ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1432 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 28621 - 28640 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28621 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2555 | อก | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า สถานการณ์การผลิตเหล็กในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ คาดว่าเหล็กทรงยาวจะยังคงทรงตัวอยู่เนื่องจากสถานการณ์อุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศที่ยังคงทรงตัวอยู่ ในขณะที่เหล็กทรงแบนในส่วนของเหล็กแผ่นรีดร้อนอาจจะขยายตัวเล็กน้อย เนื่องจากการนำเข้าที่ลดลงจากการที่กรมการค้าต่างประเทศได้เปิดการไต่สวนการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้าในประเทศได้ใช้ช่องว่างทางภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนที่เจือโบรอนหรือโครเมียม (โดยสำแดงว่าเป็นเหล็กอัลลอยด์) ที่นำเข้ามาจากทั้งจีนและเกาหลีเป็นปริมาณมาก ส่งผลทำให้ผู้ผลิตไทยไม่สามารถแข่งขันทางด้านราคาได้และบางรายต้องหยุดการผลิตลง ๒. อุตสาหกรรมรถยนต์ ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ คาดว่าจะขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ เนื่องจากความต้องการรถยนต์ของตลาดในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากการขยายสิทธิตามนโยบายรถคันแรก สำหรับการผลิตรถยนต์ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ ๕๗ และส่งออกร้อยละ ๔๓
|
||||||||||||||||||||||||
28622 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเงินทดแทน สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2554 และ 2553 | รง | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเงินทดแทน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรอง และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนแล้ว ตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๓๐ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28623 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดป่าแหน ตำบลหนองโดน อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดป่าแหน ตำบลหนองโดน อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดป่าแหน ตำบลหนองโดน อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๒๐ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๒๒ (พระพุทธบาท)-หนองโดน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
28624 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ 11/2555 | นร11 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นชอบแผนงานการจัดทำยุทธศาสตร์และแผนงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำตะวันออก ๙ จังหวัด เพื่อฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ของคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์และบริหารทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำตะวันออก ๙ จังหวัด เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ(อยอ.) และอนุมัติค่าใช้จ่ายเพื่อใช้ในการดำเนินการ จำนวน ๖.๕๓ ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน กยอ. โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดสรรงบประมาณและโอนเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อเบิกจ่ายเงินงบประมาณแทนกันต่อไป ๒. ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงและคณะกรรมการประสานงานระหว่างไทย-เมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรดำเนินกระบวนการเพื่อสร้างการยอมรับจากเมียนมาร์และนานาประเทศ และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยสามารถให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินโครงการของเมียนมาร์ให้บรรลุเป้าหมายได้ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบโครงข่ายถนนรองรับการพัฒนาโครงการ โดยแนวทางการลงทุนควรพิจารณาแหล่งเงินลงทุนในรูปแบบเงินกู้ระยะยาวจากแหล่งเงินทุนที่ได้รับประโยชน์จากการมีโครงการ การสนับสนุนความน่าเชื่อถือของเมียนมาร์ในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับโครงการและให้เมียนมาร์ในฐานะเจ้าของโครงการเป็นผู้ตัดสินใจเลือกแหล่งเงินทุนหรือประเทศผู้ร่วมลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้ ภาคเอกชนไทยควรให้ความสำคัญในการสร้างความเข้าใจกับภาคเอกชนเมียนมาร์ถึงผลการพัฒนาที่จะมีต่อการจ้างงาน การสร้างรายได้ และมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการต่อเนื่องของโครงการ โดยการลงทุนในด้านต่างๆ ควรอยู่ในรูปของการร่วมทุนของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจถึงผลกระทบในวงกว้างของโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ๓. ที่ประชุมรับทราบผลการตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ และชลบุรี ของ อยอ. ซึ่งผลการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการพบว่า คลองประเวศบุรีรมย์ซึ่งเป็นคลองที่รับน้ำจากกรุงเทพฯ จังหวัดสมุทรปราการจะรับน้ำจากคลองดังกล่าวเข้าสู่ลำคลองสายหลักของจังหวัด ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอยู่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ส่วนพื้นที่คลองพระองค์ไชยานุชิตจากบริเวณสถานีสูบน้ำประเวศบุรีรมย์ถึงสถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร ๑ และ ๒ เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลายน้ำจึงมีวัชพืชลอยตามน้ำมาติดในพื้นที่คลองอยู่เสมอ รวมทั้งมีการบุกรุกพื้นที่คลองเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยและปลูกพืชผักในลำคลอง ทำให้การระบายน้ำในบางช่วงยังไม่รวดเร็วเท่าที่ควร ๔. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งผลการสำรวจสถานะผู้ประกอบการในนิคม/เขต/สวนอุตสาหกรรม ณ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๕ มีผู้ประกอบการเปิดดำเนินการเต็มกำลังการผลิต จำนวน ๔๗๐ ราย เปิดดำเนินการบางส่วน จำนวน ๒๑๗ ราย และยังไม่เปิดดำเนินการ ๑๕๒ ราย จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งสิ้น ๘๓๙ ราย ๕. ที่ประชุมรับทราบมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ ที่ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ความหลากหลายทางชีวภาพและปรับปรุงโครงการแม่บทประเทศไทย : การจัดระบบบัญชีรายการทรัพยากรพันธุกรรมที่ทรงคุณค่าการใช้ประโยชน์ และการจัดทำระบบฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการด้านการเก็บรักษา การปกป้องคุ้มครอง และการให้บริการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน ซึ่งหากกรอบงบประมาณไม่เปลี่ยนแปลงมากเกินไปกว่าที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม กยอ. ครั้งที่ ๘/๒๕๕๕ จำนวน ๓๐๐.๐๔ ล้านบาท ให้ดำเนินการนำเสนอคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ หากมากกว่ากรอบงบประมาณที่ได้รับความเห็นชอบ ให้ กยอ. ดำเนินการพิจารณาทบทวนตามขั้นตอนอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||
28625 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ และตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) ที่ครบกำหนดในเดือนธันวาคม 2555 | กค | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ และตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) ที่ครบกำหนดในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๓ รุ่น วงเงินรวม ๓๕,๓๕๐.๐๐ ล้านบาท และดำเนินการกู้เงินเพื่อชำระคืนเงินทดรองจ่ายจากการปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๒๔๕.๐๐ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินการปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ทั้งสิ้น ๓๕,๕๙๕.๐๐ ล้านบาท (๓๕,๓๕๐.๐๐+๒๔๕.๐๐) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑. ทดรองจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (บัญชี Premium FIDF 1&3) จำนวน ๑๐,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้น จำนวน ๘,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้ที่ครบกำหนด จำนวน ๓ รายการ จำนวนรวม ๑๙,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ได้แก่ ๑.๑ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ งวดที่ F1/183/55 ที่ครบกำหนดในวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๘,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท ชำระจากเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากทั้งจำนวน ๑.๒ พันธบัตรออมทรัพย์ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ครั้งที่ ๓ ที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ชำระจากเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังทั้งจำนวน ๑.๓ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดฯ ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ งวดที่ F3/182/55 ที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๘,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท ชำระจากการกู้เงินระยะสั้นทั้งจำนวน ๒. กู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) วงเงินรวม ๑๖,๕๙๕.๐๐ ล้านบาท อายุเงินกู้ไม่เกิน ๒ ปี อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง [อัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาเฉลี่ย ๗ วัน ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ๔ แห่ง (FDR) ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย] บวกร้อยละ ๑.๐๐ ต่อปี และปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด ๖ เดือน (ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน และวันที่ ๑๒ ธันวาคม ของทุกปี) โดยนำไปชำระหนี้ที่ครบกำหนด จำนวน ๒ รายการ วงเงินรวม ๑๖,๓๕๐.๐๐ ล้านบาท รวมกับชำระคืนเงินทดรองจ่ายคงค้างจากการปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๒๔๕.๐๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น ๑๖,๕๙๕.๐๐ ล้านบาท ซึ่งการชำระหนี้ที่ครบกำหนด จำนวน ๒ รายการ ได้แก่ ๒.๑ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ งวดที่ F2/182/55 ที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๗,๘๕๐.๐๐ ล้านบาท ๒.๒ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ งวดที่ F4/182/55 ที่ครบกำหนดในวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๘,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
28626 | แผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | นร01 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. การตรวจราชการแบบบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนประเด็นนโยบายสำคัญ (Issue) จำนวน ๒ ประเด็น ได้แก่ ประเด็นนโยบายการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตด้านปัญหายาเสพติด และประเด็นนโยบายการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ๒. การตรวจราชการแบบบูรณาการโครงการสำคัญเฉพาะพื้นที่ (Specific Area) เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะพื้นที่ร่วมกันระหว่างผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ตรวจราชการกระทรวงที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ เศรษฐกิจการค้าชายแดน และพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการเกิดภัยพิบัติ ๓. แนวทางและขั้นตอนการตรวจราชการแบบบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓.๑ ผู้ตรวจราชการสอบทาน/วิเคราะห์ และร่วมกำหนดแนวทางการตรวจราชการแบบบูรณาการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓.๒ กำหนดประเด็นปัญหา/ประเด็นการพัฒนาภายใต้ประเด็นสำคัญของนโยบาย (Issue) ๓.๓ แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓.๔ ประชุมเพื่อกำหนดประเด็นการตรวจราชการแบบบูรณาการโครงการสำคัญเฉพาะพื้นที่ (Specific Area) ๓.๕ กระทรวงและกรมจัดทำคำสั่งการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการออกตรวจราชการตามแผนที่กำหนด ๓.๖ จัดส่งรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการภาพรวมรายรอบที่ ๑ ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ของปีงบประมาณ ๓.๗ ประชุมผู้ตรวจราชการเพื่อติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงาน นำเสนอรายงานรอบ ๖ เดือน ต่อนายกรัฐมนตรี ๓.๘ จัดส่งรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการภาพรวมรายโครงการรอบที่ ๒ ภายในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ของปีงบประมาณ ๓.๙ นำเสนอสรุปผลการดำเนินงานประเด็นนโยบายสำคัญในรายงานผลการตรวจราชการประจำปีต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบและพิจารณา
|
||||||||||||||||||||||||
28627 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารแม่แบบการปฏิบัติการผู้ป่วยโรคติดต่อ สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค | สธ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างอาคารแม่แบบการปฏิบัติการผู้ป่วยโรคติดต่อ สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค จากเดิม ๓๖๕,๘๑๘,๗๐๕ บาท เป็น ๓๘๒,๒๑๘,๗๐๕ บาท โดยวงเงินที่เพิ่มขึ้น จำนวน ๑๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท ให้จ่ายจากเงินบำรุงสถาบันบำราศนราดูร ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28628 | การจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพสำหรับการจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ร่วมกับ สำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) | ยธ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพสำหรับการจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ร่วมกับสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) จำนวน ๔ รายการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การประชุมระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดสหประชาชาติสำหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิง และมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (ข้อกำหนดกรุงเทพฯ) ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ๑.๒ การประชุมผู้เชี่ยวชาญสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพื่อการพัฒนาหลักสูตรในการฝึกอบรมตามข้อกำหนดกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ๑.๓ การประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเพื่อการพัฒนาเอกสารการฝึกอบรมสำหรับอัยการและผู้พิพากษาในด้านการขจัดความรุนแรงต่อหญิง ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ เมษายน ๒๕๕๖ ๑.๔ การประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเพื่อการพัฒนาแผนปฏิบัติการต้นแบบเพื่อป้องกันและตอบสนองต่อการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง เพื่อบรรลุเป้าหมายของการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทย ประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา เป็นผู้ลงนามในหนังสือตอบรับความตกลงประเทศเจ้าภาพสำหรับการจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ร่วมกับสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นสารัตถะของหนังสือแลกเปลี่ยนของ UNODC ที่เห็นว่าในส่วนของเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของผู้เข้าร่วมการประชุมและบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการประชุม รวมทั้งบุคลากรที่รัฐบาลจัดให้ตามความตกลงนี้ UNODC ควรส่งสำเนารายชื่อผู้เข้าร่วมการประชุมและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประชุมทั้งหมดข้างต้นให้รัฐบาลไทยทราบล่วงหน้า และประเด็นมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่เห็นว่าหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทยประกอบกับหนังสือแลกเปลี่ยนของ UNODC ก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศ จึงเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ แต่ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ วรรค ๒ ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา เนื่องจากหนังสือสัญญาดังกล่าวเป็นการกำหนดพันธกรณีเกี่ยวกับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการประชุมทั้ง ๔ รายการในประเทศไทย ซึ่งมีพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสหประชาชาติและทบวงการชำนัญพิเศษในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๐๔ รองรับให้กระทำได้อยู่แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
28629 | การเสนอชื่อผู้สมัครจากประเทศไทยเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้อำนวยการบริหารของ International Trade Center (ITC) | พณ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเสนอชื่อ นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็นผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้อำนวยการบริหารของ International Trade Center (ITC) โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ๒. อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการให้นายกฤษฎาฯ เป็นผู้สมัครที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย เพื่อดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารของ ITC อย่างเป็นทางการ ๓. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศประสานการสนับสนุนให้นายกฤษฎาฯ เข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้อำนวยการบริหารขององค์กรดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
28630 | ขออนุมัติดำเนินการจัดประชุมวิชาการนานาชาติแมลงวันผลไม้ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2557 [9th International Symposium on Fruit Flies of Economic Importance (ISFFEI) 2014] | กษ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ดำเนินการจัดประชุมวิชาการนานาชาติแมลงวันผลไม้ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๙ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ [9th International Symposium on Fruit Flies of Economic Importance (ISFFEI) 2014] ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบดำเนินการจัดประชุม รวมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรจัดตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินการจัดการประชุมดังกล่าว จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรขยายขอบเขตของสาระในการประชุมให้ครอบคลุมเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ (precision farming) การจำลองและทำนายการแพร่ระบาดของแมลงวันผลไม้ และเทคโนโลยีการควบคุมและทำลายด้วยวิธีทางกายภาพและชีวภาพ เป็นต้น และควรมีเรื่องระเบียบการนำเข้าและส่งออกผลไม้ที่เกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนของไข่แมลงวันผลไม้ในสาระของการประชุม รวมทั้งให้นักวิจัย นักวิชาการ นักศึกษา แกนนำเกษตรกรของไทยได้มีโอกาสเข้าร่วมการประชุมมากขึ้น และควรเชิญผู้ส่งออกและนำเข้าผลไม้ของไทยเข้าร่วมประชุมด้วย นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับช่องทางการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลไม้ของไทยที่สำคัญ และคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยอาหารของผลไม้ไทยควบคู่ไปกับการนำเสนอผลงานด้านวิชาการ เพื่อขยายและเปิดตลาดผลไม้ไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ส่วนงบประมาณสำหรับการดำเนินการจัดประชุม ISFFEI 2014 ครั้งที่ ๙ ให้กรมส่งเสริมการเกษตรเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
28631 | การดำเนินงานบูรณาการแผนงาน/โครงการสำหรับแผนปฏิบัติการของยุทธศาสตร์ประเทศ ประเด็นข้อ 8 การวิจัยและพัฒนา | วท | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการดำเนินงานบูรณาการแผนงาน/โครงการสำหรับแผนปฏิบัติการของยุทธศาสตร์ประเทศ ประเด็นข้อ ๘ การวิจัยและพัฒนา ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างหน่วยงานในสังกัดเพื่อบูรณาการแผนงาน/โครงการร่วมกัน และมีข้อสรุปของแผนงานรวมทั้งสิ้น ๔๖ แผนงาน ได้แก่ ๑.๑.๑ ข้อ ๘.๑ การขับเคลื่อนค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเป็นร้อยละ ๑ ของ GDP มีเป้าหมายเพื่อการสร้างงาน สร้างรายได้ เตรียมพร้อมรองรับอนาคต พัฒนาชีวิต และสร้างฐานความรู้ ประกอบด้วย ๔๔ แผนงาน ๑.๑.๒ ข้อ ๘.๒ Talent Mobility การใช้ประโยชน์จากกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรวิจัยและพัฒนา และพัฒนาบุคลากรวิจัยฯ ให้ตรงตามความต้องการของภาคการผลิต ประกอบด้วย ๑ แผนงาน ๑.๑.๓ ข้อ ๘.๓ การใช้ประโยชน์ Regional Science Park มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและความสามารถการแข่งขันของธุรกิจ/อุตสาหกรรม ส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยี เกิดการขยายผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ และมีอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ประกอบด้วย ๑ แผนงาน ๑.๒ ร่วมกับจังหวัดในการพิจารณาเพื่อวางกรอบนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการของแต่ละพื้นที่ โดยใช้จังหวัดแพร่เป็นจังหวัดนำร่องโครงการ และจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “เทคโนโลยีสู่อาเซียนในกลุ่มล้านนาตะวันออก” ณ จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ ๔-๕ มกราคม ๒๕๕๖ ผลการประชุมมีข้อสรุปที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะผลักดันและดำเนินงานโครงการร่วมกันกับจังหวัดแพร่ จำนวน ๒๔ เรื่อง มีโครงการสำคัญ (Flagship) จำนวน ๙ โครงการ ซึ่งจะบรรจุโครงการไว้ในแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัด ได้แก่ โครงการ Teak Valley โครงการ OTOP นาโน โครงการ Smart Space ศูนย์ป่าเศรษฐกิจ โครงการปุ๋ยอินทรีย์เคมีนาโนแห่งชาติ การจัดทำ No Fruit Fly Zone หรือพื้นที่ปลอดแมลงวันผลไม้ โครงการศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูงร่วมกับการใช้เทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำและปุ๋ย โครงการ Thailand Delicious และโครงการพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เพื่ออนาคตล้านนาตะวันออก ๑.๓ กำหนดขั้นตอนที่จะดำเนินการบูรณาการกับกองทุนต่าง ๆ ของภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน เพื่อให้การดำเนินงานโครงการทั้ง ๒๔ เรื่อง ในจังหวัดแพร่สำเร็จลุล่วง อันจะนำไปสู่การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนในจังหวัด ๑.๔ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการบูรณาการแผนงานร่วมกับกระทรวง กรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๑๔-๑๘ มกราคม ๒๕๕๖ เพื่อเติมเต็มห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของทั้ง ๔๖ แผนงานให้ครบถ้วนสมบูรณ์สามารถตอบสนองเป้าประสงค์ยุทธศาสตร์ประเทศได้อย่างแท้จริง ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) ที่เห็นควรให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการแผนการดำเนินงานในภาพรวมและงบประมาณที่จะใช้ในแต่ละแผนงาน เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการกำหนดมาตรการการประเมินผลความสำเร็จของแต่ละแผนงาน รวมทั้งคำนึงถึงความพร้อมของนักวิจัย ไปพิจารณาดำเนินการ ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดเจ้าภาพของประเด็นเรื่องที่จะดำเนินการ ๒๔ เรื่องให้ชัดเจน เพื่อลดปัญหาการดำเนินงานที่มีความซ้ำซ้อนกันของแต่ละหน่วยงาน โครงการ Teak Valley ควรมีการประสานกับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรมป่าไม้ของไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โครงการ OTOP นาโน ควรจัดระบบการจดสิทธิบัตรผลการวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของโครงการที่ก่อให้เกิดนวัตกรรม โครงการปุ๋ยอินทรีย์เคมีนาโนแห่งชาติ ควรมีการพัฒนาให้มีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์เคมีที่ใช้ปัจจัยการผลิตในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้าปุ๋ยเคมีอันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นทางปัจจัยการผลิตของประเทศอีกทางหนึ่ง และจัดลำดับความสำคัญของโครงการวิจัยและพัฒนา และการใช้ประโยชน์กำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับเป้าหมายและงบประมาณรายจ่ายของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการกระตุ้นภาคเอกชนให้ตระหนักถึงความจำเป็นในการลงทุน วิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมในระยะยาว รวมทั้งมีการทบทวนการดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
28632 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขออนุมัติขยายวงเงินค่าก่อสร้างและระยะเวลาก่อสร้างโครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก - อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี | กษ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขออนุมัติขยายวงเงินค่าก่อสร้างและระยะเวลาก่อสร้างโครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก-อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระ และอาคารประกอบ สัญญาที่ ๑ กรมชลประทานได้ดำเนินการแก้ไขสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงวงเงินค่าก่อสร้าง จากสัญญาเดิม ๑,๙๗๘,๒๙๕,๙๑๔.๕๐ บาท เป็นวงเงินตามสัญญาใหม่ ๒,๒๗๐,๑๒๖,๑๒๑.๕๐ บาท กำหนดสิ้นสุดสัญญาในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖ รวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น ๑,๐๔๕ วัน ปัจจุบันมีผลงานก่อสร้างสะสมทั้งสัญญาร้อยละ ๖๐.๑๑๘ และมีการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นเงิน ๙๑,๑๗๔,๔๑๒.๗๓ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๒๖.๐๒ ของวงเงินที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒. รายการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระ และอาคารประกอบ สัญญาที่ ๒ อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขสัญญา โดยหลังจากกรมชลประทานแก้ไขสัญญาก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยจะมีผลให้วงเงินค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นจาก ๒,๑๑๖,๘๙๗,๙๗๗.๑๔ บาท เป็น ๒,๓๔๗,๑๑๕,๗๗๖.๓๕ บาท และมีระยะเวลาก่อสร้างเพิ่มขึ้นอีก ๑๒๐ วัน ส่งผลให้สัญญาก่อสร้างสิ้นสุดประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ ปัจจุบันมีผลงานก่อสร้างสะสมทั้งสัญญาร้อยละ ๘๕.๓๗๙ และมีการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไปแล้ว เป็นเงิน ๒๗,๒๒๗,๔๙๒.๔๗ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๕.๐๗ ของวงเงินที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓. กรมชลประทานได้จัดเตรียมข้อมูลประกอบการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อรองรับแผนการดำเนินงานก่อสร้างตามกำหนดระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และได้แจ้งให้ผู้รับจ้างเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ รวมทั้งได้ประสานกับหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ก่อสร้าง (กรมทางหลวง) และหน่วยงานเจ้าของระบบสาธารณูปโภคที่แนวท่อของกรมชลประทานวางผ่าน [กรมทางหลวง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค] เพื่อขอดำเนินการวางท่อเรียบร้อยแล้วทั้งหมด ๔. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน ผู้รับจ้างมีชุดทำงานในการดำเนินงานดันท่อลอดไม่เพียงพอ ส่งผลให้การดำเนินงานก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำคลองพระองค์ไชยานุชิต-อ่างเก็บน้ำบางพระ และอาคารประกอบ สัญญาที่ ๒ ไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งนี้ กรมชลประทานได้แจ้งให้ผู้รับจ้างเพิ่มการจัดหาเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงานให้มากขึ้น เพื่อเร่งรัดงานก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และแล้วเสร็จโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||
28633 | รายงานผลการประชุมระดับโลกว่าด้วยโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ค.ศ. 2012 (WCIT-12) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ | ทก | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระดับโลกว่าด้วยโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ค.ศ. ๒๐๑๒ (World Conference on International Telecommunications 2012 : WCIT-12) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๓-๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพิจารณาแก้ไขข้อบังคับโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Regulation : ITRs) ๑.๑ ที่ประชุมพิจารณาข้อเสนอของประเทศสมาชิกสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) เกี่ยวกับการแก้ไข ITRs ทั้งข้อเสนอในนามรายประเทศและข้อเสนอในนามของกลุ่มประเทศในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ อเมริกา ยุโรป กลุ่มพันธมิตรรัสเซีย แอฟริกา อาหรับ และเอเชียและแปซิฟิก โดยยึดหลักฉันทามติในการพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ที่มีการยื่นข้อเสนอเพื่อปรับปรุงแก้ไข ITRs และจะใช้วิธีการลงคะแนนเสียง (vote) เพื่อให้ได้ความเห็นของประเทศสมาชิกข้างมากในกรณีที่มีความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น ๑.๒ ที่ประชุมและประเทศสมาชิกจากภูมิภาคต่าง ๆ ให้ความสำคัญและมีความเห็นแตกต่างกัน ได้แก่ การเพิ่มข้อความที่อ้างอิงถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนไว้ในหมวดอารัมภบท (Preamble) ประเด็นการเพิ่มคำว่า ICT ไว้ในนิยามของคำว่าโทรคมนาคม และการรวม Internet ไว้ในบทบัญญัติของ ITRs ประเด็นเรื่องความมั่นคงปลอดภัย (Security) ประเด็นเรื่อง “spam” รวมทั้งคำนิยามและประเด็นที่ว่าหน่วยงานผู้ให้บริการโทรคมนาคมประเภทใดบ้างที่ควรอยู่ภายใต้บทบัญญัติของ ITRs ๑.๓ ที่ประชุมเห็นชอบ ITRs ฉบับแก้ไขใหม่ ปี ค.ศ. ๒๐๑๒ ซึ่งมีการยกเลิกบางมาตราที่ไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน การแก้ไขรายละเอียดของข้อบทต่าง ๆ ในแต่ละมาตรา และการเพิ่มมาตราใหม่เข้ามาใน ITRs ฉบับแก้ไขใหม่ ๒. ที่ประชุมได้กำหนดให้มีการลงนามรับรองกรรมสารสุดท้าย (Final Acts) ในพิธีปิดการประชุมฯ เป็นการรับรองผลการประชุมซึ่งรวมถึง ITRs ฉบับแก้ไขใหม่ ปี ค.ศ. ๒๐๑๒ มีประเทศที่ลงนามในกรรมสารสุดท้าย จำนวน ๘๙ ประเทศ โดยในส่วนของประเทศไทยได้จัดทำข้อสงวน (Reservation) สรุปสาระสำคัญได้ว่า คณะผู้แทนไทยประกาศว่า ประเทศไทยขอตั้งข้อสงวนสิทธิ์ที่จะยังไม่ให้ ITRs ฉบับแก้ไขใหม่มีผลบังคับใช้กับประเทศไทย โดยจะนำ ITRs ฉบับแก้ไขใหม่มาดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องภายในประเทศเสียก่อน และ ITRs ฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้กับประเทศไทยก็ต่อเมื่อไทยได้มีการยื่นสัตยาบันสารหรือเอกสารแจ้งความจำนงให้ ITRs มีผลบังคับใช้กับประเทศไทยต่อเลขาธิการ ITU เท่านั้น รวมทั้งประเทศไทยได้สงวนสิทธิ์ที่จะจัดทำข้อสงวนเพิ่มเติมในภายหลังหากมีความจำเป็น ตลอดจนข้อสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินมาตรการที่จำเป็นต่าง ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยและเพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องกับกฎหมายภายในประเทศ ในกรณีที่ประเทศหนึ่งประเทศใดไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อบังคับใน ITRs หรือตีความข้อบังคับใน ITRs อย่างไม่เหมาะสมจนอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและบริการโทรคมนาคมของไทย ตลอดจนสิทธิอธิปไตยของไทย
|
||||||||||||||||||||||||
28634 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการร่วมงานแสดงพืชสวนโลก Floriade 2012 ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ | กษ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการร่วมงานแสดงพืชสวนโลก Floriade 2012 ณ เมืองเวนโล ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ ๕ เมษายน-๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ โดยมีกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานโครงการและเข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการและจัดกิจกรรมในงานดังกล่าว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จัดตั้งศูนย์แสดงสินค้าและบริการข้อมูลพืชสวนไทยภายในอาคาร Villa Flora เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดแสดงสินค้าและบริการข้อมูลพืชสวนของไทย ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวประเทศไทย และจัดแสดงสินค้าและข้อมูลด้านการแพทย์แผนไทย โดยมีการจัดนิทรรศการหมุนเวียนแสดงสินค้าและบริการข้อมูลพืชสวนไทย จำนวน ๑๔ ครั้ง ตลอดการจัดงาน ๒. จัดกิจกรรมสัปดาห์ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๘-๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ประกอบด้วย การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย การนวดแผนไทย การจัดแสดงสินค้าพืชสวน กล้วยไม้และผลไม้ไทย เป็นต้น ๓. จัดสัมมนาเจรจาธุรกิจและศึกษาตลาดสินค้าพืชสวน ระหว่างวันที่ ๒-๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ มีเกษตรกร ผู้ส่งออก และผู้นำเข้าร่วมเจรจาธุรกิจและศึกษาดูงาน จำนวน ๕ บริษัท รวม ๑๒ คน ๔. งานแสดงพืชสวนโลก Floriade 2012 มีพิธีปิดในวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ นิทรรศการประเทศไทยได้รับประกาศนียบัตร Certificate of Winner พร้อมเงิน ๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ
|
||||||||||||||||||||||||
28635 | ผลการตรวจสอบราคากลางและวงเงินอุดหนุนระบบป้องกันอุทกภัยของนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม 5 แห่ง | อก | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. ผลการตรวจสอบราคากลางการก่อสร้างระบบเขื่อนป้องกันอุทกภัยของนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม ๕ แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร และสวนอุตสาหกรรมบางกะดี รวมเป็นเงิน ๓,๙๘๗,๗๑๘,๖๔๒.๘๘ บาท ๒. วงเงินอุดหนุนการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบเขื่อนป้องกันอุทกภัยของนิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรม ๕ แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร และสวนอุตสาหกรรมบางกะดี รวม ๒,๖๒๙,๔๙๘,๙๐๐.๐๐ บาท ซึ่งต่ำกว่าวงเงินอุดหนุนเดิมของ ๕ นิคมฯ ดังกล่าว เป็นเงิน ๓๘๑.๑๖๕๑ ล้านบาท ทั้งนี้ ไม่รวมนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร |
||||||||||||||||||||||||
28636 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | นร11 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๙/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๖/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขึ้นใหม่ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นที่ปรึกษา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นประธานกรรมการ โดยมีรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้รับมอบหมาย รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณที่ได้รับมอบหมาย และอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม มีอำนาจหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และกำหนดสาขาของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่จะได้รับความช่วยเหลือ กำหนดกรอบการใช้เงินตามโครงการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จัดทำแนวทางการจัดสรรและอนุมัติงบประมาณการใช้เงินตามโครงการให้ความช่วยเหลือ และพิจารณาเห็นชอบให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการตามหลักเกณฑ์ แนวทาง และสาขาของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จัดทำระเบียบ ประกาศ และคำสั่ง ตลอดจนหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานเพื่อรองรับการปฏิบัติงาน รวมทั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม เป็นต้น ๒. ให้คณะกรรมการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้แล้วเสร็จภายในหกเดือนนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง ๓. การเบิกจ่ายเบี้ยประชุมให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่นๆ ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน ให้เบิกจ่ายตามระเบียบของทางราชการ โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
28637 | นายดุสิต เจริญกุลทรัพย์ ฟ้องคณะรัฐมนตรี กับพวกรวม 3 คน ต่อศาลแพ่ง โดยอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งที่ยกฟ้องโจทก์ที่ขอรับสิทธิตามระเบียบของทางราชการภายหลังพ้นโทษจำคุก อันเนื่องมาจากคำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 | นร | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับกรณีนายนายดุสิต เจริญกุลทรัพย์ เป็นโจทก์ ฟ้องคณะรัฐมนตรี กับพวกรวม ๓ คน ต่อศาลแพ่ง โดยอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่ง ที่ยกฟ้องโจทก์ที่ขอรับสิทธิตามระเบียบของทางราชการภายหลังพ้นโทษจำคุก อันเนื่องมาจากคำสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๕๑๕ ดังนี้
๑. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำหนังสือมอบหมายให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการแก้ต่างในคดีแทนคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่าน พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐมอบให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินคดีแทนคณะรัฐมนตรีต่อไปแล้ว เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ๒. ได้รับแจ้งจากพนักงานอัยการว่าได้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งแล้ว เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โดยขอขยายเวลายื่นคำแก้อุทธรณ์เป็นเวลา ๓๐ วัน
|
||||||||||||||||||||||||
28638 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย รวม 2 ฉบับ | นร09 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงการกำหนดให้ผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายตามมติของหรือประกาศภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเป็นบุคคลที่ถูกกำหนด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอรายชื่อผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายตามมติของหรือประกาศภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีคำสั่งประกาศรายชื่อเป็นบุคคลที่ถูกกำหนดและการเพิกถอนรายชื่อดังกล่าว ๒. ร่างกฎกระทรวงการพิจารณารายชื่อและการทบทวนรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและคณะกรรมการธุรกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณารายชื่อและการทบทวนรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและคณะกรรมการธุรกรรม |
||||||||||||||||||||||||
28639 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นางอ่องจิต เมธยะประภาส และนายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร) | ศธ | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นางอ่องจิต เมธยะประภาส ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
28640 | สถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนธันวาคม และแนวโน้มปี 2555 - 2556 | นร11 | 05/02/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ และแนวโน้มปี ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ และไตรมาสที่ ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๑ การใช้จ่ายภาคครัวเรือน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๓.๑ ชะลอตัวลงตามการชะลอตัวของการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งการใช้จ่ายในหมวดยานยนต์ รวมไตรมาสที่ ๔ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๗.๙ ส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ อยู่ที่ระดับ ๗๐.๖ ๑.๒ การลงทุนภาคเอกชน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๒๘.๒ ตามการขยายตัวของการลงทุนเพื่อทดแทนความเสียหายจากอุทกภัยและการขยายตัวของการลงทุนใหม่ รวมไตรมาสที่ ๔ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๒๔.๕ ๑.๓ การส่งออกสินค้าเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ มีมูลค่า ๑๗,๙๕๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๓.๖ โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดีโดยเฉพาะการส่งออกยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ในขณะที่การส่งออกทองคำ ข้าว ยางพารา กุ้งแช่แข็งและแปรรูปลดลง รวมทั้งการหดตัวของมูลค่าการส่งออกสินค้าในกลุ่มที่ใช้แรงงานสูงโดยเฉพาะสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และรองเท้า ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการส่งออกในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ตลาดส่งออกที่ขยายตัว ได้แก่ ตลาดสหรัฐอเมริกา ฮ่องกง อินเดีย และตลาดอาเซียน ๑.๔ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๒๓.๔ เนื่องจากฐานการขยายตัวในเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ ที่เริ่มสูงขึ้น รวมทั้งการชะลอการผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก และการลดการใช้กำลังการผลิตในช่วงปลายปี รวมไตรมาสที่ ๔ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๔๔.๐ ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๖๗.๐ ๑.๕ ภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ มีจำนวน ๒.๔ ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐.๔ รวมไตรมาสที่ ๔ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น ๖.๓ ล้านคน ขยายตัวร้อยละ ๓๙.๓ สรุปทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวนทั้งสิ้น ๒๒.๓ ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖.๐ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีสัดส่วนสูงสุด ๕ อันดับแรก ประกอบด้วย จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น รัสเซีย และเกาหลีใต้ ๑.๖ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายในประเทศและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจภาคต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ แม้ว่าจะเร่งตัวขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ในขณะที่ดุลการค้าและดุลบัญชีเงินเดินสะพัดเกินดุล เงินสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์สูง และอัตราแลกเปลี่ยนยังคงมีเสถียรภาพ แม้จะมีแนวโน้มแข็งค่า ๑.๗. สถานการณ์ด้านการคลัง การจัดเก็บรายได้เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่การเบิกจ่ายเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ลดลง การเบิกจ่ายรวมในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ขยายตัวสูงและอัตราการเบิกจ่ายสูงกว่าเป้าหมาย ในขณะที่หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ อยู่ที่ร้อยละ ๔๓.๓ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ๑.๘ สถานการณ์ด้านการเงิน สินเชื่อและเงินฝากขยายตัวต่อเนื่อง สภาพคล่องยังอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัว ในขณะที่เงินทุนไหลเข้าสุทธิเพิ่มขึ้น ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จากการขยายตัวในเกณฑ์สูงของเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจสำคัญๆ ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ และในไตรมาสที่ ๔ คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๕.๕ ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๕-๕.๕ ซึ่งเป็นการขยายตัวในเกณฑ์สูง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากอุปสงค์ภายในประเทศที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน นอกจากนั้นการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะสนับสนุนให้ภาคการส่งออกฟื้นตัวและมีบทบาทในการขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังทรงตัว และการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าสู่ภูมิภาคมากขึ้นจะเพิ่มแรงกดดันต่ออัตราแลกเปลี่ยนของไทย
|
.....