ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1386 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 27701 - 27720 จากข้อมูลทั้งหมด 124229 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27701 | สถานการณ์สินค้าอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ (ณ วันที่ 1 สิงหาคม 2556) | พณ | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์สินค้าอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ (ณ วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ราคาขายปลีกขายส่งสินค้าอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภค เทียบกับสัปดาห์ก่อน (๑ สิงหาคม ๒๕๕๖) สินค้าอาหารสด หมวดโปรตีน สุกร ราคาเนื้อแดง-สะโพก ๑๓๐-๑๓๕ บาท/กก. สูงขึ้นร้อยละ ๒.๗๑ ไก่ ราคาไก่สดทั้งตัว (รวมเครื่องใน) ๗๐-๗๕ บาท/กก. ราคาทรงตัว และไข่ไก่ ราคาฟองละ ๓.๓๕-๓.๔๕ บาทสูง ขึ้นร้อยละ ๓.๐๓ หมวดผัก คะน้า ราคา ๑๕-๑๘ บาท/กก. ลดลงร้อยละ ๒๑.๔๓ กะหล่ำปลี และถั่วฝักยาว ราคาทรงตัว อยู่ที่ กก.ละ ๑๘-๒๐ บาท และ ๒๒-๒๕ บาท/กก. สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาทรงตัว ๒. ราคาขายปลีกขายส่งสินค้าอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภค เทียบกับสัปดาห์นี้ปีก่อน (๑ สิงหาคม ๒๕๕๕) สินค้าอาหารสด คะน้า ราคาลดลงร้อยละ ๑๓.๑๖ กะหล่ำปลี ราคาทรงตัว ในขณะที่สุกร ไก่ไข่ ถั่วฝักยาว ราคาสูงขึ้นร้อยละ ๔.๔๔-๒๖.๑๙ สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค น้ำมันพืชราคาลดลง
|
||||||||||||||||||
27702 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2556 - 2557 จากคณะรัฐมนตรี | กห | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๖-๒๕๕๗ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ ๕๖ จำนวน ๑๑๘ คน หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (ปรอ.) รุ่นที่ ๒๖ จำนวน ๑๑๔ คน และหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐ เอกชน และการเมือง (วปม.) รุ่นที่ ๗ จำนวน ๖๒ คน หากตรวจสอบคุณสมบัติในภายหลังพบว่า ผู้ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการศึกษาหลักสูตรดังกล่าวขาดคุณสมบัติตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๗ และฉบับที่ ๒ (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้กระทรวงกลาโหม โดยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ตัดรายชื่อออกจากจำนวนที่ได้รับอนุมัติ หากมีความจำเป็นที่จะพิจารณาผู้ที่จะเข้าศึกษาทดแทน ให้กระทรวงกลาโหม โดยสภาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรดำเนินการตามความเหมาะสม ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||
27703 | การให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยและการบรรเทาสาธารณภัยของกระทรวงกลาโหม | กห | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยและการบรรเทาสาธารณภัย ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ระหว่างวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ถึงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม โดยกองทัพไทย ได้จัดกำลังพล รถบรรทุก รถเครน รถโกยตัก เรือท้องแบน และเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ เข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย และสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งลำเลียงถุงยังชีพพระราชทานของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน ๒. การช่วยเหลือประชาชนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ในเมืองเมียวดี ที่ประสบอุทกภัย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก โดยกองกำลังนเรศวร ได้จัดกำลังพล รถยนต์บรรทุก เรืออลูมิเนียม และเรือยาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่เมียนมาร์ในการลำเลียงถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกจ่ายให้กับประชาชนเมียนมาร์ พร้อมทั้งช่วยเคลื่อนย้ายประชาชนเมียนมาร์จากสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ ไปยังจุดตรวจคนเข้าเมืองเมียวดี ส่วนศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ ๓ ได้ดำเนินการรับบริจาคและรวบรวมเครื่องอุปโภคและบริโภคเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนเมียนมาร์ นอกจากนี้ ได้ให้การสนับสนุนรัฐบาลเมียนมาร์ในการดำเนินการขนส่งถุงยังชีพด้วยรถบรรทุกจากกรุงเทพมหานครไปยังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยการดำเนินการของสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทย ซึ่งกองกำลังนเรศวรได้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกในการผ่านแดนแล้ว
|
||||||||||||||||||
27704 | การแต่งตั้งกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ผู้แทนสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) (นายพรรธระพี ชินะโชติ) | นร | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายพรรธระพี ชินะโชติ ดำรงตำแหน่งกรรมการ ผู้แทนสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) ในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ แทนนายประวิชย์ ศรีบัณฑิตมงคล ซึ่งได้ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ สิงหาคม ๒๕๕๖) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) เสนอ
|
||||||||||||||||||
27705 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (นายชูศักดิ์ เกวี) | คค | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชูศักดิ์ เกวี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามมาตรา ๑๓ ของพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ สิงหาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||
27706 | การพิจารณาแต่งตั้งผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (นายกฤษดา รักษากุล) | พม | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายกฤษดา รักษากุล เป็นผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่เดือนละ ๓๑๐,๐๐๐ บาท ค่าตอบแทนผันแปรไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของผลตอบแทนรวมแต่ละปี ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ สิงหาคม ๒๕๕๖)
|
||||||||||||||||||
27707 | รายงานความก้าวหน้าการกำหนดหลักเกณฑ์ราคากลางของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา | สธ | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบความคืบหน้าการกำหนดหลักเกณฑ์ราคากลางของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ และเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ หลักเกณฑ์ราคากลางของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ ๑.๑.๑ ให้หน่วยงานของรัฐใช้ราคามาตรฐานของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้นและเผยแพร่ทั้งทางเอกสารหรือทางเว็บไซต์ของศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านเวชภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข (http://dmsic.moph.go.th) ๑.๑.๒ หากไม่มีราคามาตรฐานของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้นและเผยแพร่ ให้ใช้ราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ๑.๑.๓ หากไม่มีราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ให้ใช้ราคาตลาดโดยสืบราคาจากท้องตลาด รวมทั้งจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ๑.๒ หลักเกณฑ์ราคากลางของเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ๑.๒.๑ ให้หน่วยงานของรัฐใช้ราคามาตรฐานของเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้นและเผยแพร่ทั้งทางเอกสารหรือทางเว็บไซต์ของศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านเวชภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข (http://dmsic.moph.go.th) ๑.๒.๒ หากไม่มีราคามาตรฐานของเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้นและเผยแพร่ ให้ใช้ราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ๑.๒.๓ หากไม่มีราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ให้ใช้ราคาตลาดโดยสืบราคาจากท้องตลาด รวมทั้งจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขแจ้งเวียนหลักเกณฑ์ราคากลางของเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ให้ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐทราบและถือปฏิบัติ ส่วนหลักเกณฑ์ราคากลางของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามนัยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ ทั้งนี้ หากผลการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญไปจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวนี้ ก็ให้กระทรวงสาธารณสุขแจ้งเวียนหลักเกณฑ์ราคากลางของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นของรัฐทราบและถือปฏิบัติ โดยเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ แนวทางและวิธีปฏิบัติในการเปิดเผยราคากลางของทางราชการ) และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย
|
||||||||||||||||||
27708 | รายงานผลการดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางของทางราชการ | กค | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเห็นชอบการปรับปรุงแนวทางการเปิดเผยราคากลางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีปฏิบัติในการเปิดเผยราคากลางของทางราชการ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับผลการดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางในการกำหนดหลักเกณฑ์ราคากลางการจ้างที่ปรึกษา โดยมีรองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นประธาน โดยคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาหลักเกณฑ์ ความเหมาะสม และเสนอแนะในการกำหนดหลักเกณฑ์ราคากลางค่าจ้างที่ปรึกษา และอยู่ระหว่างเสนอหลักเกณฑ์การกำหนดราคากลางการจ้างที่ปรึกษาต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อจะแจ้งเวียนหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือปฏิบัติตามแนวทางการเปิดเผยราคากลางการจ้างที่ปรึกษาต่อไป ๒. สำนักงบประมาณได้กำหนดราคามาตรฐานและปรับปรุงราคามาตรฐานครุภัณฑ์ให้ครอบคลุมรายการครุภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ และได้เวียนแจ้งส่วนราชการถือปฏิบัติ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามบัญชีราคามาตรฐานครุภัณฑ์ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งมีรายละเอียดรายการมาตรฐานครุภัณฑ์เพิ่มขึ้น จำนวน ๔๘ รายการ ปัจจุบันสำนักงบประมาณอยู่ระหว่างปรับปรุงประกาศราคามาตรฐานครุภัณฑ์เพิ่มเติม และพัฒนาระบบราคาอ้างอิงสำหรับรายการนอกบัญชีราคามาตรฐานของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อนำมาใช้ในการกำหนดราคามาตรฐานครุภัณฑ์ และใช้ในการจัดทำงบประมาณของสำนักงบประมาณ รวมทั้งเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดราคากลางของหน่วยงานภาครัฐ ๓. กระทรวงสาธารณสุข โดยคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการคำนวณราคากลางของยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาเพิ่มขึ้น จากยาในบัญชียาหลัก เพื่อให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปใช้ในการประกาศราคากลางและรายละเอียดการคำนวณราคากลางสำหรับการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา โดยยาในบัญชียาหลัก และยานอกบัญชียาหลัก ให้ใช้ราคากลางตามประกาศของคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ ส่วนเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ให้ใช้ราคามาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้น ๔. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ราคากลางประเภทฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และประกาศบังคับใช้แล้ว สำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ประเภทโปรแกรมประยุกต์ อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐพิจารณาหลักเกณฑ์การประเมินราคากลางเพื่อประกาศให้หน่วยงานภาครัฐถือปฏิบัติต่อไป
|
||||||||||||||||||
27709 | ผลการดำเนินงานในการติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในพื้นที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง | กก | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานในการติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในพื้นที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและสอบถามข้อมูล ข้อเท็จจริง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่เกาะเสม็ด เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม-๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ และได้ร่วมประชุมกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ผลการประชุม สรุปได้ว่า ๑.๑ ผู้ประกอบการด้านที่พัก โรงแรม รีสอร์ท อพาร์ทเมนท์ แจ้งว่า มีการยกเลิกของนักท่องเที่ยวในเดือนสิงหาคม-กันยายน ๒๕๕๖ แล้ว ประมาณ ๓๐% รายได้ของผู้ประกอบการร้านอาหารทะเลลดลง ๑๐ เท่า จากขายได้วันละ ๑๐,๐๐๐ บาท เหลือเพียงวันละ ๑,๐๐๐ บาท ธุรกิจรถจักรยานยนต์รับจ้างซึ่งมีอยู่บนเกาะประมาณ ๖๖๐ คัน จากเดิมในช่วง Low Season จะมีรายได้ประมาณ ๕๐% ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง ๒๐% และธุรกิจการดำน้ำถูกยกเลิกทั้งหมด ๑.๒ ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ดได้ยื่นข้อเสนอขอรับความช่วยเหลือ โดยขอให้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการท่องเที่ยวให้กลับคืนมา ช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความเสียหาย และช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านที่พักบนเกาะเสม็ดซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจ SME ผ่อนผันการส่งเงินกับบริษัทการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ ๑.๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวกลับคืนมาท่องเที่ยวที่เกาะเสม็ดโดยเร็ว โดยให้สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในต่างประเทศประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศทราบข้อเท็จจริงว่าความเสียหายของเกาะเสม็ดมีเพียง ๕% อีก ๙๕% ยังสามารถมาท่องเที่ยวได้ และให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนำผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจากภาคต่าง ๆ มาพบปะเจรจาซื้อขายธุรกิจท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการบนเกาะเสม็ด (Table Top Sale) ในวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ ที่เกาะเสม็ดเพื่อให้เกิดการซื้อขายได้จริงทั้งในวันนี้และในอนาคตข้างหน้า ๒. การดำเนินการขั้นต่อไป ระยะเร่งด่วน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นหน่วยงานกลางประสานให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ดเจรจาขอรับความช่วยเหลือและเยียวยาจาก ปตท. ส่วนความเสียหายของระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งทะเล รวมทั้งปัญหาเรื่องสารปนเปื้อนในอาหารทะเล ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป สำหรับระยะยาว จะบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงาน เช่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) เพื่อทำให้พื้นที่เกาะเสม็ดเป็นพื้นที่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป
|
||||||||||||||||||
27710 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๓ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
27711 | การรวบรวมข้อมูลการทำความตกลงเมืองพี่เมืองน้อง | นร | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ได้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ในระดับจังหวัดของไทยกับจังหวัดของประเทศเพื่อนบ้านหรือของประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้วช่วงระยะเวลาหนึ่ง จึงมอบให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศรวบรวมข้อมูลและผลการดำเนินงานในการทำความตกลงเมืองพี่เมืองน้องเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินงานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระดับจังหวัดของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย
|
||||||||||||||||||
27712 | การกำหนดแนวทางการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาส | นร04 | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากการที่ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ พร้อมทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินเพื่อสมทบทุนการศึกษาในโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ให้กับเยาวชนที่ยากจนหรือด้อยโอกาส นั้น รัฐบาลได้พิจารณาเห็นว่าเยาวชนเหล่านั้นจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของประเทศ จึงขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประสานงานในการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสดังกล่าวในระยะยาวจนจบการศึกษาด้วยเพื่อให้เยาวชนดังกล่าวเติบโตขึ้นเป็นบุคคลที่มีคุณภาพของประเทศในอนาคตต่อไป
|
||||||||||||||||||
27713 | ผลการเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิก สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐยูกันดา | นร04 | 06/08/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
๑. ผลการเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิก สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐยูกันดา ระหว่างวันที่ ๒๘ กรกฎาคม-๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิก เป็นการเยือนประเทศแอฟริกาอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ ซึ่งได้หารือถึงความร่วมมือในการฝึกอบรมบุคลากร การอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนในเรื่องภาษีและวีซ่า โดยประเด็นที่ฝ่ายโมซัมบิกสนใจเรียนรู้จากฝ่ายไทย คือ เรื่องอุตสาหกรรมอัญมณี ขณะที่ไทยให้ความสนใจเรื่องพลังงาน น้ำมัน และประมง เป็นต้น ๑.๒ การเยือนสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรก เพื่อกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือในลักษณะของการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ซึ่งได้หารือถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การค้า การลงทุน และความร่วมมือทางด้านวิชาการและการพัฒนาศักยภาพในสาขาต่าง ๆ เช่น ก๊าซธรรมชาติ เหมืองแร่ การบริหารจัดการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สัตว์ป่า ซึ่งในส่วนของการบริหารจัดการและดูแลสัตว์ป่า สหสาธารณรัฐแทนซาเนียมีธรรมชาติและสัตว์ป่าที่มีลักษณะเฉพาะและมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ จึงได้มีการประกาศพื้นที่ควบคุมและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากร และได้ริเริ่มการรักษาที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าพร้อมกับพัฒนาชุมชน รวมทั้งสหสาธารณรัฐแทนซาเนียมีการบริหารงานในเรื่องของการอนุรักษ์สัตว์ป่าร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะสัตว์ป่ามีการเคลื่อนย้ายไปมาตามฤดูกาล จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) รับไปพิจารณาและประสานการดำเนินการร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการและแนวทางในการวางระบบการบริหารจัดการและพัฒนาอุทยานแห่งชาติทุกแห่งในประเทศไทยแบบองค์ร่วม โดยมีการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้คนอยู่ร่วมกับสัตว์ป่าได้โดยไม่สร้างผลกระทบกับธรรมชาติของสัตว์ป่า ทั้งนี้ อาจจะเริ่มจากการกำหนดพื้นที่อุทยานแห่งชาตินำร่องในการพัฒนาก่อนเพื่อให้สามารถดำเนินการได้โดยเร็วและมีประสิทธิภาพ ๑.๓ การเยือนสาธารณรัฐยูกันดา เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของประธานาธิบดีสาธารณรัฐยูกันดา เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนให้ครอบคลุมในหลายสาขา โดยเฉพาะความมั่นคงด้านอาหาร เช่น การแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร พลังงาน และอุตสาหกรรมเหมืองแร่ รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน เพื่อเป็นพื้นฐานในความร่วมมือระหว่างกันต่อไป ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ขอยืมสัตว์จากยูกันดา จำนวน ๓ ชนิด เพื่อนำมาแสดงในสวนสัตว์ในประเทศไทย จึงมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) รับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาและประสานงานในการขอยืมสัตว์ดังกล่าวที่มีความเหมาะสมกับประเทศไทยต่อไปด้วย ๒. ทั้งนี้ ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในทวีปแอฟริกา ให้หน่วยงานหลักดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางการพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงาน กระทรวงสาธารณสุขรับไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข และกระทรวงพาณิชย์รับไปสำรวจช่องทางในการส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับประเทศในทวีปแอฟริกา
|
||||||||||||||||||
27714 | การให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดอุทกภัยในเมืองเมียวดี สารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ | นร04 | 31/07/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก) แจ้งว่า ขณะนี้เกิดอุทกภัยใหญ่ในเขตเมืองเมียวดี สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ทำให้ประชาชนประสบกับความทุกข์ยาก เดือดร้อน และได้รับการร้องขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ จึงเห็นควรให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเมืองเมียวดีตามความจำเป็น และเหมาะสม และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||
27715 | แจ้งผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน (สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย กรณีบุตรชายของนางแล้ม ทิมทอง เสียชีวิตในระหว่างการเข้ารับการบำบัดยาเสพติด ณ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายจินดาภรณ์ จังหวัดสงขลา) | สม | 30/07/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรมควรจัดสรรงบประมาณในการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดเพิ่มขึ้น เนื่องจากงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้กับกรมคุมประพฤติเพื่อใช้บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดทั้งประเทศ จำนวน ๑๕,๐๐๐ คนต่อปี เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดยาเสพติดเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีจำนวนประมาณ ๒๐,๐๐๐ คน ก็เป็นงบประมาณที่ไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งประเทศแล้ว ๑.๒ คณะรัฐมนตรี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งศูนย์บำบัดยาเสพติด โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในภาพรวมทั้งประเทศ หน่วยราชการไม่ควรเข้าไปกำกับ แต่ควรเข้าไปส่งเสริมในลักษณะให้สามารถดำเนินงานได้แล้วจัดทำเป็นต้นแบบไว้เป็นตัวอย่างให้กับชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหมู่บ้านอื่น ๆ ที่จะนำไปใช้ เนื่องจากอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ภาครัฐไม่สามารถเข้าไปจัดตั้งศูนย์ฯ ได้ทุกตำบลหรือหมู่บ้าน หากเห็นว่า ชุมชนมีการร่วมมือกันแต่ขาดความรู้ทางวิชาการ ก็ควรแนะนำส่งเสริมให้ความรู้เพื่อนำไปต่อยอดจากสิ่งที่ชุมชนได้ทำไว้แล้วก็อาจจะทำให้ประหยัดงบประมาณและได้รับความร่วมมือจากชุมชน ๒. มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ รับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน โดยให้อยู่ในกรอบของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้รับข้อเสนอแนะของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นว่า ควรมีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เปิดดำเนินการให้การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพผู้ติดยาเสพติด ทั่วประเทศ ดำเนินการขอจัดตั้งสถานพยาบาลตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีหลักเกณฑ์การบำบัดรักษาหรือคู่มือการบำบัดรักษาที่ถูกต้องตามหลักวิชาการมีมาตรฐานในการดำเนินการเพื่อให้มีมาตรฐานการดำเนินการตามหลักเกณฑ์เดียวกัน และสะดวกในการควบคุมกำกับติดตาม สำหรับกรณีที่มีการอ้างถึงว่าผู้เข้ารับการบำบัดมีภาวะแทรกซ้อนทางจิตเวชจากภาวะถอนยาเสพติด โดยการทำร้ายตัวเอง ควรเข้าสู่ระบบส่งต่อไปยังสถานบำบัดของกรมการแพทย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์ สงขลา ไม่ควรดูแลเองโดยใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งผลการพิจารณาดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบตามกำหนดเวลาต่อไป |
||||||||||||||||||
27716 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 30/07/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หลักเกณฑ์ และวิธีการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยลดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม ตามข้อ ๑ (๗) ของกฎกระทรวงฯ ลงร้อยละ ๕๐ จากค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมปีละ ๘๐ บาทต่อห้องพัก เหลือปีละ ๔๐ บาทต่อห้องพัก ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ เป็นระยะเวลา ๓ ปี ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับลดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าของการบริหารจัดการการจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวด้วย และเมื่อครบระยะเวลาการปรับลดค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมตามที่กำหนดในร่างกฎกระทรวงนี้แล้ว ควรปรับปรุงค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมเสียใหม่ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและคุ้มค่าต่อการบริหารจัดการการจัดเก็บค่าธรรมเนียม รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนให้สถานประกอบการโรงแรมมีการจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายควบคู่ไปกับการเข้มงวดกวดขันผู้ประกอบการด้าน Service Apartment ที่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. ๒๕๔๗ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง และให้กระทรวงการคลังจัดทำการปรับปรุงค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและเป็นธรรม แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
27717 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านการอารักขาพืชและกักกันพืช | กษ | 30/07/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านการอารักขาพืชและกักกันพืช ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังนี้ ๑.๑ การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านการอารักขาพืชและกักกันพืช ระหว่างสำนักงานตรวจสอบสุขภาพสัตว์และพืช (Animal and Plant Health Inspection Service, APHIS) กระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา และกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ราชอาณาจักรไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นความร่วมมือทางวิชาการในด้านสุขภาพพืช อารักขาพืช และกักกันพืช การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอารักขาพืชและกักกันพืชในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะการรายงานเกี่ยวกับการตรวจพบการระบาดการแจ้งให้ทราบในเวลาที่เหมาะสมเกี่ยวกับมาตรการสุขอนามัยพืชที่ประกาศใหม่ และการให้ข้อมูลมาตรการสุขอนามัยที่บังคับใช้ในปัจจุบัน การจัดประชุมทวิภาคีทางวิชาการเพื่อปรึกษาหารือความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาทางวิชาการเกี่ยวกับพืช อารักขาพืช กักกันพืช และสุขอนามัยพืช ๑.๒ ให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการอารักขาพืชและกักกันพืช ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ที่มิใช่สาระสำคัญ ให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเป็นผู้ใช้ดุลพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญต่อการจัดสรรเงินทุน ทรัพยากรและบุคลากรที่มีอยู่ การดำเนินการตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งส่งเสริมการบูรณาการและการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน นอกจากนี้ ในการดำเนินการต่าง ๆ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดผลกระทบต่อประเทศไทยในภาพรวมทั้งด้านการผลิตและการค้า เช่น มาตรการสุขอนามัยพืชที่อาจเป็นเครื่องมือกีดกันทางการค้า ระดับความเสี่ยงด้านศัตรูพืช และการอนุญาตนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรทดแทนภายในประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
27718 | ขอขยายเวลาแผนพัฒนางานด้านกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 (2005) ในช่วงปี พ.ศ. 2551 - 2555 | สธ | 30/07/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ขยายเวลาของแผนพัฒนางานด้านกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๘ (๒๐๐๕) ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๕ ออกไปจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๒ เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุขประสานงานกับส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อการจัดทำแผนกิจกรรมการพัฒนาสมรรถนะหลักตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๘ (๒๐๐๕) ประจำปี พร้อมทั้งติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินการเป็นระยะ ๆ ตามความเหมาะสม ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประเมินความสำเร็จในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายเมื่อครบกำหนดเวลาเพื่อแจ้งต่อองค์การอนามัยโลก การให้ความสำคัญกับแผนงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการตามแผนพัฒนางานด้านกฎอนามัยฯ เป็นไปในทิศทางเดียวกับแผนอื่น ๆ ที่ได้พัฒนาออกมาแล้ว อาทิ แผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ (๒๕๕๖-๒๕๕๙) แผนรับมือภาวะฉุกเฉินความปลอดภัยอาหารของประเทศไทย ปี ๒๕๕๕ เป็นต้น การพัฒนาความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นระหว่างประเทศเพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบรองรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพ การประเมินความต้องการบุคลากร ทรัพยากร ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานของแต่ละระดับ การจัดลำดับความสำคัญของเขตพื้นที่ที่ต้องเร่งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกำหนดตัวชี้วัดในแต่ละแผนงานกิจกรรม ปรับปรุงบทบาทของผู้ประสานงานในแต่ละด้านให้มีหน้าที่ควบคุม ติดตาม กำกับความก้าวหน้าในการดำเนินงาน มีการสื่อสารข้อมูลต่อสาธารณะ และการจัดให้มีกระบวนการรายงานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
27719 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบกำลังไฟฟ้าต่อเนื่องต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 30/07/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบกำลังไฟฟ้าต่อเนื่องต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบกำลังไฟฟ้าต่อเนื่องต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
27720 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง) | กค | 30/07/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้กิจการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เฉพาะการให้กู้ยืมแก่สมาชิกของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....