ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 122 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2421 - 2440 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2421 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.01 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๗ (เรื่อง
รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๐) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
ในฐานะประธานกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
โดยส่งความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรด้วย
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
ในฐานะประธานกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ เสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2422 | ร่างวาระแห่งแอนติกาและบาร์บูดาสำหรับรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็ก-ปฏิญญาฉบับใหม่เพื่อความเจริญรุ่งเรืองที่มีความยืดหยุ่น | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยร่วมรับรองร่างวาระแห่งแอนติกาและบาร์บูดาฯ
ของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็ก
ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ และให้รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว
โดยร่างวาระแห่งแอนติกาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองเพื่อให้การสนับสนุนรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็กในการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศเหล่านี้
เช่น ความมั่นคงทางอาหาร การบริหารจัดการน้ำ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการรับมือกับผลกระทบจากภัยพิบัติ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างวาระแห่งแอนติกาและบาร์บูดาสำหรับรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะขนาดเล็ก - ปฏิญญาฉบับใหม่เพื่อความเจริญรุ่งเรืองที่มีความยืดหยุ่น ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2423 | ร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานตามกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. 2566) | กค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
สำหรับปีปฏิทินที่สิ้นสุดก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๖)
ให้ดำเนินการภายในวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ (จากกฎกระทรวงเดิมภายในวันที่ ๑๘
ตุลาคม ๒๕๖๖ สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๕ และภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๗ สำหรับปี
พ.ศ. ๒๕๖๖)
ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดเวลาสิ้นสุดการยื่นคำขอหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานจากหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๙ เมษายน ๒๕๖๗) ที่กำหนดให้ดำเนินการภายในวันที่ ๓o เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ทั้งนี้
เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์จะยื่นคำขอมีระยะเวลาเพียงพอในการดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2424 | ร่างกฎกระทรวง ออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยแบบพินัยกรรม ตามมาตรา 1672 | มท. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยแบบพินัยกรรม
ตามมาตรา ๑๖๗๒ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการในการทำพินัยกรรม
แก้ไขถ้อยคำการใช้ภาษาให้มีความสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
และยกระดับการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนทั่วไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร.
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรกำหนดให้นายอำเภอเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหลักฐานการตายโดยไม่ต้องให้ผู้มีสิทธิรับพินัยกรรมนำหลักฐานการตายของผู้ทำมาแสดง
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
และการแก้ไขอัตราค่าธรรมเนียมการทำพินัยกรรมควรจะสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ เรื่อง
หลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการ เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนมากเกินไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2425 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่หมู่เกาะพยาม อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง พ.ศ. .... | ทส. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่หมู่เกาะพยาม
อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่หมู่เกาะพยาม
อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง เพื่อสงวน คุ้มครอง และอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
รวมทั้งการสร้างความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย มติคณะรัฐนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และควรมีการกำหนดให้สามารถงดเว้นหรือยกเว้นการปฏิบัติตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อราชการ
ชุมชน และประชาชน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ โดยการอนุมัติของรัฐมนตรี
ประกอบความเห็นของผู้ว่าราชการจังหวัด และท้องที่ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าในการดำเนินการวางทุ่นหรือเครื่องสำหรับผูกจอดเรือของบุคคลหรือหน่วยงานต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าว
และหากมีการดำเนินการใด ๆ ในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเล
หรือบนชายหาดของทะเลต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2426 | ข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2427 | รายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | สผผ. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียน ผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียน จำนวน
๕,๓๘๐ เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๓,๓๘๘ เรื่อง โดยในปี ๒๕๖๖ พบว่า
มีเรื่องร้องเรียนเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๓๐ เรื่อง ๒.
ผลการดำเนินงานในด้านการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐตามหมวด ๕
หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญ
โดยศึกษาและจัดทำรายงานพร้อมข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีให้ทราบในกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด
๕ หน้าที่ของรัฐ จำนวน ๔ เรื่อง เช่น
การบังคับใช้กฎหมายกรณีการประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
เป็นต้น ๓.
ผลการดำเนินงานในภาพรวมแบ่งตามยุทธศาสตร์ พบว่า ส่วนใหญ่มีผลการดำเนินการบรรลุเป้าหมาย
เช่น (๑) จำนวนเรื่องร้องเรียนที่ได้มีการเสนอแก้ไขปัญหาในเชิงระบบ
มีผลการดำเนินการ ๑๕ เรื่อง จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ ๕ เรื่อง และ (๒)
จำนวนเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินงานเพื่อเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและระดับความร่วมมือในการดำเนินงานด้านการส่งเสริมธรรมาภิบาล
มีผลการดำเนินการ ๖ เครือข่าย จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ ๕ เครือข่าย เป็นต้น ๔.
ความพึงพอใจของผู้ร้องเรียน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๒
โดยด้านที่ผู้ร้องเรียนมีความพึงพอใจมากที่สุดคือ ด้านการยื่นและรับเรื่องร้องเรียน ๕.
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน เช่น
การได้รับข้อมูลเรื่องร้องเรียนไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจนเพียงพอ
การไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐที่จะให้ข้อมูลหรือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณาเท่าที่ควร
เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2428 | การแต่งตั้งประธานผู้แทนการค้าไทย | นร.04 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้ง หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร
ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย เป็นประธานผู้แทนการค้าไทย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๙๙/๒๕๖๗ เรื่อง แต่งตั้งประธานผู้แทนการค้าไทย ลงวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2429 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ | ศร. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖
ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2430 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 | ปช. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2431 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... | ทส. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก
อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม
และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทยไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไป ดังนี้ กระทรวงพลังงาน เห็นว่าประเด็นที่ควรพิจารณาในข้อ
๙(๘) การเปลี่ยนแปลงสภาพสันดอนหรือปากน้ำ กรณีที่เป็น “กิจการสาธารณูปโภคของรัฐ”
สามารถดำเนินการได้โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากจังหวัดกระบี่ เพื่อนำไปประกอบการขออนุญาต
ซึ่งไม่แน่ชัดว่า ท่าเทียบเรือคลองรั้วและการขนส่งถ่านหินถือเป็น “กิจการสาธารณูปโภคของรัฐ”
หรือไม่ จึงเสนอแก้ไขเพิ่มเติมเป็น “กิจการสาธารณูปโภคของรัฐรวมทั้งสิ่งก่อสร้างและการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตขนส่ง”
ทั้งนี้ โดยเทียบเคียงกับถ้อยคำตามร่างประกาศฯ ฉบับเดิม พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๖ (๑) (จ) ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน
และกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2432 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนแผนระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ของประเทศไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา | พน. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนแผนระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ของประเทศไทย
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป สรุปได้
ดังนี้ ๑.
ข้อเสนอแนะของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน ๕ หน่วยงาน (๑) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
ได้ดำเนินการต่าง ๆ ตามแผนการขับเคลื่อนดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดของประเทศไทย
ระยะปานกลาง พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๔ ส่วนใหญ่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
โดยได้มีแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการตอบสนองด้านโหลด (Demaznd Response : DR) และระบบบริหารจัดการพลังงาน
(Energy Management System : EMS) นอกจากนี้จะมีการพิจารณานำระบบดิจิทัลมาช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
เพื่อบริหารจัดการในกิจการไฟฟ้า (๒) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำข้อกำหนดการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม
(Third Party Access Code : TPA Code) (๓)
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ได้ดำเนินการพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP)
เสร็จแล้ว และมีการพัฒนาระบบการพยากรณ์ให้มีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้น
รวมทั้งได้มีแนวคิดที่จะขยายการดำเนินการพยากรณ์ไปยังกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็ก
(VSPP) ตั้งแต่ปี ๒๕๖๕ (๔) การไฟฟ้านครหลวง
อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาการเชื่อมต่อข้อมูลจากโครงการ Smart Metro Grid กับ Application เพื่อใช้ในการบริการข้อมูลต่าง ๆ
เช่น ให้บริการข้อมูลการใช้ไฟฟ้า ๑๕ นาที ผ่าน Application Smart Life ทั้งปัจจุบันและย้อนหลัง
เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าใช้ในการบริหารจัดการค่าไฟฟ้าให้ลดลง
แจ้งเตือนไฟฟ้าขัดข้องพร้อมระยะเวลาแก้ไขผ่าน Application Smart Life และ (๕) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ได้มีความเห็นสอดคล้องกับข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ
ในประเด็นของการนำข้อมูลสมาร์ทมิเตอร์มาใช้ในการบริหารจัดการค่าไฟฟ้า
และเป็นทิศทางที่ได้อยู่ระหว่างดำเนินการเนื่องจากการดำเนินการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก
แต่ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้ไฟฟ้าจะเป็นการที่ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าของตนเองได้ทั้งการลดการใช้ไฟฟ้าสูงสุดและลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าทำให้เกิดการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานต่าง
ๆ ๒.
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (๑) ด้านเศรษฐกิจศาสตร์
การศึกษารูปแบบธุรกิจแนวใหม่ที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาระบบสมาร์ทกริด
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการไฟฟ้า
ซึ่งจะได้มีการพิจารณารูปแบบของตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่เหมาะสมภายใต้โครงสร้างกิจการไฟฟ้าของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
(๒) ด้านความมั่นคงของระบบ
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานได้มีการพัฒนาสมาร์ทกริดภายใต้แผนการขับเคลื่อนฯ
ระยะปานกลาง โดยจะมุ่งเน้นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความชาญฉลาดและมีความยืดหยุ่นให้สามารถรองรับการเข้ามาของพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายศูนย์ต่าง
ๆ (๓) ด้านเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้พัฒนาต่อยอดด้าน Big Data และ AI โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
คือ สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ
ซึ่งจะมีหน้าที่หลักในการพัฒนา Big Data และ AI โดยสามารถช่วยให้คำปรึกษาการฝึกอบรม และการทำ Prototype เกี่ยวกับ Big Data และ AI
ที่จะนำมาใช้ในระบบสมาร์ทกริดได้สำหรับในส่วนของการพัฒนาแพลตฟอร์ม (๔) ด้านกฎหมาย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณาในการจัดทำใบอนุญาต ๑
ใบ ที่สามารถเปิดให้ธุรกิจพลังงานรูปแบบใหม่ ๆ
เข้ามาดำเนินการภายใต้ใบอนุญาตดังกล่าวได้
ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคในเรื่องของใบอนุญาตสำหรับการดำเนินธุรกิจพลังงานรูปแบบใหม่
ๆ ในอนาคต และ (๕) ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม การผลักดันโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart
Grid) เข้าไปใช้ในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นคง
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจะมีการดำเนินการในทุกภูมิภาคของประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2433 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง คุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและฝ่ายนิติบัญญัติ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา | สว. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
คุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและฝ่ายนิติบัญญัติ
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2434 | ญัตติมาตรการป้องกัน ฟื้นฟู และเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โรงงานผลิตพลุและดอกไม้เพลิงระเบิด | สผ. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบญัตติมาตรการป้องกัน พื้นฟู และเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โรงงานผลิตพลุและดอกไม้เพลิงระเบิด
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับญัตติและข้อสังเกตพร้อมทั้งข้อเสนอแนะไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตและข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2435 | การรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.
มอบหมายให้มีหน่วยงานเจ้าภาพหลักและหน่วยงานสนับสนุนของแต่ละนโยบาย
เพื่อรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ๒.
ให้หน่วยงานตามข้อ ๑. รายงานผลการดำเนินงานฯ ผ่านระบบติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ และลดการใช้กระดาษ ๓.
ให้กระทรวงหรือส่วนราชการเทียบเท่าระดับกระทรวง มอบหมายผู้แทนระดับรองปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า
เป็น “ผู้ประสานงานการติดตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี” ทำหน้าที่ประสานงานกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
และรายงานผลการดำเนินงานเพื่อจัดทำผลงานรัฐบาลประจำปีร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2436 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2568-2571) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 | กค. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ
๒๕๖๘ - ๒๕๗๑) ฉบับทบทวน ครั้งที่ ๒ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามมาตรา
๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังฯ ต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชาดา
ไทยเศรษฐ์) สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชาดา
ไทยเศรษฐ์) เห็นว่าสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาแนวทางการนำเงินนอกงบประมาณมาใช้ประกอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณให้มากยิ่งขึ้น
เพื่อลดภาระการขาดดุลงบประมาณ และสามารถนำไปสู่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณแบบสมดุลได้ต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าในการจัดสรรงบประมาณประจำปีในช่วงถัดไปสำนักงบประมาณควรปรับเพิ่มการจัดสรรงบชำระหนี้ของรัฐบาลให้สอดคล้องกับขนาดของมูลหนี้และดอกเบี้ยทั้งในส่วนของหนี้รัฐบาลและหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่รัฐให้ดำเนินโครงการของรัฐที่ครบกำหนดชำระในแต่ละปีงบประมาณ
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มงประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนเพื่อความรอบคอบในการดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2437 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีและกลั่นกรองเรื่องก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี | นร.05 | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายจักรพงษ์ แสงมณี)
เป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายจักรพงษ์ แสงมณี)
เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองเรื่องดังต่อไปนี้ก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๑
เรื่องการดำเนินคดีในศาลปกครองในกรณีที่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกฟ้องในคดีปกครอง ๒.๒
เรื่องการดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2438 | การปราบปรามการพนันออนไลน์ | นร. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒ เมษายน ๒๕๖๗) ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเร่งบูรณาการการปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง
ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น การพนันออนไลน์ การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์
นั้น
ปัจจุบันแม้ว่าจะมีการปราบปรามและขยายผลการจับกุมผู้กระทำผิดในกรณีดังกล่าวข้างต้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ยังคงพบว่ามีการเปิดให้เล่นพนันออนไลน์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Facebook Twitter TikTok SMS เว็บไซต์ อยู่มาก
ดังนั้น
เพื่อให้การปราบปรามการพนันออนไลน์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ด้านการปราบปรามและการจับกุม
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งพิจารณากำหนดแนวทางและการมอบอำนาจในการจับกุมและดำเนินคดีเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ให้ชัดเจนและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
เพื่อให้ทุกกองบัญชาการ นอกเหนือจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี)
สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการจับกุมและดำเนินคดีเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ได้ด้วย ๒. ด้านการปิดเว็บพนันออนไลน์
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อกำหนดกลไกการตรวจสอบและการดำเนินการปิดเว็บพนันออนไลน์บนสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบได้ทันทีที่ตรวจสอบพบผู้กระทำผิดหรือที่ได้รับแจ้งข้อมูลการกระทำผิด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2439 | การเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ของประเทศไทย | กต. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างหนังสือแสดงความประสงค์ของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี
เป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงความประสงค์ฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ของประเทศไทย โดยร่างหนังสือแสดงความประสงค์ฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS
เพื่อขอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสมาชิกกลุ่ม BRICS ต่อไป ดังนั้น
ร่างหนังสือแสดงความประสงค์ดังกล่าวจึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศควรพิจารณาให้รอบด้านในการสมัครเข้าสมาชิก BRICS โดยต้องอยู่บนหลักการดำเนินการทางการทูตอย่างสมดุลที่ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงความประสงค์ของประเทศไทยในการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2440 | การดำเนินโครงการ/กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศโครงการหลักและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ จำนวน ๑๐ โครงการ เมื่อวันที่
๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗ นั้น ขอเน้นย้ำว่า
รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับโครงการหลักและกิจกรรมดังกล่าว และขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดและให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการและกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น
เช่น ความสำคัญ ความเป็นมาของโครงการ และกิจกรรม
ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อสังคมและประชาชน ให้ถูกต้อง ทั่วถึง และต่อเนื่องด้วย
|