ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1446 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 28901 - 28920 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28901 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. .... | สว | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. .... ของวุฒิสภา และผลการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุขตามข้อสังเกตดังกล่าว และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยในส่วนของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ มีดังนี้
๑. เนื่องจากภูมิปัญญาความรู้ของแพทย์แผนไทยมีความแตกต่างหลากหลาย กรรมการที่มาจากการเลือกตั้งโดยสมาชิก จึงต้องคำนึงถึงสัดส่วนของวิชาชีพการแพทย์แผนไทย โดยให้มีผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ด้านเวชกรรมไทย ด้านเภสัชกรรมไทย ด้านผดุงครรภ์ไทย ด้านการนวดไทย และด้านการแพทย์พื้นบ้านไทย อย่างน้อยด้านละ ๑ คน รวมทั้งให้มีผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ อย่างน้อย ๑ คน ๒. ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการเข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใด ๆ เพื่อทำการตรวจค้นเอกสารหรือวัตถุใด ๆ ที่อาจใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ควรให้ดำเนินการได้เฉพาะพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตรวจค้นเท่านั้น ๓. กรณีการห้ามผู้ที่เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการแพทย์แผนไทยในชั้นสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ดำรงตำแหน่งนายกสภาการแพทย์แผนไทย และเลขาธิการสภาการแพทย์แผนไทย ภายในสองปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ นั้น กรรมาธิการวิสามัญ ฯ ที่มาจากสัดส่วนของประชาชนไม่เห็นด้วยเนื่องจากเห็นว่ากรณีดังกล่าวจะเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วมทางการเมือง ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
|||||||||||||||||||||
28902 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2554 คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ | ยธ | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ สำนักงานกิจการยุติธรรม เสนอรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ส่วนที่ ๑ โครงสร้าง อำนาจหน้าที่ และองค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการที่ได้แต่งตั้งภายใต้คณะกรรมการฯ จำนวน ๘ คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการจัดทำ ประสาน ติดตาม และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ คณะอนุกรรรมการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม คณะอนุกรรมการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนากฎหมายและระบบงานในกระบวนการยุติธรรม คณะอนุกรรมการด้านพัฒนาบุคลากรกระบวนการยุติธรรม คณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ คณะอนุกรรมการนโยบายและประสานงานกระบวนการยุติธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะอนุกรรมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมและขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมทางเลือก และคณะอนุกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ๒. ส่วนที่ ๒ ผลงานสำคัญของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการฯ จำแนกเป็น ๕ ด้าน ดังนี้ ๒.๑ การจัดทำแผนและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารงานยุติธรรม ได้แก่ แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๕ และแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๕๕ ๒.๒ การส่งเสริมและประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการบริหารงานยุติธรรม ซึ่งมีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการคืนคนดีสู่สังคม และโครงการศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม ๒.๓ การศึกษา วิจัยและพัฒนากฎหมายและระบบงานยุติธรรม ซึ่งมีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการทบทวนและเตรียมความพร้อมเพื่อการสำรวจข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชน โครงการพัฒนารูปแบบการจัดเก็บข้อมูลสถิติกระบวนการยุติธรรมทางอาญา การพัฒนาระบบงานราชทัณฑ์ การพัฒนางานด้านนิติวิทยาศาสตร์ การส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ผู้ต้องหาถูกคุมขังอยู่ในคดีอื่นที่เรือนจำอยู่ในเขตอำนาจศาลอื่น และการประชุมทางวิชาการระดับชาติว่าด้วยงานยุติธรรม ครั้งที่ ๙ เรื่อง "การขับเคลื่อนพลังสังคมสู่การพัฒนากระบวนการยุติธรรมที่ยั่งยืน" ๒.๔ การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้สู่สังคม ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ความสำเร็จโครงการ Enhancing Lives of Female Inmates (ELFI) ในพระดำริของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ส่งผลให้ประชาชนทั้งในประเทศไทยและสังคมโลกได้รับทราบถึงความสำเร็จของประเทศไทยในการผลักดันให้เกิดมาตรฐานขั้นต่ำฉบับใหม่ในระบบสหประชาชาติที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับการปฏิบัติที่ดีต่อผู้ต้องขังหญิง การจัดทำวารสารกระบวนการยุติธรรม และโครงการประกวดหนังสั้น ความยุติธรรม หัวข้อ "ร้อยเรื่องราวความยุติธรรม" ๒.๕ การพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมสู่สังคม โดยจัดฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารงานยุติธรรมระดับสูง (ยธส.) รุ่นที่ ๑ ซึ่งมีหัวข้อหลักคือ "การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม" ๓. ส่วนที่ ๓ รวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับข้อมูลสถิติและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และสถิติประเภทเรื่องที่เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการฯ โดยรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบด้วย ด้านการจัดทำแผนและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารงานยุติธรรม ด้านการส่งเสริมประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการบริหารงานยุติธรรม ด้านการศึกษาวิจัยพัฒนากฎหมายและระบบยุติธรรม ด้านการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้กระบวนการยุติธรรมสู่สังคม ด้านการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม และภารกิจด้านงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ รวมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานจำนวน ๒๕,๒๕๖,๕๘๒.๒๔ บาท
|
|||||||||||||||||||||
28903 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนร้องกวาง จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... | มท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนร้องกวาง จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลแม่ทราย บางส่วนของตำบลร้องกวาง บางส่วนของตำบลทุ่งศรี และบางส่วนของตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
28904 | ขออนุมัติลงนามและให้สัตยาบันสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาคดีอาญา (สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ) | กต | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา (สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ) โดยร่างสนธิสัญญาฯ มีเนื้อหาสาระเช่นเดียวกับสนธิสัญญาในเรื่องเดียวกันที่ประเทศไทยจัดทำกับประเทศต่าง ๆ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๒๗ (แก้ไข พ.ศ. ๒๕๓๐) ทุกประการ โดยกำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนในการขอโอนและการรับโอนตัวผู้กระทำผิดระหว่างภาคี ได้แก่ ๑.๑ ผู้กระทำผิดที่ถูกพิพากษาลงโทษในดินแดนของภาคีฝ่ายหนึ่งอาจถูกโอนตัวไปยังดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งได้เพื่อรับโทษที่เหลืออยู่ ๑.๒ ผู้กระทำผิดอาจถูกโอนตัวได้ถ้าถูกพิพากษาลงโทษจำคุก กักขัง หรือทำให้ปราศจากอิสรภาพในรูปแบบอื่นใด ๑.๓ การกระทำอันเป็นมูลเหตุของการมีคำพิพากษาให้ลงโทษเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายของรัฐผู้รับ ๑.๔ ผู้กระทำผิดที่อาจถูกโอนตัวต้องเป็นคนชาติของรัฐผู้รับและมิได้เป็นคนชาติของรัฐผู้โอน ๑.๕ รัฐผู้โอน รัฐผู้รับ และผู้กระทำผิดต่างเห็นพ้องให้มีการโอนตัวได้ ๑.๖ ผู้กระทำผิดซึ่งกระทำความผิดต่อความมั่นคงภายในและภายนอกของรัฐ ต่อประมุขของรัฐ หรือสมาชิกในครอบครัวโดยตรงของประมุขของรัฐ หรือต่อกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสมบัติที่มีค่าทางศิลปะของชาติจะไม่ได้รับการโอนตัว ๑.๗ หากกฎหมายของรัฐผู้โอนกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำในการจำคุกผู้กระทำผิดที่อาจถูกโอนตัวจะต้องได้รับโทษในรัฐผู้โอนมาแล้วเป็นระยะเวลาขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด ๑.๘ ผู้กระทำผิดยังคงเหลือระยะเวลาในการรับโทษตามที่กฎหมายของรัฐผู้โอนกำหนด ๑.๙ รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งเขตอำนาจแต่ผู้เดียวเกี่ยวกับคำพิพากษาของรัฐผู้โอน รวมทั้งโทษตามคำพิพากษาที่กำหนดโดยศาลของรัฐผู้โอนในการที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกคำพิพากษาของศาลตน ๑.๑๐ การบังคับโทษตามคำพิพากษาต่อภายหลังการโอนตัวให้เป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนของรัฐผู้รับ ๑.๑๑ สนธิสัญญาฉบับนี้จะเริ่มมีผลใช้บังคับในวันที่มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามสนธิสัญญาฯ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกับฝ่ายเปรูต่อไป ๔. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างสนธิสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||
28905 | แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 | มท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ โดยแผนบูรณาการฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ชื่อในการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ ใช้ชื่อว่า “ก้าวสู่ปีใหม่อย่างปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” ๒. ช่วงเวลาดำเนินการ ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕-๒ มกราคม ๒๕๕๖ ๓. เป้าหมายการดำเนินงาน ให้สามารถลดจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บให้ลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ เทียบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๕ ๔. มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ๖ มาตรการ ได้แก่ มาตรการด้านบริหารจัดการ มาตรการด้านการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการด้านสังคม มาตรการด้านวิศวกรรมจราจร มาตรการด้านการประชาสัมพันธ์ และมาตรการด้านบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กู้ชีพ กู้ภัย ๕. มาตรการเน้นหนัก ได้แก่ การควบคุมการใช้ความเร็ว การควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่ยานพาหนะ การรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย และการควบคุมการเกิดอุบัติเหตุกับรถกระบะบรรทุกผู้โดยสารบนกระบะท้าย ๖. ช่วงเวลาดำเนินการ กำหนดเป็น ๒ ช่วง คือ ช่วงเตรียมความพร้อม ระหว่างวันที่ ๑-๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ และช่วงปฏิบัติการเข้มข้น ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕-๒ มกราคม ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||
28906 | โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2556 - 2560 | ศธ | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตแพทย์เพิ่มให้เพียงพอต่อความต้องการด้านบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ ลดปัญหาการขาดแคลนแพทย์และแก้ปัญหาการกระจายแพทย์ตามภูมิภาค โดยมีเป้าหมายในการรับนักศึกษาแพทย์ทั้งหมด จำนวน ๑๓,๘๑๙ คน ประกอบด้วย แผนการรับปกติ จำนวน ๔,๗๘๐ คน โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย จำนวน ๙,๐๓๙ คน แบ่งเป็น โครงการผลิตแพทย์เพิ่มของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๔,๐๓๘ คน และโครงการผลิตแพทย์ชนบทเพิ่มภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๕,๐๐๑ คน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณสำหรับโครงการฯ เฉพาะงบดำเนินงานให้กระทรวงศึกษาธิการแล้ว จำนวน ๕๖๒ คน เป็นเงิน ๓๐,๕๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนงบลงทุนนั้น ให้หน่วยงานขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามแผนเป้าหมายการผลิตแพทย์เพิ่มตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป สำหรับหน่วยงานที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มจำนวนอาจารย์แพทย์โดยการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ในรูปแบบของทุนต่างๆ และเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เกษียณอายุแล้วเป็นอาจารย์พิเศษ รวมทั้งขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการสนับสนุนอาจารย์เพิ่ม ขยายการพัฒนาและยกระดับสถานีอนามัยให้เป็นศูนย์ฝึกระดับคลินิกของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ ๔-๖ ปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกให้คนในพื้นที่ในเขตชนบทมองเห็นความสำคัญในการให้การรักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วย หรือการป้องกันและการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่คนในพื้นที่ สร้างแรงจูงใจและให้รางวัลแก่แพทย์ผู้สมัครใจปฏิบัติงานในเขตชนบทในรูปที่ไม่ใช่ตัวเงิน ปรับปรุงระบบการคัดเลือกผู้เข้าศึกษาโดยการคัดเลือกนักเรียนที่เรียนดีตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และพัฒนานักเรียนดังกล่าวให้มีความสามารถในการเรียนแพทย์จนสำเร็จการศึกษา ส่งเสริมนักเรียนแพทย์ชนบทให้แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้มีความรู้ทางการแพทย์แผนไทยของชุมชนให้มากขึ้น และจัดระบบการบริหารจัดการแพทย์ตามโครงการฯ ให้กระจายไปสู่ชนบทและพื้นที่ห่างไกลเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ซึ่งเป็นเจ้าภาพรวบรวมและศึกษาภาพรวมความต้องการอัตรากำลังของส่วนราชการทั้งระบบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง แนวทางการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจบริการด้านสุขภาพ) นำแผนการผลิตแพทย์เพิ่ม ที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ไปประกอบการบูรณาการให้ครบวงจร รวมถึงการคำนึงถึงกลไกการประสานงานระหว่างการวางแผนการผลิตของสถาบันฝ่ายผลิตแพทย์ ผู้ใช้แพทย์ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่แพทยสภากำหนด ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างนักศึกษาแพทย์ และอาจารย์แพทย์ และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการที่จะพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
28907 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย) ครั้งที่ 8 | ศธ | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย) ครั้งที่ ๘ (การดำเนินโครงการสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕) สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๑ การโอนเงินค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุน ในส่วนของทุนในประเทศ ได้ประสานสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นสถาบันฝ่ายผลิตให้จัดส่งรายละเอียดพร้อมหลักฐานของนักเรียนทุนทุกระดับเพื่อโอนเงินในภาคการศึกษาที่ ๒/๒๕๕๓ และภาคการศึกษาที่ ๑/๒๕๕๔ สำหรับทุนต่างประเทศ ได้ประสานสำนักงาน ก.พ. และโอนเงินค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุนผูกพันปีการศึกษา ๒๕๕๓ ปีการศึกษา ๒๕๕๓-๒๕๕๔ และทุนใหม่ปีการศึกษา ๒๕๕๔ โดยแบ่งเป็นนักเรียนทุนที่เดินทางไปศึกษาตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๔ จำนวน ๑๐๔ คน และที่เดินทางไปศึกษาตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กันยายน ๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔) จำนวน ๕๖ คน ๑.๒ การนำงบประมาณที่เหลือจัดสรรทุนเป็นทุนปีการศึกษา ๒๕๕๔ จากการสอบแข่งขันเพื่อรับทุนโครงการฯ จำนวน ๓ ครั้ง มีผู้ผ่านการสอบแข่งขัน จำนวน ๑๗๘ คน และมีทุนเหลือจำนวนหนึ่งจากที่บางสาขาวิชาไม่มีผู้สอบผ่าน บางสาขาวิชาที่ขาดแคลนแต่ไม่มีผู้สมัคร คณะอนุกรรมการบริหารโครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์จึงได้นำทุนที่เหลือดังกล่าวมายุบรวมเพื่อจัดสรรทุนใหม่ในปีการศึกษา ๒๕๕๔ โดยใช้แนวการพัฒนาบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาและแสวงหานักเรียนทุนจากผู้ที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยที่อยู่ในการจัดลำดับที่ดีและไม่มีภาระทุนผูกพัน และดำเนินการพิจารณาคัดเลือกเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ มีผู้ผ่านการคัดเลือก จำนวน ๗๗ ทุน ทั้งนี้ สกอ. ได้ประกาศผลการคัดเลือกผู้รับทุนและจัดปฐมนิเทศนักเรียนทุน เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ ๒. ผลการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒.๑ การโอนเงินค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุน ในส่วนของทุนในประเทศ ได้ประสานสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นสถาบันฝ่ายผลิตให้จัดส่งรายละเอียดพร้อมหลักฐานของนักเรียนทุนทุกระดับ เพื่อโอนเงินในภาคการศึกษาที่ ๒/๒๕๕๔ และภาคการศึกษาที่ ๑/๒๕๕๕ สำหรับทุนต่างประเทศ ได้ประสานสำนักงาน ก.พ. และโอนเงินค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุนผูกพันปีการศึกษา ๒๕๕๓ ปีการศึกษา ๒๕๕๓-๒๕๕๔ และปีการศึกษา ๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔) และทุนใหม่ปีการศึกษา ๒๕๕๕ ที่เดินทางไปศึกษาตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กันยายน ๒๕๕๕ จำนวน ๖๙ คน ๒.๒ การนำงบประมาณที่เหลือจัดสรรทุนเป็นทุนปีการศึกษา ๒๕๕๕ จากการที่ สกอ. ได้รับการจัดสรรงบประมาณไม่เป็นไปตามแผนงานโครงการฯ คณะอนุกรรมการบริหารโครงการฯ จึงมีมติเห็นควรนำงบประมาณที่คาดว่าจะเหลือจากการโอนเงินเบิกจ่ายให้แก่นักเรียนทุนผูกพันของโครงการฯ เรียบร้อยแล้ว มาจัดสรรเป็นทุนใหม่ปีการศึกษา ๒๕๕๕ และดำเนินการคัดเลือกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ๒๕๕๕ มีผู้ผ่านการคัดเลือก จำนวน ๑๐๐ ทุน จำแนกเป็นนักเรียนทุนลำดับสำรองปีการศึกษา ๒๕๕๓-๒๕๕๔ จำนวน ๑๙ ทุน ผู้ผ่านการพิจารณาในเบื้องต้นปีการศึกษา ๒๕๕๔ จำนวน ๘ ทุน และผู้ผ่านการคัดเลือกตามที่มหาวิทยาลัยและสถาบันขอรับการจัดสรรทุน จำนวน ๗๓ ทุน ทั้งนี้ สกอ. ได้ประกาศผลการคัดเลือกผู้รับทุนและจัดปฐมนิเทศนักเรียนทุน เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ๓. ร้อยละของการดำเนินการตามเป้าหมาย ผลการดำเนินการคัดเลือกเพื่อรับทุนโครงการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นทุนระดับปริญญาตรี ปริญญาโท-เอก และปริญญาเอก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน ๑๗๗ ทุน (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๗๗ ทุน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๐๐ ทุน รวมนักเรียนทุนสะสม จำนวน ๓๕๘ ทุน จาก ๑,๑๖๐ ทุน) คิดเป็นร้อยละ ๓๐.๘๖ ๔. จำนวนเงินงบประมาณที่ใช้จ่าย ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๑๕๔,๔๓๓,๔๐๐ บาท แต่มีงบประมาณที่ได้อนุมัติขยายกันเงินเบิกเหลื่อมปี จำนวน ๖๐,๖๒๑,๗๕๑.๗๕ บาท (ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๓๑๑,๐๒๕.๖๐ บาท และปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๖๐,๓๑๐,๗๒๖.๑๕ บาท) รวมเป็นเงิน ๒๑๕,๐๕๕,๑๕๑.๗๕ บาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๒๘๗,๔๐๐,๐๐๐ บาท รวมกับงบประมาณที่โอนมาพร้อมจำนวนทุนปี ๒๕๕๔ จำนวน ๑๔๓,๘๒๙,๖๘๒.๔๓ บาท รวมเป็นเงิน ๔๓๑,๒๒๙,๖๘๒.๔๓ บาท ๕. ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินโครงการฯ อาทิ ความหลากหลายของสาขาวิชาทำให้การพิจารณาจัดสรรทุนต้องใช้เวลาและจัดหาข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา การกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครสอบแข่งขันเพื่อรับทุนมีความแตกต่างกันตามสาขาวิชาที่หลากหลาย การกำหนดให้ผู้รับทุนในระดับปริญญาตรีต้องผูกพันชดใช้ทุนในสถาบันอุมดมศึกษาทำได้ยาก เนื่องจากสถาบันอุดมศึกษาจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรี อัตรากำลังรองรับที่จะบรรจุเข้าทำงานจึงต้องเป็นระดับปริญญาเอก และอาจมีบางสาขาที่จำเป็นต้องรับในระดับปริญญาโท รวมทั้งระยะเวลาการศึกษาของผู้รับทุนในบางสาขาวิชาไม่สามารถสำเร็จการศึกษาตามที่กำหนดไว้ในโครงการฯ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
28908 | การรับรองเอกสารวิสัยทัศน์ของผู้นำอาเซียน - อินเดีย (ASEAN-India Vision Statement) | กต | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารวิสัยทัศน์ของผู้นำอาเซียน-อินเดีย (Draft ASEAN-India Vision Statement) ที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย สมัยพิเศษ ในโอกาสฉลองครบรอบ ๒๐ ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งการร่วมรับรองเอกสารฯ เป็นการแสดงความมุ่งมั่นของผู้นำไทยที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์อย่างรอบด้านระหว่างอาเซียนและอินเดียทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ทางการเมืองที่จะผลักดันให้การดำเนินความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน-อินเดีย รุดหน้าไปด้วยดีและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองเอกสารวิสัยทัศน์ของผู้นำอาเซียน-อินเดีย (ASEAN-India Vision Statement) |
|||||||||||||||||||||
28909 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
28910 | มาตรการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อส่งเสริมความเป็นธรรมและให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ | กค | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อส่งเสริมความเป็นธรรมและให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ โดย ๑.๑ ปรับปรุงบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการคำนวณเงินได้สุทธิจากเดิม ๕ ขั้นอัตรา เป็น ๗ ขั้นอัตรา และลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากอัตราสูงสุดร้อยละ ๓๗ คงเหลือร้อยละ ๓๕ ๑.๒ กำหนดคำนิยามของ “คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล” ให้หมายความว่า บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันโดยไม่มีวัตถุประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันพึงได้แต่กิจการที่ทำนั้น ทั้งนี้ ให้เสียภาษีจากเงินได้พึงประเมินก่อนหักรายจ่ายในอัตราร้อยละ ๒๐ ๑.๓ กำหนดคำนิยามของ “ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล” ให้หมายความว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และให้หมายความรวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญที่อธิบดีกำหนด โดยอนุมัติรัฐมนตรี และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ให้เสียภาษีจากเงินได้สุทธิในอัตราร้อยละ ๒๐ ๑.๔ ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินในปีภาษี ๒๕๕๖ ที่จะต้องยื่นรายการในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๒. สำหรับเงินได้สุทธิตั้งแต่ ๐-๓๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งกำหนดอัตราภาษีไว้ในอัตราร้อยละ ๕ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษีสำหรับเงินได้สุทธิ ๑๕๐,๐๐๐ บาทแรกต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
28911 | มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคในการใช้สิทธิยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา | กค | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกำหนดฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บภาษีเงินได้จากสามีและภริยา ดังนี้
๑. ให้สิทธิผู้เสียภาษีเลือกยื่นรายการและเสียภาษี โดยจะยื่นรายการและเสียภาษีรวมกันหรือแยกต่างหากจากคู่สมรสก็ได้ ๒. ในกรณีใช้สิทธิยื่นรายการรวมกัน จะยื่นรายการและเสียภาษีในนามของสามีหรือภริยาก็ได้ ๓. กรณีการใช้สิทธิยื่นรายการแยกต่างหากจากกัน ๓.๑ หากสามีหรือภริยามีเงินได้พึงประเมินที่ไม่สามารถแยกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นของสามีหรือภริยา ให้สามีและภริยาสามารถเลือกได้ว่าจะให้เงินได้พึงประเมินดังกล่าวเป็นของสามีและภริยาฝ่ายละกึ่งหนึ่ง ๓.๒ หากเงินได้พึงประเมินที่ไม่สามารถแยกได้อย่างชัดแจ้งตาม ๓.๑ เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๘) นอกจากให้สิทธิตาม ๓.๑ แล้ว สามีและภริยาจะแบ่งเงินได้พึงประเมินดังกล่าวเป็นของแต่ละฝ่ายตามส่วนที่ตกลงกันก็ได้
|
|||||||||||||||||||||
28912 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ (วงเงิน 120,000 ล้านบาท) | นร07 | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ (วงเงิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอสรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดสรร/การเบิกจ่าย/ลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเอง สำนักงบประมาณจัดสรรสุทธิ เป็นเงิน ๑๑๙,๕๙๓.๐๖๖๔ ล้านบาท ลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๑๔,๒๕๖.๐๗๙๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๑๑๑.๓๓๒๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๑๐ และผลการเบิกจ่ายจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๑๐๕,๕๘๘.๓๙๓๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๒๙ จากยอดจัดสรรสุทธิ ๒. ผลการดำเนินงาน มิติส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๑๓ กระทรวง ต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๕ กระทรวง ส่วนมิติจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๕๖ จังหวัด ต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๑๙ จังหวัด ๓. การใช้จ่ายงบประมาณจากเงินที่แจ้งส่งคืน คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลางฯ โดยให้ใช้จ่ายจากเงินส่งคืน จำนวนทั้งสิ้น ๖,๒๗๐.๒๓๖๖ ล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๕,๖๑๔.๙๘๘๗ ล้านบาท มีส่วนราชการฯ ยังไม่ดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๔ โครงการ/รายการ วงเงิน ๒๖๒.๙๓๗๐ ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างส่วนราชการฯ พิจารณาขอขยายระยะเวลาการขอรับการจัดสรรงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
28913 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (จำนวน 4 ราย 1. นางสาวรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล ฯลฯ) | คค | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยชุดใหม่ เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสามปีตามวาระในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้แก้ไขชื่อสกุลของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ราย นายวินัย ให้ถูกต้อง จาก "ดำรงค์มงคลสกุล" เป็น "ดำรงค์มงคลกุล" ดังนี้ ๑.๑ นางสาวรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล ประธานกรรมการ ๑.๒ นายพงศธร คุณานุสรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๔ นายสุนทร ทรัพย์ตันติกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ผู้แทนองค์กรพัฒนาภาคเอกชนในด้านการคุ้มครองผู้บริโภค) ๒. ให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ยกเว้นนายวินัย ฯ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการเป็นต้นไป แต่ต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕)
|
|||||||||||||||||||||
28914 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (จำนวน 6 คน 1. นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ฯลฯ) | พณ | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ จำนวน ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ประธานกรรมการ ๒. นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายสมชัย ทรัพย์เกษม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นางประพีร์ สรไกรกิติกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายวิบูลย์ หงษ์ศรีจินดา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. ผู้ช่วยศาสตราจารย์กฤตินี ณัฏฐวุฒิสิทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
28915 | การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ | กค | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยพิจารณาจากอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป แบ่งตามประเภทรถยนต์ ได้แก่ ๑.๑ รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน ๑๐ คน ที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน ๓,๐๐๐ ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน ๑๕๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๓๐ ปล่อยก๊าซเกิน ๑๕๐ กรัมต่อกิโลเมตร แต่ไม่เกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๓๕ และปล่อยก๊าซเกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๔๐ ๑.๒ รถยนต์นั่ง E85 และรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทก๊าซธรรมชาติที่ติดตั้งในโรงอุตสาหกรรม (NGV-OEM) ที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน ๓,๐๐๐ ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน ๑๕๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๒๕ ปล่อยก๊าซเกิน ๑๕๐ กรัมต่อกิโลเมตร แต่ไม่เกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๓๐ และปล่อยก๊าซเกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๓๕ ๑.๓ รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า (Hybrid Electric Vehicle) ที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน ๓,๐๐๐ ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน ๑๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๑๐ ปล่อยก๊าซเกิน ๑๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร แต่ไม่เกิน ๑๕๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๒๐ ปล่อยก๊าซเกิน ๑๕๐ กรัมต่อกิโลเมตร แต่ไม่เกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บอัตราภาษีร้อยละ ๒๕ และปล่อยก๊าซเกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๓๐ ๑.๔ รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลังที่นั่งคนขับ (No Cab) ที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน ๓,๒๕๐ ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๓ และปล่อยก๊าซเกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๕ ๑.๕ รถยนต์กระบะที่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลังที่นั่งคนขับ (Space Cab) ที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน ๓,๒๕๐ ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๕ ปล่อยก๊าซเกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๗ ๑.๖ รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (Double Cab) ที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน ๓,๒๕๐ ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๑๒ และปล่อยก๊าซเกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๑๕ ๑.๗ รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Pick-up Passenger Vehicle : PPV) ที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน ๓,๒๕๐ ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๒๕ และปล่อยก๊าซเกิน ๒๐๐ กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษีร้อยละ ๓๐ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดแนวทางให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมรถยนต์และผู้นำเข้าจะต้องติดป้ายแสดงการประหยัดพลังงานและปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ประจำปีเพื่อให้สอดคล้องกับภาษีสรรพสามิตรถยนต์ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
28916 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง (นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ และนายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว) | ทส | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๒. นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
|
|||||||||||||||||||||
28917 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสมชาย เทียมบุญประเสริฐ) | วท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมชาย เทียมบุญประเสริฐ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
28918 | การแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | ยธ | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) รายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับแนวทางในการที่จะทำให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มากที่สุดและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า ได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น พรรคร่วมรัฐบาล ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา และรับฟังความเห็นจากฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นต้น พบว่ามีความเห็นส่วนใหญ่สรุปว่า ควรให้จัดทำประชามติ ๒. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า ในการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามมาตรา ๑๖๕(๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยจะต้องมีการมอบหน่วยงานเจ้าของเรื่องในการจัดทำประชามติเพื่อรับผิดชอบการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้มีการออกเสียงประชามติ นายกรัฐมนตรีอาจปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา หลังจากนั้นจะมีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีการออกเสียงประชามติ จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งในการกำหนดวันออกเสียงภายในระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๙๐ วัน แต่ไม่เกิน ๑๒๐ วัน นับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษาและดำเนินการออกเสียงประชามติต่อไป ทั้งนี้ การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชามติต้องมีผู้มาออกเสียงเป็นจำนวนเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียงและมีจำนวนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น ๓. เห็นชอบให้ตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ดำเนินการศึกษาวิธีการออกเสียงประชามติและประชาเสวนาว่าจะดำเนินการอย่างไรทั้งในข้อกฎหมายและในทางปฏิบัติแล้วสรุปวิธีการที่เหมาะสมและจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะทำงานดำเนินการชี้แจงเรื่องนี้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||
28919 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2555 | ทส | 11/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ จำนวน ๒ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ (บางปิ้ง)-บางปู ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ๑.๑ ให้ รฟม. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ (บางปิ้ง)-บางปู ของ รฟม. ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ในการประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ และตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๑.๒ หาก รฟม. มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการหรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่ได้เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ (บางปิ้ง)-บางปู ของ รฟม. ตามที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้แจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติหรืออนุญาตเป็นผู้พิจารณา หากหน่วยงานดังกล่าวเห็นว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการหรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าวไม่กระทบต่อสาระสำคัญของการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเป็นมาตรการที่เกิดผลดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า หรือเทียบเท่ามาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ แล้ว ให้หน่วยงานที่มีอำนาจอนุมัติหรืออนุญาตรับพิจารณาการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายนั้น ๆ พร้อมกับสำเนาเรื่องแจ้งสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อทราบ หากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจกระทบต่อสาระสำคัญของการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้จัดส่งรายงานการปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดโครงการ หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ให้ความเห็นชอบก่อนการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงแก้ไข ๑.๓ ให้ รฟม. นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑.๔ ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรควบคุม กำกับดูแลการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสีเขียวอ่อน ส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ (บางปิ้ง)-บางปู ของ รฟม. ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และรายงานเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุก ๖ เดือน ๒. ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับโครงการศึกษาและออกแบบรายละเอียดรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สายตลิ่งชัน-นครปฐม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ๒.๑ ให้ รฟท. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการศึกษาและออกแบบรายละเอียดระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สายตลิ่งชัน-นครปฐม ของ รฟท. ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ในการประชุมครั้งที่ ๑๙/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๔ และตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๒.๒ ให้ รฟท. นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๒.๓ ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ควบคุม กำกับดูแลการดำเนินโครงการศึกษาและออกแบบรายละเอียดระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สายตลิ่งชัน-นครปฐม ของ รฟท. ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และรายงานเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุก ๖ เดือน
|
|||||||||||||||||||||
28920 | ขออนุมัติการแต่งตั้ง นายจักริน วังวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์แคนาดา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ | กต | 11/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายจักริน วังวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์แคนาดาประจำจังหวัดเชียงใหม่ สืบแทนนายนิตย์ วังวิวัฒน์ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิจิตร ตาก สุโขทัย พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน น่าน ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ และเชียงราย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....