ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1437 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 28721 - 28740 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28721 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... | นร11 | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินการ รวมทั้งความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า การให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ อาจมีปัญหาอุปสรรคของการดำเนินงานในทางปฏิบัติ เนื่องจากส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะไปให้บริการภายในศูนย์การให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างมีเอกภาพ ส่วนหน่วยงานที่ประสงค์จะรับผิดชอบเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในขั้นตอนการจัดทำร่างแผนแม่บท ควรบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ตลอดจนภาคีพัฒนาที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากร่างแผนแม่บทมีประเด็นรายละเอียดการดำเนินงานค่อนข้างมาก นอกจากนี้ นโยบายจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจะต้องได้รับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงควรกำหนดให้มีผู้แทนจากคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ ให้แก้ไขคำนิยาม “เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ” ให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ไม่ได้มีการค้าบริเวณพรมแดนด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับแล้ว ให้นำเรื่องเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดมาพิจารณาดำเนินการเป็นลำดับแรก |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28722 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28723 | ผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ 1/2556 | นร11 | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๖ ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ ๒. เห็นชอบตามมติที่ประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามมติที่ประชุม รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ๒.๑.๑ การส่งเสริมการค้าและการลงทุน ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงมหาดไทยเป็นแกนกลางในการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนของการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ แม่สอด จังหวัดตาก เช่น ปัญหารถบรรทุกสินค้าที่มีน้ำหนักเกิน ปัญหาโครงสร้างที่ชำรุด เป็นต้น และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานบูรณาการหลักร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกำหนดกรอบแนวทางการพัฒนาในภาพรวม โดยนำข้อเสนอการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จังหวัดตาก เข้ามาพิจารณาในคณะกรรมการดังกล่าว และนำความเห็นที่ประชุมไปประกอบการพิจารณาด้วย รวมทั้งให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปศึกษาและเตรียมความพร้อมหากมีการยกระดับจุดผ่อนปรนภูดู่ขึ้นเป็นจุดผ่านแดนถาวร และให้กระทรวงการต่างประเทศติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานดังกล่าว ๒.๑.๒ การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ (พิษณุโลก-หล่มสัก) จาก ๒ ช่องจราจร เป็น ๔ ช่องจราจรให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และรับข้อเสนอของภาคเอกชนไปพิจารณาทบทวนโครงการศึกษาและพัฒนาจังหวัดพิษณุโลกเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางภาคเหนือตอนล่างและสี่แยกอินโดจีน โดยให้ศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงจุดพื้นที่ตั้งของศูนย์กลางที่มีความเหมาะสมในการเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางและพื้นที่โดยรอบ ๒.๑.๓ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อเสนอของภาคเอกชนไปศึกษาและจัดทำรายละเอียดโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก รวมทั้งแผนงาน/โครงการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑ และเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒.๑.๔ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการสุขภาพ ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับไปพิจารณาในรายละเอียดโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเป็น Medical Excellence Centre/Medical Tourism โดยจัดลำดับความสำคัญในส่วนที่มีความจำเป็นและสอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ๒.๑.๕ รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามมติการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ที่ประชุมมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าดังกล่าวตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ฝ่ายเลขานุการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการ มารายงานให้ที่ประชุมทราบเป็นระยะ ๒.๒ เรื่องอื่น ๆ ที่สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย/คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบันเสนอ ๒.๒.๑ การยกระดับบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงแรงงานรับไปดำเนินการพัฒนาบุคลากรในภาคการท่องเที่ยวในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน ๒๕๕๖ ให้เสร็จทันก่อนฤดูกาลการท่องเที่ยวปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งดำเนินการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการท่องเที่ยวเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ๒ ล้านล้านบาท ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้ที่ประชุมได้พิจารณารายละเอียดของโครงการและสนับสนุนงบประมาณ รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนการกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อหัวให้เพิ่มสูงขึ้น ๒.๒.๒ มาตรการเร่งด่วนเพื่อผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพในภูมิภาคอาเซียน ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดตั้งกลไกเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพโดยบูรณาการการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชน ตั้งแต่การกำหนดนโยบาย การจัดหาวัตถุดิบที่เหมาะสม การกำหนดมาตรการส่งเสริม ตลอดจนพิจารณาเลือกจังหวัดต้นแบบที่มีความเหมาะสมตามลักษณะการจัดเขตพื้นที่ ๒.๒.๓ ความคืบหน้าการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ (ระบบราง) ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการจัดทำแผนการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ด้านระบบรางของประเทศในภาพรวมให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยหารือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒.๒.๔ ความคืบหน้าการส่งเสริมการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ประชุมมีมติให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาด่านชายแดนให้สอดคล้องกับประเทศไทย และนำเข้าบูรณาการในคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๒.๒.๕ บทบาทภาคเอกชนในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ ไปสู่การปฏิบัติ ที่ประชุมมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับภาคเอกชนทั้ง ๕ สถาบัน เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานในการขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาที่ได้มีข้อสรุปร่วมกันในการประชุมเชิงปฏิบัติการภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ให้เป็นรูปธรรม และประสานกับกลไกการขับเคลื่อนที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการอยู่แล้ว โดยจัดลำดับความสำคัญของประเด็นการพัฒนาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ ๒.๒.๖ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. .... (ผลกระทบตามประกาศ Financial Action Task Force : FATF) ที่ประชุมมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอว่า รัฐบาลได้พิจารณาผ่านร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๖ ขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่างอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีผลบังคบใช้ทันกำหนดการประชุมของกลุ่มความร่วมมือต่อต้านในการฟอกเงินเอเชีย-แปซิฟิก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่มีกำหนดการประชุมในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28724 | ข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 รวม 5 จังหวัด ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ วันที่ 20 - 21 มกราคม 2556 | นร11 | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑ รวม ๕ จังหวัด (จังหวัดพิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์) ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ วันที่ ๒๐-๒๑ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที จำนวน ๓๓ โครงการ วงเงินรวม ๖๑๗.๗๐๗๓ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำรายละเอียดคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ๑.๒ เห็นชอบในหลักการของกรอบข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑ รวม ๕ จังหวัด จำนวน ๗๘ โครงการ วงเงินรวม ๕๑,๓๘๕.๔๗ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานรับผิดชอบรับไปพิจารณาศึกษาความเหมาะสม และจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ รวมทั้งดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี เพื่อให้สำนักงบประมาณใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปีตามลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการตามขั้นตอน และรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณไปประกอบการดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพภาคเหนือตอนล่างด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28725 | ผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 | นร11 | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบความเห็นของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่โครงการที่มีความพร้อมและมีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที ในกรอบวงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๑ รวม ๕ จังหวัด (จังหวัดพิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์) ได้แก่ ๑.๑ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำแก้มลิงบึงบัว ระยะที่ ๑ โดยสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๒๕.๐๐ ล้านบาท ๑.๒ โครงการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวหนองน้ำมณีบรรพต ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของกลุ่มจังหวัด เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) บนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ โดยสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๒๕.๐๐ ล้านบาท ๑.๓ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายคมนาคม ดำเนินการก่อสร้างขยายทางจราจรจาก ๒ ช่องจราจร เป็น ๔ ช่องจราจร พร้อมสิ่งอำนวยความปลอดภัย ทางหลวงหมายเลข ๑๐๒ ตอนควบคุม ๐๒๐๐ ตอน ห้วยช้าง-ศรีสัชนาลัย ระหว่าง กม. ๓๙+๐๕๐ - กม. ๓๙+๙๐๔ โดยสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๒๐.๐๐ ล้านบาท ๑.๔ โครงการพัฒนาการเรียนการสอนและบริการวิชาการแก่ท้องถิ่นเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของจังหวัด โดยสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑๓.๖๖๕ ล้านบาท ๑.๕ โครงการปรับปรุงโครงข่ายคมนาคมของจังหวัดอุตรดิตถ์รองรับการค้าชายแดนภูดู่ และ AEC โดยสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑๖.๓๒๕ ล้านบาท ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียด คำขอรับการจัดสรรงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และจัดส่งให้สำนักงบประมาณโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งให้รับความเห็นของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไปดำเนินการต่อไป ๓. เห็นชอบตามความเห็นและข้อสั่งการเพิ่มเติมในพื้นที่ดูงานของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เห็นควรสนับสนุนการดำเนินโครงการจัดหาครุภัณฑ์ประกอบอาคารส่งเสริมสุขภาพ และพักผู้ป่วยใน ๔ ชั้น โรงพยาบาลลับแล โดยให้ใช้จ่ายจากงบรายได้และปรับแผน ในวงเงิน ๑๒.๔๖๑๑ ล้านบาท และพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ให้สำนักงานชลประทานเขตและชลประทานจังหวัดรับเรื่องโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองแม่น้ำเก่า เชื่อมต่อคลองตาแดง อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย ไปทำการศึกษาและพิจารณาดำเนินการ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่โดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28726 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 เรื่อง การจัดตั้งสำนักงานให้ความช่วยเหลือทางวิชาการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศในประเทศไทย | กค | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การจัดตั้งสำนักงานให้ความช่วยเหลือทางวิชาการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ) โดยให้เพิ่มเติมข้อความว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๘ (เรื่อง การยกเลิกเอกสิทธิทางภาษีอากรสำหรับคนไทยในองค์การหรือสถาบันระหว่างประเทศ) ๑.๒ อนุมัติการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่พนักงาน เจ้าหน้าที่คนไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ในประเทศไทย ๒. ให้ถือเป็นการกำหนดข้อผูกพันเฉพาะสำหรับสำนักงานให้ความช่วยเหลือทางวิชาการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศในประเทศไทยเท่านั้น ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำและเป็นแนวปฏิบัติเดียวกันกับกรณีสำนักงานในประเทศไทยขององค์การสหประชาชาติและสถาบันการเงินระหว่างประเทศอื่นๆ รวมทั้งกรณีที่กระทรวงการคลังเสนอนี้ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการสูญเสียรายได้จากภาษีเงินได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28727 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 งบกลาง สำหรับครุภัณฑ์ประกอบอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครสวรรค์ ขนาด 24 บัลลังก์ และศาลอุทธรณ์ภาค 6 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ | ศย | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีสำหรับรายการครุภัณฑ์ประกอบอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครสวรรค์ ขนาด ๒๔ บัลลังก์ และศาลอุทธรณ์ภาค ๖ ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๕,๐๓๔,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับครุภัณฑ์ประกอบอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครสรรค์ ขนาด ๒๔ บัลลังก์ และศาลอุทธรณ์ภาค ๖ ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28728 | การปรับปรุงระบบการบริหารโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง | กษ | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) เบิกจ่ายเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง [ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๕ (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาราคายางพารา)] ๑.๒ ให้ยกเว้นการค้ำประกันเงินกู้ของ อ.ส.ย. กับ ธ.ก.ส. เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำซ้อน เนื่องจากกระทรวงการคลังได้ค้ำประกันเงินกู้ระหว่าง ธ.ก.ส. กับสถาบันการเงินแหล่งเงินกู้แล้ว ๑.๓ ให้ อ.ส.ย. ส่งรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการฯ [ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๕ (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาราคายางพารา)] ให้คณะรัฐมนตรีประกอบการพิจารณาต่อไป ๒. ให้ ธ.ก.ส. สำรองจ่ายเงินกู้ให้แก่ อ.ส.ย. ไปก่อนตามแผนธุรกิจที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารโครงการแล้ว โดยชดเชยต้นทุนเงินให้ ธ.ก.ส. ในอัตรา FDR+1 เช่นเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การรักษาเสถียรภาพราคายาง) ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับและติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะตลาด เพื่อมิให้เกิดภาระงบประมาณในภาพรวมที่รัฐจะต้องชดเชยผลการขาดทุนจากการรับซื้อยางตามโครงการฯ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28729 | ร่างกฎกระทรวงและร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวม 2 ฉบับ | ปง | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงและร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๒ กำหนดนิยามคำว่า “ลูกค้า” และ “บุคคลที่มีการตกลงกันทางกฎหมาย” เป็นต้น ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง วิธีการแสดงตนของลูกค้าสถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา ๑๖ มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง วิธีการแสดงตนของลูกค้าสถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา ๑๖ ลงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒.๒ กำหนดนิยามคำว่า “ลูกค้า” และ “ผู้ที่ทำธุรกรรมเป็นครั้งคราว” ๒.๓ กำหนดข้อมูลที่ใช้ประกอบการแสดงตนสำหรับลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดา |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28730 | การอนุมัตินำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากลาวและกัมพูชาผ่านองค์การคลังสินค้า | พณ | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชาผ่านองค์การคลังสินค้า (อคส.) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ อคส. นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ ๐ ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เพื่อส่งออกต่อไปยังประเทศที่สาม ประมาณ ๒ แสนตัน ๑.๒ ให้ อคส. นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากราชอาณาจักรกัมพูชาในอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ ๐ เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ในประเทศ ช่วงเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ ประมาณ ๑ แสนตัน และเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖-มกราคม ๒๕๕๗ ประมาณ ๑.๕ แสนตัน ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายอาหารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณารายละเอียดเพื่อบริหารจัดการช่วงเวลาและปริมาณการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เหมาะสม โดยไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศของไทย ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรให้ความสำคัญกับความเข้มงวดในการกำกับดูแลการนำเข้าสินค้าเกษตรเข้ามาในราชอาณาจักร โดยการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย ทั้งศัตรูพืช โรคพืชและสัตว์ สารปนเปื้อนต่างๆ และความปลอดภัยด้านอาหาร โดยเฉพาะการนำเข้าตามแนวชายแดนต่างๆ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ควรติดตามการนำเข้าเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการปริมาณและราคาข้าวโพดไม่ให้มีผลกระทบกับเกษตรกรในประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28731 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้า จำนวน ๔๐ รายการ และบริการ จำนวน ๓ รายการ รวม ๔๓ รายการ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เป็นสินค้าและบริการควบคุมในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ คงรายการสินค้าและบริการควบคุมเดิม จำนวน ๔๒ รายการ ๑.๑.๑ หมวดอาหาร จำนวน ๑๔ รายการ คือ กระเทียม ข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวโพด มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ไข่ไก่ สุกร เนื้อสุกร น้ำตาลทราย น้ำมันและไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ทั้งที่บริโภคได้หรือไม่ได้ ครีมเทียมข้นหวาน นมข้น นมคืนรูป นมแปลง ไขมัน นมผง นมสด แป้งสาลี อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท อาหารกึ่งสำเร็จรูปบรรจุภาชนะผนึก ๑.๑.๒ หมวดสินค้าอุปโภคบริโภคประจำวัน จำนวน ๓ รายการ คือ ผงซักฟอก ผ้าอนามัย กระดาษชำระ กระดาษเช็ดหน้า ๑.๑.๓ หมวดปัจจัยทางการเกษตร จำนวน ๙ รายการ คือ ปุ๋ย ยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช หัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ เครื่องสูบน้ำ รถไถนา รถเกี่ยวข้าว เครื่องวัดความชื้นข้าว เครื่องตรวจสอบคุณภาพข้าว เครื่องชั่งวัดอัตราส่วนร้อยละของแป้งในหัวมัน ๑.๑.๔ หมวดวัสดุก่อสร้าง จำนวน ๓ รายการ คือ ปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น สายไฟฟ้า ๑.๑.๕ หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ จำนวน ๓ รายการ คือ กระดาษทำลูกฟูก กระดาษเหนียว กระดาษพิมพ์และเขียน เยื่อกระดาษ ๑.๑.๖ หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง จำนวน ๓ รายการ คือ แบตเตอรี่รถยนต์ ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์นั่ง รถยนต์บรรทุก ๑.๑.๗ หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จำนวน ๓ รายการ คือ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเชื้อเพลิง เม็ดพลาสติก ๑.๑.๘ หมวดยารักษาโรค จำนวน ๑ รายการ คือ ยารักษาโรค ๑.๑.๙ หมวดอื่น ๆ จำนวน ๑ รายการ คือ เครื่องแบบนักเรียน ๑.๑.๑๐ หมวดบริการ จำนวน ๓ รายการ คือ การให้สิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้า บริการรับฝากสินค้าหรือบริการให้เช่าสถานที่เก็บสินค้า บริการทางการเกษตร (ค่าจ้าง เก็บเกี่ยวข้าวและผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ ค่าจ้างนวดข้าว ค่าจ้างสีข้าว เป็นต้น) ๑.๒ เพิ่มรายการสินค้าควบคุม จำนวน ๑ รายการ คือ ผลปาล์มน้ำมัน (เป็นรายการที่ ๔๓) ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกร กระทรวงพาณิชย์ควรพิจารณาทบทวนประกาศดังกล่าว ให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมต่อเกษตรกรต่อไป และควรให้ความสำคัญกับการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายการสินค้าและบริการที่มีการควบคุม ซึ่งมีความผันผวนด้านราคาและปริมาณสูง เพื่อให้สามารถกำหนดมาตรการรองรับในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28732 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ในท้องที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28733 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน | นร04 | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การปฏิบัติราชการแทนกันของรองนายกรัฐมนตรีตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๖๗/๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ นอกเหนือจากกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่งไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้แล้ว ยังให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28734 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษสายบางพลี - สุขสวัสดิ์ ในท้องที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | สผ | 21/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ในท้องที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28735 | มาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมจากการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 | กค | 15/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมจากการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ โดยขยายระยะเวลาของมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมจากการควบรวมกิจการดังกล่าวต่อไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๑ ฉบับ และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้แก่ผู้ถือหุ้นของสถาบันการเงิน และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่สถาบันการเงินเฉพาะการควบเข้ากันหรือโอนกิจการให้แก่กัน ที่ได้กระทำภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ กรณีที่มีทุนทรัพย์ ในอัตราร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับสถาบันการเงินที่ควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กันตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ตั้งแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒.๓ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองห้องชุด กรณีที่มีทุนทรัพย์ ในอัตราร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับสถาบันการเงินที่ควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กันตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๒ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ตั้งแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงคมนาคมดำเนินการยกร่างกฎหมายเพื่อลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เครื่องจักร และรถที่อยู่ระหว่างการให้ลูกหนี้เช่าซื้อ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการดำเนินการ และเร่งรัดการตรากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อให้สามารถดำเนินการควบรวมกิจการได้โดยเร็ว รวมทั้งรวบรวมมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อน การให้สิทธิประโยชน์และค่าธรรมเนียม และวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินมาตรการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28736 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับการให้สวัสดิการการให้กู้ยืมแก่ข้าราชการตำรวจและลูกจ้าง) | กค | 15/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้กิจการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฉพาะการจัดสวัสดิการจากเงินกองกลางให้ข้าราชการตำรวจและลูกจ้างกู้ยืมหรือการสงเคราะห์ด้านที่อยู่อาศัยตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนดเป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังสำรวจกิจการของส่วนราชการต่างๆ ที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเข้าข่ายที่จะขอรับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมทั้งศึกษาถึงผลกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลที่อาจเกิดขึ้นจากการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ เพื่อเป็นการสร้างความเป็นธรรมแก่ส่วนราชการอื่น ๆ และเพื่อให้การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะจากดอกเบี้ยรับมีความครอบคลุมครบถ้วนและมีผลใช้บังคับในคราวเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28737 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ถูกรอนสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ตามข้อกฎหมายว่าด้วยการจำกัดสิทธิในการใช้ที่ดิน) | กค | 15/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ค่าทดแทนเนื่องจากการรอนสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ เฉพาะในกรณีที่มีกฎหมายโดยเฉพาะของประเทศไทยกำหนดให้รอนสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ได้ ให้มีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ผู้ที่ถูกรอนสิทธิในทุกกรณีได้รับสิทธิจากกฎกระทรวงฉบับนี้อย่างเท่าเทียมกัน และให้มีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้ซึ่งเป็นค่าทดแทนที่ได้รับในปีภาษีที่กฎกระทรวงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. กรณีที่ได้มีการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่หน่วยงานมิได้ใช้อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน และภายในระยะเวลาที่กำหนดให้หน่วยงานดังกล่าวดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28738 | การลงนามบันทึกความเข้าใจในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดน ณ จุดผ่านแดนเชียงของ ราชอาณาจักรไทยและห้วยทราย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และจุดผ่านแดนบ่อเต็น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และโมฮาน สาธารณรัฐประชาชนจีน | คค | 15/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการลงนามบันทึกความเข้าใจในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดน ณ จุดผ่านแดนเชียงของ ราชอาณาจักรไทย และห้วยทราย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และจุดผ่านแดนบ่อเต็น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และโมฮาน สาธารณรัฐประชาชนจีน และนำเสนอร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่มีการลงนาม ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญโดยสรุปคือ ๑.๑.๑ วัตถุประสงค์ เพื่อเริ่มดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Cross Border Transport Agreement : CBTA) ระหว่างไทย-ลาว-จีน ที่จุดผ่านแดนเชียงของ-ห้วยทราย (ไทย-ลาว) และจุดผ่านแดนบ่อเต็น-โมฮาน (ลาว-จีน) ในระหว่างที่แต่ละประเทศยังไม่สามารถให้สัตยาบันภาคผนวกและพิธีสารแนบท้ายความตกลง CBTA ที่ได้ลงนามไปแล้วเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างกัน ๑.๑.๒ สิทธิการจราจร การอนุญาตให้มีการประกอบการขนส่งทางถนนของสินค้าและบุคคลระหว่างไทย-ลาว-จีน ตามแนวเส้นทางเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ และให้มีการยอมรับผู้ประกอบการขนส่งซึ่งได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบของแต่ละภาคี ๑.๑.๓ การอำนวยความสะดวกพิธีการข้ามแดน การยอมรับการตรวจพร้อมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตั้งเป้าหมายให้มีการตรวจสอบสินค้าเพียงครั้งเดียวต่อไปในอนาคต ๑.๑.๔ การขนส่งบุคคลข้ามแดน การนำหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกมาใช้สำหรับการขนส่งบุคคลข้ามแดน ๑.๑.๕ การขนส่งสินค้าข้ามแดน การยกเว้นการจัดเก็บภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าหรือคอนเทนเนอร์ที่ติดตราประทับศุลกากรที่ใช้ในการขนส่งผ่านแดน สำหรับการขนส่งสินค้าอันตรายจะอนุญาตเป็นกรณี ๆ ไป และการให้สิทธิพิเศษในการตรวจปล่อยสินค้าเน่าเสียง่ายข้ามแดน ๑.๑.๖ การยอมรับรถ การยอมรับหนังสือรับรองการจดทะเบียน/แผ่นป้ายทะเบียน และหนังสือรับรองการตรวจสภาพรถของภาคีอื่น การยอมรับใบอนุญาตขับรถในประเทศซึ่งกันและกัน ๑.๑.๗ บทเบ็ดเตล็ด การกำหนดอัตราค่าบริการการขนส่งให้เป็นไปตามกลไกตลาด การจัดตั้งคณะทำงานร่วมไทย-ลาว-จีน เพื่อควบคุมและติดตามการปฏิบัติตามความตกลงฯ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมอบหมายร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นที่ต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ที่มิใช่สาระสำคัญ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมอบหมาย เป็นผู้ใช้ดุลพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมอบหมาย ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน หารือในรายละเอียดการดำเนินงานให้ชัดเจนเป็นการล่วงหน้า เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นสำคัญ เช่น ขอบเขตพื้นที่ตามเส้นทางที่ได้รับอนุญาตให้มีการเดินรถและจุดพักรถ ระบบการประกันภัยระหว่างประเทศ การดำเนินงานองค์กรค้ำประกันสำหรับสินค้าผ่านแดน นอกจากนี้ เห็นควรสนับสนุนให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานความร่วมมือกับจีนอย่างต่อเนื่องในเรื่องพิธีสารเรื่องข้อกำหนดในการตรวจสอบและกักกันโรคสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งส่งเสริมการสร้างเครือข่ายระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการร่วมบริหารจัดการการเดินรถระหว่างสามประเทศ เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาในการขนส่งเที่ยวเปล่าและช่วยเพิ่มบทบาทของบริษัทขนส่งขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28739 | โครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ เครื่องที่ 1 - 3 | พน | 15/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ เครื่องที่ ๑-๓ ในส่วนของการปรับปรุงเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ชำรุดทรุดโทรม หมดอายุการใช้งาน เพื่อยืดอายุการใช้งาน เพิ่มประสิทธิภาพให้มีความพร้อม และความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้า รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการดูแลบำรุงรักษา ในวงเงินลงทุน ๓,๖๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน ๒,๐๖๔.๐๗ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ในประเทศและการก่อสร้าง จำนวน ๑,๕๓๕.๙๓ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ สำหรับโครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ เครื่องที่ ๑-๓ จำนวน ๓๑๙.๓๖ ล้านบาท ๒ ให้ กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับแนวทางการระดมทุนโครงการฯ หากมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศหรือเพื่อซื้ออุปกรณ์ในประเทศและก่อสร้าง เห็นควรให้ กฟผ.พิจารณาจัดโครงสร้างทางการเงิน โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของโครงการให้มีความเหมาะสม การบริหารจัดการเรื่องการเงินและการลงทุนในการนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศให้มีความเหมาะสม รอบคอบ และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสอดรับกับแนวโน้มของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร การให้ความสำคัญกับการวางแผนทางเงินขององค์กรในระยะยาว โดยพิจารณาผสมผสานรูปแบบ วิธีการ และเครื่องมือทางการเงินสำหรับการระดมทุนเพื่อให้มีต้นทุนทางเงินให้เหมาะสม การพิจารณาทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินลงทุนในการดำเนินโครงการที่เหมาะสม เพื่อให้มีต้นทุนต่ำที่สุดและลดภาระทางการเงินในอนาคต การคัดเลือกอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ในโครงการควรพิจารณาให้ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านต้นทุน ด้านเทคนิค ด้านความคงทน อายุการใช้งาน ด้านมาตรฐานสากลสำหรับอุปกรณ์ที่จะใช้ในโครงการ ด้านความเชี่ยวชาญในการซ่อมบำรุง และด้านการบริหารจัดการอะไหล่สำรอง การสำรวจการเปลี่ยนแปลงสภาพลุ่มน้ำจากการเข้าใช้พื้นที่โดยรอบเขื่อนของประชาชนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับใช้ในการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการระบายน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์มาเพื่อการอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศน์ การเกษตร และกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องใช้น้ำตอนท้ายเขื่อน ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง การให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยน้ำของเขื่อนให้ชุมชนได้รับทราบข้อมูลล่วงหน้าอย่างทั่วถึง เพื่อลดผลกระทบการปล่อยน้ำต่อชุมชนและประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มน้ำ การทำการศึกษาเพื่อประเมินผลการดำเนินโครงการในช่วงตั้งแต่การริเริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งการเพิ่มบทบาทในการช่วยชุมชนวางแผนและพัฒนาโครงการที่จะใช้จ่ายจากเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อช่วยให้ชุมชนสามารถวางแผนและพัฒนาโครงการที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28740 | แต่งตั้งข้าราชการตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี) (นายอำนาจ พัวเวส) | นร05 | 15/01/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอำนาจ พัวเวส ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
.....