ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1359 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 27161 - 27180 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27161 | ร่างพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถาน พ.ศ. .... | วธ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา ๔ นิยามคำว่า “โบราณสถาน” ให้แก้ไขเป็น “หมายความว่าอสังหาริมทรัพย์ที่โดยอายุหรือโดยลักษณะแห่งการก่อสร้าง หรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของอสังหาริมทรัพย์ หรือเกี่ยวกับวัตถุที่พบอยู่ในอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นประโยชน์ทางศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม หรือโบราณคดี และให้รวมถึงสถานที่ที่เป็นแหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์ และอุทยานประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ เฉพาะที่มีอายุตั้งแต่เจ็ดสิบห้าปีขึ้นไป” ตามที่ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไข รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา ๓๒ วรรคหนึ่ง ให้แก้ไขจาก “ภายในหกสิบวัน” เป็น “ภายในเก้าสิบวัน” แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27162 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2556 | นร11 | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธาน กบส. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ กบส. ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ ซึ่งมีมติรับทราบและเห็นชอบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ ความคืบหน้าการดำเนินงานการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ รายงานภาพรวมต้นทุนโลจิสติกส์ของปี ๒๕๕๔ และแนวทางในการพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศในระยะต่อไป แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ “การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการจัดการโซ่อุปทานเพื่อความสามารถในการแข่งขัน” และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการสำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... ๑.๒ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ดำเนินการปรับกรอบแผนยุทธศาสตร์ฯ ตามมติ กบส. แล้ว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ฯ และรายงานสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อบูรณาการการดำเนินการในภาพรวมต่อไป สรุปสาระสำคัญในการปรับกรอบแผนยุทธศาสตร์ฯ ได้ ดังนี้ ๑.๒.๑ แผนยุทธศาสตร์ฯ ฉบับนี้ ยังคงหลักการและเหตุผลเดิมใน ๕ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ กรอบแนวคิดในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฯ ส่วนที่ ๒ การประเมินผลการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่วนที่ ๓ การเปลี่ยนแปลงของบริบทภายในประเทศและภายนอกประเทศ ส่วนที่ ๔ สรุปประเด็นการพัฒนาในช่วง ๕ ปีข้างหน้า (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) และหลักการของแผนยุทธศาสตร์ฯ และส่วนที่ ๕ ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ๑.๒.๒ มีการปรับปรุงยุทธศาสตร์และประเด็นกลยุทธ์การพัฒนาให้มีความกระชับมากขึ้น โดยยังคงเป้าหมายความสำเร็จ ๓ ประการ และ ๓ ภารกิจในการพัฒนา รวมทั้งปรับปรุงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ที่สามารถดำเนินการไปด้วยกันได้โดยไม่กระทบกับกรอบหลักการของแผนยุทธศาสตร์ฯ โดยปรับปรุงยุทธศาสตร์ ๙ ยุทธศาสตร์ เป็น ๗ ยุทธศาสตร์ และปรับปรุงกลยุทธ์ จาก ๓๑ กลยุทธ์ เป็น ๒๑ กลยุทธ์ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถแปลงไปสู่แผนปฏิบัติการ ประสานการดำเนินการ และบูรณาการระหว่างหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการตลอดระยะเวลา ๕ ปี ของแผนยุทธศาสตร์ฯ ๑.๒.๓ เพิ่มเติมประเด็นการพัฒนาเพื่อให้แผนยุทธศาสตร์ฯ มีความสมบูรณ์มากขึ้น ได้แก่ ความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายรัฐบาล และความเชื่อมโยงต่อการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ เพื่อให้การจัดทำแผนปฏิบัติการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ มีความชัดเจนในการกำหนดแผนงาน/โครงการพัฒนาและการขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปี การกำหนดแนวทางการรองรับการหยุดชะงักของโซ่อุปทานจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ในการขนส่งสินค้า ความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกในระหว่างการขนส่ง และการกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยงานสนับสนุนเพิ่มเติมในแต่ละภารกิจและประเด็นยุทธศาสตร์ เพื่อให้มีการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนสามารถวัดผลการดำเนินการตามแผนและการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ของแผนเป็นระยะ และสามารถปรับแผนยุทธศาสตร์ฯ ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องสำหรับการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาขับเคลื่อนระบบโลจิสติกส์ของประเทศในระยะต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงวัฒนธรรม เกี่ยวกับการเร่งดำเนินการตามข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการขนส่งทั้งที่ได้มีพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก อาเซียน และกรอบอนุภูมิภาค อาทิ Greater Mekong Subregion เช่น การเร่งกระบวนการออกกฎหมายรองรับและการปฏิบัติให้เป็นไปตาม ASEAN Single Window และ GMS Single Stop Inspection (SSI) โดยเร็ว การให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณตามแผนงานโครงการเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์สินค้าเกษตร โดยเฉพาะการเพิ่มองค์ความรู้และทักษะในระดับฟาร์มของเกษตรกร การจัดตั้งศูนย์รวบรวมและกระจายการผลิตสินค้าเกษตร การพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการด้านสินค้าเกษตรตามด่านการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน การพิจารณาให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบขนส่งทางราง โดยเพิ่มความชัดเจนในประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ การสนับสนุนการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และอิเล็กทรอนิกส์ มาใช้ในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ตลอดห่วงโซ่อุปทานในทุกสาขาการผลิต รวมทั้งการสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความรู้ในเรื่องวิทยาการวิศวกรรมและการจัดการบริการ (Service Science, Managerment and Engineering : SSME) เพื่อให้เกิดนวัตกรรมในการให้บริการโลจิสติกส์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
27163 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | ยธ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๔,๓๕๗,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาเฉพาะรายการค่าใช้จ่ายที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งมีการแจ้งคำวินิจฉัยและมีผู้มาแสดงตนเพื่อขอรับเงินตามสิทธิแล้ว ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๑,๐๘๐ ราย สำหรับค่าใช้จ่ายรายการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน ๒๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27164 | ร่างฉบับปรับปรุงกฎบัตรของเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาคด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชีย ตะวันออก - กรอบความร่วมมือและร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 3 | สธ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
๑. เห็นชอบร่างฉบับปรับปรุงกฎบัตรของเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาคด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก-กรอบความร่วมมือ (Draft Revised Charter of the Regional Forum on Environment and Health Southeast and East Asian Countries-Framework for Cooperation) และร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Draft Kulalumpur Declaration on Environment and Health) ก่อนที่จะให้การรับรองร่างกฎบัตรฯ และปฏิญญาฯ โดยไม่มีการลงนามในการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๓ ในวันที่ ๙-๑๐ กันยายน ๒๕๕๖ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยร่างฉบับปรับปรุงกฎบัตรฯ และร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ร่างฉบับปรับปรุงกฎบัตรฯ มีสาระสำคัญในการยึดถือแนวคิดหลักตามกรอบการดำเนินงานระดับโลกที่สำคัญ เช่น แผนปฏิบัติการ ๒๑ จากการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ (ค.ศ. ๑๙๙๒) เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษขององค์การสหประชาชาติ และเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ RIO+20 ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ (ค.ศ. ๒๐๑๒) ที่ตระหนักว่า สิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่มีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุและคนยากจน โดยมีวิสัยทัศน์ คือ สุขภาพและสิ่งแวดล้อมเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา และมีเป้าหมายเพื่อสร้างเวทีความร่วมมือสำหรับการดำเนินงานในระดับภูมิภาคในการเสริมสร้างและปกป้องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการพัฒนาที่ยั่งยืน ๑.๒ ร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกที่จะร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนตัวอย่างการดำเนินงานที่ดีและเทคโนโลยีต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของการดำเนินงานด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมในระดับประเทศ โดยมีข้อเรียกร้องให้โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environmental Program : UNEP) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งการพัฒนาและการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมระดับประเทศ หรือแผนงานเทียบเท่า และเห็นด้วยที่จะร่วมพัฒนาและปฏิบัติตามกลไกต่าง ๆ ที่เพิ่มประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เห็นชอบกับการจัดตั้งเครือข่ายความรู้ของเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาค ตกลงใจร่วมกันที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็ง ความร่วมมือในรูปแบบพหุภาคี ทวิภาคี ภายในภูมิภาคและนานาประเทศ และตกลงว่าจะพบกันอีกครั้งในอีก ๓ ปีข้างหน้า ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทน พิจารณาให้การรับรองกฎบัตรฯ และปฏิญญาฯ โดยให้สามารถปรับเปลี่ยนถ้อยคำได้ตามความเหมาะสม |
|||||||||||||||||||||||||||
27165 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนและญี่ปุ่นว่าด้วยนโยบายความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ | ทก | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนและญี่ปุ่นว่าด้วยนโยบายความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (ASEAN-Japan Ministerial Policy Meeting on Cybersecurity Cooperation-Joint Ministerial Statement) จัดทำขึ้นเพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น ที่กำกับดูแลนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อยกระดับความสำคัญและการตระหนักถึงความร่วมมือระหว่างกันในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ให้สูงขึ้น โดยกำหนดหลักการของความร่วมมือ กิจกรรมความร่วมมือ การกำหนดมาตรการสนับสนุน การสร้างกิจกรรมการตระหนักรับรู้เรื่องความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ การสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรผ่านการฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนและญี่ปุ่นว่าด้วยนโยบายความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (ASEAN-Japan Ministerial Policy Meeting on Cybersecurity Collaboration) ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ กันยายน ๒๕๕๖ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญและที่ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรระบุเกี่ยวกับการไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว (privacy) ไว้ในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
27166 | การลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยกรอบสำหรับการหารือเพื่อประสานงานด้านการจัดการภัยพิบัติเกี่ยวกับน้ำ | นร04 | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (ประธาน กบอ.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการลงนามในบันทึกความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่นว่าด้วยกรอบสำหรับการหารือเพื่อประสานงานด้านการจัดการภัยพิบัติเกี่ยวกับน้ำ โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความร่วมมือฯ มุ่งเน้นที่จะก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติอันสืบเนื่องจากน้ำ รวมทั้งการเสริมสร้างความรู้ทางวิชาการร่วมกันในด้านการบริหารจัดการน้ำ ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่มิได้เป็นสาระสำคัญ ให้รองนายกรัฐมนตรีและประธาน กบอ. หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ ได้โดยมิต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) เป็นผู้ลงนามในบันทึกความร่วมมือฯ ๒. บันทึกความร่วมมือฯ ไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้สำนักงานประธานกรรมการ กบอ. รับข้อสังเกตเกี่ยวกับถ้อยคำของร่างบันทึกความร่วมมือฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
27167 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งมอนเตเนโกรว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการไทยและมอนเตเนโกร | กต | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งมอนเตเนโกรว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการไทยและมอนเตเนโกร มีสาระสำคัญเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออก และพำนักของบุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการไทยและมอนเตเนโกร โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบและแก้ไขถ้อยคำในร่างความตกลงฯ ทั้ง ๓ ภาษา ให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งประเด็นการใช้ความตกลงฉบับภาษาใดเป็นหลักกรณีเกิดข้อปัญหาต่อการบังคับใช้หรือการปฏิบัติตามความตกลงฯ ก่อนการลงนามด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
27168 | การสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะมนตรีบริหารของประชาคมประชาธิปไตย | กต | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ประเทศไทยสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะมนตรีบริหารของประชาคมประชาธิปไตย (Community of Democracies : CD) ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะมนตรีบริหารของ CD ได้แก่ ๑.๑ เป็นโอกาสในการส่งเสริมบทบาทของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศด้านประชาธิปไตย ๑.๒ สามารถผลักดันประเด็นที่ประเทศไทยให้ความสนใจในด้านประชาธิปไตยทั้งในระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศ ๑.๓ เป็นการส่งเสริมการสร้างหลักประกันให้กับแนวทางการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน รวมถึงเพิ่มความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเพื่อให้เข้าใจความสำคัญของประชาธิปไตยมากขึ้น ๑.๔ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ โดยจะทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศในฐานะประเทศที่ส่งเสริมประชาธิปไตยอย่างแข็งขัน และมีบทบาทด้านนี้ในเวทีสากล ๑.๕ เป็นโอกาสให้ประเทศไทยเพิ่มความใกล้ชิดกับประเทศที่อยู่ในเวทีดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่อยู่ในคณะมนตรีบริหาร ๒๔ ประเทศ ซึ่งมีบทบาทในภูมิภาคต่าง ๆ อันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม ๑.๖ การสมัครในช่วงนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการที่ประเทศไทยสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกไม่ถาวร คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ และสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council : HRC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๗ ๒. อนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์การเข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะมนตรีบริหารของ CD |
|||||||||||||||||||||||||||
27169 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิ ในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... | รง | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังนี้
๑. กำหนดบทนิยามคำว่า “เงินบำเหน็จชราภาพ” และ “เงินบำนาญชราภาพ” ระหว่างบทนิยามคำว่า “เงินสมทบ” และคำว่า “สำนักงาน” ๒. เพิ่มกรณีการออกสมุดประจำตัวให้แก่ผู้ประกันตนตามแบบที่เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมกำหนด ๓. เพิ่มการจ่ายเงินสมทบเพื่อประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ เพื่อการออมเพียงประการเดียว ๔. กำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิเลือกจ่ายเงินสมทบเพื่อรับประโยชน์ทดแทนและแก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกันตนมีสิทธิเปลี่ยนการจ่ายเงินสมทบเพื่อรับประโยชน์ทดแทน และให้มีผลตั้งแต่เดือนถัดจากเดือนที่แสดงความจำนง โดยให้ผู้ประกันตนมีสิทธิเปลี่ยนการจ่ายเงินสมทบได้ปีละหนึ่งครั้ง ๕. แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ประกันตนหรือบุคคลอื่นใดที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนตามมาตรา ๘/๑ ขอรับประโยชน์ทดแทนได้ ๖. แก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไขการจ่ายเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย และการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีตาย ๗. แก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไขให้ผู้ประกันตนที่เลือกรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรา ๘/๑ มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพเป็นเงินบำนาญชราภาพตลอดชีวิต กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณและการจ่ายเงินบำนาญชราภาพ และกำหนดให้ผู้ประกันตนตามมาตรา ๘/๑ ซึ่งทุพพลภาพก่อนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพมีสิทธิขอรับเงินที่ผู้ประกันตนจ่ายเข้ากองทุนได้ รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพในกรณีที่ผู้รับเงินบำนาญชราภาพถึงแก่ความตายภายในหกสิบเดือนนับแต่เดือนที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพ ๘. แก้ไขเพิ่มเติมอัตราเงินสมทบในระยะเริ่มแรกที่ผู้ประกันตนตามมาตรา ๘/๑ จะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
|
|||||||||||||||||||||||||||
27170 | การขออนุมัติเปิดที่ทำการสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศสแห่งใหม่ประจำจังหวัดภูเก็ต และขอแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศสคนใหม่ประจำจังหวัดภูเก็ต [นายโกลด เมโกร เดอ ครีเซ (Mr. Claude Maigrot de Crissey)] | กต | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำจังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต ๒. แต่งตั้งนายโกลด เมโกร เดอ ครีเซ (Mr. Claude Maigrot de Crissey) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำจังหวัดภูเก็ต สืบแทน นายลูเซียง โรดรีเกซ (Mr. Lucien Rodriguez)
|
|||||||||||||||||||||||||||
27171 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติเปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองต้าเหลียน และที่กำหนดเขตกงสุลของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าว | กต | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๘ ซึ่งอนุมัติการเปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง เป็น การเปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง แทน โดยให้มีเขตกงสุลครอบคลุมมณฑลเหลียวหนิง จี๋หลิน และเฮย์หลงเจียง ๒. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๙ ซึ่งกำหนดให้สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าว มีเขตกงสุลครอบคลุม ๒ มณฑล คือ มณฑลชานตงและเหอหนาน เป็น ให้สถานกงสุลใหญ่ ณ เมือง ชิงต่าว มีเขตกงสุลครอบคลุมมณฑลชานตง เพียงมณฑลเดียว
|
|||||||||||||||||||||||||||
27172 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ วิทยาเขตหาดใหญ่ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | ศธ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ วิทยาเขตหาดใหญ่ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จากเดิม ภายในวงเงิน ๑๕๗,๔๔๕,๐๐๐ บาท เป็น ภายในวงเงิน ๑๖๒,๔๒๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ วิทยาเขตหาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน จากเดิม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๔ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๘ ๒. สำหรับงบประมาณดำเนินการให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๖ จำนวน ๑๒๗,๘๔๐,๕๐๐ บาท ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ เป็นเงินงบประมาณ จำนวน ๑๘,๓๓๗,๕๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบอีก จำนวน ๑๖,๒๔๒,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่กำหนดให้ส่วนราชการที่ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้เสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณานำเสนอคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อพิจารณาอนุมัติผ่อนผันต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27173 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบล ปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบล ปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
27174 | รายงานความก้าวหน้าการกำหนดหลักเกณฑ์ราคากลางของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา | สธ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าการกำหนดหลักเกณฑ์ราคากลางของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ราคากลางของยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ๑.๑ ให้หน่วยงานของรัฐใช้ราคากลางตามประกาศของคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๑.๒ หากไม่มีราคากลางตามประกาศของคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ให้ใช้ราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ๑.๓ หากไม่มีราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ให้ใช้ราคาตลาดโดยสืบราคาจากท้องตลาด รวมทั้งจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ๒. ราคากลางของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ ๒.๑ ให้หน่วยงานของรัฐใช้ราคากลางตามประกาศของคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒.๒ หากไม่มีราคากลางตามประกาศของคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ให้ใช้ราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ๒.๓ หากไม่มีราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ให้ใช้ราคาตลาดโดยสืบราคาจากท้องตลาด รวมทั้งจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ๓. ราคากลางของเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ๓.๑ ให้หน่วยงานของรัฐใช้ราคามาตรฐานของเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้นและเผยแพร่ทั้งทางเอกสารหรือทางเว็บไซต์ของศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านเวชภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข (http://dmsic.moph.go.th) ๓.๒ หากไม่มีราคามาตรฐานของเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้นและเผยแพร่ให้ใช้ราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ๓.๓ หากไม่มีราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ให้ใช้ราคาตลาดโดยสืบราคาจากท้องตลาด รวมทั้งจากเว็บไซต์ต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27175 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป. ลาว สำหรับโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก (จังหวัดพะเยา) - เมืองคอบ - เมืองเชียงฮ่อน และ เมืองคอบ - บ้านปากคอบ - บ้านก้อนตื้น สปป. ลาว | กค | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก (จังหวัดพะเยา)-เมืองคอบ-เมืองเชียงฮ่อน และเมืองคอบ-เมืองปากคอบ-บ้านก้อนตื้น สปป.ลาว ระยะทางโดยรวมประมาณ ๑๑๐ กิโลเมตร ในวงเงินรวม ๑,๓๙๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ในส่วนของที่มาของแหล่งเงินทุน เนื่องจาก สพพ. ไม่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รองรับโครงการดังกล่าวไว้ จึงเห็นควรให้ สพพ. พิจารณาแหล่งเงินทุนอื่นเป็นลำดับแรกก่อน อาทิ เงินสะสมของหน่วยงานหรือการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ และขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในปีงบประมาณต่อไป ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า ช่วงถนนบนภูเขาควรพิจารณาออกแบบ Climbing lane เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางแก่ผู้ใช้ทาง และให้ สพพ. จัดทำรายงานติดตามและประเมินผลโครงการการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว เพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินความสัมพันธ์อย่างมั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
27176 | ปัญหาอาชญากรรม (ในรอบเดือนกรกฎาคม 2556) | ตช | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานข้อมูลปัญหาอาชญากรรม ในรอบเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันอาชญากรรม ๑.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๓๗๕ คดี ๑.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ คดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๑,๘๙๕ คดี ๑.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๔,๐๒๗ คดี ๒. ด้านการปราบปรามอาชญากรรม ๒.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ จับกุมได้ ๒๐๐ คดี คิดเป็นร้อยละ ๕๓.๓๓ ของการรับแจ้ง (๓๗๕ คดี) ๒.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ จับกุมได้ ๘๘๐ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๖.๔๔ ของการรับแจ้ง (๑,๘๙๕ คดี) ๒.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ จับกุมได้ ๑,๕๙๔ คดี คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๕๘ ของการรับแจ้ง (๔,๐๒๗ คดี) ๓. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองให้มากยิ่งขึ้น โดยไม่เปิดโอกาสให้คนร้ายเข้ามาประทุษร้ายต่อทรัพย์ของตนเองได้ง่าย รวมทั้งการให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของคนร้าย สำหรับกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดในคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวมหรือกระทบต่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ให้พิจารณาจัดแถลงข่าวทางสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบ ๔. จากผลการดำเนินการในรอบเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ พบว่าในด้านการป้องกันอาชญากรรมในภาพรวม สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถควบคุมอาชญากรรมให้อยู่ในระดับเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ เนื่องจากได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัด เข้มงวดกวดขันในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดในพื้นที่ล่อแหลมหรือเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม ส่งผลให้สถิติคดีอาญาลดน้อยลง ส่วนด้านการปราบปรามอาชญากรรม ทุกกลุ่มคดีมีผลการปฏิบัติไม่ผ่านเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ จึงได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับเร่งรัดมาตรการด้านสายตรวจให้มีความถี่เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดแรงจูงใจในการกระทำผิดตามห้วงเวลาที่เกิดเหตุมากของแต่ละพื้นที่ ให้หน่วยปฏิบัติพิจารณาระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงเวลาที่เหมาะสมเป็นประจำทุกเดือน ๆ ละไม่น้อยกว่า ๑๐ วัน เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดตามหมายจับคดีค้างเก่าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการระดมกวาดล้างยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||||||||
27177 | ผลการประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่ง สปป. ลาว และกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ 5 | พณ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ ๕ เมื่อวันที่ ๘-๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ ณ นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว ๑.๒ เห็นชอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ เพื่อให้มีการทำงานอย่างบูรณาการและเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยกระทรวงพาณิชย์จะติดตามความคืบหน้าในด้านการปฏิบัติตามผลการประชุมฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องทุกเรื่อง ๑.๒.๑ เป้าหมายการค้าและการลงทุน ได้แก่ การศึกษาแผนยุทธศาสตร์และแผนงานเพื่อสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของการค้าไทย-สปป.ลาว ให้ถึง ๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๕๘ และการส่งเสริมการขยายตัวของการลงทุนระหว่างกัน ๑.๒.๒ การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎระเบียบทางการค้าและการลงทุน ๑.๒.๓ การอำนวยความสะดวกทางการค้า ได้แก่ การเร่งรัดขั้นตอนในประเทศและเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินงานพิธีการศุลกากรตรวจแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (Single Stop Inspection : SSI) ได้ทันภายในปี ๒๕๕๖ การหารือกับ สปป.ลาว เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปิด/ยกระดับด่านตามความเหมาะสม ตามที่ได้ตกลงกันในการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดน ไทย-สปป.ลาว ครั้งที่ ๙ การพัฒนาและการใช้เส้นทางหมายเลข ๘ และ ๑๒ ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น การจัดกิจกรรมการพบปะหารือระหว่างภาคเอกชนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและ สปป.ลาว เพื่อหาแนวทางความร่วมมือการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ บนเส้นทางหมายเลข ๘ และ ๑๒ และการจัดทำแผนปฏิบัติการการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ๑.๒.๔ แผนความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนไทย-ลาว ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ได้แก่ การดำเนินงานโครงการ ICT เพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลการค้าใน ๕ แขวงนำร่องของ สปป.ลาว (นครหลวงเวียงจันทน์ สะหวันนะเขต จำปาสัก หลวงพระบาง และหลวงน้ำทา) ให้เป็นไปตามเป้าหมายภายในปี ๒๕๕๘ การจัดโครงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานตามแผนงานประจำปี การจัดงานแสดงสินค้า และกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจไทย-สปป.ลาว การส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยออกไปลงทุนใน สปป.ลาว โดยเฉพาะในเขตอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษ และเขตเศรษฐกิจเฉพาะต่าง ๆ การแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบทางการค้ากับหัวหน้าแผนกอุตสาหกรรมและการค้าแขวงตามแนวชายแดนไทย-สปป.ลาว อย่างสม่ำเสมอ การส่งเสริม อำนวยความสะดวก และแก้ไขปัญหาการค้าชายแดน ความร่วมมือด้าน ODOP/OTOP โดยพิจารณาให้ความช่วยเหลือการจัดฝึกอบรมให้แก่ สปป.ลาว และความร่วมมือด้านเกษตรกรรม ได้แก่ การดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจร่วม (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาล สปป.ลาว ว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมโครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญาภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) และการให้ความช่วยเหลือด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านวิชาการและเทคนิคในการประเมินความเสี่ยงและการตรวจสอบสุขอนามัยพืช รวมทั้งมาตรฐานและคุณภาพของสินค้าเกษตรของ สปป.ลาว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามผลการประชุมฯ โดยเร็ว โดยเฉพาะเรื่องการยกเลิกมาตรการจำกัดระยะเวลาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จาก สปป.ลาว และการดำเนินงานด้านพิธีการศุลกากรตรวจแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (Single Stop Inspection : SSI) รวมทั้งการเพิ่มบทบาทการเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือทางด้านวิชาการแก่ สปป.ลาว ในด้านการเงิน การธนาคาร การบริการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
27178 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2554 | ทส | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๖ มีมติเห็นชอบกับรายงานดังกล่าวแล้ว โดยรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบด้วยเนื้อหาสาระที่สำคัญ ดังนี้
๑. สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงคุณภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔ ๒. ประเด็นปัญหาสำคัญ ได้แก่ อุทกภัยและดินถล่มในภาคใต้ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและสภาพสิ่งแวดล้อมในจังหวัดน่าน และการจัดการทรัพยากรชายฝั่งอย่างมีส่วนร่วม ๓. แนวโน้มสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ๔. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ ได้แก่ ควรมีการกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม และเป็นเชิงวิสัยทัศน์ ควรมีข้อกำหนดเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐอย่างชัดเจนทั้งในด้านการกำหนดนโยบาย และการดำเนินนโยบาย และควรมีการเสริมสร้างสมรรถนะ (capacity building) ในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||
27179 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี และพระราชกำหนด จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. ๒๔๙๓ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๖ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๘ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๖ รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๘ (สมัยสามัญทั่วไป) วันจันทร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญทั่วไป) วันอังคารที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๑๐ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ๒. ให้มีการถ่ายทอดการประชุมร่วมกันของรัฐสภาทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง ๑๑) กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๑๑ มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๕ มาตรา ๑๑๖ วรรคสอง มาตรา ๑๑๗ มาตรา ๑๑๘ มาตรา ๑๒๐ และมาตรา ๒๔๑ วรรคหนึ่ง และยกเลิกมาตรา ๑๑๓ และมาตรา ๑๑๔) ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว (เริ่มการพิจารณาในร่างมาตรา ๗) ตั้งแต่วันพุธที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๖ จนกว่าการพิจารณาเรื่องดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27180 | การแต่งตั้งรองเลขาธิการ ก.พ.ร. (นักบริหารสูง) | นร12 | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวขนิษฐา สุดกังวาล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
.....