ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1353 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 27041 - 27060 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27041 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในท้องที่บางแห่ง ในเขตเทศบาลตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... | มท | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่ง ในเขตเทศบาลตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27042 | การดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง | มท | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานข้อมูลการดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง ๑.๑ การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องที่ลงนามความตกลงแล้วในปัจจุบันมี ๒๙ จังหวัด ที่ได้ดำเนินการส่งเสริมความร่วมมือในรูปแบบเมืองพี่เมืองน้องกับต่างประเทศ ๑๔ ประเทศ (๕๗ คู่ภาคี) ๑.๒ จังหวัด/เมือง ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการริเริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ โดยมีจังหวัดที่อยู่ระหว่างการริเริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ จำนวน ๑๑ คู่ ๑.๓ กิจกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ จำนวน ๑๓ จังหวัดของไทยกับ ๒๓ จังหวัด/เมืองของต่างประเทศคู่ภาคี ๒. การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทยเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานให้บรรลุผลอย่างมีคุณภาพ ๒.๑ จัดทำโครงการสัมมนาเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่จังหวัดชายแดนเพื่อการรองรับประชาคมอาเซียนและการส่งเสริมทักษะด้านการเจรจาต่อรอง และการจัดประชุม ระหว่างวันที่ ๒๗-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เพื่อเพิ่มทักษะและประสบการณ์แก่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบงานกิจการชายแดนและงานวิเทศสัมพันธ์ในเรื่องนโยบายต่างประเทศของประเทศไทยเกี่ยวกับแนวโน้ม ทิศทาง นโยบายการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งนโยบายการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง ๒.๒ แจ้งจังหวัดทุกจังหวัดที่ประสงค์จะดำเนินงานสร้างความสัมพันธ์ให้รับทราบแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องกับต่างประเทศในระดับจังหวัด ๒.๓ แจ้งให้ ๒๙ จังหวัดที่ได้ลงนามสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องกับจังหวัดในต่างประเทศ รายงานข้อมูลการดำเนินการเพื่อนำเสนอรายงานผู้บังคับบัญชา และใช้เป็นข้อมูลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ ๒.๔ แจ้งจังหวัดทุกจังหวัดว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ความสำคัญและส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศในระดับจังหวัดของไทยกับจังหวัด/เมืองของต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อพัฒนาความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา และการท่องเที่ยว รวมทั้งให้จังหวัดที่จะสถาปนาความสัมพันธ์คำนึงถึงหลักเกณฑ์ความเหมาะสม/การเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดที่จังหวัดและประเทศไทยจะได้รับ
|
||||||||||||||||||||||||
27043 | รัฐบาลสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายทอมัส ดี. คิจิเนอร์ (Mr. Thomas D. Kijiner)] | กต | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายทอมัส ดี. คิจิเนอร์ (Mr. Thomas D. Kijiner) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27044 | เอกสารสำคัญที่จะรับรองในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 21 และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 25 | กต | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๑ และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีรับรองเอกสารดังกล่าวในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๑ ระหว่างวันที่ ๗-๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ เกาะบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๑.๒ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๕ และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๕ ระหว่างวันที่ ๔-๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ เกาะบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ร่างปฏิญญาฯ และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในเชิงนโยบายเกี่ยวกับความร่วมมือและส่งเสริมการเปิดตลาดการค้า การลงทุน และการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของภูมิภาค รวมทั้งส่งเสริมความเชื่อมโยงในด้านต่าง ๆ ระหว่างเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการรับรอง เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกี่ยวกับการปฏิบัติตามปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคฯ ที่จะลดอัตราภาษีรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปคให้เหลือร้อยละ ๕ หรือต่ำกว่า ภายในปี ๒๕๕๘ โดยในส่วนของประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงานจัดทำแผนการปรับปรุงภาษีศุลกากรเพื่อเปิดเสรีทางการค้า เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและแนวทางในการดำเนินการลดภาษีรายการสินค้าดังกล่าวแต่ละรายการ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงผลกระทบโดยรวมต่ออุตสาหกรรม เนื่องจากการดำเนินการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมตามแถลงการณ์ของผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค จะลดเป็นการทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะกับเขตเศรษฐกิจที่เป็นสมาชิกเอเปคเท่านั้น และในการดำเนินการลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมเอเปคดังกล่าว ให้รับฟังความเห็นจากภาคอุตสาหกรรมและภาคเอกชน รวมทั้งพิจารณามาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27045 | ขออนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกหารือทางการเมืองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและการเคลื่อนย้ายประชากรแห่งสาธารณรัฐเอกวาดอร์ | กต | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทางการเมืองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและการเคลื่อนย้ายประชากรแห่งสาธารณรัฐเอกวาดอร์ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบของการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระดับรัฐมนตรีหรือระดับอื่นที่ได้รับมอบหมายโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของคู่ภาคีทุกสองปี โดยประเด็นการหารือครอบคลุมความสัมพันธ์ทวิภาคีประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
27046 | ขออนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวง การต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐโคลอมเบีย | กต | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐโคลอมเบีย โดยสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบของการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศของราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐโคลอมเบียในลักษณะเปิดกว้าง โดยทั้งสองฝ่ายสามารถกำหนดวาระการหารือระดับหัวหน้าคณะ ช่วงเวลา สถานที่หารือ ตลอดจนประเด็นหารือต่าง ๆ ให้ครอบคลุมความสัมพันธ์ทวิภาคี ประเด็นระหว่างประเทศ และอื่น ๆ ตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นเหมาะสม ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
27047 | ขออนุมัติจัดทำความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเอกวาดอร์ | กต | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเอกวาดอร์ (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Ecuador on the Exemption of Visa Requirements for Holders of Diplomatic and Service/Official Passports) โดยความตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและการติดต่อราชการระหว่างเจ้าหน้าที่การทูตและข้าราชการของทั้งสองฝ่าย โดยสามารถพำนักในรัฐภาคีเป็นเวลา ๓๐ วัน ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มพูนความร่วมมือและยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในความตกลงฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
27048 | การใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ไปพลางก่อน | นร07 | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไปพลางก่อน เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และสภากาชาดไทย จ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ อันเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จนกว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จะประกาศใช้บังคับ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยมีสาระสำคัญของหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
๑. วงเงินงบประมาณที่อนุญาตให้ใช้จ่าย ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และสภากาชาดไทย ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินกึ่งหนึ่งของแต่ละแผนงานตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑.๒ งบประมาณรายจ่ายงบกลาง และงบประมาณรายจ่ายเพื่อเป็นกองทุนหรือเงินทุนหมุนเวียน ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินกึ่งหนึ่งของแต่ละรายการงบกลาง และรายการงบประมาณรายจ่ายสำหรับกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑.๓ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ หรือที่มีการรวมการโอนหรือการยุบในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินจำนวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายแต่ละแผนงานที่สำนักงบประมาณกำหนดให้ในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒. กรณีที่มีความจำเป็นต้องจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในข้อ ๑ ให้สำนักงบประมาณมีอำนาจจัดสรรงบประมาณได้ตามความจำเป็นไม่เกินจำนวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายตามแผนงานหรือรายการของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เฉพาะกรณีมีข้อผูกพันตามสัญญา กรณีต้องดำเนินการตามข้อตกลงที่รัฐบาลทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ สถาบันการเงินระหว่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ และกรณีมีความจำเป็นและเร่งด่วน ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ๓. งบประมาณรายจ่ายที่จัดสรรให้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในข้อ ๑ และข้อ ๒ ให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งต้องหักออกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และสภากาชาดไทย รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายงบกลางและงบประมาณรายจ่ายกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ประกาศใช้บังคับแล้ว ๔. การบริหารงบประมาณรายจ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขนี้ ให้เป็นไปตามวิธีปฏิบัติที่สำนักงบประมาณกำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
27049 | ขออนุมัติดำเนินโครงการควบคุมและกำจัดศัตรูมะพร้าว (หนอนหัวดำ) แบบครอบคลุมพื้นที่ โดยการใช้สารเคมีฉีดเข้าลำต้น | กษ | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ดำเนินโครงการควบคุมและกำจัดศัตรูมะพร้าว (หนอนหัวดำ) แบบครอบคลุมพื้นที่ โดยการใช้สารเคมีฉีดเข้าลำต้น วงเงิน ๒๙๐.๘๖๓ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับแผนปฏิบัติงานให้ครอบคลุมพื้นที่ระบาดทุกพื้นที่ จัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายงวดเพื่อทำความตกลงในรายละเอียดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ และรายงานผลการดำเนินงานระยะที่ ๑ ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยทันทีก่อนดำเนินการระยะที่ ๒ ต่อไป ๑.๒ ให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่กำกับ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินโครงการฯ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีในการติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการฯ ๑.๓ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่งทำการศึกษาวิจัย เพื่อหาแนวทางเพิ่มเติมในการควบคุมและกำจัดศัตรูมะพร้าว รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีมาตรการกำกับดูแล ควบคุม และติดตามผลการดำเนินงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สารเคมี ไปพิจารณา โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องสารเคมีตกค้างจากการใช้สารเคมีฉีดเข้าลำต้น เพื่อมิให้ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินโครงการควบคุมและกำจัดศัตรูมะพร้าว (หนอนหัวดำ) โดยใช้สารเคมีฉีดเข้าลำต้นในพื้นที่ที่มีการระบาดของหนอนหัวดำอย่างรุนแรง โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน ๑๒๓,๖๒๔,๘๐๐ บาท และให้ประสานการดำเนินการกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเมินผลการดำเนินการและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ก่อนที่จะดำเนินการในระยะต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
27050 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและเช่าบ้านพักข้าราชการประจำในต่างประเทศ | พณ | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ รายการค่าเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและค่าเช่าบ้านพักข้าราชการประจำในต่างประเทศ โดยมีวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๓๐,๘๘๔,๔๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๒๒,๘๑๐,๔๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๘,๐๗๔,๐๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่นของแต่ละแห่งกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ในการทำสัญญาเช่าให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) กำหนดเงื่อนไขในการยกเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในกรณีที่จะย้ายไปใช้พื้นที่ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ของไทยในอนาคตตามนโยบายการใช้พื้นที่ร่วมกัน (One Roof Policy) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณกรณีเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครนิวยอร์ก) และให้กระทรวงพาณิชย์นำสำเนาสัญญาเช่าเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27051 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลในเมือง และตำบลสะเดียง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลในเมือง และตำบลสะเดียง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลในเมือง และตำบลสะเดียง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลในเมือง และตำบลสะเดียง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27052 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 เรื่อง แผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร | นร11 | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ เรื่อง แผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปรับปรุงแผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดประชุมหารือการปรับปรุงแผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้หน่วยงานพิจารณาทบทวนแผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร ใน ๓ กรณี ได้แก่ การเพิ่มเติมโครงการที่สอดคล้องกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการตรวจเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และมติคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ การเพิ่มเติมโครงการอื่นสมควรดำเนินการในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙ เพื่อให้การแก้ไขปัญหามาบตาพุดมีความครบถ้วนสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการทบทวนโครงการเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ ภายใต้แผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร โดยหากยังไม่ได้รับงบประมาณและยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการ ให้ปรับปรุงรายละเอียดโครงการและแผนการใช้งบประมาณเป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙ เพื่อให้เป็นปัจจุบัน ๒. การแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๑๖๔/๒๕๕๖ แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นประธานกรรมการ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาเสนอแนะแนวทางและมาตรการในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกต่อคณะรัฐมนตรี และกำกับดูแล ประสานงาน และเร่งรัดติดตามการดำเนินงานของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
27053 | การจัดทำสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย | พณ | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ รายการค่าเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก ๑ แห่ง โดยมีวงเงินก่อหนี้ผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๔๓,๑๑๐,๔๖๒ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ผลผลิตการพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ งบดำเนินงาน (ค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ) จำนวน ๑๔,๓๗๐,๑๕๔ บาท ส่วนงบประมาณที่เหลือให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามสัญญาเช่าต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการทำบันทึกต่อท้ายสัญญาเช่าที่ดินและการเบิกค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดิน และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้เร่งพิจารณาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ที่มีอยู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) เน้นการดำเนินงานและใช้ประโยชน์อาคารที่ตั้งอยู่ในที่ดินที่เช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทยดังกล่าว เพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริม สนับสนุน และบ่มเพาะผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้มีความเข้มแข็ง รวมทั้งเป็นศูนย์แสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ของ SMEs และของโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อสนับสนุนการส่งออกด้วย ๔. ให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างใต้เขตทางพิเศษในสายทางต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
27054 | การเข้าเป็นภาคีความตกลงว่าด้วยไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ ค.ศ. 2006 | ทส | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงว่าด้วยไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ ค.ศ. ๒๐๐๖ (International Tropical Timber Agreement 2006 : ITTA 2006) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน ทั้งนี้ ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการเข้าเป็นภาคี ITTA 2006 คือ ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีในเวทีสากลในการจัดการทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน ได้โอกาสในการเข้าร่วมกำหนดนโยบายการดำเนินงานขององค์การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ (International Tropical Timber Organization : ITTO) ได้รับข้อมูลข่าวสารด้านการป่าไม้ในเขตร้อนเพื่อใช้ประโยชน์ในการวางแผนรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านป่าไม้ในเขตร้อน และได้รับสิทธิในการเสนอโครงการต่าง ๆ เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินช่วยเหลือจาก ITTO เพื่อความร่วมมือทางวิชาการในการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของประเทศในการบริหารจัดการการวิจัยพัฒนาและอื่น ๆ ด้านป่าไม้ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามขั้นตอนการเข้าร่วมเป็นภาคี ITTA 2006 ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญต่อการวางแผนดำเนินการเพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านการมีโอกาสร่วมกำหนดนโยบายการดำเนินงานของ ITTO การได้รับข้อมูลข่าวสารด้านป่าไม้เขตร้อน การได้รับสิทธิในการเสนอโครงการเพื่อขอรับเงินสนับสนุนจาก ITTO เพื่อประโยชน์ด้านวิชาการ การบริหารจัดการ การวิจัยและพัฒนา และการพัฒนาขีดความสามารถของไทย รวมทั้งควรกำหนดเป็นเงื่อนไขในการลงนามเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงฯ กรณีที่ ITTO ได้มีหนังสือยืนยันว่าจะไม่มีแผนการจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทย และจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติการตั้งฐานที่มั่นถาวรในประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27055 | การประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 (CITES CoP16) และการประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาฯ ครั้งที่ 63 และครั้งที่ 64 | ทส | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES CoP16) และการประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาฯ ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าวในระหว่างวันที่ ๓-๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ โดยมีผลการประชุมที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ได้แก่ ข้อเสนอให้บรรจุไม้พะยูง (Dalbergia cochinchinensis) อยู่ในบัญชี ๒ ข้อเสนอขอปรับลดบัญชีจระเข้น้ำจืด (Crocodylus siamensis) และจระเข้น้ำเค็ม (Crocodylus porosus) ของประเทศไทยจากบัญชี ๑ เป็นบัญชี ๒ การควบคุมการค้างาช้างภายในประเทศ การจัดทำรายงานผลการจับกุมการลักลอบฆ่าและค้าสัตว์ตระกูลแมวใหญ่ของเอเชีย (Asian big cats) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร ครั้งที่ ๖๕ (กรกฎาคม ๒๕๕๖) การปรับคำนิยามในเรื่องการขยายพันธุ์เทียมที่จำเพาะสำหรับไม้กฤษณา การกำหนดให้วันที่ ๓ มีนาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันที่อนุสัญญา CITES ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๑๖ เป็นวันสัตว์ป่าโลก (World Widlife Day) และการเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายการบังคับใช้กฎหมายภูมิภาคอาเซียนในเรื่องการป้องกันการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายหรือ ASEAN-WEN รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมาย ๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามผลการประชุม CITES CoP16 และให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ ๖๘ กำหนดให้วันที่ ๓ มีนาคมของทุกปี เป็นวันสัตว์ป่าโลก (World Wildlife Day) ๑.๓ เห็นชอบต่อร่างแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ ซึ่งจัดทำโดยคณะทำงานจัดทำร่างแผนปฏิบัติการงาช้างฯ เพื่อแก้ไขปัญหาการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายตามพันธกรณีแห่งอนุสัญญา CITES โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานเพื่อการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการดังกล่าว และให้ปรับแก้ร่างแผนปฏิบัติการดังกล่าวในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญได้ พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับเป้าหมายของแผนปฏิบัติการฯ ส่วนหนึ่งมุ่งไปสู่การยุติการค้างาช้างในอนาคต ซึ่งข้อมูลจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้เกี่ยวข้องซื้อขายงาช้างที่ไม่เห็นด้วยในการห้ามซื้อขายงาช้างเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ในร่างแผนปฏิบัติการฯ ควรจะมีการศึกษาในเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจการค้างาช้างในปัจจุบัน เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการยุติการค้างาช้าง หรือเสนอทางออกที่เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติและผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27056 | ขออนุมัติลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร | กษ | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร (Memorandum of Understanding between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the Government of the People’s Republic of China on Food and Agriculture Cooperation) โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาศักยภาพ การวิจัยและพัฒนา และการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านอาหารและการเกษตร รวมทั้งความมั่นคงด้านอาหาร เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ และการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการด้านอาหารและการเกษตรระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๒ อนุมัติในหลักการว่าก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนซึ่งเป็นผู้ลงนาม และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือตามบันทึกความเข้าใจฯ ที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางในการผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศภาคี โดยเฉพาะการพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว การเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันภาคเกษตร การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงสร้างโอกาสในการขยายตลาด รวมทั้งแก้ไขร่างคำแปลบันทึกความเข้าใจฯ ในหน้า ๔ ย่อหน้าสุดท้าย ที่ว่า “คริสต์ศักราชสองพันห้าร้อยสิบสาม” เป็น “คริสต์ศักราชสองพันสิบสาม” ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27057 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมสถานีสูบน้ำคลองครุ โครงการส่งน้ำและ บำรุงรักษาภาษีเจริญ จังหวัดสมุทรสาคร | กษ | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมสถานีสูบน้ำคลองครุ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาภาษีเจริญ จังหวัดสมุทรสาคร จากกรอบวงเงินงบประมาณเดิม ๔๗,๙๔๐,๐๐๐ บาท เป็น ๕๔,๗๓๕,๑๗๗.๐๔ บาท ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมสถานีสูบน้ำคลองครุ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาภาษีเจริญ จังหวัดสมุทรสาคร จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๗ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรดำเนินการควบคุม ติดตามเร่งรัดการดำเนินการของผู้รับจ้างดำเนินการในทุกโครงการอย่างเคร่งครัดให้สามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในแผนดำเนินงานของโครงการนั้น ๆ เพื่อป้องกันความล่าช้าหรือการทิ้งงานของผู้รับจ้างฯ ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนล่าช้าออกไป รวมทั้งสร้างภาระแก่ภาครัฐในการจัดหางบประมาณเพิ่มเติมในการดำเนินการโครงการ ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมสถานีสูบน้ำคลองครุ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาภาษีเจริญ จังหวัดสมุทรสาคร ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27058 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และ พ.ศ. 2553 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ พ.ศ. ๒๕๕๓ ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป และให้กระทรวงพลังงานเปิดเผยรายงานในเรื่องนี้ต่อสาธารณชนต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑.๑ ผลการดำเนินงาน ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่ ๑ การออกใบอนุญาตกำกับดูแลและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้พลังงาน ชุมชน และประเทศชาติ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การส่งเสริมการประกอบกิจการและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การส่งเสริมการบริหารจัดการที่ดีและการแข่งขันในกิจการพลังงาน ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การส่งเสริมโครงสร้างพลังงานของประเทศให้มีความมั่นคง เชื่อถือได้ และปลอดภัย ยุทธศาสตร์ที่ ๕ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบพลังงาน และยุทธศาสตร์ที่ ๖ การพัฒนาองค์กรสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูง และภาพลักษณ์ที่ดีเป็นองค์กรชั้นนำในระดับประเทศ ๑.๒ งบการเงินและบัญชีทำการปีงบประมาณ ๒๕๕๒ มีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม ๔๗๖,๕๙๗,๖๗๓.๒๘ บาท มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ๑๘,๖๙๕,๕๒๓.๑๓ บาท มีสินทรัพย์รวม ๔๙๕,๒๙๓,๑๙๖.๔๑ บาท มีหนี้สินหมุนเวียนรวม ๔๔,๓๒๖,๓๑๓.๔๖ บาท มีรายได้จากการดำเนินงานรวม ๕๕๘,๐๔๔,๓๗๑.๒๐ บาท มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวม ๑๑๗,๔๑๙,๒๓๕.๐๑ บาท มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิรวม ๔๔๐,๖๒๕,๑๓๖.๑๙ บาท ๒. รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒.๑ ผลการดำเนินงาน ได้ดำเนินการด้านมาตรฐานกิจการพลังงาน เพื่อกำกับดูแลมาตรฐานการบริการของผู้ประกอบกิจการพลังงานและรวมถึงการบริการของสำนักงานฯ ด้านประสิทธิภาพกิจการพลังงาน การกำกับดูแลอัตราค่าบริการไฟฟ้าและอัตราค่าบริการส่งก๊าซธรรมชาติให้สะท้อนต้นทุนการประกอบกิจการพลังงาน การบริหารจัดการและการแข่งขันในกิจการพลังงาน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบพลังงาน การพัฒนาองค์กรสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูง และมีภาพลักษณ์ที่ดีเป็นองค์กรชั้นนำในระดับประเทศ โดยอาศัยระบบบริหารจัดการสำนักงานที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ๒.๒ งบการเงินและบัญชีทำการปีงบประมาณ ๒๕๕๓ มีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม ๖๐๓,๓๐๑,๙๐๑.๖๐ บาท มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ๖๒,๑๘๒,๙๑๙.๖๔ บาท มีสินทรัพย์รวม ๖๖๕,๔๘๔,๘๒๑.๒๔ บาท มีหนี้สินหมุนเวียนรวม ๑๐๕,๕๒๒,๗๙๕.๐๕ บาท มีรายได้จากการดำเนินงานรวม ๕๙๖,๘๘๐,๑๐๗.๔๐ บาท มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวม ๔๑๒,๙๘๒,๓๓๓.๙๓ บาท มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิรวม ๑๘๓,๘๙๗,๗๗๓.๔๗ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
27059 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | อส | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมพิจารณาตัดสินชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กับเอกชน และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม ๔๕ เรื่อง จำแนกเป็น การดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจกับเอกชน ได้พิจารณาคดีเสร็จสิ้น จำนวน ๗ เรื่อง และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง ได้พิจารณาคดีเสร็จสิ้น จำนวน ๓๘ เรื่อง ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด โดยคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27060 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเครื่องหมายสำหรับประดับแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์และที่ใช้เป็นดุมเสื้อ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 24/09/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเครื่องหมายสำหรับประดับแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์และที่ใช้เป็นดุมเสื้อ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดเครื่องหมายสำหรับประดับแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์และที่ใช้เป็นดุมเสื้อ พ.ศ. ๒๔๙๘ ดังนี้
๑. กำหนดเครื่องหมายสำหรับประดับแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์และที่ใช้เป็นดุมเสื้อ "รามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ" ๒. กำหนดเครื่องหมายสำหรับประดับแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์และที่ใช้เป็นดุมเสื้อ พ.ศ. ๒๔๙๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกากำหนดเครื่องหมายสำหรับประดับแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์และที่ใช้เป็นดุมเสื้อ "รามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ" เป็นรูปหน้าเสือสีทองประกอบวชิระสีเงิน
|
.....