ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1444 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 28861 - 28880 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28861 | ขออนุมัติดำเนินการจัดประชุมวิชาการนานาชาติแมลงวันผลไม้ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2557 [9th International Symposium on Fruit Flies of Economic Importance (ISFFEI) 2014] | กษ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ดำเนินการจัดประชุมวิชาการนานาชาติแมลงวันผลไม้ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๙ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ [9th International Symposium on Fruit Flies of Economic Importance (ISFFEI) 2014] ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบดำเนินการจัดประชุม รวมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรจัดตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินการจัดการประชุมดังกล่าว จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรขยายขอบเขตของสาระในการประชุมให้ครอบคลุมเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ (precision farming) การจำลองและทำนายการแพร่ระบาดของแมลงวันผลไม้ และเทคโนโลยีการควบคุมและทำลายด้วยวิธีทางกายภาพและชีวภาพ เป็นต้น และควรมีเรื่องระเบียบการนำเข้าและส่งออกผลไม้ที่เกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนของไข่แมลงวันผลไม้ในสาระของการประชุม รวมทั้งให้นักวิจัย นักวิชาการ นักศึกษา แกนนำเกษตรกรของไทยได้มีโอกาสเข้าร่วมการประชุมมากขึ้น และควรเชิญผู้ส่งออกและนำเข้าผลไม้ของไทยเข้าร่วมประชุมด้วย นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับช่องทางการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลไม้ของไทยที่สำคัญ และคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยอาหารของผลไม้ไทยควบคู่ไปกับการนำเสนอผลงานด้านวิชาการ เพื่อขยายและเปิดตลาดผลไม้ไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ส่วนงบประมาณสำหรับการดำเนินการจัดประชุม ISFFEI 2014 ครั้งที่ ๙ ให้กรมส่งเสริมการเกษตรเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
28862 | การดำเนินงานบูรณาการแผนงาน/โครงการสำหรับแผนปฏิบัติการของยุทธศาสตร์ประเทศ ประเด็นข้อ 8 การวิจัยและพัฒนา | วท | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการดำเนินงานบูรณาการแผนงาน/โครงการสำหรับแผนปฏิบัติการของยุทธศาสตร์ประเทศ ประเด็นข้อ ๘ การวิจัยและพัฒนา ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างหน่วยงานในสังกัดเพื่อบูรณาการแผนงาน/โครงการร่วมกัน และมีข้อสรุปของแผนงานรวมทั้งสิ้น ๔๖ แผนงาน ได้แก่ ๑.๑.๑ ข้อ ๘.๑ การขับเคลื่อนค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเป็นร้อยละ ๑ ของ GDP มีเป้าหมายเพื่อการสร้างงาน สร้างรายได้ เตรียมพร้อมรองรับอนาคต พัฒนาชีวิต และสร้างฐานความรู้ ประกอบด้วย ๔๔ แผนงาน ๑.๑.๒ ข้อ ๘.๒ Talent Mobility การใช้ประโยชน์จากกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรวิจัยและพัฒนา และพัฒนาบุคลากรวิจัยฯ ให้ตรงตามความต้องการของภาคการผลิต ประกอบด้วย ๑ แผนงาน ๑.๑.๓ ข้อ ๘.๓ การใช้ประโยชน์ Regional Science Park มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและความสามารถการแข่งขันของธุรกิจ/อุตสาหกรรม ส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยี เกิดการขยายผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ และมีอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ประกอบด้วย ๑ แผนงาน ๑.๒ ร่วมกับจังหวัดในการพิจารณาเพื่อวางกรอบนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการของแต่ละพื้นที่ โดยใช้จังหวัดแพร่เป็นจังหวัดนำร่องโครงการ และจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “เทคโนโลยีสู่อาเซียนในกลุ่มล้านนาตะวันออก” ณ จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ ๔-๕ มกราคม ๒๕๕๖ ผลการประชุมมีข้อสรุปที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะผลักดันและดำเนินงานโครงการร่วมกันกับจังหวัดแพร่ จำนวน ๒๔ เรื่อง มีโครงการสำคัญ (Flagship) จำนวน ๙ โครงการ ซึ่งจะบรรจุโครงการไว้ในแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัด ได้แก่ โครงการ Teak Valley โครงการ OTOP นาโน โครงการ Smart Space ศูนย์ป่าเศรษฐกิจ โครงการปุ๋ยอินทรีย์เคมีนาโนแห่งชาติ การจัดทำ No Fruit Fly Zone หรือพื้นที่ปลอดแมลงวันผลไม้ โครงการศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูงร่วมกับการใช้เทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำและปุ๋ย โครงการ Thailand Delicious และโครงการพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เพื่ออนาคตล้านนาตะวันออก ๑.๓ กำหนดขั้นตอนที่จะดำเนินการบูรณาการกับกองทุนต่าง ๆ ของภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน เพื่อให้การดำเนินงานโครงการทั้ง ๒๔ เรื่อง ในจังหวัดแพร่สำเร็จลุล่วง อันจะนำไปสู่การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนในจังหวัด ๑.๔ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการบูรณาการแผนงานร่วมกับกระทรวง กรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๑๔-๑๘ มกราคม ๒๕๕๖ เพื่อเติมเต็มห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของทั้ง ๔๖ แผนงานให้ครบถ้วนสมบูรณ์สามารถตอบสนองเป้าประสงค์ยุทธศาสตร์ประเทศได้อย่างแท้จริง ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) ที่เห็นควรให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการแผนการดำเนินงานในภาพรวมและงบประมาณที่จะใช้ในแต่ละแผนงาน เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการกำหนดมาตรการการประเมินผลความสำเร็จของแต่ละแผนงาน รวมทั้งคำนึงถึงความพร้อมของนักวิจัย ไปพิจารณาดำเนินการ ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดเจ้าภาพของประเด็นเรื่องที่จะดำเนินการ ๒๔ เรื่องให้ชัดเจน เพื่อลดปัญหาการดำเนินงานที่มีความซ้ำซ้อนกันของแต่ละหน่วยงาน โครงการ Teak Valley ควรมีการประสานกับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรมป่าไม้ของไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โครงการ OTOP นาโน ควรจัดระบบการจดสิทธิบัตรผลการวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของโครงการที่ก่อให้เกิดนวัตกรรม โครงการปุ๋ยอินทรีย์เคมีนาโนแห่งชาติ ควรมีการพัฒนาให้มีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์เคมีที่ใช้ปัจจัยการผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้าปุ๋ยเคมีอันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นทางปัจจัยการผลิตของประเทศอีกทางหนึ่ง และจัดลำดับความสำคัญของโครงการวิจัยและพัฒนา และการใช้ประโยชน์กำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับเป้าหมายและงบประมาณรายจ่ายของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการกระตุ้นภาคเอกชนให้ตระหนักถึงความจำเป็นในการลงทุน วิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมในระยะยาว รวมทั้งมีการทบทวนการดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
28863 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขออนุมัติขยายวงเงินค่าก่อสร้างและระยะเวลาก่อสร้างโครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก - อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี | กษ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขออนุมัติขยายวงเงินค่าก่อสร้างและระยะเวลาก่อสร้างโครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก-อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระ และอาคารประกอบ สัญญาที่ ๑ กรมชลประทานได้ดำเนินการแก้ไขสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงวงเงินค่าก่อสร้าง จากสัญญาเดิม ๑,๙๗๘,๒๙๕,๙๑๔.๕๐ บาท เป็นวงเงินตามสัญญาใหม่ ๒,๒๗๐,๑๒๖,๑๒๑.๕๐ บาท กำหนดสิ้นสุดสัญญาในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖ รวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น ๑,๐๔๕ วัน ปัจจุบันมีผลงานก่อสร้างสะสมทั้งสัญญาร้อยละ ๖๐.๑๑๘ และมีการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นเงิน ๙๑,๑๗๔,๔๑๒.๗๓ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๒๖.๐๒ ของวงเงินที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒. รายการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระ และอาคารประกอบ สัญญาที่ ๒ อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขสัญญา โดยหลังจากกรมชลประทานแก้ไขสัญญาก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยจะมีผลให้วงเงินค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นจาก ๒,๑๑๖,๘๙๗,๙๗๗.๑๔ บาท เป็น ๒,๓๔๗,๑๑๕,๗๗๖.๓๕ บาท และมีระยะเวลาก่อสร้างเพิ่มขึ้นอีก ๑๒๐ วัน ส่งผลให้สัญญาก่อสร้างสิ้นสุดประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ ปัจจุบันมีผลงานก่อสร้างสะสมทั้งสัญญาร้อยละ ๘๕.๓๗๙ และมีการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไปแล้ว เป็นเงิน ๒๗,๒๒๗,๔๙๒.๔๗ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๕.๐๗ ของวงเงินที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓. กรมชลประทานได้จัดเตรียมข้อมูลประกอบการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อรองรับแผนการดำเนินงานก่อสร้างตามกำหนดระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และได้แจ้งให้ผู้รับจ้างเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ รวมทั้งได้ประสานกับหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ก่อสร้าง (กรมทางหลวง) และหน่วยงานเจ้าของระบบสาธารณูปโภคที่แนวท่อของกรมชลประทานวางผ่าน [กรมทางหลวง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค] เพื่อขอดำเนินการวางท่อเรียบร้อยแล้วทั้งหมด ๔. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน ผู้รับจ้างมีชุดทำงานในการดำเนินงานดันท่อลอดไม่เพียงพอ ส่งผลให้การดำเนินงานก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระ และอาคารประกอบ สัญญาที่ ๒ ไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งนี้ กรมชลประทานได้แจ้งให้ผู้รับจ้างเพิ่มการจัดหาเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงานให้มากขึ้น เพื่อเร่งรัดงานก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และแล้วเสร็จโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||
28864 | รายงานผลการประชุมระดับโลกว่าด้วยโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ค.ศ. 2012 (WCIT-12) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ | ทก | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระดับโลกว่าด้วยโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ค.ศ. ๒๐๑๒ (World Conference on International Telecommunications 2012 : WCIT-12) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๓-๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพิจารณาแก้ไขข้อบังคับโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Regulation : ITRs) ๑.๑ ที่ประชุมพิจารณาข้อเสนอของประเทศสมาชิกสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) เกี่ยวกับการแก้ไข ITRs ทั้งข้อเสนอในนามรายประเทศและข้อเสนอในนามของกลุ่มประเทศในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ อเมริกา ยุโรป กลุ่มพันธมิตรรัสเซีย แอฟริกา อาหรับ และเอเชียและแปซิฟิก โดยยึดหลักฉันทามติในการพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ที่มีการยื่นข้อเสนอเพื่อปรับปรุงแก้ไข ITRs และจะใช้วิธีการลงคะแนนเสียง (vote) เพื่อให้ได้ความเห็นของประเทศสมาชิกข้างมากในกรณีที่มีความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น ๑.๒ ที่ประชุมและประเทศสมาชิกจากภูมิภาคต่าง ๆ ให้ความสำคัญและมีความเห็นแตกต่างกัน ได้แก่ การเพิ่มข้อความที่อ้างอิงถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนไว้ในหมวดอารัมภบท (Preamble) ประเด็นการเพิ่มคำว่า ICT ไว้ในนิยามของคำว่าโทรคมนาคม และการรวม Internet ไว้ในบทบัญญัติของ ITRs ประเด็นเรื่องความมั่นคงปลอดภัย (Security) ประเด็นเรื่อง “spam” รวมทั้งคำนิยามและประเด็นที่ว่าหน่วยงานผู้ให้บริการโทรคมนาคมประเภทใดบ้างที่ควรอยู่ภายใต้บทบัญญัติของ ITRs ๑.๓ ที่ประชุมเห็นชอบ ITRs ฉบับแก้ไขใหม่ ปี ค.ศ. ๒๐๑๒ ซึ่งมีการยกเลิกบางมาตราที่ไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน การแก้ไขรายละเอียดของข้อบทต่าง ๆ ในแต่ละมาตรา และการเพิ่มมาตราใหม่เข้ามาใน ITRs ฉบับแก้ไขใหม่ ๒. ที่ประชุมได้กำหนดให้มีการลงนามรับรองกรรมสารสุดท้าย (Final Acts) ในพิธีปิดการประชุมฯ เป็นการรับรองผลการประชุมซึ่งรวมถึง ITRs ฉบับแก้ไขใหม่ ปี ค.ศ. ๒๐๑๒ มีประเทศที่ลงนามในกรรมสารสุดท้าย จำนวน ๘๙ ประเทศ โดยในส่วนของประเทศไทยได้จัดทำข้อสงวน (Reservation) สรุปสาระสำคัญได้ว่า คณะผู้แทนไทยประกาศว่า ประเทศไทยขอตั้งข้อสงวนสิทธิ์ที่จะยังไม่ให้ ITRs ฉบับแก้ไขใหม่มีผลบังคับใช้กับประเทศไทย โดยจะนำ ITRs ฉบับแก้ไขใหม่มาดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องภายในประเทศเสียก่อน และ ITRs ฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้กับประเทศไทยก็ต่อเมื่อไทยได้มีการยื่นสัตยาบันสารหรือเอกสารแจ้งความจำนงให้ ITRs มีผลบังคับใช้กับประเทศไทยต่อเลขาธิการ ITU เท่านั้น รวมทั้งประเทศไทยได้สงวนสิทธิ์ที่จะจัดทำข้อสงวนเพิ่มเติมในภายหลังหากมีความจำเป็น ตลอดจนข้อสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินมาตรการที่จำเป็นต่าง ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยและเพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องกับกฎหมายภายในประเทศ ในกรณีที่ประเทศหนึ่งประเทศใดไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อบังคับใน ITRs หรือตีความข้อบังคับใน ITRs อย่างไม่เหมาะสมจนอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและบริการโทรคมนาคมของไทย ตลอดจนสิทธิอธิปไตยของไทย
|
||||||||||||||||||||||||
28865 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการร่วมงานแสดงพืชสวนโลก Floriade 2012 ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ | กษ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการร่วมงานแสดงพืชสวนโลก Floriade 2012 ณ เมืองเวนโล ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ ๕ เมษายน-๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ โดยมีกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานโครงการและเข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการและจัดกิจกรรมในงานดังกล่าว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จัดตั้งศูนย์แสดงสินค้าและบริการข้อมูลพืชสวนไทยภายในอาคาร Villa Flora เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดแสดงสินค้าและบริการข้อมูลพืชสวนของไทย ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวประเทศไทย และจัดแสดงสินค้าและข้อมูลด้านการแพทย์แผนไทย โดยมีการจัดนิทรรศการหมุนเวียนแสดงสินค้าและบริการข้อมูลพืชสวนไทย จำนวน ๑๔ ครั้ง ตลอดการจัดงาน ๒. จัดกิจกรรมสัปดาห์ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๘-๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ประกอบด้วย การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย การนวดแผนไทย การจัดแสดงสินค้าพืชสวน กล้วยไม้และผลไม้ไทย เป็นต้น ๓. จัดสัมมนาเจรจาธุรกิจและศึกษาตลาดสินค้าพืชสวน ระหว่างวันที่ ๒-๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ มีเกษตรกร ผู้ส่งออก และผู้นำเข้าร่วมเจรจาธุรกิจและศึกษาดูงาน จำนวน ๕ บริษัท รวม ๑๒ คน ๔. งานแสดงพืชสวนโลก Floriade 2012 มีพิธีปิดในวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ นิทรรศการประเทศไทยได้รับประกาศนียบัตร Certificate of Winner พร้อมเงิน ๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ
|
||||||||||||||||||||||||
28866 | ผลการตรวจสอบราคากลางและวงเงินอุดหนุนระบบป้องกันอุทกภัยของนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม 5 แห่ง | อก | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. ผลการตรวจสอบราคากลางการก่อสร้างระบบเขื่อนป้องกันอุทกภัยของนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม ๕ แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร และสวนอุตสาหกรรมบางกะดี รวมเป็นเงิน ๓,๙๘๗,๗๑๘,๖๔๒.๘๘ บาท ๒. วงเงินอุดหนุนการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบเขื่อนป้องกันอุทกภัยของนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม ๕ แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร และสวนอุตสาหกรรมบางกะดี รวม ๒,๖๒๙,๔๙๘,๙๐๐.๐๐ บาท ซึ่งต่ำกว่าวงเงินอุดหนุนเดิมของ ๕ นิคมฯ ดังกล่าว เป็นเงิน ๓๘๑.๑๖๕๑ ล้านบาท ทั้งนี้ ไม่รวมนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร |
||||||||||||||||||||||||
28867 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | นร11 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๙/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๖/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขึ้นใหม่ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นที่ปรึกษา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นประธานกรรมการ โดยมีรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้รับมอบหมาย รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณที่ได้รับมอบหมาย และอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม มีอำนาจหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และกำหนดสาขาของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่จะได้รับความช่วยเหลือ กำหนดกรอบการใช้เงินตามโครงการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จัดทำแนวทางการจัดสรรและอนุมัติงบประมาณการใช้เงินตามโครงการให้ความช่วยเหลือ และพิจารณาเห็นชอบให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และสาขาของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จัดทำระเบียบ ประกาศ และคำสั่ง ตลอดจนหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อรองรับการปฏิบัติงาน รวมทั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม เป็นต้น ๒. ให้คณะกรรมการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้แล้วเสร็จภายในหกเดือนนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง ๓. การเบิกจ่ายเบี้ยประชุมให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่นๆ ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน ให้เบิกจ่ายตามระเบียบของทางราชการ โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
28868 | นายดุสิต เจริญกุลทรัพย์ ฟ้องคณะรัฐมนตรี กับพวกรวม 3 คน ต่อศาลแพ่ง โดยอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งที่ยกฟ้องโจทก์ที่ขอรับสิทธิตามระเบียบของทางราชการภายหลังพ้นโทษจำคุก อันเนื่องมาจากคำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 | นร | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับกรณีนายนายดุสิต เจริญกุลทรัพย์ เป็นโจทก์ ฟ้องคณะรัฐมนตรี กับพวกรวม ๓ คน ต่อศาลแพ่ง โดยอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่ง ที่ยกฟ้องโจทก์ที่ขอรับสิทธิตามระเบียบของทางราชการภายหลังพ้นโทษจำคุก อันเนื่องมาจากคำสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๕๑๕ ดังนี้
๑. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำหนังสือมอบหมายให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการแก้ต่างในคดีแทนคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่าน พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐมอบให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินคดีแทนคณะรัฐมนตรีต่อไปแล้ว เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ๒. ได้รับแจ้งจากพนักงานอัยการว่าได้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งแล้ว เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โดยขอขยายเวลายื่นคำแก้อุทธรณ์เป็นเวลา ๓๐ วัน
|
||||||||||||||||||||||||
28869 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย รวม 2 ฉบับ | นร09 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงการกำหนดให้ผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายตามมติของหรือประกาศภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเป็นบุคคลที่ถูกกำหนด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอรายชื่อผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายตามมติของหรือประกาศภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีคำสั่งประกาศรายชื่อเป็นบุคคลที่ถูกกำหนดและการเพิกถอนรายชื่อดังกล่าว ๒. ร่างกฎกระทรวงการพิจารณารายชื่อและการทบทวนรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและคณะกรรมการธุรกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณารายชื่อและการทบทวนรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและคณะกรรมการธุรกรรม |
||||||||||||||||||||||||
28870 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นางอ่องจิต เมธยะประภาส และนายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร) | ศธ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นางอ่องจิต เมธยะประภาส ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
28871 | สถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนธันวาคม และแนวโน้มปี 2555 - 2556 | นร11 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ และแนวโน้มปี ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ และไตรมาสที่ ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๑ การใช้จ่ายภาคครัวเรือน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๓.๑ ชะลอตัวลงตามการชะลอตัวของการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งการใช้จ่ายในหมวดยานยนต์ รวมไตรมาสที่ ๔ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๗.๙ ส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ อยู่ที่ระดับ ๗๐.๖ ๑.๒ การลงทุนภาคเอกชน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๒๘.๒ ตามการขยายตัวของการลงทุนเพื่อทดแทนความเสียหายจากอุทกภัยและการขยายตัวของการลงทุนใหม่ รวมไตรมาสที่ ๔ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๒๔.๕ ๑.๓ การส่งออกสินค้าเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ มีมูลค่า ๑๗,๙๕๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๓.๖ โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดีโดยเฉพาะการส่งออกยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ในขณะที่การส่งออกทองคำ ข้าว ยางพารา กุ้งแช่แข็งและแปรรูปลดลง รวมทั้งการหดตัวของมูลค่าการส่งออกสินค้าในกลุ่มที่ใช้แรงงานสูงโดยเฉพาะสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และรองเท้า ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการส่งออกในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ตลาดส่งออกที่ขยายตัว ได้แก่ ตลาดสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง อินเดีย และตลาดอาเซียน ๑.๔ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๒๓.๔ เนื่องจากฐานการขยายตัวในเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ ที่เริ่มสูงขึ้น รวมทั้งการชะลอการผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก และการลดการใช้กำลังการผลิตในช่วงปลายปี รวมไตรมาสที่ ๔ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๔๔.๐ ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๖๗.๐ ๑.๕ ภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ มีจำนวน ๒.๔ ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐.๔ รวมไตรมาสที่ ๔ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น ๖.๓ ล้านคน ขยายตัวร้อยละ ๓๙.๓ สรุปทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวนทั้งสิ้น ๒๒.๓ ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖.๐ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีสัดส่วนสูงสุด ๕ อันดับแรก ประกอบด้วย จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น รัสเซีย และเกาหลีใต้ ๑.๖ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายในประเทศและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจภาคต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ แม้ว่าจะเร่งตัวขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ในขณะที่ดุลการค้าและดุลบัญชีเงินเดินสะพัดเกินดุล เงินสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์สูง และอัตราแลกเปลี่ยนยังคงมีเสถียรภาพ แม้จะมีแนวโน้มแข็งค่า ๑.๗. สถานการณ์ด้านการคลัง การจัดเก็บรายได้เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่การเบิกจ่ายเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ลดลง การเบิกจ่ายรวมในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ขยายตัวสูงและอัตราการเบิกจ่ายสูงกว่าเป้าหมาย ในขณะที่หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ อยู่ที่ร้อยละ ๔๓.๓ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ๑.๘ สถานการณ์ด้านการเงิน สินเชื่อและเงินฝากขยายตัวต่อเนื่อง สภาพคล่องยังอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัว ในขณะที่เงินทุนไหลเข้าสุทธิเพิ่มขึ้น ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จากการขยายตัวในเกณฑ์สูงของเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจสำคัญๆ ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ และในไตรมาสที่ ๔ คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๕.๕ ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๕-๕.๕ ซึ่งเป็นการขยายตัวในเกณฑ์สูง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากอุปสงค์ภายในประเทศที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน นอกจากนั้นการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะสนับสนุนให้ภาคการส่งออกฟื้นตัวและมีบทบาทในการขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังทรงตัว และการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าสู่ภูมิภาคมากขึ้นจะเพิ่มแรงกดดันต่ออัตราแลกเปลี่ยนของไทย
|
||||||||||||||||||||||||
28872 | ผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 1/2556 | นร11 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจขั้นรุนแรง (เป็นรายกรณี) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ นำความเห็นของคณะกรรมการฯ ที่เห็นควรจัดทำระบบทะเบียนข้อมูล SMEs และการช่วยเหลือ SMEs โดยใช้กลไกระดับจังหวัดที่มีอยู่ เช่น ศูนย์สนับสนุนผู้ประกอบการให้พร้อมจ่ายอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำจังหวัดของกระทรวงแรงงาน โดยขยายบทบาทให้ครอบคลุมการรับเรื่องร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ๒. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเพื่อรับเรื่องราวจาก SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจและต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ ผ่าน ๕ ช่องทาง คือ โทรศัพท์สายด่วน ๑๑๑๑ กด ๒๒, เว็บไซต์ www.1111.go.th, อีเมล์ [email protected], ตู้ ปณ. ๑๑๑๑ และเดินทางมาร้องทุกข์ที่ศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ทำเนียบรัฐบาล ๓. ที่ประชุมเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการรวบรวมและจัดทำระบบทะเบียน SMEs ที่ได้รับความเดือดร้อนและต้องการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยมอบหมายปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้แก่ SMEs โดยมอบหมายเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นประธาน ๔. ที่ประชุมเห็นชอบให้ขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทยดำเนินการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระดับจังหวัด รวมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และให้มีองค์ประกอบจากผู้แทนภาครัฐและเอกชนในจังหวัดร่วมเป็นคณะกรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
28873 | ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ปสส | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28874 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ และวันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 | นร | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ในวันอังคารที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ นายกรัฐมนตรีมีภารกิจสำคัญในการรับเสด็จสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่าน อับดุล ฮาลิม มูอัดซัม ชาห์ แห่งประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ รวมทั้งในวันอังคารที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐเกาหลี จึงเห็นควรให้เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ ๗/๒๕๕๖ จากวันอังคารที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ไปเป็นวันพุธที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๘/๒๕๕๖ จากวันอังคารที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ไปเป็นวันพุธที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||
28875 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ดังนี้
๑. พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๑ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๑๒ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันอังคารที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ๒. ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ ในประเทศไทย พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
28876 | วันหยุดราชการเพิ่มเติมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ. 2556 (วันที่ 12 - 16 เมษายน 2556) | นร | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. กำหนดให้วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๖ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งจะทำให้มีวันหยุดราชการประจำปีช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ นี้ (รวมวันหยุดราชการประจำสัปดาห์) รวมทั้งหมด ๕ วัน คือ วันศุกร์ที่ ๑๒-วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๖ ๒. ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน พิจารณาความเหมาะสมให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในกรณีหน่วยงานใดที่มีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นหรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวโดยได้กำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว ซึ่งหากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||
28877 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 และการประชุมคณะกรรมาธิการการบริหาร ครั้งที่ 63 และ 64 และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 ในประเทศไทย พ.ศ. .... | นร04 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ ในประเทศไทย พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28878 | การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมชายแดนไทย - กัมพูชา | นร04 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาเพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระวรราชบิดา เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ได้มีโอกาสพบปะหารือกับสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อให้มีความสงบเรียบร้อย ให้ประชาชนของทั้งสองประเทศได้มีการเชื่อมโยงทั้งด้านเศรษฐกิจการค้า การคมนาคม การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนด้านสังคมวัฒนธรรม รวมทั้งเป็นการรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี ค.ศ. ๒๐๑๕ โดยมีความเห็นร่วมกันว่าสมควรจัดตั้งคณะกรรมการร่วมชายแดนไทย-กัมพูชาขึ้นเพื่อเป็นกลไกการหารือและประสานการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกัน จึงมอบให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณากำหนดองค์ประกอบและขอบเขตอำนาจหน้าที่เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การดำเนินงานร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
28879 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2555 | ทส | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายช่วงเวลาของกรอบทิศทางการสนับสนุนเงินกองทุนสิ่งแวดล้อมตามมาตรา ๒๓ (๔) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ ออกไปอีกเป็นระยะเวลา ๑ ปี เพื่อใช้สำหรับเป็นกรอบทิศทางในการสนับสนุนเงินกองทุนสิ่งแวดล้อมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่เห็นควรนำประเด็นการแก้ไขปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน และการให้ความสำคัญกับประเด็นด้านนวัตกรรมและการส่งเสริมการวิจัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาปรับปรุงกรอบทิศทางฯ และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศกระทรวงฯ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๓. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบเพื่อก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่น บริเวณปากร่องน้ำคลองท่าเสม็ด ตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ของกรมเจ้าท่า โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ และนำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ๔. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านการพัฒนาโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยประเภทโรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ ๑๐ เมกะวัตต์ขึ้นไป ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ และนำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ๕. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานกรุงเทพ-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ช่วงพญาไท-บางซื่อ-ดอนเมือง) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ และนำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ๖. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-สามเสน ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยให้ดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ และนำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ๗. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านเหมืองแร่และอุตสาหกรรมถลุงหรือแต่งแร่ ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของนายสุรศักดิ์ เหมาะประสิทธิ์ คำขอประทานบัตรที่ ๓/๒๕๔๙ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๑๑ ตำบลบ่อทอง อำเภอทองแสนขันธ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการขออนุมัติผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติประเภทป่าเพื่อการอนุรักษ์พื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองแร่ ของคณะรัฐมนตรี โดยให้ผู้ขออนุญาตดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมโดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ นำมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป ทั้งนี้ กรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ เพื่อดำเนินโครงการฯ ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยงานซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายในการพิจารณาสั่งอนุญาตหรือต่ออายุใบอนุญาตนำมาตรการที่เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขในการสั่งอนุญาตหรือต่ออายุใบอนุญาต โดยให้ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่กำหนดตามกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
28880 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (จำนวน 23 ราย 1. นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ฯลฯ) | ศธ | 29/01/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน ๒๓ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ มกราคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ประธานกรรมการ (จำนวน ๑ คน เลือกจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ) นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ประธานกรรมการการอาชีวศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านธุรกิจและการบริการ และ ด้านอุตสาหกรรม ๒. กรรมการผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ผู้แทนองค์กรเอกชน และผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (จำนวน ๖ คน) ๒.๑ นายถาวร ชลัษเฐียร กรรมการผู้แทนองค์กรเอกชน (สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) ๒.๒ นายอรรถการ ตฤษณารังสี กรรมการผู้แทนองค์กรเอกชน (สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย) ๒.๓ พลตรีหญิง กฤติยา บัวหลวงงาม กรรมการผู้แทนองค์กรเอกชน (คณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรแห่งประเทศไทย) ๒.๔ นายสุนทร ทองใส กรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๒.๕ รองศาสตราจารย์มงคล มงคลวงศ์โรจน์ กรรมการผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ๒.๖ นายเกรียงไกร บุญเลิศอุทัย กรรมการผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ๓. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (จำนวน ๑๖ คน) ๓.๑ นายโกสินทร์ เกษทอง ด้านการบริหารการอาชีวศึกษา และ ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนากำลังคน ๓.๒ นายจรูญ ชูลาภ ด้านการบริหารการอาชีวศึกษา และ ด้านอุตสาหกรรม ๓.๓ นายเฉลิมศักดิ์ นามเชียงใต้ ด้านการบริหารการอาชีวศึกษา ๓.๔ นายณัฐวุฒิ สกุลพานิช ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนากำลังคน ๓.๕ นายประสาน ประวัติรุ่งเรือง ด้านการบริหารการอาชีวศึกษาของเอกชน ๓.๖ นายเร็วจริง รัตนวิชา ด้านธุรกิจและการบริการ ๓.๗ นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ด้านอุตสาหกรรม ๓.๘ นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ ด้านการบริหารการอาชีวศึกษา และ ด้านเกษตรกรรมและการประมง ๓.๙ นางศรินทร์ทิพย์ แทนธานี ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนากำลังคน ๓.๑๐ นางศรีวิการ์ เมฆธวัชชัยกุล ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนากำลังคน และ ด้านคหกรรม ๓.๑๑ นางศิริพรรณ ชุมนุม ด้านการบริหารการอาชีวศึกษา และ ด้านศิลปหัตถกรรม ๓.๑๒ นายสมเกียรติ ชอบผล ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนากำลังคน และ ด้านการศึกษาพิเศษ ๓.๑๓ นายสมบูรณ์ ศรีพัฒนาวัฒน์ ด้านอุตสาหกรรม และ ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนากำลังคน ๓.๑๔ นายเสนอ จันทรา ด้านการบริหารการอาชีวศึกษา และ ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนากำลังคน ๓.๑๕ นายอินทร์ จันทร์เจริญ ด้านการบริหารการอาชีวศึกษาของเอกชน ๓.๑๖ นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ ด้านธุรกิจและการบริการ
|
.....