ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 02/12/2557 | ||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ โดยที่การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต้องอาศัยกลไกทางกฎหมายเพื่อให้เกิดการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement) จึงเห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) เร่งรัดให้กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีผลใช้บังคับโดยเร็วเพื่อรองรับการดำเนินการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว และให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งพิจารณากำหนดแนวทางในการจัดตั้งโรงงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่มีความสนใจเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนี้ ให้เน้นโรงงานสำหรับการนำผลิตผลทางการเกษตรมาแปรรูป เช่น โรงงานน้ำตาล เป็นต้น แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการเกี่ยวกับรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) และการเจรจากับบริษัทเอกชนสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยาย เพื่อให้สามารถมีรถไฟฟ้าสำหรับให้บริการประชาชนตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยเร็ว ๑.๓ ปัจจุบันมูลค่าการส่งออกสินค้าของประเทศไทยขยายตัวขึ้น โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตรและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จึงให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาหาแนวทางการนำนวัตกรรมมาใช้ส่งเสริมสินค้าเพื่อการส่งออกเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกและการแข่งขันกับนานาประเทศ รวมทั้งพิจารณาขยายฐานการส่งออกไปสู่ประเทศคู่ค้าใหม่ที่มีศักยภาพด้วย ๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกันพิจารณาหาแนวทางการจัดตั้งโรงสีข้าวขนาดกลางในเขตพื้นที่ที่มีการทำนา โดยบริการสีข้าวให้แก่ชาวนาเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการขายข้าวของชาวนานอกเหนือจากการขายเฉพาะข้าวเปลือกเท่านั้น ๑.๕ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลในพื้นที่ภาคเหนือ ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และมติที่ประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับแนวทางการยกระดับสถาบันการศึกษาทางด้านวิชาชีพ โดยส่งเสริมสถาบันอาชีวศึกษาในด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนเครื่องมือประจำวิชาชีพของนักเรียนอาชีวศึกษา จัดทำฐานข้อมูลผู้จบการศึกษาระดับอาชีวศึกษา และส่งเสริมให้ผู้จบการศึกษาระดับอาชีวศึกษามีงานทำ แล้วรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ๒.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาทบทวนสถานที่ก่อสร้างอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค โดยอาจก่อสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติขนาดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือในภาคกลาง หรือขยายพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่มีอยู่เดิมให้เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ เช่น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่ตั้งอยู่ในเทคโนธานี ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ๓. ด้านการต่างประเทศ ๓.๑ ให้ส่วนราชการส่งข้อมูลผลการดำเนินการตามบันทึกความตกลง บันทึกความเข้าใจ หรือเอกสารความร่วมมือระหว่างประเทศให้กระทรวงการต่างประเทศและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อรวบรวมเป็นฐานข้อมูลสำหรับการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามความตกลงหรือความร่วมมือระหว่างประเทศ แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ที่มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานเจ้าภาพเตรียมการจัดประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ ครั้งที่ ๕ ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดเตรียมข้อมูลและประเด็นสารัตถะที่จะใช้ในการประชุมให้ครบถ้วนแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีภายในกลางเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ และให้กระทรวงพลังงานจัดเตรียมข้อมูลและแนวทางในการหารือกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเกี่ยวกับผลกระทบที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและราชอาณาจักรกัมพูชาจะได้รับจากการสร้างเขื่อนผลิตพลังงานไฟฟ้ากั้นแม่น้ำโขง ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้ทุกส่วนราชการเร่งจัดลำดับความสำคัญร่างกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบตามแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) จำนวน ๑๖๓ ฉบับ พร้อมแสดงเหตุผลความจำเป็นและกรอบเวลาให้ชัดเจน แล้วส่งให้กระทรวงยุติธรรมเพื่อรวบรวม และรายงานให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายในสัปดาห์หน้า ๔.๒ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการรวบรวมผลการพิจารณาคดีขององค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมหลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยเฉพาะคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น ความมั่นคง ยาเสพติด อาวุธสงคราม โดยให้รวบรวมจำนวนคดีความที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว จำนวนคดีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และจำนวนคดีที่พิจารณาเสร็จสิ้น แล้วเสนอนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สำรวจข้อมูลการดำเนินงานตามความรับผิดชอบของทุกส่วนราชการและเชื่อมโยงข้อมูลให้ทุกส่วนราชการสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลการบริหารจัดการน้ำระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินการอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ๕.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เร่งสรุปผลการดำเนินการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการที่ปัจจุบันให้บริษัทจากเอกชนเป็นผู้ประเมิน ซึ่งภาคเอกชนอาจขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของส่วนราชการ เพื่อให้การประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงภารกิจและการปฏิบัติงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ให้เป็นที่ยอมรับจากส่วนราชการมากยิ่งขึ้น รายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย ๕.๓ ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ ที่ให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึงให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
|
.....