ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 129 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2561 - 2580 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2561 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายวิชัย ไชยมงคล ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | สธ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๔ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายวิชัย ไชยมงคล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ๒. พลเรือโท นิกร เพชรวีระกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(นายสันติ พร้อมพัฒน์) ๓. นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2562 | ขออนุมัติให้ความเห็นชอบต่อคณะทำงานฝ่ายไทยของคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม | กษ. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะทำงานฝ่ายไทยของคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย
ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2563 | การแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (1.นายอำนวย โชติสกุล ฯลฯ รวม 7 คน) | พปส. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
รวม ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ เมษายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายอำนวย โชติสกุล ประธานกรรมการ ๒. นางสาวชูสะอาด กันธรส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๓. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน ๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เกษม เพ็ญภินันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปวัฒนธรรม ๕. ศาสตราจารย์สุมาลี วงษ์วิฑิต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๖. นายบุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2564 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-ลาว ครั้งที่ 28 | กห. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป
(General Border Committee : GBC) ไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๘ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการฯ
ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๖ ณ นครหลวงเวียงจันทน์
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพบปะหารือและแลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงและการทหารเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้มีความแน่นแฟ้น
รวมทั้งขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมในทุกมิติ โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-ลาว
ฉบับปี ๒๕๖๖
โดยสนับสนุนให้ทุกกลไกประสานความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง
และการแลกเปลี่ยนการศึกษาโดยฝ่ายไทยรับเป็นเจ้าภาพการแลกเปลี่ยนการศึกษาดูงานสำหรับนายทหารระดับกลาง
สนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับฝึกอบรมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้แก่กำลังพลของกองทัพประชาชนลาว
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2565 | การแจ้งผลการตรวจสอบรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 และการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง | ตผ. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแจ้งผลการตรวจสอบรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ และการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยมีผลการตรวจสอบ
ดังนี้ ๑) ผลการตรวจสอบรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแสดงความเห็นอย่างไม่มีเงื่อนไข
(ไม่พบข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอย่างมีสาระสำคัญ) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบด้วยแล้วเมื่อวันที่
๒๕ เมษายน ๒๕๖๖ และ ๒) ผลการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ เป็นการดำเนินการตามมาตรา ๖๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่บัญญัติให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
โดยให้ทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
รวมทั้งประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
โดยแสดงให้เห็นด้วยว่าการใช้จ่ายดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด ได้ผลตามเป้าหมาย
มีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์ และคุ้มค่าเพียงใด แล้วทำรายงานเสนอผลการสอบบัญชีต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่ชักช้า
ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2566 | การแจ้งผลการตรวจสอบรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 และการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | ตผ. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแจ้งผลการตรวจสอบรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
และการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๖๕ ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผลการตรวจสอบ ดังนี้
๑) ผลการตรวจสอบรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
และได้แสดงความเห็นอย่างไม่มีเงื่อนไข
(ไม่พบข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอย่างมีสาระสำคัญ) สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้เสนอรายงานการเงินดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๗ มีนาคม ๒๕๖๖ ทราบด้วยแล้ว และ ๒) ผลการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและการจัดการทรัพย์สิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
การประเมินผลการใช้จ่ายเงิน เช่น การบริหารงบประมาณและการเบิกจ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้
เนื่องจากต้องใช้จ่ายงบประมาณของปีก่อนที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ทำให้การบริหารงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ล่าช้า ส่งผลให้เมื่อสิ้นปีงบประมาณต้องมีการกันเงินไปเบิกจ่ายในปีถัดไปต่อเนื่องทุกปี
โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ให้ข้อเสนอแนะ เช่น ควรควบคุม กำกับดูแล
เร่งรัดการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติการประจำปี (๒)
การประเมินผลการจัดการทรัพย์สิน เช่น การจัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้างมีจำนวนรายการและจำนวนเงินที่สูงกว่าแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ เนื่องจากมีการจัดซื้อจัดจ้างเพิ่มเติมจากแผนฯ ที่กำหนดไว้
โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ให้ข้อเสนอแนะ เช่น ควรกำหนดมาตรการให้สำนักต่าง
ๆ แจ้งความต้องการครุภัณฑ์ที่ต้องจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้กลุ่มงานพัสดุรวบรวมและจัดทำแผนฯ
รวมทั้งควบคุมให้มีการปฏิบัติตามแผนฯ อย่างเคร่งครัด และ (๓)
การประเมินผลการบริหารโครงการ เช่น มีการปรับแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยมีการยกเลิกโครงการบางส่วนแล้วนำงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มาจัดสรรให้โครงการที่มีความจำเป็นและมีแผนการดำเนินงานก่อน
โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ให้ข้อเสนอแนะ เช่น ควรควบคุม
กำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนฯ อย่างเคร่งครัด ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2567 | การแจ้งผลการตรวจสอบรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 และการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ | ตผ. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแจ้งผลการตรวจสอบรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ และการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(สำนักงาน ป.ป.ช.) โดยมีผลการตรวจสอบ ดังนี้ ๑) ผลการตรวจสอบรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แสดงความเห็นอย่างไม่มีเงื่อนไข
(ไม่พบข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอย่างมีสาระสำคัญ) ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช.
ได้เสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบแล้วเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖ และ ๒) ผลการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินสำหรับปีสิ้นสุด
วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ เป็นการดำเนินการตามมาตรา ๑๕๖ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่บัญญัติให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นผู้สอบบัญชีของสำนักงาน
ป.ป.ช. โดยให้ทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของสำนักงาน ป.ป.ช.
โดยแสดงให้เห็นด้วยว่าการใช้จ่ายดังกล่าวเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประหยัด
ได้ผลตามเป้าหมาย มีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์ และคุ้มค่าเพียงใด แล้วทำรายงานเสนอผลการสอบบัญชีต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่ชักช้า
ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2568 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์บน เหนือพื้นดินหรือพื้นน้ำในกิจการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | คค. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์บน
เหนือพื้นดินหรือพื้นน้ำในกิจการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดเงินค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์บริเวณบน
เหนือพื้นดินพื้นน้ำในอสังหาริมทรัพย์ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
ได้ดำเนินการโครงการระบบรถไฟฟ้า ซึ่งการเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวของ รฟม.
ได้ก่อภาระให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายส่งผลให้ไม่สามารถใช้สอยอสังหาริมทรัพย์นั้นได้ตามปกติแต่ไม่ได้สร้างภาระจนถึงขนาดที่
รฟม. จะต้องดำเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้น
เพื่อให้ รฟม. สามารถพิจารณากำหนดเงินค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์บน เหนือพื้นดินหรือพื้นน้ำแทนการเวนคืนที่ดินเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน
เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดเงินค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2569 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการแก้ไขหนี้สินแบบองค์รวม Holistic Debt Management Framework ของคณะกรรมาธิการ การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา | สว. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
แนวทางการแก้ไขหนี้สินแบบองค์รวม Holistic
Debt Management Framework ของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ
วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานศาลยุติธรรม
สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2570 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กค. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงานทางการเงินของรายงานการเงินแผ่นดิน
รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขี้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๓๔,๓๒๑.๒๕ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๕.๐๖ เนื่องจากการจัดเก็บภาษีอากร
และการนำส่งเงินเหลือจ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
มีค่าใช้จ่ายลดลง จำนวน ๒๓๔,๖๐๒.๕๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๕๘
เนื่องจากการลดลงของค่าใช้จ่ายอุดหนุนตามมาตรการของรัฐเพื่อแก้ไขสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ คลี่คลาย มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายลดลง จำนวน ๓๖๘,๙๒๓.๘๔ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๖๐ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการจัดเก็บภาษีและการนำส่งเงินรายได้ของหน่วยงานสูง ๒. ฐานะการเงินของรายงานการเงินแผ่นดิน
รัฐบาลมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๒๘๗,๑๒๗.๙๗ ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ ๓.๔๖ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของที่ดินราชพัสดุ เงินให้กู้ยืมระยะสั้น
เงินให้กู้ยืมระยะยาว และรายได้รัฐบาลค้างรับ มีหนี้สินเพิ่มขึ้น จำนวน ๕๙๐,๑๕๒.๘๘
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖.๐๔ เนื่องจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
และการกู้เงินเพื่อการบริหารหนี้ มีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุนลดลง จำนวน
๓๐๓,๐๒๔.๙๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๔๓
เนื่องจากมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสะสมเพิ่มขึ้น จากผลการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสำหรับงวดปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๕๓๙,๘๓๙.๑๒ ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับปรุงรายการบัญชี
การปรับปรุงมูลค่า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2571 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง อาชีวศึกษา : คุณภาพ มาตรฐาน และแรงจูงใจ ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง อาชีวศึกษา : คุณภาพ มาตรฐาน และแรงจูงใจ
ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงแรงงาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2572 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการฝึกงานของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ของคณะกรรมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | สว. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
แนวทางการแก้ไขปัญหาการฝึกงานของนักเรียน นิสิต นักศึกษา
ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
๒.
มอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงแรงงาน
กระทรวงสาธารณสุขกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2573 | ร่างกฎกระทรวง กำหนดภาพ เครื่องหมาย หรือข้อความที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุสารระเหยที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสารระเหยต้องจัดทำก่อนนำออกจำหน่าย พ.ศ. .... | สธ. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง กำหนดภาพ เครื่องหมาย
หรือข้อความที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุสารระเหยที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสารระเหยต้องจัดทำก่อนนำออกจำหน่าย
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และปริมาณ
ในการกำหนดภาพ เครื่องหมาย หรือข้อความที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุสารระเหยที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสารระเหยต้องจัดทำก่อนนำออกจำหน่าย
เพื่อเป็นการเตือนให้ระวังการใช้สารระเหย อันเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าในส่วนของข้อความที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อควรมีการระบุวัน
เดือน ปี ที่มีการผลิตหรือนำเข้าแล้วแต่กรณี และเห็นว่าร่างข้อ ๒ ชื่อกฎกระทรวง
มีข้อความที่พิมพ์ขาดตกบกพร่อง ควรแก้ไขเพิ่มเติมเป็นข้อความว่า “ให้ยกเลิกกฎกระทรวง
(พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. ๒๕๓๓” และร่างข้อ
๓ ควรแก้ไขเพิ่มเติมให้มีรายละเอียดครบถ้วนและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดย ๑) ร่างข้อ ๓
(๕) ควรแก้ไขเพิ่มเติมเป็นข้อความว่า “วิธีการใช้
วิธีการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น วิธีการรักษาเบื้องต้น และวิธีเก็บรักษา” ๒)
ควรเพิ่มเติมข้อความว่า “วัน เดือน ปีที่ผลิต และหมดอายุ” เป็น (๘) ของร่างข้อ ๓ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2574 | ร่างกฎกระทรวงวัตถุตำรับยกเว้น พ.ศ. .... | สธ. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงวัตถุตำรับยกเว้น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการกำหนดมาตรการยกเว้นการควบคุมบางประการสำหรับวัตถุตำรับ
เพื่อให้ผู้ป่วยหรือผู้มีความจำเป็นต้องใช้วัตถุออกฤทธิ์
ได้เข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ได้อย่างปลอดภัยภายใต้การกำกับดูแลอย่างเหมาะสม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2575 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน | กก. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ จะมีการลงนามในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน
ในวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๗ มีสาระสำคัญเป็นกรอบความร่วมมือที่ระบุเกี่ยวกับกิจกรรมที่ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการร่วมกัน
เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการลงทุน ประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว
การจัดงานเทศกาลด้านการท่องเที่ยว การพัฒนาเครือข่ายหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว
การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม รวมถึงการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวให้แก่กลุ่มตลาดท่องเที่ยวที่มีศักยภาพให้มีการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรผลักดันและเร่งรัดความร่วมมือให้เกิดผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมทั้งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์ด้านมาตรฐานการท่องเที่ยวและโรงแรม
การส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม
การประชาสัมพันธ์เพื่อชี้แจงและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว
วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายให้มีความเข้าใจให้มากขึ้น
รวมทั้งควรพิจารณาใช้ประโยชน์จากความร่วมมือดังกล่าวเพื่อสานต่อการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยว
โดยความร่วมมือของภาคเอกชนเพื่อวางกลยุทธ์การจัดการการท่องเที่ยวและการตลาดที่เป็นแบบเครือข่ายระหว่างประเทศ
เพื่อดึงดูดความสนใจและขยายตลาดนักท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคและใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการให้ปรับรูปแบบและบริการให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย
อาทิ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)
การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) และควรมีการดำเนินการอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมให้กับนักท่องเที่ยว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2576 | การเข้าร่วมประชุม Sustainable Finance for Tiger Landscapes Conference ณ ประเทศภูฏาน | ทส. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม
Paro Pledge for Tigers : A Billion-dollar
Commitment to Biodiversity Conservation และอนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทย
[ที่ปรึกษากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
(นางรุ่งนภา พัฒนวิบูลย์)] หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการรับรองในวันที่
๒๓ เมษายน ๒๕๖๗ ระหว่างการประชุม Sustainable Finance for Tiger Landscapes
Conference ณ เมืองพาโร ราชอาณาจักรภูฏาน มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันในการกระตุ้นการระดมทุนเพิ่มเติม
จำนวน ๑ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๔ เพื่อการอนุรักษ์เสือโคร่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2577 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีสายการบินปฏิบัติต่อคนพิการไม่เหมาะสม | คค. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีสายการบินปฏิบัติต่อคนพิการไม่เหมาะสม ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ว่า โดยปัจจุบันสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)
อยู่ระหว่างการจัดทำร่างข้อกำหนดของ กพท. ฉบับที่ ..
ว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่ผู้ดำเนินการต้องจัดไว้บริการผู้โดยสารที่เป็นบุคคลผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ
ซึ่งเป็นกฎหมายที่ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของผู้พิการ เด็ก และคนชรา ให้มีโอกาสได้เข้าถึงการเดินทางทางอากาศได้อย่างเท่าเทียมเช่นคนปกติทั่วไป
ซึ่งสอดคล้องกับภาคผนวก ๙ ว่าด้วยการอำนวยความสะดวกและบทแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวก ๙
แห่งอนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ค.ศ. ๑๙๔๔
โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕/๑๐ แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๗ และมาตรา
๗๑ และพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๒๐ (๘) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2578 | ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 และฉบับที่ 98 | สม. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๘๗ และฉบับที่ ๙๘
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒.มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงแรงงานสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2579 | ร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent: LOI) ที่จะเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี ไทย - บังกลาเทศ | พณ. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent
: LOI) ที่จะเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี
ไทย-บังกลาเทศ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ
โดยร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ จะมีการลงนามในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๗
ในช่วงการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ (นางเชค ฮาซีนา)
ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ เมษายน ๒๕๖๗ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการเริ่มเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี
(Free Trade Area : FTA) ไทย-บังกลาเทศ
ภายในปี ๒๕๖๗ มีสาระสำคัญระบุว่าทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนผลการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility
Study) ที่แต่ละฝ่ายได้จัดทำไว้
และจะสานต่อการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเร่งรัดกระบวนการที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งรวมถึงผ่านกลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade
Committee) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงที่จะเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี
ไทย-บังกลาเทศ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2580 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 หรือตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. .... | สธ. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของตำรับยาเสพติดให้โทษ
ในประเภท ๓ หรือตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข
และอัตราค่าธรรมเนียมการขออนุญาตและการอนุญาตให้ผลิตหรือนำเข้าตัวอย่างของตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท
๓ หรือตำรับวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามมาตรา
๗ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนด รวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ
(wvw.info.go.th) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|