ๗๑.๑, ๓๒.๖, ๘.๘, ๕.๓, ๔.๔, ๑.๕, ๑.๓ และ ๐.๒ ตามลำดับ โดยความเสียหายที่ได้รับจากภัยธรรมชาติ ระบุว่าเสียหายมาก ปานกลาง และน้อย ร้อยละ ๒๘.๗, ๕๐.๓ และ ๒๑.๐ ตามลำดับ สำหรับประชาชน ที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ พบว่า ร้อยละ ๗๓.๒ ได้รับการช่วยเหลือ/เยียวยา โดยได้รับจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กร มูลนิธิ และสื่อมวลชน ร้อยละ ๙๗.๙, ๑๒.๘ และ ๗.๐ ตามลำดับ ๒. การดำเนินการของภาครัฐเกี่ยวกับการป้องกันภัยธรรมชาติ ประชาชนกว่าร้อยละ ๘๐ พึงพอใจต่อภาครัฐเกี่ยวกับขั้นตอนต่าง ๆ ของกระบวนการป้องกันภัยธรรมชาติ โดยมีขั้นตอนที่ประชาชนพอใจ เกินกว่าร้อยละ ๙๐ ได้แก่ การเตือนภัย และการเฝ้าระวัง ร้อยละ ๙๐.๓ และ ๙๐.๒ ส่วนขั้นตอนอื่น ๆ ประชาชนพึงพอใจน้อยกว่าร้อยละ ๙๐ ได้แก่ การป้องกันภัย การแก้ปัญหาเมื่อเกิดภัย และการฟื้นฟู เยียวยา หลังเกิดภัย ร้อยละ ๘๗.๘, ๘๗.๑ และ ๘๔.๒ ตามลำดับ ทั้งนี้ มีประชาชนร้อยละ ๘๒.๙ ที่เชื่อมั่นในประสิทธิภาพของระบบการป้องกันภัยและรับมือภัยธรรมชาติของรัฐบาล โดยเชื่อมั่นในระดับมาก ปานกลาง และน้อย ร้อยละ ๑๙.๑, ๖๙.๓ และ ๑๑.๖ ตามลำดับ ๓. การทราบเกี่ยวกับกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ประชาชนร้อยละ ๖๘.๘ ไม่ทราบว่าภาครัฐมีกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ที่ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม แผ่นดินไหว และลมพายุ ในส่วนที่ทราบมีร้อยละ ๓๑.๒ ๔. การประสบปัญหามลพิษ และการแก้ไขปรับปรุงปัญหามลพิษให้ดีขึ้น ประชาชนร้อยละ ๓๒.๐ ประสบปัญหามลพิษในรอบปีที่ผ่านมา โดยมีผู้ประสบปัญหามลพิษทางอากาศ มลพิษจากขยะ มลพิษทางน้ำ และมลพิษทางเสียง ร้อยละ ๕๒.๙, ๓๗.๕, ๓๔.๓ และ ๑๘.๘ ตามลำดับ สำหรับการแก้ไขปัญหามลพิษ ประชาชนที่ประสบปัญหามลพิษ ร้อยละ ๕๒.๗ ระบุว่า ปัญหามลพิษต่าง ๆ ได้มีการแก้ไขให้ดีขึ้น โดยเห็นว่ามลพิษที่มีการแก้ไข คือ มลพิษจากขยะ มลพิษทางน้ำ มลพิษทางอากาศ และมลพิษทางเสียง ร้อยละ ๔๕.๗, ๔๑.๒, ๓๖.๘ และ ๙.๔ ตามลำดับ ๕. มาตรการของภาครัฐในการควบคุมมลพิษ ประชาชนได้ระบุถึงมาตรการของภาครัฐที่สำคัญ ๓ อันดับแรกที่สามารถช่วยควบคุมมลพิษ ต่าง ๆ ได้ ได้แก่ การสร้างจิตสำนึกและตระหนักถึงปัญหามลพิษ การรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงอันตรายที่เกิดจากมลพิษสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก เช่น ไบโอดีเซล แก๊สโซฮอลล์ ร้อยละ ๗๒.๖, ๓๘.๑ และ ๓๓.๙ ตามลำดับ นอกจากนี้ ประชาชนร้อยละ ๗๙.๘ เห็นด้วยกับการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมที่กำหนดให้ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้รับภาระการเสียภาษี หากจะมีการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม
|
.....