ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1360 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 27181 - 27200 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27181 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | พม | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. นางรัชนี สุดจิตร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายวิทัศน์ เตชะบุญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||
27182 | ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
27183 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | นร11 | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นางนิตยา กมลวัทนนิศา ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. นางชุตินาฏ วงศ์สุบรรณ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||
27184 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ (จำนวน 5 ราย 1. พลตำรวจโท ฉลอง สนใจ ฯลฯ) | นร04 | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๖ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกวาระหนึ่ง จำนวน ๕ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจโท ฉลอง สนใจ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย ๒. นายสุรชัย เบ้าจรรยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ๓. นายอนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๔. นายวิสา คัญทัพ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ๕. นางฉวีวรรณ คลังแสง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ
|
||||||||||||||||||
27185 | รายงานผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมกรณีการชุมนุมของชาวสวนยางและปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้ | คค | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมกรณีการชุมนุมของชาวสวนยางและปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๖ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดตั้งศูนย์ประสานงานคมนาคม (ศปส. คค.) เพื่อติดตามสถานการณ์ชุมนุมที่มีผลกระทบต่อการคมนาคมขนส่งทั้งทางถนน รถไฟ และอากาศยาน โดยมีปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นผู้อำนวยการศูนย์ หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัด และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรทำหน้าที่เลขานุการ กำหนดการประชุมในรูปแบบ Video Conference ระหว่างกระทรวงคมนาคมไปยังหน่วยงานในสังกัดทั้งส่วนกลางและในพื้นที่เป็นประจำทุกวัน เพื่อรายงานสถานการณ์และเตรียมมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้เดินทาง ตลอดจนประสานงานอย่างใกล้ชิดกับศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาการชุมนุมเรียกร้องราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน (ศปกย.) ของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธาน ๒. มาตรการที่ได้ดำเนินการเพื่อแก้ปัญหา ๒.๑ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ได้ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นแจ้งข้อมูลและแผนที่เส้นทางเลี่ยงจุดที่มีการชุมนุม ติดตั้งป้ายและตรวจสอบสภาพของเส้นทางเลี่ยงให้อยู่ในสภาพดี รวมทั้งมีการวางแผนเส้นทางการเดินรถรายวัน ๒.๒ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดการเดินรถสายใต้ถึงสถานีชุมทางทุ่งสงและจากสถานีพัทลุง-หาดใหญ่-สุไหงโกลก เส้นทางที่ขาดช่วง คือ จากชุมทางทุ่งสง-พัทลุง กรมการขนส่งทางบก และบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้จัดรถโดยสาร บขส. และรถร่วม บขส. มาให้บริการ ๒.๓ ในช่วงที่มีการชุมนุมบนทางหลวงหมายเลข ๔๑ ห่างจากบริเวณด้านหน้าของท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีเพียง ๑ กิโลเมตร กรมการบินพลเรือนได้ปิดประตูทางเข้าสนามบิน และจัดรถบริการรับ-ส่ง ผู้โดยสารที่จะเข้ามาในพื้นที่จากประตูทางเข้าไปยังอาคารผู้โดยสาร และกำหนดการเดินทางโดยใช้เส้นทางเลี่ยงท่าอากาศยาน-กองบินที่ ๗-ร้านอาหารวังกุ้ง เป็นเส้นทางเข้า-ออก จากท่าอากาศยาน มีรถรับ-ส่ง พร้อมแจกจ่ายแผนที่เส้นทางแก่ประชาชน สำหรับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ได้เตรียมหอบังคับการบินสำรอง ทำการซ้อมแผนและอบรมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน พร้อมอุปกรณ์การควบคุมการจราจรทางอากาศครบถ้วนสามารถเคลื่อนย้ายได้ทันทีหากมีการบุกยึดท่าอากาศยานและศูนย์ควบคุมการบินที่สุราษฎร์ธานี และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ติดตามเฝ้าระวังเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกเที่ยวบินใด ๆ และเตรียมความพร้อมเรื่องท่าอากาศยานสำรองไว้แล้ว
|
||||||||||||||||||
27186 | การแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ | กษ | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ ๒. เห็นชอบ อนุมัติ และรับทราบ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธาน กนย. เสนอ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี ๒๕๕๗ ที่ได้ปรับปรุงตามมติ กนย. ในการประชุมเมื่อวันที่ ๕ และวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ ในส่วนของการแก้ไขปัญหายางพาราระยะสั้นเร่งด่วน ประกอบด้วย ๒.๑.๑ จำนวนเกษตรกรและพื้นที่เป้าหมาย เป็นไปตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี ๒๕๕๗ ที่คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๖ (เรื่อง โครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี ๒๕๕๗) ให้ความเห็นชอบ คือ เกษตรกรเป้าหมาย ๙๙๑,๗๑๗ ราย พื้นที่เป้าหมาย ๘.๙๗ ล้านไร่ รวมทั้งเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ์ตามหนังสือกรมป่าไม้ ที่ ทส ๑๖๐๒.๕/๕๕๒๗ ลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕ ๒.๑.๒ เงื่อนไข คือ ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยจ่ายเงินชดเชยแก่เกษตรกรที่มีพื้นที่ยางเปิดกรีด และต้นยางอายุไม่เกิน ๒๕ ปี โดยต้องเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์หรือสิทธิทำกินในพื้นที่นั้น ซึ่งรวมถึงประเภทเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งเป็นที่ยอมรับของกรมป่าไม้ตามหนังสือกรมป่าไม้ ที่ ทส ๑๖๐๒.๕/๕๕๒๗ ลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕ ๒.๒ อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อการดำเนินงานตามแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้นของโครงการฯ วงเงิน ๒๑,๒๔๘.๙๕ ล้านบาท โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรตรวจสอบเอกสารหลักฐานเกษตรกรที่จะได้รับความช่วยเหลือตามโครงการฯ และรวบรวมส่งสำนักงบประมาณ พร้อมทั้งจัดทำคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณในคราวเดียวกัน และให้ถือว่าคำขอดังกล่าวเป็นคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมสำเนาส่ง ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ ๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมหารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางสำหรับพื้นที่ที่นอกเหนือจากข้อ ๒.๑.๒ ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายต่อไป ๒.๔ เห็นชอบการเพิ่มเติมผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยาง ๒ คน คือ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และประธานเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการใน กนย. ๒.๕ รับทราบผลการพิจารณาทบทวนการเก็บเงินสงเคราะห์ (เงิน Cess) ซึ่งคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง ในการประชุมเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ มีมติเห็นชอบให้งดเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ (เงิน Cess) เป็นเวลา ๔ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยออกประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๖ ๓. ให้ใช้กรอบวงเงินเพื่อการดำเนินงานตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราในระยะสั้นที่สำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นชอบแล้ว จำนวน ๒๑,๒๔๘.๙๕ ล้านบาท โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมการเกษตร) เร่งรัดขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และให้สำนักงบประมาณ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานและเร่งรัดการดำเนินการในขั้นตอนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรถึงมือเกษตรกรโดยเร็วที่สุด |
||||||||||||||||||
27187 | รายงานผลกระทบด้านการท่องเที่ยวจากการชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรยางพารา ระหว่างวันที่ 3 - 6 กันยายน 2556 | กก | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลกระทบด้านการท่องเที่ยวจากการชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรยางพารา ระหว่างวันที่ ๓-๖ กันยายน ๒๕๕๖ โดยการสอบถามจากผู้ประกอบการที่พักในพื้นที่ ๑๒ จังหวัดภาคใต้ พบว่า การชุมนุมปิดถนนของกลุ่มเกษตรกรยางพาราส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวใน ๕ จังหวัด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ ๔๗๕ ล้านบาท โดยจังหวัดที่มีมูลค่าความเสียหายสูงสุด คือ นครศรีธรรมราช ประมาณ ๑๕๘ ล้านบาท รองลงมาได้แก่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร พัทลุง และประจวบคีรีขันธ์ ตามลำดับ ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ได้รับผลกระทบน้อยมาก โดยส่วนใหญ่เป็นปัญหาความล่าช้าในการเดินทาง การขอเลื่อนและการยกเลิกการประชุมสัมมนาของหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดภาคใต้
|
||||||||||||||||||
27188 | สถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกรกฎาคม และแนวโน้มปี 2556 | นร11 | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ และแนวโน้มปี ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ๑.๑ ภาวะเศรษฐกิจไทยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญ (หลังปรับปัจจัยฤดูกาล) ในเดือนกรกฎาคม ยังคงแสดงถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัว โดยเฉพาะดัชนีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม และจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตามมูลค่าการส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ๑.๒ ภาวะเศรษฐกิจไทยเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ เครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ ทั้งด้านการใช้จ่ายและการผลิตยังคงปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๖ และอัตราการว่างงานที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ดุลการค้าเกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๓ แม้ว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุลก็ตาม ๑.๓ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๖ อัตราการว่างงานในเดือนมิถุนายน อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ ๐.๖ ดุลการค้าเกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๓ แต่ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล ๑.๔ สถานการณ์ด้านการคลัง การจัดเก็บรายได้สุทธิของรัฐบาลในเดือนกรกฎาคม สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม การเบิกจ่ายจากงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่หนี้สาธารณะทรงตัว ๑.๕ สถานการณ์ด้านการเงิน ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ สินเชื่อและเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ยังคงขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ทรงตัวตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ในขณะที่การชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นของสถาบันการเงินทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกสุทธิ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๖ มีแนวโน้มขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๘-๔.๓ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีในช่วงร้อยละ ๒.๓-๒.๘ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๐.๓ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
|
||||||||||||||||||
27189 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและอุทกภัยของประเทศไทยประจำสัปดาห์ | นร01 | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) และประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและอุทกภัยของประเทศไทยประจำสัปดาห์ ณ วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๖ ดังนี้
๑. เฝ้าระวังฝนตกหนัก ช่วงวันที่ ๔-๖ กันยายน ๒๕๕๖ ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู นครพนม สกลนคร หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากร่องมรสุมจะมีกำลังแรงขึ้นและเลื่อนลงมาพาดผ่านบริเวณดังกล่าว ๒. เฝ้าระวังฝนตกหนัก ช่วงวันที่ ๗-๙ กันยายน ๒๕๕๖ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร พิจิตร สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพฯ และปริมณฑล สระแก้ว ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่าน ประกอบกับมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้มีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักในพื้นที่ดังกล่าว ๓. แผนการระบายน้ำ ช่วงวันที่ ๒-๘ กันยายน ๒๕๕๖ เนื่องจากปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างเก็บน้ำมีค่อนข้างน้อย จึงจำเป็นต้องเก็บกักน้ำให้มากที่สุดเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในกรณีฝนทิ้งช่วง กรมชลประทานร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยพิจารณาแล้วเสนอให้คงการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพลวันละ ๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ลดการระบายน้ำลงเหลือวันละ ๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงวันที่ ๒-๔ กันยายน ๒๕๕๖ หลังจากนั้นจะเพิ่มการระบายเป็นวันละ ๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงวันที่ ๕-๘ กันยายน ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||
27190 | การแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหายางพารา | นร04 | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๔๖/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหายางพารา ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการและอำนาจหน้าที่ ดังนี้
๑. องค์ประกอบของคณะกรรมการ ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก) เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) เป็นรองประธานกรรมการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายวราเทพ รัตนากร) ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นกรรมการ โดยมีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (พลตำรวจตรี ธวัช บุญเฟื่อง) เป็นกรรมการและเลขานุการ และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์) เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๒. อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ พิจารณาสภาพปัญหาและความเดือดร้อนของผู้เกี่ยวข้องกับกิจการยางพารา และหารือร่วมกันกับตัวแทนผู้เกี่ยวข้องกับกิจการยางพาราทุกภาคส่วน เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายและสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนโดยให้กิจการยางพารามีเสถียรภาพ แล้วเสนอแนะข้อคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ และคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
27191 | การเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดลพบุรี | นร11 | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. โครงการในการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ จำนวน ๔ จังหวัด (จังหวัดลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท) ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดลพบุรี ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ ๑.๑ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ ได้แก่ โครงการศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์จากวัสดุท้องถิ่นเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน โครงการพัฒนาสวนน้ำเพื่อสุขภาพและการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ โครงการส่งเสริมสหกรณ์การตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัย กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังและเตือนภัยจากน้ำ โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวระดับชั้นพันธุ์หลักและชั้นพันธุ์ขยายเพื่อเสริมสร้างระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของกลุ่มจังหวัดภาคกลาง และโครงการพัฒนาและบูรณะทางหลวงเพื่อความปลอดภัย และเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ๑.๒ จังหวัดลพบุรี ได้แก่ โครงการก่อสร้างศูนย์ส่งเสริม บริการเยาวชนและผู้สูงวัย (จังหวัดลพบุรี) โครงการดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม แบบ long term care โครงการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำจังหวัดลพบุรีด้วยแบบจำลองสามมิติทางภูมิศาสตร์และระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) อัจฉริยะ โครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อสนับสนุนเกษตรกรทำการเกษตรอาหารปลอดภัย โครงการยกระดับเขตเมืองเก่าลพบุรีเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในระดับภูมิภาคอาเซียน และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบกระจายน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ (วังแขม) ๑.๓ จังหวัดอ่างทอง ได้แก่ โครงการพัฒนาบ่อทรายให้เป็นแก้มลิง โครงการบริหารจัดการน้ำในเขตชุมชนบ้านรอเทศบาลเมืองอ่างทองเพื่อป้องกันอุทกภัย โครงการบริหารจัดการน้ำในเขตชุมชนบางแก้วและโรงพยาบาลอ่างทอง เทศบาลเมืองอ่างทอง เพื่อป้องกันอุทกภัย โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวตามวิถีชีวิตชุมชนคนลุ่มแม่น้ำน้อย โครงการรักษาเสถียรภาพต้นทุนผลผลิตทางการเกษตรของสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกร และโครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงหนองเจ็ดเส้นอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “อุทยานสวรรค์ ๑๑๕ ปี อ่างทอง หนองเจ็ดเส้น เฉลิมพระเกียรติฯ” เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน ๑.๔ จังหวัดสิงห์บุรี ได้แก่ พัฒนาค่ายบางระจันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ พัฒนาและปรับปรุงศูนย์การเรียนรู้เกษตรปลอดภัยในพื้นที่โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหมู่ที่ ๕ ตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ๑.๕ จังหวัดชัยนาท ได้แก่ โครงการเมืองเมล็ดพันธุ์ข้าวชัยนาท โครงการส่งเสริมการปลูกอ้อยทดแทนการปลูกข้าว ตามนโยบายเกษตร Zoning ๒. การประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค (กรอ.ภูมิภาค) กำหนดในวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๖ ณ ห้องประชุมชั้น ๓ อาคาร ๙๐ ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จังหวัดลพบุรี
|
||||||||||||||||||
27192 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารระดับสูง) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (กระทรวงยุติธรรม) (นายธาริต เพ็งดิษฐ์) | ยธ | 10/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๒ จะครบกำหนด ๔ ปี ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||
27193 | ยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ | รง | 03/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๓ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ มีมติเห็นชอบผลการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังแรงงานฯ โดยกรอบแนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ มีปัจจัยสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ ๓ ประการ ได้แก่ การพัฒนาคน การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการพัฒนา Supply Chain ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังแรงงานให้มีสมรรถนะในระดับมาตรฐานสากล ยุทธศาสตร์การพัฒนามาตรฐานวิชาชีพ/มาตรฐานฝีมือแรงงานและมาตรฐานสมรรถนะ ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านแรงงานของตลาดแรงงานและความต้องการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานและการพัฒนาเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงาน และยุทธศาสตร์การจัดตั้งสถาบันพัฒนาทรัพยากรบุคคลระดับกลางและสูงในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานและบูรณาการเพื่อดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ที่เห็นควรให้แต่ละยุทธศาสตร์มีการเตรียมมาตรการรองรับหากเกิดกรณีการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีภายหลังเปิดประชาคมอาเซียนปี ๒๕๕๘ การเปิดโอกาสและสนับสนุนให้หน่วยงานในภาคเอกชนที่มีความพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษามากขึ้นเพื่อสามารถผลิตคนในเชิงปริมาณและคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของตลาด การส่งเสริมความร่วมมือในรูปแบบทวิภาคีระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์กับสถาบันการศึกษาด้านอาชีวศึกษาและด้านพัฒนาฝีมือแรงงานอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง รวมทั้งการเร่งเพิ่มผลิตภาพแรงงานให้สอดคล้องกับค่าตอบแทนและการนำเทคโนโลยีและเครื่องจักรเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตที่ทันสมัยขึ้น การส่งเสริมบทบาทผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ให้เป็นผู้นำการกำหนดทิศทางความต้องการกำลังคนทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ และการประสานความร่วมมือและการดำเนินงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อหลีกเลี่ยงการมีกลไกระดับชาติที่ซ้ำซ้อนกัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
27194 | ยุทธศาสตร์การบูรณาการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุน ทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. 2556 - 2558 | ปง | 03/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การบูรณาการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ ตามมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๖ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ โดยมีกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินการ ดังนี้
๑. เร่งสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศาล อัยการ ตำรวจ ทหาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ หน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งระดับชาติและระดับพื้นที่ ๒. ประสานงานกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามความผิดมูลฐาน และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายนำมาตรการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม ๓. ประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำความผิด รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเข้าใจว่ามีกฎหมายใหม่ออกมาบังคับใช้ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการแจ้งข้อมูลเบาะแส พฤติการณ์ของบุคคล กลุ่มบุคคล หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ๔. เร่งรัดการดำเนินการประกาศรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดตามมติหรือประกาศภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และตามที่ศาลมีคำสั่ง ซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๔ และรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนดตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. ๒๕๕๖ ๕. บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการข่าว การสืบสวน สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งการปฏิบัติการตรวจค้น จับกุม การยึด/อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ๖. การดำเนินการกับผู้กระทำความผิดมูลฐานและความผิดฐานฟอกเงิน และดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอย่างจริงจังและเข้มงวด ๗. ติดตามประเมินผลการปฏิบัติและรายงานผลต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทุกระยะ เพื่อทราบความคืบหน้าและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการเพื่อเป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาและพัฒนานโยบายต่อไป |
||||||||||||||||||
27195 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพธิ์สัย และตำบลสวนจิก อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 03/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพธิ์สัย และตำบลสวนจิก อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพธิ์สัย และตำบลสวนจิก อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน เนื้อที่ ๔๖๖-๑-๑๙ ไร่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพิจารณาหลักเกณฑ์ในการจัดสรรที่ดินให้ราษฎรอย่างเหมาะสมโดยมีส่วนร่วมจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งของราษฎรภายหลัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
27196 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 03/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังต่อไปนี้
๑. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์
|
||||||||||||||||||
27197 | ขออนุมัติวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในการจ้างเหมาทำการก่อสร้างสายแยกทางหลวงหมายเลข 3 (บางปู) - บ้านคลองกระบือ ตอน 3 | คค | 03/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้างสายแยกทางหลวงหมายเลข ๓ (บางปู)-บ้านคลองกระบือ ตอน ๓ จังหวัดสมุทรปราการ ตามค่างานในส่วนของกรมทางหลวง วงเงิน ๑,๑๑๗,๔๔๘,๓๕๖.๑๙ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน ๒๒๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๘๙๓,๔๔๘,๓๕๖.๑๙ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ ๒. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสายทางดังกล่าว จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓. ให้กรมทางหลวงดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖) |
||||||||||||||||||
27198 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2557 | กค | 03/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ รวมวงเงินทั้งสิ้น ๑,๒๕๓,๑๓๔.๔๘ ล้านบาท ประกอบด้วย ๓ แผนย่อย ได้แก่ แผนการก่อหนี้ใหม่ รวม ๔๖๒,๕๑๙.๕๒ ล้านบาท แผนการปรับโครงสร้างหนี้ รวม ๖๖๑,๘๐๙.๐๘ ล้านบาท และแผนการบริหารความเสี่ยง รวม ๑๒๘,๘๐๕.๘๘ ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๖๘,๓๖๕.๒๘ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้ฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งรัดการติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายการใช้เงินกู้ของหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกู้ตามแผนการบริหารหนี้ฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงปี ๒๕๕๗ ให้ขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ รวมทั้งให้ความสำคัญกับโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ภายในปีงบประมาณนั้น ๆ โดยการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ฯ ต้องยึดหลักการรักษาวินัยทางการคลังให้สอดคล้องกับกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และเนื่องจากปัจจุบันสภาพคล่องส่วนเกินในประเทศยังอยู่ในระดับสูง จึงเห็นควรให้หน่วยงานพิจารณากู้เงินในประเทศเป็นลำดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
27199 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2554 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค | 03/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งมีประมาณการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ จำนวน ๒,๑๓๖.๕๗๐ ล้านบาท และ ๔๒๔.๗๔๘ ล้านบาท ตามลำดับ ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ รฟท. ดำเนินการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ งวดที่ ๒ จำนวน ๘๑๐.๙๗๐ ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับผลการประเมินค่าตัวชี้วัดในบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๒ ให้ ขสมก. ดำเนินการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ งวดที่ ๒ จำนวน ๒๔.๑๘๓ ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับผลการประเมินค่าตัวชี้วัดในบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ๑.๓ ให้ รฟท. และ ขสมก. รับข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ สาขาขนส่งทางบก ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะทราบ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนัย ข้อ ๗ (๓) และ ๗ (๕) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. ให้ รฟท. และ ขสมก. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการตามความเห็นของคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ สาขาขนส่งทางบก โดยเฉพาะการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การเร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างและซ่อมบำรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการดำเนินโครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน ๓,๑๘๓ คัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร และให้ รฟท. เร่งรัดปิดบัญชีให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจรับรองให้ทันกับปีปัจจุบัน รวมทั้งเร่งรัดการจัดทำแผนบริหารจัดการกิจการรถไฟไทยที่ รฟท. ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นที่ปรึกษาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อใช้เป็นฐานในการขอรับเงินอุดหนุน และเพื่อประโยชน์ในการวางแผนบริหารจัดการหรือกำหนดทิศทางการดำเนินงานขององค์กรในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
27200 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายทวี ตั้งเสรี) | สธ | 03/09/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายทวี ตั้งเสรี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) กลุ่มงานการแพทย์ กลุ่มบริการทางการแพทย์ โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
.....