ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1440 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 28781 - 28800 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28781 | ขอรับการสนับสนุนเงินชดเชยพิเศษให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเพื่อผลิตเอทานอล จังหวัดตาก | พน | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๗๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยสำหรับผลิตเอทานอลที่ได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนสารแคดเมี่ยมในลุ่มน้ำแม่ตาว จังหวัดตาก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนสารแคดเมี่ยมในลุ่มน้ำแม่ตาว จังหวัดตาก อย่างยั่งยืน และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรดำเนินการอย่างรอบคอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอ้างอิงอัตราเงินชดเชยตามระบบของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย การดำเนินการใด ๆ ไม่ควรทำให้เกิดผลกระทบกับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบในระยะยาว ในส่วนของงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนาการทำการเกษตรกรรมในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนสารแคดเมี่ยมที่เหมาะสมดำเนินการเกี่ยวกับหน่วยงานและสัดส่วนงบประมาณที่ต้องรับผิดชอบให้ชัดเจน และขอให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ตามหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย (Polluter pays principle) สมควรให้บริษัทที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นดังกล่าวก่อน และหากไม่เพียงพอ จึงให้ใช้จ่ายจากงบกลางดังกล่าว และในโอกาสต่อไป โดยบริษัทที่เกี่ยวข้องควรจะวางแผนและบริหารจัดการโดยใช้จ่ายจากเงินรายได้ของตนเองด้วย นอกจากนี้ เห็นควรให้กระทรวงพลังงานจัดตั้งคณะกรรมการสามฝ่าย ประกอบด้วยผู้แทนจากเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย โรงงานเอทานอล และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแผนการปลูกอ้อยและการผลิตเอทานอลที่เหมาะสม รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยกับโรงงานเอทานอลในพื้นที่โครงการฯ ให้เป็นไปเช่นเดียวกับระบบการแบ่งปันผลประโยชน์ของชาวไร่อ้อยกับโรงงานน้ำตาลทรายในภาพรวม เพื่อลดภาระด้านงบประมาณของรัฐที่อาจจำเป็นต้องใช้ในการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่โครงการ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ เดือน |
||||||||||||||||||
28782 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 49/2556) | นร04 | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๙/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เรื่อง มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการตามกฎหมาย โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) ปฏิบัติหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
28783 | การขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง | นร01 | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการ ๑.๑ บริหารจัดการงานโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชนตามวัตถุประสงค์เดิมที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไปยังหมู่บ้าน/ชุมชน แต่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ทั้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงการ การแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน และอื่นๆ โดยใช้ระเบียบคณะกรรมการบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชนว่าด้วยแนวทางการบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นแนวทางดำเนินงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๒ ดำเนินการตรวจสอบติดตามเงินคงค้างในบัญชีของหมู่บ้าน/ชุมชน ที่อยู่ในบัญชีที่สาขาของธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทั่วประเทศ ตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML) ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ โครงการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (พพพ.) โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ และโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน หากหมดความจำเป็น ให้ดึงเงินจากบัญชีเหล่านั้น นำส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป ๑.๓ โครงการที่หมู่บ้าน/ชุมชนที่ได้ทำประชาคมเสนอโครงการและผ่านการพิจารณาอนุมัติโครงการและงบประมาณจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการระดับจังหวัด ก่อนสิ้นสุดวาระ (วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา) จำนวน ๒,๐๑๓ หมู่บ้าน/ชุมชน ๒,๕๔๑ โครงการ เงินงบประมาณ ๖๒๘,๕๐๓,๙๕๘ บาท ซึ่งเห็นว่าผ่านกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ ครบถ้วนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้จัดสรรโอนเงินเข้าบัญชีให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชน เนื่องจากต้องตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง ก่อนการโอนเงิน เห็นควรนำโครงการดังกล่าวพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่งโดยคณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้น เพื่อดำเนินโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางที่ปรับปรุงใหม่ ๒. เห็นชอบสนับสนุนโครงการปลูกป่า สร้างคน บนวิถีพอเพียง รักษาต้นน้ำ บรรเทาอุทกภัย ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในวงเงินงบประมาณ ๑,๐๑๙,๒๗๕,๔๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีนำเงินงบประมาณที่เหลือจากโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชนที่มีอยู่เดิมสนับสนุนโครงการดังกล่าว ซึ่งมีแผนดำเนินการต่อเนื่อง ๕ ปี โดยจัดสรรเป็นรายปี ปีแรกสนับสนุนงบประมาณ ๑๔๔,๒๓๕,๐๐๐ บาท สำหรับปีต่อไปให้จัดทำแผนงาน/กิจกรรมเพื่อขอรับการสนับสนุนเป็นรายปีต่อเนื่องจนครบ ๕ ปี ๓. เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นประธาน ทำหน้าที่บริหารโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยนำเงินงบประมาณที่เหลือจากโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชนที่มีอยู่เดิมมาบริหารจัดการ และปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของโครงการดังกล่าวให้ขยายวัตถุประสงค์ไปดำเนินงานสนับสนุนโครงการตามแนวพระราชดำริ และโครงการตามนโยบายของรัฐบาล เช่น สนับสนุนการปลูกพืชเกษตรที่เหมาะสมและเป็นการพัฒนาแบบบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน มูลนิธิ สมาคม สหกรณ์การเกษตร และภาคประชาชน โดยยึดพื้นที่และประชาชนเป็นหลัก เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างมีคุณภาพ สมดุล ยั่งยืน และมีภูมิคุ้มกันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
|
||||||||||||||||||
28784 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี 2555 และแนวโน้มปี 2556 | นร11 | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และแนวโน้มปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๑๘.๙ โดยด้านการผลิตมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม โรงแรมและภัตตาคาร และการก่อสร้าง ด้านการใช้จ่ายมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน และการลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งรายจ่ายภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้น ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๖.๔ และเมื่อปรับผลของฤดูกาลแล้ว ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศขยายตัวร้อยละ ๓.๖ จากไตรมาสสาม โดย ๑.๑ การบริโภครวม ขยายตัวร้อยละ ๑๒.๒ โดยการบริโภคภาคครัวเรือนเร่งตัวขึ้นจากร้อยละ ๖.๐ เป็นร้อยละ ๑๒.๒ ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรก ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๑๒.๙ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของรายได้ภาคครัวเรือนตามการปรับค่าแรงขั้นต่ำและการลดลงของการว่างงาน ตลอดจนอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวร้อยละ ๑๒.๑ จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ๑.๒ การลงทุนรวม ขยายตัวร้อยละ ๒๓.๕ จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๒๑.๗ ตามการขยายตัวของการลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักรและการก่อสร้าง ในขณะที่การลงทุนภาครัฐขยายตัวร้อยละ ๓๑.๑ เป็นการขยายตัวทั้งการก่อสร้างและเครื่องและอุปกรณ์ ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๑๓.๓ ๑.๓ การส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๘.๒ โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๒๕.๔ และตลาดส่งออกขยายตัวในทุกตลาด ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ การส่งออกสินค้าขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ๑.๔ ภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ ๓๗.๔ โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวสูงถึงร้อยละ ๔๔.๐ เป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในช่วงอุทกภัยปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รวมทั้งการผลิตรถยนต์ที่สูงเกินคาดการณ์ สอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๗.๐ ๑.๕ ภาคเกษตรกรรม ขยายตัวร้อยละ ๐.๘ ชะลอตัวจากไตรมาสก่อน ตามการชะลอตัวของผลผลิตข้าวเปลือกนาปี ในขณะที่ผลผลิตยางพารา อ้อย และปศุสัตว์ยังขยายตัวได้ดี สำหรับราคาสินค้าเกษตรสำคัญ โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน และยางพารา ยังลดลงอย่างต่อเนื่องจากปริมาณสินค้าคงคลังสูง และตลาดโลกที่ยังอยู่ในภาวะซบเซา ส่งผลให้รายได้เกษตรกรลดลงร้อยละ ๓.๐ ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ ๓.๑ ๑.๖ สาขาโรงแรมและภัตตาคาร ขยายตัวร้อยละ ๒๕.๔ ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่สูงถึง ๖.๓ ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๙.๓ ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ สาขาโรงแรมและภัตตาคารขยายตัวร้อยละ ๑๑.๕ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม ๒๒.๓ ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖.๐ ๑.๗ ภาคการก่อสร้าง ขยายตัวร้อยละ ๑๔.๑ เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ ๙.๘ ในไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากการขยายตัวของการก่อสร้างภาครัฐและการก่อสร้างภาคเอกชนที่ขยายตัวสูงร้อยละ ๒๗.๑ และ ๑๐.๖ ตามลำดับ ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ภาคการก่อสร้างขยายตัวร้อยละ ๗.๘ ๑.๘ ภาคการค้าส่งค้าปลีก ขยายตัวร้อยละ ๗.๖ เป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในช่วงอุทกภัยปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และการขยายตัวสูงของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนในทุกหมวดสินค้าเนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับดีและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ภาคการค้าส่งค้าปลีกขยายตัวร้อยละ ๕.๒ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี พ.ศ. ๒๕๕๖ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๕-๕.๕ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๑๑.๐ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๓.๕ และร้อยละ ๘.๙ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๒.๕-๓.๕ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๐.๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ๓. ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเศรษฐกิจให้สามารถขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลดแรงกดดันด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสภาพคล่องส่วนเกินในตลาดโลก
|
||||||||||||||||||
28785 | สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี 2555 และแนวโน้มปี 2556 และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมกราคม 2556 | อก | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และแนวโน้มปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และแนวโน้มปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑.๑ เศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในไตรมาสที่ ๓ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ ๒ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ขยายตัวร้อยละ ๔.๔ และชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ ๓ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ขยายตัวร้อยละ ๓.๗ โดยปัจจัยที่ทำให้อัตราการขยายตัวชะลอลงจากไตรมาสที่ ๒ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คือ การหดตัวของอุปสงค์ระหว่างประเทศ ขณะที่อุปสงค์ในประเทศโดยรวมยังขยายตัว ซึ่งประกอบด้วย การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของครัวเรือน เป็นการขยายตัวจากการบริโภคสินค้าคงทน โดยเฉพาะสินค้าหมวดยานยนต์ รวมทั้งหมวดสินค้าไม่คงทน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม น้ำประปา ไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง ยารักษาโรค การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลงทุนภาครัฐและการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาลขยายตัวดีขึ้น ส่วนดุลการค้าและบริการเกินดุลเทียบกับที่ขาดดุลในไตรมาสที่แล้ว ๑.๒. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จะขยายตัวร้อยละ ๕.๕ สำหรับการประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี พ.ศ. ๒๕๕๖ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๕-๕.๕ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศและการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก ๑.๓. ภาคอุตสาหกรรม ในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม ๒๕๕๕ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวจากช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยเฉพาะ Hard Disk Drive ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ แต่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๔ การค้าต่างประเทศในช่วง ๑๐ เดือนแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขยายตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกเริ่มกลับมาขยายตัวในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ทำให้ตลอดทั้ง ๑๐ เดือน การส่งออกขยายตัวขึ้นเล็กน้อย สำหรับการนำเข้าตลอดทั้ง ๑๐ เดือน มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล ๑๔,๒๕๑.๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๑.๕ การลงทุนที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ในเดือนมกราคม-ตุลาคม ๒๕๕๕ มีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๘๙๐ โครงการ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น ๗๗๓,๒๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ BOI ตั้งไว้ ๖๓๐,๐๐๐ ล้านบาท เนื่องจากต่างชาติมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติรายเดิมเริ่มฟื้นกิจการลงทุนและขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติมอีกหลังเหตุการณ์น้ำท่วมในปีก่อน โดยประเภทกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด คือ หมวดบริการและสาธารณูปโภคมีเงินลงทุน ๒๘๘,๘๐๐ ล้านบาท รองลงมาคือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่งมีเงินลงทุน ๑๕๕,๗๐๐ ล้านบาท และหมวดเคมี กระดาษ และพลาสติกมีเงินลงทุน ๑๑๔,๐๐๐ ล้านบาท ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ๒.๑ อุตสาหกรรมการผลิตและส่งออก คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลเพื่อรองรับเทศกาล สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศ คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากการที่ประชาชนเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปีใหม่ และเป็นผลด้านจิตวิทยาต่อค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันและราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ๒.๒ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม คาดว่าจะชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยตลาดที่ยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นตลาดคู่ค้าหลักในสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา จากการที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่ชะลอตัว ในขณะที่ราคาสินค้าของไทยอยู่ในระดับสูง เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ทำให้คาดว่าคำสั่งซื้อจากตลาดกลุ่มนี้อาจจะลดลง
|
||||||||||||||||||
28786 | ข้อเสนอแผนการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งต่อไป | นร11 | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแผนการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งต่อไป สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑.๑ วันที่ ๓๐-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง (จังหวัดฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว) จังหวัดเจ้าภาพ : จังหวัดฉะเชิงเทรา ๑.๒ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ๒ (จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร พิจิตร) จังหวัดเจ้าภาพ : จังหวัดกำแพงเพชร ๑.๓ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๑ (จังหวัดนนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สระบุรี) จังหวัดเจ้าภาพ : จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๑.๔ เดือนกันยายน ๒๕๕๖ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ (จังหวัดลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง) จังหวัดเจ้าภาพ : จังหวัดลพบุรี ๑.๕ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา สตูล) จังหวัดเจ้าภาพ : จังหวัดสงขลา ๒. การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ที่เสนอให้มีการจัดประชุมที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง (จังหวัดฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว) ให้จัดการประชุม ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏฉะเชิงเทรา พร้อมทั้งเสนอพื้นที่การตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี ในช่วงการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ได้แก่ ๒.๑ ตรวจเยี่ยมสภาพตลาดการค้าชายแดน บริเวณตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ๒.๒ ตรวจเยี่ยมเส้นทางรถไฟเชื่อมอรัญประเทศ-ปอยเปต ๒.๓ รับฟังความก้าวหน้าการพัฒนาด้านการแพทย์ทางเลือก การแพทย์แผนไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ๒.๔ ตรวจเยี่ยมโครงการชลประทานขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก (เป็นทางเลือก) ๒.๕ เยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์โตโยต้า ที่อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนด้านนโยบายส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นฐานการผลิตรถยนต์
|
||||||||||||||||||
28787 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
28788 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (จำนวน 13 คน 1. นายชวลิต ชูขจร ฯลฯ) | กค | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน ๑๓ คน แทนกรรมการเดิมที่จะครบวาระในวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ดังนี้
๑. นายชวลิต ชูขจร รองประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ๓. นายสมชาย ชาญณรงค์กุล กรรมการ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ ๔. นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ กรรมการ ผู้แทนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ๕. นางฤชุกร สิริโยธิน กรรมการ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ๖. นายประยูร รัตนเมธางกูร กรรมการ ผู้แทนสหกรณ์การเกษตรผู้ถือหุ้น ๗. นายสมหมาย กู้ทรัพย์ กรรมการ ๘. นายธนรัชต์ วิเชียรรัตน์ กรรมการ ๙. นายวีรพล ปานะบุตร กรรมการ ๑๐. นายวศิน ธีรเวชญาณ กรรมการ ๑๑. นายวิรัติ ศักดิ์จิรพาพงษ์ กรรมการ ๑๒. นายทวีป ตันพิพัฒนกุล กรรมการ ๑๓. นายยรรยง พวงราช กรรมการ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เป็นต้นไป สำหรับนายวีรพล ปานะบุตร อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด ให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||
28789 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (จำนวน 3 คน 1. นายชุมพร พลรักษ์ ฯลฯ) | ทก | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) จำนวน ๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายชุมพร พลรักษ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||
28790 | มาตรการรองรับภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้า | นร | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานว่า รัฐบาลพม่าจะหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งก๊าซยาดานาให้กับไทยในช่วงวันที่ ๔-๑๒ เมษายน ๒๕๕๖ เนื่องจากบริษัท Total ซึ่งเป็นบริษัทที่รับผิดชอบการขุดเจาะก๊าซในแหล่งก๊าซดังกล่าวจะดำเนินการซ่อมแท่นขุดเจาะก๊าซที่มีการทรุดตัวลง และจะทำให้ประเทศไทยขาดแคลนก๊าซที่จะนำไปใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าในภาคตะวันตก จำนวน ๖ แห่ง เป็นจำนวนรวมประมาณ ๑,๑๐๐ ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในการนี้ กระทรวงพลังงานได้ให้โรงไฟฟ้าราชบุรีเตรียมการเพื่อเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเตาในการผลิตไฟฟ้า รวมทั้งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเลื่อนการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าบางแห่งในช่วงดังกล่าว และให้เดินเครื่องโรงไฟฟ้าเก่าทั้งที่ใช้น้ำมันเตาและดีเซลทดแทน ในขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท Total เพื่อขอให้เลื่อนกำหนดการซ่อมแท่นขุดเจาะก๊าซดังกล่าวออกไปเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่จะมีโรงงานปิดทำการเป็นจำนวนมาก ในเบื้องต้นทราบว่าอาจจะสามารถเลื่อนเวลาออกไปจากกำหนดเดิมได้ประมาณ ๒ วัน ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะจัดการประชุมหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการรองรับภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้าดังกล่าวในวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ๒. การดำเนินมาตรการระยะสั้น ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐดำเนินการเพื่อลดการใช้พลังงานตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยให้ถือปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการการลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง มาตรการลดใช้พลังงานภาครัฐ) อย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดการพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการและแนวทางการลดการใช้พลังงานสำหรับภาคประชาชนและภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งแนวทางและมาตรการในระยะยาว แล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
|
||||||||||||||||||
28791 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... | นร04 | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
28792 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย พ.ศ. .... กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
28793 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย พ.ศ. .... | นร04 | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย พ.ศ. .... กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
28794 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงยุติธรรมรับร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
28795 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร04 | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
28796 | ร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 12/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. ๒๕๓๕ ดังนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจดำเนินการตามคำร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ๒. กำหนดให้ผู้ประสานงานกลางมีอำนาจส่งข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือทรัพย์สินใดไปให้ต่างประเทศเพื่อประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวน การฟ้องคดี หรือการพิจารณาคดีในศาลแม้ประเทศนั้นยังมิได้ร้องขอ ๓. แก้ไขเพิ่มเติมให้ศาลส่งบันทึกคำเบิกความของพยาน รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นในสำนวนไปยังพนักงานอัยการผู้ยื่นคำร้องเพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจดำเนินการต่อไป ๔. แก้ไขเพิ่มเติมกระบวนการการค้น อายัด หรือยึดทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐาน และเพื่อประโยชน์ชั้นที่สุดในการริบทรัพย์สิน หรือในการบังคับบุคคลใดให้ชำระเงินแทนการริบทรัพย์สินในกรณีที่ศาลต่างประเทศยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้อายัดหรือยึดทรัพย์สินนั้น แม้ว่าการกระทำความผิดอันเป็นเหตุให้มีการค้น อายัด หรือยึดจะมิได้เกิดขึ้นในราชอาณาจักร ๕. แก้ไขเพิ่มเติมการโอนบุคคลซึ่งถูกคุมขังให้ครอบคลุมถึงการโอนบุคคลซึ่งถูกคุมขังเพื่อช่วยเหลือในการดำเนินคดีทั้งชั้นเจ้าพนักงานและชั้นศาล ๖. กำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการกรณีที่ได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ให้บุคคลซึ่งถูกควบคุมโดยประเทศผู้ร้องขอหรือประเทศที่สามเดินทางผ่านประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือในการดำเนินคดีชั้นเจ้าพนักงานหรือชั้นศาลในประเทศผู้ร้องขอ ๗. แก้ไขเพิ่มเติมการริบหรือยึดทรัพย์สินให้ครอบคลุมการอายัดทรัพย์สินและการบังคับชำระเงินแทนการริบทรัพย์สินตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลต่างประเทศ ๘. กำหนดให้ถือว่าบรรดาพยานหลักฐาน เอกสาร และข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้มาตามกฎหมายนี้เป็นพยานหลักฐานและเอกสารที่รับฟังได้ตามกฎหมาย |
||||||||||||||||||
28797 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินเดือน เงินเพิ่ม เงินค่าเบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการเมืองอื่น ของกรุงเทพมหานคร และกรรมการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 12/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินเดือน เงินเพิ่ม เงินค่าเบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการเมืองอื่นของกรุงเทพมหานคร และกรรมการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงอัตราเงินเดือนของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และข้าราชการการเมืองอื่นของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ปรับเพิ่มในอัตราร้อยละห้าเท่ากันทุกอัตราสำหรับข้าราชการทุกประเภท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้กรุงเทพมหานครใช้จ่ายจากเงินรายได้ของกรุงเทพมหานคร โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
28798 | รัฐบาลรัฐปาเลสไตน์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายอับดุลอะซีซ อะบูฆูช (Mr. Abdulaziz Abughoush)] | กต | 12/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอับดุลอะซีซ อะบูฆูช (Mr. Abdulaziz Abughoush) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐปาเลสไตน์ประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||
28799 | การจ่ายเงินสวัสดิการพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กษ | 12/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบปรับเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนและเงินสวัสดิการสำหรับการปฏิบัติงานประจำสำนักงานในพื้นที่พิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานของสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางในพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ๕ อำเภอ (อำเภอจะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย และสะเดา) เป็นอัตราคนละ ๓,๕๐๐ บาทต่อเดือน ทั้งนี้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||
28800 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... | กษ | 12/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....