ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1431 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 28601 - 28620 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28601 | การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร05 | 12/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการและบูรณาการการดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยใช้ระบบปฏิบัติการ Single Command และใช้หลัก 2P 2R ในการดำเนินการ คือ การป้องกัน (Prevention) การเตรียมความพร้อม (Preparation) การเผชิญเหตุ (Response) และการเยียวยาฟื้นฟู (Recovery) ทั้งนี้ ให้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในเชิงรุกและให้เข้าถึงระดับพื้นที่โดยให้พิจารณาถึงการรักษาแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อรองรับการขาดแคลนน้ำให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่เกิดปัญหาขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการประเมินสถานการณ์ภัยแล้งล่วงหน้าเพื่อให้สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ขอให้รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลพื้นที่ ๒๙ จังหวัดที่ประสบภัยแล้ง ลงพื้นที่เพื่อกำกับติดตามการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ที่รับผิดชอบให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเจ้าภาพหลักประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดทำฝนหลวงในพื้นที่ประสบภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28602 | ขออนุมัติเปิดเลขหมายโทรคมนาคมพิเศษ 4 หลัก | สธ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปิดเลขหมายโทรคมนาคมพิเศษ ๔ หลัก ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) กรณีที่หน่วยงานภาครัฐใดมี Call Center เป็นของตนเอง หน่วยงานดังกล่าวจะต้องยื่นคำขอรับการจัดสรร ชำระค่าธรรมเนียมการพิจารณาคำขอ และนำเสนอข้อมูลโดยละเอียด ตามข้อ ๕๑ ข้อ ๗๖ และข้อ ๕๒ ของประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดสรรและบริหารเลขหมายโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมถึงการดำเนินการตามกฎ ระเบียบ มติที่เกี่ยวข้อง เพื่อสำนักงาน กสทช. จัดทำรายงานการวิเคราะห์เสนอคณะอนุกรรมการเลขหมายโทรคมนาคมทำหน้าที่คณะกรรมการเลขหมายโทรคมนาคมตามข้อ ๕๕ ของประกาศฯ ก่อนเสนอกรรมการกลั่นกรอง และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม ตามขั้นตอน ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประสานกับสำนักงาน กสทช. ในการจัดกลุ่มเลขหมายโทรคมนาคมของแต่ละหน่วยงานให้เป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการติดต่อขอรับบริการต่างๆ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28603 | การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน | กค | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อชำระหนี้แทนรัฐวิสาหกิจ ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณากู้เงินจากแหล่งเงินกู้และใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมในการปรับโครงสร้างหนี้และชำระหนี้แทนรัฐวิสาหกิจ รวมถึงเจรจากับรัฐวิสาหกิจและแหล่งเงินกู้เพื่อกำหนดวันชำระหนี้ก่อนกำหนด โดยภายหลังจากที่ทราบกำหนดวันที่แน่นอนแล้ว กระทรวงการคลังจะประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธนาคารพาณิชย์เพื่อติดต่อขอซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าและเตรียมการกู้เงินเพื่อชำระคืนหนี้แทนรัฐวิสาหกิจเฉพาะในส่วนของเงินต้น ซึ่งรัฐวิสาหกิจจะต้องจัดหาเงินเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยและเงินต้นบางส่วนที่กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อชำระหนี้แทนรัฐวิสาหกิจได้ไม่ครบตามจำนวน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒. เห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจัดหาเงินเพื่อชำระหนี้ในส่วนที่กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อชำระหนี้แทนได้ไม่ครบตามจำนวน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ๓. เห็นชอบให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงสำหรับเงินต้นและดอกเบี้ย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจัดหาเงินเองและส่วนที่กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และชำระหนี้แทนสำหรับโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล โดยจัดสรรงบประมาณให้เป็นรายปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของกระทรวงการคลังที่จะได้ตกลงกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28604 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ของสภาผู้แทนราษฎร และรายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ของวุฒิสภา | นร07 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงาน รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป ดังนี้
๑. รายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับภาพรวมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ การดำเนินนโยบายสำคัญของรัฐบาล การบริหารจัดการงบประมาณรายจ่าย และผลการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของกระทรวงและหน่วยงาน ๒. รายงานสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของวุฒิสภา ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับนโยบายและภาพรวมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ ผลกระทบของการกำหนดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราที่สูงขึ้น ผลกระทบต่อกรอบการรักษาวินัยทางการเงินการคลังภาครัฐ การให้รัฐสภาเร่งผลักดันร่างกฎหมายการเงินการคลังของรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๑๖๗ วรรคสาม การจัดตั้งหน่วยงานอิสระทางการคลัง (Fiscal Agency) ระบบติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายเงินงบประมาณ และผลการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำแนกตามกระทรวงและหน่วยงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28605 | สรุปผลการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวก ปลอดภัย และมั่นคงในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 ของกระทรวงคมนาคม | คค | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานตามแผนอำนวยความสะดวก ปลอดภัย และมั่นคงในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ ตามแผน “อำนวยความสะดวก มั่นคงและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖” ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ มีจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ ๑,๐๘๒ ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๘๔ มีผู้เสียชีวิต จำนวน ๒๓๔ คน ลดลงร้อยละ ๔.๘๘ และผู้บาดเจ็บ จำนวน ๑,๑๔๖ คน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๓๒ โดยมูลเหตุสันนิษฐานของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ๓ ลำดับแรก คือ ขับรถเร็วเกินกำหนด คนหรือรถตัดหน้ากระชั้นชิด และเมาสุราหรือยาบ้า สำหรับประเภทของยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุทางถนน ๓ ลำดับแรก คือ รถจักรยานยนต์ รถปิคอัพบรรทุก ๔ ล้อ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล/รถยนต์นั่งสาธารณะ ๒. สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางราง ทางน้ำ และทางอากาศในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ ทางราง เกิดอุบัติเหตุ จำนวน ๖ ครั้ง มีผู้เสียชีวิต จำนวน ๓ คน และผู้บาดเจ็บ จำนวน ๓ คน ทางน้ำ เกิดอุบัติเหตุ จำนวน ๒ ครั้ง มีผู้เสียชีวิต จำนวน ๔ คน และผู้บาดเจ็บ จำนวน ๔ คน ส่วนทางอากาศ ไม่มีรายงานการเกิดอุบัติเหตุ ๓. สถิติอุบัติเหตุที่เกิดกับผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะ เกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น ๑๒ ครั้ง มีผู้เสียชีวิตจำนวน ๑ คน ผู้บาดเจ็บ จำนวน ๔๖ คน และรถคู่กรณีเสียชีวิต จำนวน ๑๓ คน โดยสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมาจากพฤติกรรมการขับรถของพนักงานขับรถ ได้แก่ พนักงานขับรถโดยประมาท ตามหลังรถคันหน้าในระยะกระชั้นชิด ขับรถย้อนศร ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28606 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สายบางปะอิน - นครราชสีมา พ.ศ. .... | คค | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๖ สายบางปะอิน-นครราชสีมา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๖ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ในท้องที่อำเภอบางปะอิน อำเภอวังน้อย อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอหนองแค อำเภอเมืองสระบุรี อำเภอแก่งคอย อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และอำเภอปากช่อง อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน อำเภอขามทะเลสอ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28607 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (พลตำรวจโท สุรพล ธนโกเศศ) | ตช | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้ง พลตำรวจโท สุรพล ธนโกเศศ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่ประสานงานสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย) เป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แทนพลตำรวจโท ดำริ โชตเศรษฐ์ ซึ่งได้เกษียณอายุราชการในปีงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28608 | การแต่งตั้งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน | กต | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งให้ ดร. เสรี นนทสูติ เป็นผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28609 | รัฐบาลสาธารณรัฐเคนยาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายอะลี มุฮัมมัด ยูซุฟ (Mr. Ali Mohamed Yussuf)] | กต | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอะลี มุฮัมมัด ยูซุฟ (Mr. Ali Mohamed Yussuf) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเคนยาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายริชาร์ด ไทตัส เอคาย (Mr. Richard Titus Ekai) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28610 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... | ศธ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น และเป็นนิติบุคคล ๒. กำหนดวัตถุประสงค์ การแบ่งส่วนงาน และหน้าที่ของส่วนงาน การรับสถานศึกษาอื่นเข้าสมทบ และอำนาจหน้าที่ของมหาวิทยาลัย ๓. กำหนดให้มหาวิทยาลัยมีรายได้จากเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ และเงินกองทุนที่รัฐบาลหรือมหาวิทยาลัยจัดตั้งขึ้น และรายได้หรือผลประโยชน์จากกองทุน เป็นต้น และให้รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ๔. กำหนดให้มีสภามหาวิทยาลัย ประกอบด้วยนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการซึ่งเลือกจากผู้ดำรงตำแหน่ง และคณาจารย์ประจำตามที่กำหนด กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง และให้สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๕. กำหนดให้มีสภาธรรมศาสตร์สัมพันธ์ ประกอบด้วยผู้แทนจากองค์กรตามที่กำหนด และให้สภาธรรมศาสตร์สัมพันธ์มีหน้าที่ตามที่กำหนด ๖. กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ประกอบด้วยอธิการบดีเป็นประธาน กรรมการโดยตำแหน่ง และให้คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๗. กำหนดให้มีคณะกรรมการวิชาการ ประกอบด้วยกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และให้คณะกรรมการวิชาการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๘. กำหนดให้มีสภาอาจารย์ และสภาพนักงานมหาวิทยาลัย โดยมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด และให้จำนวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง ตลอดจนการประชุม เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ๙. กำหนดให้มีอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด และรับผิดชอบการบริหารงานของมหาวิทยาลัย กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑๐. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาและการประเมินการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย ๑๑. กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการการบัญชีและการตรวจสอบทางบัญชีและการเงินของมหาวิทยาลัย ให้อธิการบดีเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และให้รัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่กำกับและดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการของมหาวิทยาลัย ๑๒. กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณฯ การดำรงตำแหน่งและคณะกรรมการต่าง ๆ ส่วนราชการ การโอนบรรดาข้าราชการ ลูกจ้างของส่วนราชการ พนักงานของมหาวิทยาลัย ตำแหน่งทางวิชาการ ตลอดจนระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศที่มีอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28611 | โครงการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง | ทก | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการโครงการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (รอส.) ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรมีหลักสูตรภาคปฏิบัติในการพัฒนาทักษะพื้นฐานการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับผู้บริหาร ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ในด้านเนื้อหาหลักสูตรการอบรม ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารปรับปรุงแก้ไขให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายใน ๒ ระดับ คือ ระดับปฏิบัติการ และระดับบริหาร เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติงานได้โดยตรง รวมทั้งนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการนำไปใช้ในการกำกับติดตาม ตรวจสอบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบด้วย ๒. เห็นชอบให้หัวหน้าส่วนราชการที่เข้าร่วมการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูงมีสิทธิเบิกจ่ายค่าลงทะเบียนได้จากหน่วยงานต้นสังกัดตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุมระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๙ และเข้าร่วมอบรมโดยไม่ถือเป็นวันลา ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๓. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการฝึกอบรมหลักสูตรผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (Chief Information Officer : CIO) ด้วย ไปพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28612 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนานันทนาการของประเทศไทย" | สสป | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนานันทนาการของประเทศไทย" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ได้แก่ ๑.๑ ให้ความสำคัญแก่การพัฒนาการด้านนันทนาการ และยกระดับความเข้าใจต่อนันทนาการ ว่ามิใช่เป็นเพียงกิจกรรม แต่เป็นกระบวนการเพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานของการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ๑.๒ กำหนดเป็นนโยบายหลักของประเทศ และจัดให้มีหน่วยงานหลักรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนานันทนาการแห่งชาติ กำกับ ดูแล และผลักดันการนำไปสู่ภาคปฏิบัติทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ๑.๓ ส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการนันทนาการ โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในการให้ความรู้ด้านนี้ ๑.๔ ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาการดำเนินกิจกรรมนันทนาการเพื่อกลุ่มบุคคลเฉพาะหรือผู้ด้อยโอกาส ๑.๕ เพิ่มบุคลากรด้านการนันทนาการ โดยเฉพาะนักนันทนาการอาชีพ รวมไปถึงบุคลากรนันทนาการอาสาสมัคร ๑.๖ กำหนดให้หน่วยงาน เช่น สำนักส่งเสริมและพัฒนานันทนาการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับผิดชอบในการติดตามประเมินแผนพัฒนานันทนาการแห่งชาติ เพื่อรวบรวมผลการดำเนินงานของกระทรวง รวมทั้งการประมวลข้อมูลในด้านนันทนาการของชาติ ๑.๗ กำหนดให้ใช้นันทนาการเป็นแนวทางในการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม ๑.๘ ลงทุนในกิจกรรมการนันทนาการสำหรับประชาชนทุกเพศ ทุกวัยและทุกกลุ่ม ให้สามารถเลือกเข้าถึงหรือมีโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมด้วยตนเอง ๒. ข้อเสนอแนะการบริหารจัดการ ได้แก่ การผลักดันระดับยุทธศาสตร์ การบริหารจัดการ การเผยแพร่ความรู้ และการวิจัย การบริหารจัดการโครงสร้าง สถานที่ อุปกรณ์ และระบบสารสนเทศ การบริหารและการจัดสรรบุคลากร และการบริหารจัดกิจกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28613 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด และอำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... | กษ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด และอำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด และอำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตร และทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28614 | รายงานการลงนามการเข้าร่วมงาน Universal Exhibition Milano 2015 | กษ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการลงนามเข้าร่วมงาน Universal Exhibition Milano 2015 ระหว่างวันที่ ๑ พฤษภาคม ถึง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ เมืองมิลาน ประเทศสาธารณรัฐอิตาลี โดยเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะ Commissioner General for Thailand ได้ลงนามสัญญาการเข้าร่วมงาน Universal Exhibition Milano 2015 ร่วมกับ Mr. Giuseppe Sala ประธานบริหารบริษัท Expo 2015 S.p.A. ณ สำนักงานใหญ่ Expo Milano 2015 โดยเอกสารสัญญาการเข้าร่วมงาน (Participation Contract) เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยที่จะเข้าร่วมงาน Expo Milano 2015 ตามคำเชิญของรัฐบาลอิตาลี ซึ่งสัญญาการเข้าร่วมงาน เป็นการนำเสนอกรอบแนวคิดหลักในการจัดแสดงนิทรรศการและการใช้พื้นที่สำหรับจัดสร้างศาลาประเทศไทย ซึ่งพื้นที่จัดงานของประเทศไทยตั้งอยู่เลขที่ ๑๘ ขนาดพื้นที่ ๒,๙๔๗ ตารางเมตร ภายใต้กรอบแนวคิดหลัก (Theme) ของประเทศไทย คือ “Nourishing and Delighting the World” ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28615 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรไทย - บังกลาเทศ | กษ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบังกลาเทศ ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐบังกลาเทศอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ โดยมีนายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย กับนายมันซุร์ ฮอร์เซน ปลัดกระทรวงเกษตร เป็นผู้ลงนามฝ่ายบังกลาเทศ และมีนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศร่วมเป็นสักขีพยาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28616 | รายงานผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และ 2553 | กษ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับรายงานผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักเกณฑ์ในการจัดทำงบการเงิน และข้อเสนอแนะประกอบการสอบบัญชี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานงบการเงินของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๑ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๑ ประกอบด้วย ๑.๑ สินทรัพย์หมุนเวียน ปี ๒๕๕๑ รวม ๕,๑๒๖,๐๘๘,๐๙๗.๔๗ บาท ปี ๒๕๕๒ รวม ๕,๒๓๖,๐๔๘,๓๓๖.๙๐ บาท ๑.๒ สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ปี ๒๕๕๑ รวม ๓,๕๙๒,๒๓๒,๙๒๓.๘๒ บาท ปี ๒๕๕๒ รวม ๓,๕๒๘,๘๑๐,๗๐๗.๔๒ บาท ๑.๓ รวมสินทรัพย์ ปี ๒๕๕๑ รวม ๘,๗๑๘,๓๒๑,๐๒๑.๒๙ บาท ปี ๒๕๕๒ รวม ๘,๗๖๔,๘๕๙,๐๔๔.๓๒ บาท ๑.๔ หนี้สินหมุนเวียน ปี ๒๕๕๑ รวม ๒,๒๐๐.๐๐ บาท ปี ๒๕๕๒ รวม ๑,๔๐๔.๐๐ บาท ๑.๕ รวมสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ปี ๒๕๕๑ รวม ๘,๗๑๘,๓๑๘,๘๒๑.๒๙ บาท ปี ๒๕๕๒ รวม ๘,๗๖๔,๘๕๗,๖๔๐.๓๒ บาท ๒. รายงานงบการเงินของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๒ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ และ ๒๕๕๒ ประกอบด้วย ๒.๑ สินทรัพย์หมุนเวียน ปี ๒๕๕๒ รวม ๕,๒๓๖,๐๔๘,๓๓๖.๙๐ บาท ปี ๒๕๕๓ รวม ๕,๒๐๐,๗๙๒,๙๐๓.๓๕ บาท ๒.๒ สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ปี ๒๕๕๒ รวม ๓,๕๒๘,๘๑๐,๗๐๗.๔๒ บาท ปี ๒๕๕๓ รวม ๓,๕๙๐,๓๙๔,๗๓๔.๙๘ บาท ๒.๓ รวมสินทรัพย์ ปี ๒๕๕๒ รวม ๘,๗๖๔,๘๕๙,๐๔๔.๓๒ บาท ปี ๒๕๕๓ รวม ๘,๗๙๑,๑๘๗,๖๓๘.๓๓ บาท ๒.๔ หนี้สินหมุนเวียน ปี ๒๕๕๒ รวม ๑,๔๐๔.๐๐ บาท ปี ๒๕๕๓ รวม ๒,๓๔๐.๐๐ บาท ๒.๕ รวมสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ปี ๒๕๕๒ รวม ๘,๗๖๔,๘๕๗,๖๔๐.๔๐ บาท ปี ๒๕๕๓ รวม ๘,๗๙๑,๑๘๕,๒๙๘.๓๓ บาท ๓. ข้อเสนอแนะประกอบการสอบบัญชีประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ โดยให้กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑ รายได้ค้างรับ ให้แจ้งเรื่องการติดตามเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ให้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อดำเนินการเร่งรัดและติดตามเงินรายได้ค้างรับดังกล่าวจากองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรต่อไป ๓.๒ ลูกหนี้ระยะสั้น ให้เร่งรัดหน่วยงานที่ค้างชำระหนี้รีบดำเนินการนำเงินส่งคืนกองทุนฯ โดยเร็ว ในกรณีที่พบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานหรือคาดว่าไม่สามารถชำระหนี้คืนเงินกองทุนฯ ได้ภายในกำหนดให้รายงานให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรทราบโดยด่วน ตามระเบียบคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๖.๒ (๑) และข้อ ๑๒ เพื่อกำหนดมาตรการในการเร่งรัดหนี้ต่อไป ๓.๓ ลูกหนี้ระยะยาว ซึ่งเป็นลูกหนี้ค้างชำระเป็นเวลานานเกินกว่า ๑๐ ปี ให้เร่งรัดหน่วยงานที่ค้างชำระหนี้รีบดำเนินการนำเงินส่งคืนกองทุนฯ โดยเร็ว ในกรณีที่พบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานหรือคาดว่าไม่สามารถชำระหนี้คืนเงินกองทุนได้ภายในกำหนด ให้รายงานให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรทราบโดยด่วน ตามระเบียบคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๖.๒ (๑) และข้อ ๑๒ เพื่อกำหนดมาตรการในการเร่งรัดหนี้ต่อไป และขอให้เร่งรัดส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเจ้าของโครงการรีบดำเนินการยื่นเรื่องขอปิดโครงการพร้อมเอกสารตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรโดยด่วนเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อกองทุนฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28617 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน - อินเดียด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 2 | กษ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมอาเซียน-อินเดียด้านการเกษตรและป่าไม้ (ASEAN-India Ministerial Meeting on Agriculture and Forestry-AIMMAF) ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินความร่วมมือด้านการเกษตรและป่าไม้ระหว่างอาเซียนและอินเดีย โดยให้ ASEAN-India Working Group on Agriculture and Forestry ดำเนินกิจกรรมความร่วมมือด้านความมั่นคงอาหาร ด้วยการวิจัยและพัฒนา การเสริมสร้างศักยภาพ และความร่วมมือทางวิชาการตาม ASEAN-India Medium term Plan of Action (2011-2015) ต่อไป ซึ่งประกอบด้วย Action Programmes ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านการส่งเสริมความร่วมมือด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ ในประเด็นที่สนใจร่วมกัน ด้านการส่งเสริมการสร้างเครือข่ายระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร นักวิทยาศาสตร์ สถาบันทางวิชาการที่เกี่ยวเนื่องกับด้านการเกษตรระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและอินเดีย ด้านการส่งเสริมการเสริมสร้างศักยภาพ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาตามที่ได้เห็นชอบร่วมกัน และด้านการเปิดโอกาสให้เกษตรกรของอาเซียนและอินเดีย รวมทั้งยุวเกษตรกรได้เรียนรู้และพัฒนาการทำการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ มีทักษะในการบริหารจัดการ โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูล ๒. อาเซียนควรให้มีการส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรด้วยการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี การผลิตทางการเกษตรอย่างยั่งยืน การเสริมสร้างศักยภาพให้แก่องค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหกรณ์การเกษตร รวมทั้งจัดทำโครงการความร่วมมือร่วมกัน เช่น การวิจัยข้าว การถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาระหว่างอาเซียนและอินเดีย เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ซึ่งเบื้องต้น ที่ประชุมเห็นควรให้อินเดียจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารและการควบคุมโรคระบาดสัตว์ข้ามแดน ๓. ที่ประชุมเห็นควรให้มีการพัฒนานวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการของเยาวชนเกษตร เพื่อพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนในภูมิภาค และดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างยุวเกษตรกร เพื่อให้เยาวชนหันมาสนใจอาชีพเกษตรกรเพิ่มมากขึ้น ๔. ที่ประชุมเห็นชอบให้ ASEAN-India Agri Expo เป็นเวทีให้เกษตรกรและภาคเอกชนได้มีโอกาสนำเสนอนวัตกรรมด้านการเกษตร สร้างเครือข่ายระหว่างนักธุรกิจ และส่งเสริมความร่วมมือด้านการลงทุนในภาคการเกษตร ๕. ที่ประชุมรับทราบการจัดทำแผนยุทธศาสตร์อาเซียน-อินเดีย เพื่อการปรับตัวและการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อภาคการเกษตร (ASEAN-India Roadmap on Climate Change Adaptation and Mitigation in Agriculture Sector) โดยพัฒนาเทคโนโลยีและการจัดการความเสี่ยง การแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อส่งเสริมการผลิตและการเพิ่มผลผลิตเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร ลดผลกระทบจากภาวะแห้งแล้ง น้ำท่วม และฝนตกหนักในภูมิภาค ๖. ที่ประชุมเห็นควรให้มีการส่งเสริมความร่วมมือด้านการผลิตอาหารและการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญระหว่างอาเซียนและอินเดีย เพื่อประกอบการวางแผนด้านความมั่นคงอาหาร โดยให้เจ้าหน้าที่อาวุโสจัดทำโครงการความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร การบริหารจัดการสต็อก การจัดหาธัญพืชให้เพียงพอ การให้ประชาชนที่ด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงอาหารได้ รวมทั้งความโปร่งใสด้านการตลาด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28618 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวกรรณิการ์ เอกเผ่าพันธุ์) | กค | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวกรรณิการ์ เอกเผ่าพันธุ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28619 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (จัดตั้งสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์) | พณ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มเติม (๑๐) ของมาตรา ๒๙ เพื่อจัดตั้งสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า มีฐานะเป็นส่วนราชการระดับกรมในกระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ ให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ที่เป็นของสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรี ที่เป็นของสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ และโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้และภาระผูกพันทั้งปวงของสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ไปเป็นของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า แล้วแต่กรณี ๑.๓ ให้โอนบรรดาข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และอัตรากำลังของสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ตามจำนวนอัตราที่กำหนด ไปเป็นของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้และภาระผูกพัน รวมทั้งการโอนข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และอัตรากำลัง ควรกำหนดให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามบทบัญญัติดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดจำนวนอัตรากำลังที่เกลี่ยจากกรมต่าง ๆ ในกระทรวงพาณิชย์ไปเป็นของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า อาจจะก่อให้เกิดความไม่ยืดหยุ่นในทางปฏิบัติ จึงควรกำหนดในลักษณะที่ให้มีการโอนอัตรากำลังจากกรมต่าง ๆ ในกระทรวงพาณิชย์โดยการเกลี่ยอัตรากำลังและไม่เป็นการเพิ่มอัตรากำลังขึ้นใหม่ นอกจากนี้ ควรให้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าทำหน้าที่เป็นหน่วยงานด้านยุทธศาสตร์การพาณิชย์และเป็นฐานข้อมูลเศรษฐกิจการพาณิชย์ในเชิงลึกที่ทันสมัย โดยเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานอื่น ๆ และมีความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล รวมทั้งควรพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจการพาณิชย์ในภาพรวม ทั้งกฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับกลุ่มกฎหมายหรือสำนักนิติการของกรมต่าง ๆ ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ที่ต่างมีกฎหมายในการกำกับดูแล ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28620 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดป่าจิตตสามัคคี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดป่าจิตตสามัคคี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดป่าจิตตสามัคคี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ให้แก่กรมทางหลวงเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒ สายสระบุรี-หนองคาย (เขตแดน) ตอนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....