ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1383 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 27641 - 27660 จากข้อมูลทั้งหมด 124229 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27641 | แต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (นายสมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล) | สธ | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายสมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27642 | การเตรียมการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 วาระที่ 2 - 3 | สผ | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเตรียมการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ วาระที่ ๒-๓ ของสภาผู้แทนราษฎร ในวันพุธที่ ๑๔-วันศุกร์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งรัฐมนตรีที่กำกับดูแลส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ให้มีการเตรียมความพร้อมสนับสนุนข้อมูลให้แก่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ สภาผู้แทนราษฎร และจัดทำข้อมูลประกอบการตอบประเด็นคำถามรายการสำคัญที่คณะกรรมาธิการฯ ให้ความสนใจ ตามที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27643 | แจ้งกำหนดการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... | สผ | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นผู้แทนคณะรัฐมนตรีไปชี้แจงแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ หมายเลข ๒๑๓-๒๑๔ ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา ๒
|
||||||||||||||||||||||||
27644 | สรุปสถานการณ์ภูมิอากาศและอุทกภัยของประเทศไทย ช่วงวันที่ 1 มิถุนายน - วันที่ 12 สิงหาคม 2556 | นร | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอสรุปสถานการณ์ภูมิอากาศและอุทกภัยของประเทศไทย ช่วงวันที่ ๑ มิถุนายน-วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ ประกอบด้วย การรายงานเกี่ยวกับปริมาณฝนสะสม สภาพอากาศประเทศไทย กรุงเทพฯ และปริมณฑล ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ น้ำในแม่น้ำ น้ำทะเลหนุน สถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สถานการณ์ฝน การคาดการณ์ฝนล่วงหน้า ๓ วัน และสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดต่าง ๆ ๒๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำปาง น่าน ตาก อุทัยธานี กาญจนบุรี เลย สกลนคร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บึงกาฬ สุรินทร์ หนองคาย จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี สุราษฎร์ธานี พัทลุง พังงา ยะลา สตูล และตรัง ซึ่งสถานการณ์อุทกภัยดังกล่าว เป็นลักษณะน้ำท่วมฉับพลันโดยมีบริเวณพื้นที่ไม่เป็นวงกว้าง ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัด และหน่วยงานในพื้นที่สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและแก้ไขปัญหาได้ โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการฟื้นฟูตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยได้กำหนดขั้นตอนไว้
|
||||||||||||||||||||||||
27645 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (จำนวน 7 ราย 1. นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ฯลฯ) | กต | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ในจำนวนนี้เป็นการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๔ ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สืบแทนนายชัยยงค์ สัจจิพานนท์ ที่จะเกษียณอายุราชการ ๒. นายณรงค์ ศศิธร ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สืบแทนนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ๓. นายอภิชาติ ชินวรรโณ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สืบแทนนายสมศักดิ์ สุริยวงศ์ ที่จะเกษียณอายุราชการ ๔. นายนพปฎล คุณวิบูลย์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลล์ ราชอาณาจักรเบลเยียม สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สืบแทนนายอภิชาติ ชินวรรโณ ๕. นายมนัสวี ศรีโสดาพล ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สืบแทนนายนพปฎล คุณวิบูลย์ ๖. นายเสข วรรณเมธี ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมสารนิเทศ สืบแทนนายมนัสวี ศรีโสดาพล ๗. นายธฤต จรุงวัฒน์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สืบแทนนายรัฐกิจ มานะทัต ที่จะเกษียณอายุราชการ
|
||||||||||||||||||||||||
27646 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2556 (เขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล ชายหาดแม่พิมพ์ ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง) | มท | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ รายการเขื่อนป้องกันตลิ่ง ริมทะเลชายหาดแม่พิมพ์ ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง จำนวน ๑๓,๖๐๐,๐๐๐ บาท สมทบกับงบดำเนินงาน จำนวน ๒,๓๑๙,๒๐๐ บาท เพื่อไปดำเนินรายการปรับปรุงอาคารสำนักงานกรมโยธาธิการและผังเมือง ถนนพระรามที่ ๖ พร้อมจัดหาครุภัณฑ์ จำนวน ๑๕,๙๑๙,๒๐๐ บาท ได้ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ไปศึกษาแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมและถูกต้องตามหลักวิชาการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศในภาพรวม เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
27647 | ญัตติ รายงาน และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | นร05 | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับญัตติ รายงาน และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และมอบหมายให้ส่วนราชการต่าง ๆ ถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้
๑. เมื่อสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภาได้ส่งญัตติ รายงาน หรือข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการสามัญหรือวิสามัญ มาเพื่อให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาส่งญัตติ รายงาน และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามญัตติ รายงาน และข้อสังเกตในเรื่องใดได้หรือไม่ ประการใดก่อน เมื่อได้รับแจ้งผลการพิจารณาจึงให้นำญัตติ รายงาน และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ในเรื่องนั้น พร้อมทั้งความเห็นของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกัน ๒. ในกรณีที่ญัตติ รายงาน หรือข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเกี่ยวข้องหลายแห่ง ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณากำหนดให้มีหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการตามญัตติ รายงาน และข้อสังเกตดังกล่าวของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องมาสรุป แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐแจ้งผลการดำเนินการให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับเรื่อง หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรียังไม่ได้รับทราบผลการดำเนินการ ให้รายงานนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายทราบหรือพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ ให้นำเรื่องการแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวมาใช้กับการตอบกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาด้วยโดยอนุโลม
|
||||||||||||||||||||||||
27648 | ผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ 6/2556 | นร01 | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ๑.๑.๑ เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมป่าไม้) เป็นหน่วยงานประสานการเสนอแบบฟอร์มเสนอแผนงาน/โครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษามหาราชินี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามโครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าและดิน ฝายแม้ว ในกิจกรรมการปลูกป่ารายจังหวัดที่รับผิดชอบ โดยผู้มีอำนาจเต็มคือ อธิบดีที่เกี่ยวข้อง และผู้ว่าราชการจังหวัดที่กำกับดูแลพื้นที่เท่านั้น และเมื่อลงนามครบถ้วนแล้ว ให้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อตกลงรายละเอียดงบประมาณต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อติดตามแผนปฏิบัติการโครงการดังกล่าว โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่งตั้งคณะอนุกรรมการถาวร (Steering Committee) กบอ. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการถาวร (Steering Committee) โดยให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ร่วมเป็นองค์ประกอบเพื่อดำเนินการตรวจติดตามระบบ UAV และการใช้ดาวเทียมติดตามผลการดำเนินงานของโครงการดังกล่าว และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการถาวร (Steering Committee) ๑.๑.๒ เห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอขอขยายเวลาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๓ โครงการ (๕ รายการย่อย) เป็นเงิน ๑๙๑,๑๒๐,๐๐๐ บาท โดยขยายระยะเวลาออกไป ๖๐ วัน ทั้งนี้ การนับระยะเวลาที่ขยายให้นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติในเรื่องดังกล่าว ๑.๑.๓ อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายการ จากถังน้ำแบบไฟเบอร์กลาส ขนาด ๒,๐๐๐ ลิตร จำนวน ๑๔,๒๔๐ ใบ ราคาใบละ ๑๒,๐๐๐ บาท และขนาด ๓,๐๐๐ ลิตร จำนวน ๘,๕๖๐ ใบ ราคาใบละ ๑๗,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๓๑๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ถังน้ำแบบพลาสติก ขนาด ๒,๐๐๐ ลิตร จำนวน ๒๒,๘๐๐ ใบ ราคาใบละ ๙,๘๐๐ บาท (รวมค่าขนส่งใบละ ๒,๐๐๐ บาท) รวมเป็นเงิน ๒๒๓,๔๔๐,๐๐๐ บาท โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และให้ฝ่ายเลขานุการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ๑.๑.๔ เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๖ ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาจันทบุรี จำนวน ๑ โครงการ วงเงิน ๐.๖๔๔ ล้านบาท และเห็นชอบการขอเปลี่ยนแปลงโครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๖ ทดแทนรายการยกเลิกของ กปภ. ในโครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน จำนวน ๒ โครงการ จำนวนเงิน ๐.๖๑๐ ล้านบาท โดยงบประมาณไม่เกินกรอบวงเงินเดิมที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว รวมทั้งเห็นชอบในหลักการโครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๗ โดยขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง จำนวน ๕๘๑ โครงการ วงเงินดำเนินการ ๑,๓๓๐.๒๘๒ ล้านบาท และให้คณะอนุกรรมการวิชาการและวิเคราะห์โครงการ กบอ. ตรวจสอบรายละเอียดโครงการดังกล่าว แล้วส่งให้ฝ่ายเลขานุการเพื่อนำเสนอ กบอ. พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๑.๑.๕ เห็นชอบการมอบอำนาจให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติเป็นผู้รับมอบอำนาจในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีปกครอง หมายเลขดำที่ ๙๔๐/๒๕๕๖ แทน กบอ. ผู้ถูกฟ้องคดีที่สี่ จนถึงที่สุด ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒.๑ การดำเนินการโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษามหาราชินีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวางระบบตรวจสอบและติดตามการดำเนินโครงการให้ชัดเจน โดยให้ประสานการดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้การปลูกป่าได้ผลอย่างยั่งยืน และให้รายงานผลการดำเนินโครงการให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ๒.๒ การดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง พ.ศ. ๒๕๕๖ (งบจัดหาถังบรรจุน้ำกลาง) เพื่อเป็นการเตรียมการรองรับภาวะภัยแล้งในพื้นที่ต่าง ๆ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการจัดหาถังบรรจุน้ำกลางประจำหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งระดับรุนแรงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||
27649 | ขออนุมัติเงินงบกลางเพื่อเบิกจ่ายเป็นเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการอัยการ | อส | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ที่เห็นชอบในหลักการให้ข้าราชการอัยการผู้ดำรงตำแหน่งอัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รองอัยการจังหวัด อัยการประจำกอง อัยการจังหวัดผู้ช่วย และอัยการผู้ช่วย ได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการอัยการ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๗๔,๓๐๐,๑๕๐ บาท ให้สำนักงานอัยการสูงสุดเจียดจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มาดำเนินการ จำนวน ๒๙,๘๘๑,๐๖๐ บาท และใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๑๔๔,๔๑๙,๐๙๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27650 | ขออนุมัติจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐทาจิกิสถานว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษ | กต | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐทาจิกิสถานว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษ (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Tajikistan on Visa Exemption for Holders of Diplomatic and Official/Service Passports) โดยสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ เป็นการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้าประเทศ การเดินทางผ่าน และพำนักอาศัย สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษของประเทศคู่ภาคี โดยผู้ถือหนังสือเดินทางดังกล่าวสามารถพำนักในประเทศผู้รับได้ไม่เกิน ๙๐ วัน ทั้งนี้ ประเทศคู่ภาคีสามารถปฏิเสธการยกเว้นการตรวจลงตราได้ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของราชอาณาจักรไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
27651 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณและขยายเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว | กต | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับค่าก่อสร้างอาคารสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ในวงเงินทั้งสิ้น ๖๙๖,๓๕๘,๖๐๐ บาท แต่เนื่องจากการก่อสร้างอาคารสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ในส่วนของงานตกแต่งภายในอาคารจะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จึงให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐-พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐-พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยงบประมาณส่วนที่เพิ่มขึ้น กระทรวงการต่างประเทศได้รับจัดสรรเพิ่มเติมไว้แล้วในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ รายการค่าก่อสร้างอาคารสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว จำนวน ๑๕๕,๒๒๔,๓๐๐ บาท เพิ่มเติมจากที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐-พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕๔๑,๑๓๔,๓๐๐ บาท เมื่อรวมวงเงินงบประมาณผูกพันทั้งสิ้นแล้ว เป็นจำนวน ๖๙๖,๓๕๘,๖๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
27652 | ร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) | พณ | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) เพื่อสร้างโอกาสให้แก่ไทยในการเป็นศูนย์กลางของ EFTA ด้านการค้าและการลงทุนในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เทคโนโลยีชีวภาพ เวชภัณฑ์และเภสัชกรรม และเคมีภัณฑ์ รวมทั้งภาคบริการทางการเงินและการธนาคาร และเปิดโอกาสให้ไทยเป็นฐานในการผลิตและแหล่งรองรับการลงทุนของ EFTA ซึ่งจะช่วยให้ไทยได้ประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มากขึ้น ๑.๒ เสนอร่างกรอบการเจรจาฯ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรพิจารณามาตรการรองรับภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการเจรจาภายใต้กรอบความตกลงไทย-สหภาพยุโรป และกรอบความตกลงไทย-EFTA โดยมีทิศทางที่สอดคล้องกันเพื่อให้เกิดความชัดเจนและลดความซ้ำซ้อนในทางปฏิบัติของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาคเอกชนเพื่อพิจารณาผลกระทบในทุกมิติอย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในภาคประมงและทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะประเด็นการเข้าถึงยาที่จำเป็นของประชาชนทั้งในด้านบริการ โทรคมนาคมและการสื่อสาร การเงิน การธนาคาร ประกันภัย และการขนส่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27653 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2556 (ครั้งที่ 145) | พน | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ (ครั้งที่ ๑๔๕) เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเพื่อพิจารณา ๕ เรื่อง ๑.๑.๑ แนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือน ๑.๑.๑.๑ เห็นชอบให้ยกเลิกมติ กพช. เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ที่ให้ปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน ให้สะท้อนต้นทุนโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ ๒๔.๘๒ บาทต่อกิโลกรัม ภายในปี ๒๕๕๖ ๑.๑.๑.๒ เห็นชอบแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน โดยให้ปรับขึ้นเดือนละ ๐.๕๐ บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๖ เป็นต้นไป จนสะท้อนต้นทุนโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ ๒๔.๘๒ บาทต่อกิโลกรัม ๑.๑.๑.๓ เห็นชอบเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน โดยครัวเรือนรายได้น้อยช่วยเหลือตามการใช้จริงแต่ไม่เกิน ๑๘ กิโลกรัมต่อ ๓ เดือน ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ช่วยเหลือตามการใช้จริงไม่เกิน ๑๕๐ กิโลกรัมต่อเดือน ทั้งนี้ ผู้ได้รับการช่วยเหลือสามารถเลือกใช้ถังขนาดใดก็ได้ แต่ไม่เกินขนาดถัง ๑๕ กิโลกรัม ๑.๑.๒ รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการบริหารมาตรการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ๑.๑.๒.๑ รับทราบรายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการฯ ๑.๑.๒.๒ เห็นชอบให้กระทรวงพลังงาน กำหนดปริมาณรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแต่ละปีให้ชัดเจน วันเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (SCOD) และให้มีการเปิดรับข้อเสนอขายไฟฟ้ารายใหม่โดยรับการส่งเสริมในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ตามปริมาณรับซื้อที่จะมีการประกาศเป็นรายเชื้อเพลิงตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๑.๑.๒.๓ เห็นชอบให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ออกระเบียบการรับซื้อไฟฟ้า หลักเกณฑ์และการออกประกาศเชิญชวน รวมทั้งกำกับดูแลขั้นตอนการคัดเลือก รวมถึงการเร่งรัดให้มีการดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบตามเป้าหมาย และรายงานผลให้กระทรวงพลังงานทราบเป็นรายไตรมาสต่อไป ๑.๑.๒.๔ เห็นชอบให้ กฟผ. ร่วมกับ กกพ. จัดทำแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อรองรับการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโครงการพลังงานหมุนเวียนที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แล้วอย่างเร่งด่วนและรายงาน กพช. ต่อไป ๑.๑.๒.๕ เห็นชอบให้การไฟฟ้าทั้ง ๓ แห่ง [กฟผ. การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)] จัดทำแผนการลงทุนระบบส่งไฟฟ้าและระบบจำหน่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในอนาคตของประเทศ ๑.๑.๒.๖ เห็นชอบให้ กกพ. ดำเนินการเร่งรัดออกใบอนุญาตสำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ One Stop Service และรายงานผลการดำเนินงานให้ กพช. ทราบต่อไป ๑.๑.๓ การปรับค่าเป้าหมายตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ๒๕% ใน ๑๐ ปี ตามการบูรณาการยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy) เห็นชอบการปรับค่าเป้าหมายตามแผนพัฒนาฯ รวม ๓ เป้าหมาย คือ เพื่อการผลิตไฟฟ้า เพื่อผลิตความร้อน และเพื่อใช้ในการคมนาคมขนส่ง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ดำเนินการต่อไป ๑.๑.๔ การพิจารณาอัตราการรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) ๑.๑.๔.๑ เห็นชอบให้มีการรับซื้อไฟฟ้าโครงการฯ ๑.๑.๔.๒ เห็นชอบอัตรา FiT โครงการฯ โดยมีระยะเวลาสนับสนุน ๒๕ ปี ๑.๑.๔.๓ เห็นชอบปริมาณรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการฯ ในปี ๒๕๕๖ รวมกำลังผลิตติดตั้ง 200 MWp ๑.๑.๔.๔ เห็นชอบให้ กกพ. ออกระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการฯ ตลอดจนหลักเกณฑ์และการออกประกาศเชิญชวน รวมทั้งการกำกับดูแลขั้นตอนการคัดเลือกให้เกิดความเป็นธรรม ทั้งนี้ ในการจัดทำกระบวนการขอใบอนุญาตแบบ One Stop Service ให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๑.๑.๔.๕ เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายลดหย่อนค่าธรรมเนียมการเชื่อมโยงโครงข่ายและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับกลุ่มบ้านอยู่อาศัย โดยให้ กกพ. ไปกำหนดอัตราการลดหย่อนค่าเชื่อมโยงที่เหมาะสมต่อไป ๑.๑.๔.๖ เห็นชอบให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพลังงานหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการสนับสนุนทางภาษีต่อไป ๑.๑.๕ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน ๑.๑.๕.๑ เห็นชอบให้ดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการฯ โดยมีเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งรวม 800 MWp ๑.๑.๕.๒ เห็นชอบอัตราการรับซื้อไฟฟ้าพิเศษสำหรับโครงการฯ ในอัตราพิเศษ แบ่งเป็น ปีที่ ๑-๓ ระบบ Feed-in Tariff อัตรา ๙.๗๕ บาทต่อหน่วย ปีที่ ๔-๑๐ ระบบ Feed-in Tariff อัตรา ๖.๕๐ บาทต่อหน่วย และปีที่ ๑๑-๒๕ ระบบ Feed-in Tariff อัตรา ๔.๕๐ บาทต่อหน่วย โดยให้มีวันจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี ๒๕๕๗ ๑.๑.๕.๓ เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานร่วมกับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติดำเนินการพัฒนาโครงการฯ ตามแนวทางการดำเนินงานโครงการฯ ๑.๑.๕.๔ เห็นชอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ออกระเบียบหลักเกณฑ์ในการดำเนินการพัฒนาโครงการฯ รวมถึงดำเนินการคัดเลือกหมู่บ้านที่มีศักยภาพเพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และรายงานผลการคัดเลือกให้ กพช. ทราบ ๑.๑.๕.๕ เห็นชอบให้ กกพ. ออกระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าต่อไป โดยพิจารณาค่าใช้จ่ายในการรับซื้อไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายที่เกิดขึ้นจากโครงการฯ ที่ต่างจากค่าซื้อไฟฟ้าเฉลี่ยจาก กฟผ. กฟน. และ กฟภ. เป็นค่าใช้จ่ายตามนโยบายภาครัฐในสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ ๑.๒ เรื่องเพื่อทราบ ๒ เรื่อง ๑.๒.๑ การกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติจากแนวท่อสำหรับภาคขนส่ง ๑.๒.๑.๑ เห็นชอบการกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ ๑.๒.๑.๒ มอบ กบง. เป็นผู้พิจารณาค่าบริหารจัดการในการขายส่งก๊าซ ๑.๒.๒ แนวทางการดำเนินการเสริมสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้าภาคใต้ ๑.๒.๒.๑ เห็นชอบให้ กฟผ. ดำเนินการตามแนวทางการเสริมสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้าภาคใต้ให้ กฟผ. เพิ่มชั่วโมงการเดินเครื่องโรงไฟฟ้ากระบี่เต็มกำลังการผลิต และให้พิจารณาใช้น้ำมันปาล์มดิบในการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้ากระบี่ในสัดส่วนร้อยละ ๑๐ ของปริมาณการใช้น้ำมันเตา เพื่อลดปัญหาด้านการขนส่งน้ำมันเตา ๑.๒.๒.๒ มอบ กกพ. กำกับดูแลการดำเนินการ ๒. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา ดาดฟ้า หรือส่วนหนึ่งส่วนใดบนอาคาร หรือในบริเวณพื้นที่อยู่อาศัย หากใช้เครื่องจักรที่มีกำลังแรงม้าหรือกำลังเทียบเท่าตั้งแต่ ๕ แรงม้าขึ้นไป (เทียบเท่า ๓.๗๓ กิโลวัตต์) จัดเป็นโรงงานจำพวกที่ ๓ ก่อนการก่อสร้างหรือติดตั้งเครื่องจักรเพื่อประกอบการโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานก่อน และในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาเป็นกิจการที่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของประชาชน ตลอดจนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการจัดการของเสียอันเกิดจากเซลล์แสงอาทิตย์ที่ชำรุดเสียหายหรือหมดอายุจากการใช้งาน ดังนั้น ในกระบวนการอนุญาตจึงจำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจริง รวมทั้งควรมีมาตรการกำกับดูแลและควบคุมผู้ผลิตและผู้จำหน่ายเซลแสงอาทิตย์ให้มีมาตรฐานและความปลอดภัยเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค นอกจากนี้ ควรกำหนดวิธีการและหลักเกณฑ์ในการรับข้อเสนอขายไฟฟ้าจากโครงการฯ ไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27654 | ขออนุมัติจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งการปรึกษาหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย | กต | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งการปรึกษาหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย (Memorandum of Understanding on the Establishment of Bilateral Consultation between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Foreign Affairs of the Federal Republic of Nigeria) โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกรอบการปรึกษาหารืออย่างเป็นทางการและสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม อันจะนำมาซึ่งการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีการแก้ไขเพิ่มเติมถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ โดยถ้อยคำดังกล่าวสอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของราชอาณาจักรไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถพิจารณาดำเนินการได้ โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
27655 | การลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 9 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน | พณ | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ การลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๙ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ก่อนนำเสนอพิธีสารเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ เพื่อให้ความเห็นชอบเพื่อผูกพันไทยต่อไป โดยใช้เนื้อหาของข้อผูกพันชุดที่ ๘ ไปก่อน ซึ่งเป็นข้อผูกพันที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ และเมื่อจัดทำชุดที่ ๙ แล้วเสร็จ จะนำเสนอรัฐมนตรีและรัฐสภาให้ความเห็นชอบก่อนยื่นต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ได้รับมอบหมายอื่น เป็นผู้ลงนามพิธีสารฯ ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM Consultations) ครั้งที่ ๔๕ ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ ณ ประเทศเนการาบรูไนดารุสซาลาม และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในพิธีสารฯ ให้ผู้ลงนามใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นลงนามพิธีสารฯ ๑.๔ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๙ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียนแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกระบวนการภายในประเทศเพื่ออนุวัติการให้เป็นไปตามพิธีสารฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งเลขาธิการอาเซียนว่าประเทศไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้วเพื่อให้พิธีสารมีผลใช้บังคับ ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะลงนามในพิธีสารฯ ได้ต่อเมื่อรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบพิธีสารและภาคผนวกแล้ว |
||||||||||||||||||||||||
27656 | การพิจารณากำหนดวันหยุดราชการประจำปีเพิ่มเติม [ในพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา)] | นร08 | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกำหนดให้วันตรุษอีดิ้ลฟิตรี (วันรายอปอซอ) วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา (วันรายอฮัจยี) และวันตรุษจีน เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมอีก ๓ วัน ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ตามมติที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27657 | ผลการเจรจาต่อรองกับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) งานสัญญาที่ 4 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ (สถานีคลองบางไผ่ - สถานีเตาปูน) และความเห็นในการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - บางซื่อ งานสัญญาที่ 5 | คค | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบวงเงินค่างานระบบขบวนรถไฟฟ้าในส่วนของสัญญาที่ ๔ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (สถานีคลองบางไผ่-สถานีเตาปูน) จำนวน ๔,๘๔๑ ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้พิจารณาแล้วว่าเป็นวงเงินที่เหมาะสม จึงเห็นควรให้คณะกรรมการฯ แจ้งให้บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) พิจารณาปรับลดค่างานระบบขบวนรถไฟฟ้าตามกรอบวงเงินดังกล่าว ทั้งนี้ หาก BMCL ไม่สามารถปรับลดกรอบวงเงินดังกล่าวได้ เห็นควรให้คณะกรรมการฯ พิจารณา ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ๑.๒ ให้คณะกรรมการฯ เจรจากับ BMCL ในการพิจารณาปรับร่างสัญญาตามความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งให้กระทรวงคมนาคมเข้าร่วมสนับสนุนข้อมูลเพื่อประกอบการเจรจาดังกล่าว ทั้งนี้ ในขั้นการพิจารณาเจรจาปรับร่างสัญญาดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ต่อภาครัฐและความเป็นธรรมระหว่างคู่สัญญาด้วย ๑.๓ เห็นชอบในหลักการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ ๕) โดยเริ่มต้นจากรูปแบบ PPP Net Cost หากรูปแบบดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ ให้สามารถดำเนินการในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยให้คณะกรรมการฯ รับไปดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ในการนำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวงคมนาคมแยกการนำเสนอเรื่องงานสัญญาที่ ๕ ออกจากการพิจารณาผลการเจรจาต่อรองกับ BMCL งานสัญญาที่ ๔ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (สถานีคลองบางไผ่-สถานีเตาปูน) และนำเสนอทั้ง ๒ เรื่องต่อคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความต่อเนื่องกัน ๒. ให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอร่างสัญญาที่ได้พิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27658 | ขออนุมัติดำเนินโครงการอีกครั้งหนึ่ง พร้อมขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีกรณีจำนวนเงินงบประมาณในปีแรกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 และขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีเกิน 1,000 ล้านบาท โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ จากคลองลาดพร้าวถึงแม่น้ำเจ้าพระยา | มท | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ จากคลองลาดพร้าวถึงแม่น้ำเจ้าพระยา วงเงินโครงการทั้งสิ้น ๒,๔๘๓,๕๔๘,๐๐๐ บาท โดยแบ่งเป็นวงเงินค่าก่อสร้าง จำนวน ๒,๔๔๒,๔๐๐,๐๐๐ บาท และวงเงินค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อบริหารและควบคุมงานโครงการ จำนวน ๔๑,๑๔๘,๐๐๐ บาท ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนวงเงินค่าก่อสร้างในอัตราร้อยละ ๕๐ (๑,๒๒๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท) และใช้เงินงบประมาณของกรุงเทพมหานคร ร้อยละ ๕๐ ส่วนงบประมาณค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อควบคุมงานโครงการฯ จำนวน ๔๑,๑๔๘,๐๐๐ บาท ให้กรุงเทพมหานครใช้จ่ายจากรายได้ของกรุงเทพมหานครเอง ทั้งนี้ ในส่วนของเงินงบประมาณที่สำนักงบประมาณได้จัดสรรให้กรุงเทพมหานครไปแล้วในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ และ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๕๐๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้นำมาหักออกจากเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุน ๑.๒ ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ) กรณีเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรในปีแรกต่ำกว่าร้อยละ ๒๐ ของวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น และให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของโครงการฯ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๙ ๑.๓ ในกรณีการเสนอโครงการลงทุนแก้ไขปัญหาการระบายน้ำในอนาคต ให้กรุงเทพมหานครเสนอแผนทางเลือกในการดำเนินการเอง อาทิ แผนพัฒนาขุดลอกคูคลอง รวมทั้งแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อาศัยริมคลอง โดยระบุวิธีการ งบประมาณ ระยะเวลาดำเนินการ ควบคู่กับการเสนอโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการระบายน้ำ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร นำโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ จากคลองลาดพร้าวถึงแม่น้ำเจ้าพระยา หารือกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเพื่อพิจารณาในรายละเอียดของการดำเนินโครงการของกรุงเทพมหานครให้สามารถเชื่อมโยงและบูรณาการในการระบายน้ำเพื่อป้องกันอุทกภัยตามแผนบริหารจัดการน้ำของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย โดยยึดหลักของประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน |
||||||||||||||||||||||||
27659 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันอังคารที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ ในวันพุธที่ ๑๔ และครั้งที่ ๕ วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27660 | การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 20 สิงหาคม 2556 | นร | 13/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีกำหนดเยือนสาธารณรัฐทาจิกิสถานอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ และสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) ร่วมเดินทางไปด้วย ส่วนรองนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) มีกำหนดเยือนบรูไนดารุสซาลามในระหว่างวันที่ ๑๘-๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ ดังนั้น ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก) จะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมแทน ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี)
|
.....