ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1080 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 21581 - 21600 จากข้อมูลทั้งหมด 123973 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21581 | การรับโอนข้าราชการตำรวจมาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักนายกรัฐมนตรี) (พลตำรวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์) | นร | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน พลตำรวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21582 | การรับโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักนายกรัฐมนตรี) (ว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์) | นร01 | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน ว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารระดับสูง) กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) ตามกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21583 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (กระทรวงพาณิชย์) (นายวิษณุ วงศ์สินศิริกุล) | พณ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายวิษณุ วงศ์สินศิริกุล เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มกราคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21584 | แต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด (เพิ่มเติม) (จำนวน 8 คน 1. นายชยพล ธิติศักดิ์ ฯลฯ) | มท | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด (เพิ่มเติม) จำนวน ๘ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มกราคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายชยพล ธิติศักดิ์ ประธานกรรมการ ๒. พลตำรวจโท ชินทัต มีศุข กรรมการอื่น ๓. นายนิพล ตั้งจีรวงษ์ กรรมการอื่น ๔. รองศาสตราจารย์ ปธาน สุวรรณมงคล กรรมการอื่น ๕. นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กรรมการอื่น ๖. นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ กรรมการอื่น ๗. นายธีรภัทร สันติเมทนีดล กรรมการอื่น ๘. นายศุภสิทธิ์ ศิริศักดิ์ กรรมการอื่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21585 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (จำนวน 8 คน 1. พลเอก ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ฯลฯ) | กษ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย จำนวน ๘ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มกราคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ พลเอก ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ประธานกรรมการ ๑.๒ นายประสิทธิ์ หมีดเส็น ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยาง ๑.๓ นายสังข์เวิน ทวดห้อย ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยาง ๑.๔ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยาง ๑.๕ นายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ ผู้แทนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ๑.๖ นายสาย อิ่นคำ ผู้แทนสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ๑.๗ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้แทนผู้ประกอบกิจการยาง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการค้า ๑.๘ นายพิชัย ถิ่นสันติสุข ผู้แทนผู้ประกอบกิจการยาง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตอุตสาหกรรมยาง ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21586 | สรุปความต้องการใช้ยางพาราในการดำเนินโครงการของส่วนราชการ | นร | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการยางพารา ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการบริหารจัดการยางพาราเพื่อให้เกิดกลไกการรับซื้อในราคาสูง โดยสร้างทางเลือกให้แก่เกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถ ความเข้มแข็ง นวัตกรรม การวิจัยและพัฒนาให้ภาคเอกชน แบ่งออกเป็นมาตรการ ๓ ระยะ ๑.๑.๑ มาตรการระยะที่ ๑ การลงทุนเรื่องการวิจัยและพัฒนาการแปรรูปยางพารา โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา และให้การสนับสนุนผู้ประกอบการที่นำผลวิจัยไปผลิตผลิตภัณฑ์ แปรรูปยางพารา ทั้งผู้ประกอบการรายใหม่ (Start Up) และผู้ประกอบการรายเดิมที่มีการปรับปรุงหรือขยายกิจการ และให้ส่วนราชการจัดซื้อหรือจัดจ้าง วัสดุ ครุภัณฑ์ และสิ่งก่อสร้างที่มีส่วนผสมของยางพาราดังกล่าว ๑.๑.๒ มาตรการระยะที่ ๒ การขยายตลาดภายในประเทศ โดยให้มีการเพิ่มสัดส่วนการใช้ยางพาราในผลิตภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ โดยขยายจากภาคราชการไปสู่ภาคเอกชน ๑.๑.๓ มาตรการระยะที่ ๓ การสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตผลิตภัณฑ์ยางพาราอย่างต่อเนื่อง และให้สามารถนำไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศได้ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น มาตรการทางภาษี เป็นต้น ๑.๒ ในระยะ ๓ เดือนก่อนการปิดกรีดจะมีปริมาณยางพาราออกสู่ตลาด ๘ แสนตัน-๑ ล้านตัน ดังนั้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคายาง ขอให้กระทรวงพาณิชย์ (องค์การคลังสินค้า) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การยางแห่งประเทศไทย รวมทั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติกำหนดกลไกรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรโดยตรง เพื่อนำมาเข้าสู่กระบวนการแปรรูปก่อนจำหน่ายให้แก่ส่วนราชการ (อาจจำหน่ายในลักษณะน้ำยางดิบในกรณีที่นำไปผสมทำถนน) โดยให้ส่วนราชการใช้งบประมาณที่มีอยู่ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง วัสดุ ครุภัณฑ์ และสิ่งก่อสร้างที่มีส่วนผสมของยางพาราในสัดส่วนที่สูงขึ้น ๒. เนื่องจากข้อมูลสรุปความต้องการใช้ยางพาราในการดำเนินโครงการของส่วนราชการที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมมานั้น ยังไม่สอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการยางพาราของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการปรับเพิ่มสัดส่วนการใช้ยางพาราในวัสดุ ครุภัณฑ์ และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จึงให้ทุกส่วนราชการที่มีความต้องการใช้ยางพาราพิจารณาทบทวนการดำเนินงานตามแนวทางข้างต้นแล้วเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ (ด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ) พิจารณาก่อนดำเนินการต่อไป ๓. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรายงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเร่งรัดการเปิดโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราใหม่ ๗๙ โรง ซึ่งคาดว่าหากโรงงานอุตสาหกรรมดังกล่าวเปิดดำเนินการครบทุกแห่งจะมีการใช้ยางพาราประมาณ ๘.๗ แสนตัน และได้เร่งรัดให้โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราเพิ่มปริมาณการเก็บสต็อกยางพาราเป็นวัตถุดิบ รวมทั้งให้เตรียมการรองรับการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ยางพาราจากส่วนราชการต่าง ๆ โดยในขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์จากยางพาราเพิ่มมากขึ้น เช่น หมอนสุขภาพ ถุงมือ รองเท้า แผ่นยางปูพื้น กาวน้ำยาง เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีโครงการในการสนับสนุนผู้ประกอบการยางพารา เช่น โครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง เป็นต้น ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (การยางแห่งประเทศไทย) และกระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) เร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราในโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ และแนวทางดำเนินการตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21587 | กลไกประชารัฐ | นร | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายที่จะใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน นั้น จึงเห็นควรสร้างความเข้าใจให้ถูกต้องตรงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักการทำงาน บทบาท และความเชื่อมโยง ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ ความเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน/ประชาสังคม โดยทั้ง ๓ ภาคส่วนจะสนับสนุนเชื่อมโยงการทำงานระหว่างกัน ๑.๒ การขับเคลื่อนประชารัฐแบบบูรณาการ แบ่งเป็น ๓ ระดับ คือ ๑.๒.๑ ระดับนโยบาย โดยมีคณะรัฐมนตรีให้นโยบายในการขับเคลื่อน ๑.๒.๒ ระดับการขับเคลื่อน โดยมีกระทรวงและคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ๖ คณะ เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน ๑.๒.๓ ระดับปฏิบัติ แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม คือ (๑) ภาครัฐ (๒) ภาคเอกชน (๓) ภาคประชาชน/ประชาสังคม ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนจะดำเนินการโดยทั้งกลไกระบบราชการและภาคส่วนอื่น ๆ เช่น กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน องค์กรภาคประชาชน สถาบันการเงิน หน่วยงานระดับภูมิภาคและท้องถิ่น องค์กรและสมาคมต่าง ๆ บริษัทเอกชน กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ๑.๓ การสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายโดย ๑๒ คณะภาคธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยการยกระดับนวัตกรรมและผลิตภาพ การดึงดูดการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และธุรกิจเกิดใหม่ (Start Up) การยกระดับคุณภาพวิชาชีพ เศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและกลุ่ม MICE (Meetings Incentive Conventions Expositions) การส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนต่างประเทศ การพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมที่เป็น New S Curve การปรับแก้ไขกฎหมายและกลไกภาครัฐ การพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ การศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาความรู้ และการสร้างรายได้และกระตุ้นการใช้จ่ายของประเทศ ทั้งนี้ ๑๒ คณะภาคธุรกิจนี้จะเป็นกลไกกลางเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มการจ้างงาน สร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มขีดความสามารถของภาคประชาชนและประชาสังคมต่อไป ๒. ให้ทุกส่วนราชการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายต่าง ๆ โดยใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ให้รายงานความก้าวหน้าการใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ทุกเดือน โดยให้ทุกส่วนราชการส่งรายงานให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีภายในวันที่ ๕ ของทุกเดือน เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21588 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการขุดลอกคลองทั่วประเทศ โดยเฉพาะการกำจัดวัชพืชในแหล่งน้ำ ประกอบกับคณะรัฐมนตรีใด้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศตามแนวทางของกระทรวงมหาดไทย) มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดให้มีกลไกเพื่อบูรณาการการแก้ปัญหาขยะให้เป็นเอกภาพ นั้น ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนในชุมชนมีส่วนร่วมในการลดปริมาณขยะและสร้างรายได้ให้กับประชาชน เช่น คิดค้นเครื่องรับซื้อและคัดแยกขยะสำหรับวางให้บริการในชุมชนต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนนำขยะไปขายผ่านเครื่องดังกล่าว เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21589 | การให้สิทธิประโยชน์ด้านการค้าบริการแก่กลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) ภายใต้ WTO | อื่นๆ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ และให้เสนอบัญชีสิทธิประโยชน์ด้านการค้าบริการของไทยสำหรับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21590 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงบางใหญ่ - ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ในท้องที่อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | อื่นๆ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ในท้องที่อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21591 | การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ 70 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน 2559 และเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2559 | นร | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ในปี ๒๕๕๙ นี้ มี ๒ โอกาสอันเป็นมหามงคล คือ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ ๗๐ ปี เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ และวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ เป็นวันที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา จึงเห็นควรให้มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสดังกล่าว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้คนในชาติได้แสดงความจงรักภักดีโดยพร้อมเพรียงกัน อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่พระเกียรติคุณของทั้งสองพระองค์ไปยังนานาประเทศด้วย เช่น การร่วมมือกับภาคเอกชนจัดกิจกรรมการแสดงต่าง ๆ นอกจากนี้ เห็นควรดำเนินโครงการ/กิจกรรมอื่น ๆ เช่น การจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า การปรับปรุงสวนเบญจกิติในลักษณะสวนป่าตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ การปรับปรุงศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ด้วย ๒. มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมดังกล่าวให้เหมาะสมต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21592 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติฯ และบัญชีสิทธิประโยชน์ฯ รวม ๓ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การฟื้นฟูกิจการ) ๒. ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ในท้องที่อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ๓. บัญชีสิทธิประโยชน์ด้านการค้าบริการของไทยสำหรับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21593 | ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การฟื้นฟูกิจการ) | นร | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การฟื้นฟูกิจการ) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21594 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | อื่นๆ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รายงาน ดังนี้ ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาประมงไทยผิดกฎหมาย จากการตรวจสอบการกระทำประมงผิดกฎหมายของไทยเมื่อเดือนเมษายนและตุลาคม ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้กำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ได้แก่ การเสนอร่างกฎหมายและใช้เอกสารสำคัญ การพัฒนาระบบติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การตรวจเรือประมงที่ทำประมงนอกน่านน้ำ การบังคับการใช้กฎหมายในทะเล ความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและต่างประเทศ การช่วยเหลือผู้ประกอบการและชาวประมง รวมทั้งความพร้อมในการเตรียมการรองรับการตรวจติดตามความคืบหน้าของคณะผู้แทนสหภาพยุโรป ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดทำแนวทางการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว กีฬา และวัฒนธรรม ปี ๒๕๕๙-๒๕๗๙ (๒๐ ปี) และการวางรากฐานในห้วงระยะเวลา ๑๐ ปี ในด้านการท่องเที่ยว กีฬา และวัฒนธรรม ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานการดำเนินการตามนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เน้นการสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศจากภายใน ซึ่งได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินการเสนอโครงการเพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายดังกล่าว จำนวน ๔ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในชนบท (๒) โครงการ ๑ ตำบล ๑ SMEs เกษตร (๓) โครงการลงทุนเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่น และ (๔) โครงการตลาดกลางซื้อขายสินค้าเกษตร ๑.๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลใน ๓ ประเด็น ได้แก่ (๑) โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ วงเงินลงทุน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อยกระดับโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุม ๗๐,๐๐๐ หมู่บ้านทั่วประเทศ (๒) โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ (ยกระดับการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ สำหรับการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระดับภูมิภาค วงเงินลงทุน ๕,๐๐๐ ล้านบาท) และ (๓) แผนงานเร่งด่วนจากงบประมาณ ๓,๗๐๐ ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ทั้งนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะได้นำรายละเอียดแผนงานโครงการตามข้อ (๑) และ (๒) เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานการประเมินหน่วยงานและผู้บริหารแบบใหม่ ซึ่งผ่านการประชุมร่วมกับสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับความมุ่งหมายของการประเมิน ผู้ถูกประเมิน ตัวชี้วัด ผู้ประเมิน ระบบประเมิน รวมทั้งหลักเกณฑ์การประเมิน และให้รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการประเมินหน่วยงาน ให้พิจารณาจากผลการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ งานตามนโยบายของรัฐบาล และงานบูรณาการ ทั้งนี้ ในการประเมินหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายตามภารกิจพิเศษ ให้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21595 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบโฉนดชุมชนและร่างพระราชบัญญัติสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ. ....) | สผ | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบโฉนดชุมชนและร่างพระราชบัญญัติสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ. ....) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ข้อเสนอแนะตามมาตรา ๓๑ฯ มีการเสนอแนวทางการดำเนินการเช่นเดียวกับที่รัฐได้ดำเนินการในลักษณะกระจายการถือครองที่ดินและมอบสิทธิให้แก่ประชาชน ซึ่งรัฐได้ดำเนินการมาแล้วในหลายรูปแบบ หลายวิธีการ โดยมีหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินจำนวนมาก และมีอำนาจหน้าที่แตกต่างกันตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน จึงส่งผลให้เกิดความซ้ำซ้อนเชิงภารกิจ ไม่มีเอกภาพในการบริหารจัดการที่ดิน ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ. .... มีการระบุเนื้อหาและถ้อยคำบางส่วนที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และจะนำไปสู่ปัญหาการตีความกฎหมายหรือเกิดความขัดแย้งในการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งมีลักษณะเป็นการลบล้างหรือใช้อำนาจเหนือหน่วยงานของรัฐ ๑.๓ การบัญญัติร่างพระราชบัญญัติฯ อาจไม่ใช่วิธีการบริหารจัดการและแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม หากแต่หน่วยงานของรัฐซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรดำเนินการจัดให้มี ปรับปรุง แก้ไข ยกเลิก ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถบริหารจัดการและแก้ปัญหาเกี่ยวกับที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนย่อมดีกว่าที่จะบัญญัติกฎหมายขึ้นใหม่ ๑.๔ เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อน มีความเป็นเอกภาพ และสามารถแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และสามารถนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม เห็นควรเสนอกฎหมายเพียงฉบับเดียว คือ พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและคณะอนุกรรมการบูรณาการกฎหมายการบริหารจัดการที่ดิน กำลังดำเนินการ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21596 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพบุคลากรการกีฬา พ.ศ. .... | กก | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพบุคลากรการกีฬา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานวิชาชีพบุคลากรการกีฬา โดยให้ผู้ประกอบการวิชาชีพบุคลากรการกีฬาตามที่คณะกรรมการสภาวิชาชีพบุคลากรการกีฬากำหนดเป็นบุคคลซึ่งต้องขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพบุคลากรการกีฬาจากสภาวิชาชีพบุคลากรการกีฬา ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21597 | ข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลก โครงการเตรียมความพร้อมด้านกลไกตลาดเพื่อสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจก (Partnership for Market Readiness: PMR) | กค | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลก โครงการเตรียมความพร้อมด้านกลไกตลาดเพี่อสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจก (Partnership for Market Readiness : PMR) มีสาระสำคัญเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขมาตรฐานของการให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าของธนาคารโลก ซึ่งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) เป็นหน่วยงานดำเนินโครงการฯ ได้พิจารณาขอบเขตในการดำเนินกิจกรรมแล้วว่าอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ และวัตถุประสงค์ที่จะสามารถดำเนินการได้ โดยโครงการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เงินสนับสนุนในการศึกษา วิเคราะห์ และพัฒนากลไกตลาดภายในประเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและลดก๊าซเรือนกระจก ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ออกหนังสือมอบอำนาจให้ กระทรวงการคลัง โดยนางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลกในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่ากระทรวงการคลังและ อบก. ต้องระมัดระวังมิให้ข้อตกลงฉบับนี้ส่งผลให้เกิดข้อผูกพันให้ประเทศไทยต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในอนาคต รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการพิจารณาในรายละเอียดของโครงการให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของ อบก. ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๐ การพิจารณากลไกตลาดที่สามารถกระตุ้นการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างรอบคอบ การซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เกิดจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจก การระบุถึงเรื่องการเปิดเผยข้อมูลให้กับธนาคารโลกให้ชัดเจนในข้อตกลงฯ ว่ามีรายละเอียดถึงเรื่องใดบ้าง และเห็นควรให้ อบก. ในฐานะหน่วยงานบริหารโครงการ ดำเนินการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ แผนงานโครงการ และเงื่อนไขตามมาตรฐานของธนาคารโลก รวมทั้งจะต้องไม่มีความซ้ำซ้อนกับภารกิจที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ตลอดจนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21598 | การขออนุมัติโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ ระยะที่ 4 (ปีงบประมาณ 2560 - 2569) | กต | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ ระยะที่ ๔ จำนวน ๓๐ ทุน (สำหรับบุคคลทั่วไปและข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ) ระยะเวลา ๑๐ (ปีงบประมาณ ๒๕๖๐-๒๕๖๙) ในสาขาวิชาภูมิภาคศึกษา กฎหมายระหว่างประเทศ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ประมาณ ๖ ล้านปอนด์ หรือประมาณ ๓๓๐ ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลปอนด์ ๑ ปอนด์ เท่ากับ ๕๕ บาท ณ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศขอรับการจัดสรรงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจริงภายใต้งบเงินอุดหนุนตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ ในกรณีที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีผลทำให้วงเงินบาทเพิ่มขึ้นเกินกว่าที่ได้รับอนุมัติไว้ โดยวงเงินสกุลต่างประเทศที่ได้รับความเห็นชอบไม่เปลี่ยนแปลง เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนในกรณีดังกล่าวได้ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดกลุ่มสาขาวิชา ความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ และความรู้เฉพาะด้านที่มีความขาดแคลนเป็นลำดับแรกก่อน รวมทั้งการกำหนดประเทศที่ไปศึกษา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21599 | ความเห็นต่อข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง แนวทางการปฏิรูปการประกันภัยพืชผล | กษ | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการปฏิรูปการประกันภัยพืชผล) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ดังนี้ ๑.๑ รัฐควรสร้างความตระหนักรู้ให้แก่เกษตรกรในแง่ของผลกระทบที่เกิดจากความเสี่ยงทางภัยธรรมชาติ และให้เห็นความสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยงทางธรรมชาติ ขณะเดียวกัน ภาครัฐควรลดบทบาทในการช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เพื่อให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยพืชผลและการจัดการความเสี่ยงด้วยการประกันภัยแทน ๑.๒ ภาครัฐควรทำหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลความเป็นธรรมกับธุรกิจประกันภัยทั้ง ๒ ฝ่าย คือ ระหว่างเกษตรกรและบริษัทประกันภัย ๑.๓ การช่วยเหลือแบบปัจจุบันยังเป็นแบบคู่ขนาน และเพื่อผลักดันให้ระบบการประกันภัยดำเนินไปได้และเกษตรกรให้ความสำคัญ ควรลดการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติของภาครัฐให้น้อยลง ๑.๔ ควรมีการใช้ดัชนีสภาพอากาศให้มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับได้ร่วมกับการใช้วิธีที่ใช้ดุลพินิจจากการสำรวจแปลง ๑.๕ ผลักดันให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของการประกันภัยในอัตราที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทุนการผลิตจนถึงราคาที่เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
21600 | การขอเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | นร08 | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ ๒ ระหว่างบ้านวังตะเคียนใต้ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ประเทศไทย กับบ้านเยปู หมู่ที่ ๕ เมืองเมียวดี จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๒. มอบให้กระทรวงคมนาคมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำเงื่อนไข ข้อกำหนด และการควบคุมดูแล เพื่อให้การดำเนินการมีความเหมาะสมและไม่มีผลกระทบด้านความมั่นคง ๓. การดำเนินการใด ๆ จะต้องระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหาย และผลกระทบต่อความมั่นคง โดยต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนหรือกระทำกิจการใด ๆ ตามบริเวณชายแดน) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ (เรื่อง การระงับการก่อสร้างถนนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์) อย่างเคร่งครัด รวมทั้งเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์หรือเงื่อนไขที่ได้กำหนดแล้ว จะต้องปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวทันที ๔. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การเปิดจุดผ่านแดนชั่วคราวในพื้นที่ดังกล่าว มีความอ่อนไหวต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งความมั่นคงของประเทศ ในระหว่างการเปิดจุดผ่านแดนบริเวณดังกล่าว กระทรวงคมนาคมต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการใช้ช่องทางดังกล่าวในการเคลื่อนย้ายบุคลากร ยานพาหนะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ก่อสร้าง สำหรับใช้ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ ๒ เท่านั้น โดยต้องควบคุมมิให้เกิดการเข้า-ออกของบุคคล สินค้า และสิ่งผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งกำหนดเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดนดังกล่าวให้เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
.....