ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1076 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 21501 - 21520 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21501 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... | สว | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เห็นควรให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เร่งรัดดำเนินการกำหนดลักษณะของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมประกาศกำหนดไว้ในมาตรา ๔ วรรคสอง และออกระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และมาตรการเกี่ยวกับการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ตามมาตรา ๑๐ (๘) ของร่างพระราชบัญญัตินี้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21502 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารงานบุคคลภาครัฐ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. | นร10 | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ. รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารงานบุคคลของภาครัฐของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยสำนักงาน ก.พ. อยู่ระหว่างการปรับปรุงรายละเอียดของร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการย้าย การโอน หรือการเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. .... ที่จะออกตามความในมาตรา ๖๓ ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการย้าย การโอน หรือการเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญในหรือต่างกระทรวง หรือกรม โดยเฉพาะการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า) ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อพิจารณากลั่นกรองบุคคลที่เหมาะสม ทั้งนี้ หากร่างกฎกระทรวงดังกล่าว รวมทั้งหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องมีผลใช้บังคับ สำนักงาน ก.พ. จะเป็นเจ้าหน้าที่ในการเสนอแนะ และให้คำปรึกษาแก่กระทรวง กรม เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางในการย้าย การโอน หรือการเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญ รวมทั้งเป็นกรรมการในฐานะผู้แทน ก.พ. ในคณะกรรมการคัดเลือกที่ อ.ก.พ. กระทรวงแต่งตั้ง จึงอาจไม่จำเป็นต้องมีการจัดตั้งศูนย์/หน่วยงานประเมินและวิเคราะห์ข้าราชการขึ้นใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21503 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบกำจัดขยะเพื่อแก้ปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน) | ทส | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูประบบกำจัดขยะเพื่อแก้ปัญหาการจัดการมูลฝอยชุมชน) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การขับเคลื่อนการจำกัดขยะเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีที่จะใช้ และการบริหารจัดการ ๑.๒ กลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกล ควรสนับสนุนให้เกิดระบบการลด คัดแยก และใช้ประโยชน์ขยะมูลฝอยตั้งแต่ต้นทางให้มากที่สุด เพื่อให้เหลือขยะที่นำไปจัดการให้น้อยที่สุด ๑.๓ การมุ่งเน้นให้เอกชนมาลงทุนระบบกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตพลังงานเพียงอย่างเดียวเป็นการจัดการที่ปลายเหตุ ควรดำเนินการด้านการลด การคัดแยก และการใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยตั้งแต่ต้นทางควบคู่กันไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เอกชนจะสามารถลงทุนระบบกำจัดขยะเพื่อผลิตพลังงานควรพิจารณากองขยะเก่าที่ตกค้างสะสมในสถานที่กำจัดขยะด้วย ๑.๔ แผนผังพื้นที่และรูปแบบของโรงงานกำจัดขยะที่เสนอมาว่าต้องการพื้นที่ประมาณ ๖๐ ไร่ สำหรับขยะมูลฝอยจำนวน ๕๐๐-๗๐๐ ตันต่อวัน ไม่ควรระบุขนาดพื้นที่และเทคโนโลยี ๑.๕ แผนการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการขยะยังไม่มีความชัดเจน ๑.๖ การผลักดันเพื่อให้เกิดโครงการนำร่องในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ เห็นควรให้รัฐบาลกำหนดพื้นที่นำร่องก่อนเป็นลำดับแรก และให้ทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อน ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21504 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปี พ.ศ. 2558 | นร01 | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ภาพรวมการดำเนินงาน คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ทั้ง ๗๖ คณะ/จังหวัด ได้สอดส่องแผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด แผนงานโครงการของจังหวัดและส่วนราชการในจังหวัด รวมถึงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด รวมจำนวน ๑,๐๑๗ งาน/โครงการ มีมติเป็นข้อเสนอแนะให้จังหวัด/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐรับไปดำเนินการ จำนวน ๑๗๓ ข้อ จังหวัดได้แจ้งผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด จำนวน ๑๔๘ ข้อ หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๕.๕๕ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการดำเนินการของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดในปี ๒๕๕๙ ควรมีการสอดส่องในเรื่องการจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนในเรื่องของการอนุญาตทุกประเภท รวมทั้งกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ใช้บังคับกับการให้บริการของหน่วยงานของรัฐกับประชาชน ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21505 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร11 | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ที่เป็นผู้แทนจากหน่วยงานด้านกฎหมาย ได้แก่ อัยการสูงสุด เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการใน กพย. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21506 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การจัดการภัยพิบัติตามธรรมชาติภาวะโลกร้อน) | มท | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การจัดการภัยพิบัติตามธรรมชาติภาวะโลกร้อน) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ได้จัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยที่ประชุมมีผลการพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ข้อเสนอแนะที่ให้ปฏิรูปการสร้างยุทธศาสตร์ต่อยอดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ที่ประชุมเห็นด้วยกับยุทธศาสตร์การป้องกันและลดผลกระทบหรือยุทธศาสตร์เพื่อลดความเสี่ยง ยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อม ยุทธศาสตร์การจัดการหลังเกิดภัย และยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลผลกระทบจากภาวะโลกร้อน แต่ไม่เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการฉุกเฉินที่เสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์ โดยมีผู้รับผิดชอบสูงสุดและคณะทำงานที่มีประสบการณ์เพื่อมาบริหารเชิงยุทธศาสตร์ เนื่องจากการจัดการภัยพิบัติรุนแรงขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้มีอำนาจควบคุมและสั่งการได้ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ และพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ภายใต้โครงสร้างของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งมีรูปแบบและกลไกที่เหมาะสมอยู่แล้ว ๑.๒ ข้อเสนอแนะที่ให้พัฒนาและปรับปรุง "ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ" ให้มีกลไกการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยด่วนแล้วพัฒนาเป็น "ศูนย์ป้องกันและจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ" ในระยะต่อไป ที่ประชุมไม่เห็นด้วยเนื่องจากภารกิจซ้ำซ้อนกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการจัดการสาธารณภัยของประเทศได้มีการบูรณาการผ่านคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งมีรูปแบบการบูรณาการที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพดีอยู่แล้ว รวมถึงกลไกการแจ้งเตือนภัยและการแจ้งข่าวสารของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสามารถเข้าถึงประชาชนทั่วทุกพื้นที่ได้สะดวกและรวดเร็วโดยผ่านกลไกจังหวัด อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อีกทั้งเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้รับหลักการร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ให้ถ่ายโอนภารกิจและอำนาจหน้าที่ของศูนย์เตือนภัยพิบัติไปเป็นของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นอกจากนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะปรับปรุงโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพในการเฝ้าระวัง วิเคราะห์ และแจ้งเตือนภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการภัยพิบัติของประเทศให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทยให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21507 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการชำระค่าชลประทานที่ค้างชำระ) | นร09 | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการชำระค่าชลประทานที่ค้างชำระ ระหว่างกรมชลประทานกับเทศบาลนครนครราชสีมา เนื่องจากกรมชลประทานในฐานะเจ้าหนี้และเทศบาลนครนครราชสีมาในฐานะลูกหนี้สามารถเจรจาตกลงกันในวิธีการชำระหนี้ได้ตามหลักเกณฑ์แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกรมชลประทานมีดุลพินิจที่จะกำหนดให้มีการผ่อนชำระค่าชลประทานที่ค้างชำระได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) ที่เห็นว่า กรมชลประทานควรเร่งดำเนินการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการลดหย่อนหรือผ่อนชำระค่าชลประทานกรณีปกติที่ยังไม่ค้างชำระ นอกจากนี้ การออกระเบียบคณะกรรมการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทานว่าด้วยการดำเนินงานทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน พ.ศ. ๒๕๔๗ กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานเพื่อใช้บังคับกับประชาชนโดยทั่วไป โดยไม่มีอำนาจอาจทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบในทางแพ่งและในทางอาญา สมควรที่กรมชลประทานจะได้ทบทวนเสียใหม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21508 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... | มท | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วน ในท้องที่จังหวัดลำปาง เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการควบคุมความหนาแน่นของอาคาร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21509 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ฉบับแก้ไข) พ.ศ. 2558 | ทก | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ฉบับแก้ไข) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยปรับเปลี่ยนองค์ประกอบคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยเพิ่ม “รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร” เป็นรองประธานกรรมการ และเปลี่ยนกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ จากเดิม “รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ได้รับมอบหมาย” เป็น “ผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ได้รับมอบหมาย” ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21510 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง แนวทางการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ) | สธ | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับข้อเสนอของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้ ๑.๑ ด้านการป้องกัน เช่น ควรปฏิรูประบบบริการสุขภาพของทหารควบคู่ไปด้วย รัฐควรเก็บภาษีเพิ่มเพื่อใช้จ่ายด้านสาธารณสุข โรงงานควรให้ความสำคัญกับ Safety Management ควรเข้มงวดวินัยจราจร และควรเร่งถ่ายโอนสถานีอนามัยหรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.๒ ด้านการรักษาพยาบาล เช่น ไม่เห็นด้วยกับการให้ประชาชนต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อรับสิทธิ ควรให้ร้านยาที่มีเภสัชกรวินิจฉัยโรคพื้นฐานได้ ควรศึกษาความเหมาะสมของระบบการมีส่วนร่วมจ่ายให้เหมาะสมกับประเทศไทย ควรให้เอกชนมีส่วนร่วมในการให้บริการรักษาพยาบาล ควรใช้สิทธิประกันสุขภาพภาคเอกชนก่อนหากไม่เพียงพอจึงใช้สิทธิประกันสุขภาพภาครัฐ ควรเลือกวิธีจ่ายสมทบล่วงหน้าก่อน ควรมีมาตรการเพิ่มเติม (เพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับผู้ป่วยเรื้อรัง และสนับสนุนการ่วมกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ หรือกำหนดเป็นเงื่อนไขในการรับสวัสดิการ) รัฐไม่ควรควบคุมค่ารักษาพยาบาลของเอกชน ควรมีการศึกษากรณีที่จะตั้งหน่วยงานใหม่เพื่อขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมถึงคนต่างด้าว ควรให้ความสำคัญกับเรื่องเทคโนโลยีเพื่อการรักษาโรค และส่งเสริมการพัฒนายา เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่สามารถผลิตในประเทศไทย รวมทั้งส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันและรักษาสุขภาพ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงสาธารณสุขให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21511 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 (อัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทาง อนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง VISA ON ARRIVAL) | ตช | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญเป็นการปรับเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (VISA ON ARRIVAL) ไว้เป็นการเฉพาะ สำหรับประเภทนักท่องเที่ยว (ใช้ได้ครั้งเดียว) จากครั้งละ ๑,๐๐๐ บาท เป็นครั้งละ ๒,๐๐๐ บาท ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาทบทวนนโยบายด้านการตรวจลงตรา VISA ON ARRIVAL จากเดิมที่อำนวยความสะดวกแบบระยะสั้นครั้งละไม่เกิน ๑๕ วัน สำหรับ ๑๘ ประเทศ กับอีก ๑ เขตเศรษฐกิจ (ไต้หวัน) เป็นการตรวจลงตราให้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่อยู่ระหว่างการเดินทางและไม่สามารถไปขอรับการตรวจลงตราที่สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ หรือสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ได้ทันเวลา ตลอดจนอาจกำหนดมาตรการป้องปรามและป้องกันเพื่อลดช่องทางในการกระทำผิดกฎหมายจากมาตรการดังกล่าว โดยเพิ่มศักยภาพด้านต่าง ๆ ให้กับบุคลากรของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อให้สามารถรองรับจำนวนผู้ร้องที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในกระบวนการคัดกรองคนเข้าเมือง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21512 | ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อแก้ไขชื่อ “คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและอัญมณีศาสตร์” เป็น “คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม” และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21513 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง เรื่อง ผลการพิจารณารายงานการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยด้วยการมอบคูปองส่วนลดซื้อสินค้าประหยัดพลังงาน มูลค่า 2,000 บาท | พน | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง เรื่อง ผลการพิจารณารายงานการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ โครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ ๕ เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยด้วยการมอบคูปองส่วนลดซื้อสินค้าประหยัดพลังงาน มูลค่า ๒,๐๐๐ บาท ซึ่งกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนกระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขร่างระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ว่าด้วยการรับเงิน การเก็บรักษาเงิน การเบิกจ่ายเงิน และการบัญชีเงินกองทุน พ.ศ. .... เพื่อให้มีความเหมาะสมและเป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอจัดตั้ง การดำเนินงาน และการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21514 | รัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอะฮ์มัด รุซดี (Mr. Ahmad Rusdi)] | กต | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอะฮ์มัด รุซดี (Mr. Ahmad Rusdi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายลุตฟี ราอุฟ (Mr. Lutfi Rauf) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21515 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายวินิต อัศวกิจวิรี) | สธ | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวินิต อัศวกิจวิรี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์และการใช้ผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21516 | รัฐบาลรัฐเอกราชซามัวเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางสาวฮีนารี เพทานา (Ms. Hinauri Petana)] | กต | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวฮีนารี เพทานา (Ms. Hinauri Petana) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐเอกราชซามัวประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงแคนเบอร์ราเครือรัฐออสเตรเลีย สืบแทน นายเลมาลู ซาเมา ตาเต ซีมี (Mr. Lemalu Samau Tate Simi) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21517 | รายงานการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะ | รง | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะ ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสิงคโปร์ได้มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์เพื่อตอบแทนคุณความดีและความสัมพันธ์ที่ดีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในห้วงดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะการดำเนินงานด้วยความร่วมมือด้านการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรของกองทัพสาธารณรัฐสิงคโปร์ ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้หารือกับปลัดกระทรวงกลาโหมของสาธารณรัฐสิงคโปร์ในประเด็นความร่วมมือทางทหารด้านการฝึกอบรมและแลกเปลี่ยนข้อมูล และเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศในฐานะพันธมิตรในกลุ่มประชาคมอาเซียน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเข้าเยี่ยมคำนับและหารือข้อราชการด้านนโยบายแรงงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกำลังคนสาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยได้แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของรัฐบาลสาธารณรัฐสิงคโปร์ในการเลือกตั้งและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกำลังคนสิงคโปร์ที่ได้กลับมาดำรงตำแหน่งต่อเนื่องในรัฐบาลใหม่ซึ่งจะขับเคลื่อนนโยบายด้านแรงงานของสาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจและการวางรากฐานของประเทศจาก Transitional Period ไปสู่ United Society ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกำลังคนสาธารณรัฐสิงคโปร์ได้นำแนวคิดการขับเคลื่อนประเทศของกระทรวงแรงงานที่จะต้องเปลี่ยนจาก Manpower ไปสู่ Brain Power รวมทั้งเตรียมการวางแผนการบริหารกำลังคนไปสู่นโยบายคนรุ่นใหม่ในอนาคต ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเข้าเยี่ยมสถานที่ก่อสร้าง Sky Vue Condominium ของบริษัท ดรากัส และรับฟังสรุปจากฝ่ายบริหารของบริษัทฯ ว่า บริษัทฯ ได้ว่าจ้างแรงงานไทย จำนวน ๔๒๐ คน ทำงานในสถานที่ก่อสร้างต่าง ๆ ของบริษัทฯ โดยที่ Sky Vue มีแรงงานไทยทำงานอยู่ จำนวน ๕๔ คน บริษัทฯ ชื่นชมแรงงานไทยว่ามีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดสิงคโปร์และมีการพัฒนาตนเอง ซึ่งปัจจุบันแรงงานไทยในบริษัทฯ ประมาณร้อยละสี่สิบได้พัฒนาเป็นแรงงานที่มีมาตรฐานสูงและได้ใบอนุญาต S-pass
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21518 | รายงานประจำปี 2556 และ 2557 ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ | วท | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประกอบด้วย การดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ สวทช. ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในภาคการผลิต ภาคบริการ และภาคเกษตรกรรม รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สวทช. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21519 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นกรณีที่มี ความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่สามารถเข้าครอบครองและใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการก่อสร้างได้ตามแผนงาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21520 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสารสนเทศ และคณะกรรมาธิการการศึกษา และการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ [เรื่อง สะเต็มศึกษา (STEM Education) นโยบายเชิงรุกเพื่อพัฒนาเยาวชนและกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์] | วท | 19/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาตามรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง สะเต็มศึกษา (STEM Education) นโยบายเชิงรุกเพื่อพัฒนาเยาวชนและกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ของคณะกรรมาธิการการสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสารสนเทศ และคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับข้อเสนอเชิงนโยบายสะเต็มศึกษา (STEM Education) ประกอบด้วย เป้าประสงค์ของการพัฒนาสะเต็มศึกษา (STEM Education) และแนวนโยบายสะเต็มศึกษา (STEM Education) แห่งชาติ และเห็นด้วยกับกลไกการขับเคลื่อน ประกอบด้วย คณะกรรมการสะเต็มศึกษาแห่งชาติ (STEM Education Committee) และระบบการขับเคลื่อนการดำเนินงาน รวมทั้งแนวทางงบประมาณ และแนวทางการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....