ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 127 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2521 - 2540 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2521 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของสำนักงานศาลปกครอง ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินการทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2522 | ผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 | สกพอ. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้ว โดยเห็นว่า
งบการเงินดังกล่าวเป็นการแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2523 | รายงานผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๒ มกราคม ๒๕๖๗ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งรัดและผลักดันให้เกิดการนำเข้าสินค้าไทยในสหรัฐอเมริกา
โดยเฉพาะสินค้าข้าวและอาหารไทย รวมถึงเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์
สร้างเครือข่ายพันธมิตรและความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน
ส่งเสริมภาพลักษณ์ซอฟท์พาวเวอร์ผ่านอาหารไทย และผลักดันและส่งเสริมการขายสินค้าไทย
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2524 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2525 | การเสนอกิจกรรมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒ และ ๙ มกราคม ๒๕๖๗) ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำโครงการหรือกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ให้ถูกต้อง
ละเอียดรอบคอบ เป็นไปตามกิจกรรมและโครงการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด นั้น
เนื่องจากจะมีการจัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ในวันที่ ๙ พฤษภาคม
๒๕๖๗ เพื่อหารือและเร่งรัดการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงกิจกรรมต่าง
ๆ ดังกล่าวต่อไป
จึงขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งเสนอโครงการหรือกิจกรรมในความรับผิดชอบไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยด่วน
เพื่อให้ทันต่อการเสนอที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการฯ ตามกำหนดวันดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2526 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 19 (The nineteenth session of the United Nations Forum on Forests - UNFF19) | ทส. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมผู้บริหารระดับสูงในการประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๑๙ (The nineteenth session of
the United Nations Forum on Forests - UNFF 19) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำและตระหนักถึงสถานการณ์ด้านป่าไม้ในปัจจุบัน เช่น ตระหนักว่าป่าไม้มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้มีแนวโน้มลดลงและเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง
และประเทศภาคีจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า
และเพื่อฟื้นฟูป่าไม้และความเสื่อมโทรมของดิน โดยจะดำเนินการ เช่น
ดำเนินงานร่วมกันเพื่อป้องกัน อนุรักษ์ และฟื้นฟูป่าไม้และระบบนิเวศป่าไม้อย่างยั่งยืน
โดยการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมเชิงนโยบาย ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
และลดความขัดแย้งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ในทุกระดับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2527 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2567 | นร.04 | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ ณ จังหวัดเพชรบุรี
และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗
และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2528 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานการค้าต่างประเทศแห่่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน | พณ. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานการค้าต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานการค้าต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
อันจะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างกัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรผลักดันให้มีความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้
โดยเฉพาะค่านิยม ธรรมเนียมประเพณี ข้อปฏิบัติทางศาสนา มาตรฐานที่จำเป็น
และพฤติกรรมผู้บริโภค รวมทั้งการพัฒนาสินค้าเพื่อการส่งออก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ฮาลาล
เครื่องสำอาง เกษตรและอาหาร ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย
พร้อมทั้งควรมีการประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อยกระดับสินค้าและบริการให้สามารถตอบโจทย์ตลาดดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2529 | ร่างแถลงการณ์ร่วมในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 13 | มท. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน
ครั้งที่ ๑๓ (Joint Statement of The Thirteenth ASEAN
Ministers Meeting on Rural Development and
Poverty Eradication) ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ
สาธารณรัฐสิงคโปร์ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน
มีหนังสือแจ้งผลการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและรับรองแล้ว
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานและเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนของอาเซียน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2530 | ร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา จำนวน 4 ฉบับ | อว. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ ๑.๑
ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ.... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
การวิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓
ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔
ร่างพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน
๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๔
ฉบับดังกล่าวเป็นร่างพระราชบัญญัติที่จะตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖
การปฏิรูปประเทศ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2531 | การขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว | กต. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน
เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน
และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน ๓๐ วัน เป็นกรณีพิเศษ เพิ่มเติมอีก ๖ เดือน
ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ จนถึงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียและไต้หวันที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
และช่วยเพิ่มรายได้ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยในภาพรวม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดให้ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางของสาธารณรัฐอินเดีย
ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินสามสิบวัน
เป็นกรณีพิเศษ และ ๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง กำหนดให้ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางของไต้หวัน
ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินสามสิบวัน
เป็นกรณีพิเศษ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการแก้ไขปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ รวม ๒ ฉบับ
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2532 | การเตรียมรับมือพายุฤดูร้อน | นร. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเกิดพายุฤดูร้อนและฝนฟ้าคะนองในช่วงระหว่างวันที่
๘-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ต่าง ๆ ในหลายจังหวัด นั้น
ขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว
ทั่วถึง เท่าทันสถานการณ์ รวมตลอดถึงการดูแลสถานที่ราชการต่าง ๆ (
โดยเฉพาะโรงพยาบาล โรงเรียน และหน่วยงานบริการต่าง ๆ
ในท้องที่ให้สามารถเปิดให้บริการประชาชน/ดำเนินงานได้ตามปกติด้วย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2533 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีและกลั่นกรองเรื่องก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี | นร.05 | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายพิชิต ชื่นบาน)
เป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายพิชิต ชื่นบาน)
เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองเรื่องดังต่อไปนี้ก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๑
เรื่องการดำเนินคดีในศาลปกครองในกรณีที่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี
หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกฟ้องในคดีปกครอง ๒.๒
เรื่องการดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2534 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | พณ. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง การส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
การส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๔ โดย ๑)
กำหนดให้ข้าวขาวและข้าวหักที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและจะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามความตกลงระหว่างสหภาพยุโรปกับประเทศไทย
เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองการส่งออก (Export Certificate) ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศไปประกอบการขอใบอนุญาตนำเข้า
(Import License) จากสหภาพยุโรป และ ๒) กำหนดให้ข้าวขาวที่ส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรและจะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามความตกลงระหว่างสหราชอาณาจักรกับประเทศไทยและกฎระเบียบของสหราชอาณาจักรที่เกี่ยวข้อง
เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองการส่งออก (Export Certificate) ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศไปประกอบการขอใบอนุญาตนำเข้า (Import License) จากสหราชอาณาจักร (เดิม
กำหนดให้ทั้งข้าวขาวและข้าวหักที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรและจะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองการส่งอก (Export Certificate) ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศไปประกอบการขอใบอนุญาตนำเข้า (Import
License) จากสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรตามลำดับ) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการอ้างบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศฯ
โดยเห็นควรให้ตัดการอ้างวรรคหนึ่งของมาตรา ๕ ออก และระบุเป็นมาตรา ๕ (๕)
และวรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า
พ.ศ. ๒๕๒๒ เนื่องจากตามมาตรา ๕ ไม่มีอนุมาตราในวรรคอื่น และควรตัดข้อความ “เมื่อวันที่
๓๐ เมษายน ๒๕๒๒”
เนื่องจากวันเดือนปีดังกล่าวเป็นรายละเอียดซึ่งมิต้องระบุไว้ในบทอาศัยอำนาจของร่างประกาศฯ
นี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2535 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2536 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 2 โครงการ (โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี และโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง) | กษ. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน ๒
โครงการ ประกอบด้วย ๑) โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี จากเดิม ๑๔ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๑๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - พ.ศ.
๒๕๖๙) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม และ ๒) โครงการกิ่วคอหมา
จังหวัดลำปาง จากเดิม ๑๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๒๒ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๘ - พ.ศ. ๒๕๖๙) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เร่งรัดการดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง
จังหวัดชลบุรี และโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบเวลาที่ได้รับการขยายไว้ในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ควรเร่งรัดดำเนินการทั้ง ๒
โครงการให้เป็นไปตามแผนไม่ให้เกิดความล่าช้าและขอขยายระยะเวลาก่อสร้างออกไปอีก และมีแผนการติดตามตรวจสอบและเร่งรัดให้การดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่ขอขยายไว้
ควรประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงความถูกต้อง โปร่งใส และประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชน รวมทั้งความคุ้มค่าที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2537 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น ๆ จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พน. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น ๆ
จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น
ๆ จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย
พ.ศ. ๒๕๔๗ เพื่อขยายขอบเขตวัตถุประสงค์ของการใช้เงินบำรุงการวิจัยให้ครอบคลุมถึงหัวข้อการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
อาทิ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) โดยเฉพาะการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอน
(CCS) และการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการจัดเก็บคาร์บอน (CCUS) รวมถึงการบริหารและประเมินโครงการวิจัย พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2538 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้
คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ
ดังนี้ ๑.๑
นายภูมิธรรม เวชยชัย ๑.๒
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ๑.๓
นายพิชัย ชุณหวชิร ๑.๔
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ๑.๕ พลตำรวจเอก
พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ๑.๖
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ๒. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ผู้รักษาราชการแทนข้างต้น
จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2539 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี 2567 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี
๒๕๖๗ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ๑. ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี
๒๕๖๗ มีสาระสำคัญ เช่น (๑) การปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ปุตราจายา ค.ศ. ๒๐๔๐
และเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในปีต่าง ๆ (๒) การแสดงความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก
สมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๓ (๓)
การเน้นย้ำเพื่อขับเคลื่อนวาระงานเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (๔)
การยึดมั่นในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโครงสร้างความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระยะที่
๓ และแผนแม่บทความเชื่อมโยงในเอเปค (๕) การส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและการหารือเรื่องปัญญาประดิษฐ์
(๖)
การให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนแผนการดำเนินการเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถภาคบริการเอเปค
(๗) การสนับสนุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจนอกระบบมาสู่เศรษฐกิจที่เป็นทางการ และ
(๘) การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับสตรีวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อมและรายย่อย และกลุ่มผู้ที่ยังไม่ใด้รับการปลดปล่อยทางเศรษฐกิจ เป็นต้น ๒. ร่างปฏิญญาอาเรกีปาของรัฐมนตรีด้านสตรีและรัฐมนตรีการค้าเอเปค
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของสตรีในการค้าผ่าน
(๑) การเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยการมีส่วนร่วมของสตรีในการค้า (๒)
การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศเกี่ยวกับข้อมูลและนโยบายการค้าบนพื้นฐานของเพศสภาพ
(๓) การส่งเสริมการพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างศักยภาพ และ (๔)
การระบุแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านการเงิน การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล
และนโยบายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๗
และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าร่างถ้อยแถลงฯ และร่างปฏิญญาฯ
จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี
๒๕๖๗ และเอกสารที่เกี่ยวข้องในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2540 | ร่างปฏิญญาสำหรับการประชุมรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์ (Treaty on the Prohibition of Nuclear Weapons-TPNW) ครั้งที่ 2 (Second Meeting of States Parties-2MSP) | นร.08 | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาสำหรับการประชุมรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์
(Treaty on the
Prohibition of Nuclear Weapon : TPNW) ครั้งที่
๒ (Second Meeting of States Parties :
2MSP) และให้เอกอัครราชทูต
ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์
ครั้งที่ ๒ หรือผู้แทน ร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์
อาทิ ๑) แสดงความกังวลต่อผลกระทบด้านมนุษยธรรมอันเกิดจากอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการอยู่รอดของมนุษย์
และ ๒)
การขู่หรือการใช้อาวุธนิวเคลียร์ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรของสหประชาชาติ
โดยรัฐภาคีประณามการกระทำดังกล่าว ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้ประสานงาน
เสนอมาตรการปฏิบัติของไทยเพื่อให้เป็นไปตามเนื้อหาร่างปฏิญญาฯ รวมทั้งการปฏิบัติตามสนธิสัญญาต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
สนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast
Asia Nuclear Weapon-Free Zone : SEANWFZ) ด้วย และจำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานภายใต้ร่างปฏิญญาฯ
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|