ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1079 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 21561 - 21580 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21561 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 5 ฉบับ | กษ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองญี่ปุ่นเหนือ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองญี่ปุ่นเหนือ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลไผ่กองดิน อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ถึงกิโลเมตรที่ ๑๘.๑๐๐ ในท้องที่ตำบลหลักชัย อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองรังสิตประยูรศักดิ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองรังสิตประยูรศักดิ์ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ถึงกิโลเมตรที่ ๗.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองโยง-คลองบางใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองโยง-คลองบางใหญ่ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลตากฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ถึงกิโลเมตรที่ ๒๐.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบางแม่นางและตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองข้างคันกั้นน้ำสายบางขนาก-ท่าไข่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองข้างคันกั้นน้ำสายบางขนาก-ท่าไข่ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบางขนาก อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๒๓.๒๕๐ ในท้องที่ตำบลบางขวัญ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบางสมัคร-ต้นโพธิ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบางสมัคร-ต้นโพธิ์ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลพิมพา อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๗.๓๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบางเกลือ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||
21562 | แจ้งการยกเลิกกองทุน Asian Bond Fund 1 และการดำเนินการต่อไป | กค | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. การยกเลิกกองทุน Asian Bond Fund 1 (ABF1) ตามมติของที่ประชุมผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่มธนาคารกลางในเขตเอเชียแปซิฟิก ๑๑ แห่ง (Executive Meeting for East Asia Pacific Central Banks and Monetary Authorities : EMEAP) เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒. มติของคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเห็นชอบแนวทางการดำเนินการหลังจากการยกเลิกกองทุน ABF1 โดยขายหน่วยลงทุน ABF1 และให้นำเงินไปลงทุนในกองทุน ABF2 เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศสมาชิกในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาค
|
|||||||||||||||||||||
21563 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลศรีษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มี ความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลศรีษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลศรีษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21564 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางการกำหนดหลักเกณฑ์กลางเกี่ยวกับการสรรหากรรมการในคณะกรรมการขององค์การมหาชน โดยเห็นว่าตามที่ร่างมาตรา ๘ (เพิ่มมาตรา ๑๙/๑) บัญญัติให้ผู้ใดจะดำรงตำแหน่งกรรมการในองค์การมหาชนเกินกว่าสามแห่งไม่ได้ โดยให้นับรวมการเป็นกรรมการโดยตำแหน่งและการได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติราชการแทนในตำแหน่งกรรมการด้วยนั้น ถือว่ามีความเหมาะสมและเป็นไปตามแนวทางเดียวกับพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ ที่บัญญัติให้เป็นกรรมการของรัฐวิสาหกิจไม่เกินสามแห่งเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อาจปรากฏข้อเท็จจริงว่าบุคคลอาจดำรงตำแหน่งกรรมการทั้งในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจจำนวนสามแห่ง และเป็นกรรมการในคณะกรรมการขององค์การมหาชนอีกสามแห่ง ทำให้บุคคลนั้นเป็นกรรมการในหน่วยงานของรัฐถึงหกแห่งในเวลาเดียวกัน ซึ่งกระทบต่อประสิทธิภาพของการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ ดังนั้น คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนควรคำนึงถึงสภาพปัญหาดังกล่าว และกำหนดหลักเกณฑ์กลางเกี่ยวกับการสรรหากรรมการในคณะกรรมการขององค์การมหาชนโดยคำนึงถึงการที่ผู้นั้นดำรงตำแหน่งกรรมการของรัฐวิสาหกิจอยู่แล้วโดยรวมทุกแห่งไม่เกินสามแห่งด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21565 | รายงานผลการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 | วธ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดกิจกรรมรวมพลังทางศาสนามหามงคล ๕ ศาสนา เพื่อให้พสกนิกรทุกศาสนาแสดงออกถึงความจงรักภักดีและความกตัญญูกตเวทีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกรมการศาสนาร่วมกับองค์กรทางศาสนา ๕ ศาสนา จัดกิจกรรมทางศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ณ พระอารามหลวงทั่วประเทศ ๙๙ วัด ศาสนาอิสลาม ประกอบพิธีดุอาขอพร ศาสนาคริสต์ ประกอบพิธีอธิษฐานภาวนาขอพร ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู สวดมนต์ขอพร และศาสนาซิกข์ สวดอัรดาส ๒. การจัดงานแสดงวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้ชื่อ “ถนนสายวัฒนธรรมไทยใต้ร่มพระบารมี” ระหว่างวันที่ ๑-๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยจัดเวทีการแสดง ๕ เวที ได้แก่ เวทีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร การแสดงโขน เวทีด้านข้างโรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน การแสดงศิลปประยุกต์ เวทีแยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน การแสดงพื้นบ้าน ๔ ภูมิภาค เวทีหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ถนนราชดำเนิน การแสดงวงดนตรีแจ็ส และเวทีลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ถนนราชดำเนิน การแสดงหุ่นกระบอก รวมทั้งจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ และจัดจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม “ของดีบ้านฉัน” จาก ๔ ภูมิภาค ณ บริเวณสนามหลวง จำนวน ๘๘ ร้านค้า มียอดรายได้สะสม จำนวน ๗,๒๐๓,๐๗๐ บาท และมีผู้ชมงานสะสม จำนวน ๓๑๔,๑๐๖ คน ๓. การจัดกิจกรรม “ยลวังหน้ายามเย็น เยือนพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ” โดยเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ให้ประชาชนเข้าชม ระหว่างวันที่ ๑-๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๖.๐๐-๒๑.๐๐ น. รวมทั้งเปิดทุกวันศุกร์และเสาร์ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๗.๐๐-๒๐.๐๐ น. ๔. การจัดการแสดงโขนพระราชทานเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ พระลานพระราชวังดุสิต เรื่อง รามเกียรติ์ ชุด “พระกฤดารามาวตาร” จำนวน ๕ องก์ ประกอบด้วย องก์ที่ ๑ นารายณ์ปราบนนทุก องก์ที่ ๒ ทศกัณฐ์ลักนางสีดา-หนุมานถวายพล องก์ที่ ๓ จองถนน-พระรามข้ามสมุทร องก์ที่ ๔ ยกรบ และองก์ที่ ๕ พระรามคืนนคร
|
|||||||||||||||||||||
21566 | การขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องการส่งเสริมการเกษตรให้เป็นแปลงใหญ่ การใช้ยางพาราในการทำถนนหรือด้านการกีฬา และการขับเคลื่อนการทำงานเพื่อการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ | นร | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องการส่งเสริมการเกษตรให้เป็นแปลงใหญ่ การใช้ยางพาราในการทำถนนหรือด้านการกีฬา และการขับเคลื่อนการทำงานเพื่อการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งเสริมการเกษตรให้เป็นแปลงใหญ่ ต้องใช้เวลาในการสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับเกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญและให้ความร่วมมือในการดำเนินการ โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ กขร. จะได้มีการติดตามขับเคลื่อนและประเมินผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดการดำเนินการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ ได้แก่ (๑) ต้นทุนการผลิตลดลง (๒) ผลผลิตต่อหน่วยหรือไร่เพิ่มขึ้น (๓) สินค้ามีระบบมาตรฐาน/คุณภาพปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น (๔) เทคโนโลยีการเกษตรเปลี่ยนแปลงดีขึ้น และ (๕) มีตลาดรองรับ (PPP CSR Social Business/Enterprise) โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานให้ กขร. ทราบผลการประเมินอีกครั้งในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๒. การใช้ยางพาราในการทำถนนหรือด้านการกีฬา รัฐบาลจะต้องดำเนินการเพื่อลดอุปทาน (Supply) ในการปลูกยางและเพิ่มอุปสงค์ (Demand) ความต้องการใช้ยางพาราให้มากขึ้น รวมทั้งขับเคลื่อนด้านการตลาด เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการติดตามประเมินผลการใช้ยางพารา ๓. การขับเคลื่อนการทำงานเพื่อการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ซึ่ง กขร. ได้เร่งรัดให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ นำ ๓๗ วาระการปฏิรูป ๘ วาระการพัฒนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติมาจัดทำแผนปฏิบัติการโดยจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ประเด็นการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||
21567 | รายงานการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ไปพลางก่อน | กษ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ไปพลางก่อนของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) โดยในระหว่างที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๙ ไม่สามารถเสนอคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทยเพื่ออนุมัติได้ทันก่อนเริ่มปีงบประมาณ ๒๕๕๙ จึงมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ไปพลางก่อน เป็นระยะเวลา ๒ ไตรมาส (ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึง ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙) ทั้งนี้ ไม่เกินกึ่งหนึ่งของงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ของแต่ละหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติและเป็นไปตามแผนงาน/โครงการเดิม โดยให้ถือว่าการใช้จ่ายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๙ ภายในวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๕,๓๐๑ ล้านบาท (ไม่รวมงบลงทุน) ประกอบด้วย ทุนประเดิมของการยางแห่งประเทศไทย เป็นเงิน ๒,๕๑๒ ล้านบาท กองทุนพัฒนายางพารา เป็นเงิน ๒,๗๑๙ ล้านบาท และเงินสะสมของกรมวิชาการเกษตรในส่วนของสถาบันวิจัยยาง เป็นเงิน ๗๐ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่จะดำเนินการจริง รวมทั้งการจัดทำแผนฯ ในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล มติของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติที่เกี่ยวกับเรื่องยางพารา โดยคำนึงถึงสถานะและภาระผูกพันของเงินกองทุนพัฒนายางพาราที่จะต้องนำมาใช้จ่ายคืนให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรก่อน สำหรับให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ รวมถึงการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่ได้รับจากการส่งยางออกนอกราชอาณาจักร (เงิน CESS) โดยเคร่งครัดด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21568 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง พ.ศ. .... | พณ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐแอฟริกากลาง โดยการกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับร่างข้อ ๔ แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ที่กำหนดให้ระยะเวลาการห้ามส่งออกและนำผ่านอาจขยายออกไปตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ โดยให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศมีอำนาจประกาศขยายระยะเวลา นั้น ไม่ควรกำหนดให้มีการขยายระยะเวลาการใช้บังคับในลักษณะเช่นนี้ เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดในข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแต่ละครั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขอันจะทำให้บทบัญญัติในข้ออื่น ๆ ของประกาศกระทรวงพาณิชย์ไม่สอดคล้องกับพันธกรณีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหากกระทรวงพาณิชย์จำเป็นต้องขยายระยะเวลาการห้ามส่งออกและนำผ่านออกไปตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่จะมีขึ้นในอนาคต ก็สมควรเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีกครั้ง ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21569 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 3 | สลธ.คสช. | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๕๙ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๓ สั่ง ณ วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21570 | ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติ ว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ (ICAD 2) และการเสนอวิดีทัศน์สรุปผลการประชุมฯ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | ยธ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการและนิทรรศการระหว่างประเทศเพื่อผลักดันแนวปฏิบัติสหประชาชาติ ว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ (International Seminar Workshop on the Implementation of United Nations Guiding Principles on Alternative Development-UNGPs on AD หรือ International Conference on Alternative Development 2 : ICAD 2) ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร โดยการประชุมแบ่งออกเป็น ๒ ช่วง ได้แก่ ๑.๑ การศึกษาดูงาน ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ พื้นที่บ้านหย่องข่า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ โดยสาระสำคัญที่ได้รับจากการดูงานคือ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากนานาประเทศตระหนักและได้เห็นประจักษ์ว่าแนวทางปฏิบัติแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกเป็นกรอบการดำเนินงานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาทางเลือก ๑.๒ การประชุมระดับสูง ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน โดยสาระสำคัญจากการประชุมคือ การที่ผู้แทนจากรัฐบาล จำนวน ๒๐ ประเทศ ๒ องค์กรระหว่างประเทศ ร่วมกล่าวถ้อยแถลงแสดงความสำคัญของงานพัฒนาทางเลือกและคำมั่นจากภาครัฐของตนในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนผ่านการดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือก ๒. กระทรวงยุติธรรมจะผลักดันเนื้อหาในผลการประชุมครั้งนี้ให้กับประชาคมโลกในรูปแบบข้อมติ และจะจัดทำเอกสารอ้างอิงเชิงวิชาการแสดงให้เห็นเชิงประจักษ์ว่า แนวปฏิบัติสหประชาชาติ ว่าด้วยการพัฒนาทางเลือก สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง รวมทั้งการใช้หลักนิติรัฐและนิติธรรมเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาทางเลือก ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ UNODC และสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) เพื่อให้เอกสารดังกล่าวใช้เป็นเอกสารอ้างอิงในการประชุม CND สมัยที่ ๕๙ และการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษ ว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก (UNGASS 2016) ซึ่งจะจัดขึ้นในปี ๒๕๕๙ ต่อไป โดยขณะนี้ กำลังดำเนินการร่วมกับ UNODC ในการจัดทำเอกสารจัดทำร่างข้อมติเพื่อเสนอต่อที่ประชุม CND สมัยที่ ๕๙
|
|||||||||||||||||||||
21571 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มเติม (จำนวน 5 ราย) | นร05 | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมจำนวน ๕ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลอากาศเอก ธนู ปานสุวรรณ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ๒. นายวิทัศน์ เตชะบุญ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๓. นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๔. นางผานิตย์ มีสุนทร ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงศึกษาธิการ ๕. นายปกรณ์ ศรีจันทร์งาม ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||
21572 | แจ้งคำพิพากษาของศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) คดีระหว่างนายสุเทพ สุวรรณเกต ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรีที่ 1 กับพวกรวม 17 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย (การแก้ไขปัญหาอุทกภัย) | อส | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒) คดีระหว่างนายสุเทพ สุวรรณเกต ที่ ๑ กับพวกรวม ๔ คน ผู้ฟ้องคดีนายกรัฐมนตรีที่ ๑ กับพวกรวม ๑๗ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย (การแก้ไขปัญหาอุทกภัย) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21573 | การลงนามสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน | พณ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงนามสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ลงนามสัญญาซื้อขายข้าวฤดูการผลิตใหม่ปริมาณ ๑ ล้านตัน (สัญญาฉบับใหม่) กับบริษัท COFCO Corporation ผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ สัญญาซื้อขายข้าวฯ มีกำหนดส่งมอบข้าวเป็นรายงวดเฉลี่ยเดือนละ ๑ แสนตัน โดยราคาซื้อขายจะเจรจาต่อรองตามราคาตลาดโลกขณะส่งมอบในแต่ละงวด ซึ่งจะเริ่มส่งมอบตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๙ และจะเสร็จสิ้นภายในปี ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21574 | สรุปผลการประชุมคณะผู้วิจัยทางกฎหมายในระดับภูมิภาค (Regional Legal Research Group : RLRG) | ยธ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะผู้วิจัยทางกฎหมายในระดับภูมิภาค (Regional Legal Research Group : RLRG) เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๘ ณ United Nations Conference Center (UNCC) ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ได้มีการนำเสนอระบบกฎหมายและระบบงานยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในเด็กที่เกิดจากชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว ประกอบด้วย ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และราชอาณาจักรไทย โดยเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปัญหาและอุปสรรค เพื่อให้นำไปสู่การพัฒนาแนวทางการดำเนินการป้องกันอาชญากรรมทางเพศในเด็กที่เกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ๒. ในประเด็นเรื่องความรุนแรงในการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งได้เข้ามามีผลต่อเด็กอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะใช้วิธีการล่อลวงทางเพศต่อเด็กผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่รุนแรงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้น ความสำคัญของการพัฒนากฎหมายเทคโนโลยีในการจัดการภัยคุกคามดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ๓. ในประเด็นเรื่องการนำเสนอในเรื่องความจำเป็นของการวิจัยเชิงนโยบายและการประยุกต์ใช้ผลการวิจัยในปัจจุบันเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดทำบันทึกความเข้าใจในระดับภูมิภาค เพื่อพัฒนาการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศ พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมและการพัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้กระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศในภูมิภาค และเพื่อประยุกต์ใช้มาตรการคุ้มครองเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพระหว่างการดำเนินคดีต่อไป ๔. การประชุม RLRG ครั้งต่อไป สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมฯ
|
|||||||||||||||||||||
21575 | ผลการสำรวจแรงงานนอกระบบ พ.ศ. 2558 | ทก | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการสำรวจแรงงานนอกระบบ พ.ศ.๒๕๕๘ โดยภาพรวมแรงงานนอกระบบมีจำนวนลดลง ๗.๐ แสนคน (จาก ๒๒.๑ ล้านคน เป็น ๒๑.๔ ล้านคน) เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๗ สรุปได้ ดังนี้
๑. จำนวนแรงงานนอกระบบ ในจำนวนผู้มีงานทำทั้งสิ้น ๓๘.๓ ล้านคน เป็นแรงงานนอกระบบ ๒๑.๔ ล้านคน หรือร้อยละ ๕๕.๙ และแรงงานในระบบ ๑๖.๙ ล้านคน หรือร้อยละ ๔๔.๑ ๒. ระดับการศึกษาที่สำเร็จของแรงงานนอกระบบ พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับประถมศึกษาหรือต่ำกว่าประถมศึกษา ๑๓.๔ ล้านคน หรือร้อยละ ๖๒.๕ รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษา ๖.๑ ล้านคน หรือร้อยละ ๒๘.๔ ระดับอุดมศึกษา ๑.๘ ล้านคน หรือร้อยละ ๘.๖ และการศึกษาอื่นๆ ๐.๑ ล้านคน หรือร้อยละ ๐.๕ ๓. การประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจของแรงงานนอกระบบ พบว่าแรงงานนอกระบบทำงานอยู่ในภาคเกษตรกรรม ๑๒.๐ ล้านคน หรือร้อยละ ๕๖.๐ รองลงมาทำงานอยู่ในภาคการค้าและบริการ ๗.๐ ล้านคน หรือร้อยละ ๓๒.๙ และภาคการผลิต ๒.๔ ล้านคน หรือร้อยละ ๑๑.๑ ๔. การได้รับบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุจากการทำงาน มีจำนวน ๓.๕ ล้านคน จากจำนวนแรงงานนอกระบบ ๒๑.๔ ล้านคน โดยลักษณะของอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บเกิดจากการถูกของมีคมบาดมากที่สุดร้อยละ ๖๓.๔ รองลงมาเป็นพลัดตกหกล้มร้อยละ ๑๗.๔ การชนและกระแทกร้อยละ ๖.๕ ไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวกร้อยละ ๕.๙ อุบัติเหตุจากยานพาหนะร้อยละ ๓.๓ ได้รับสารเคมีเป็นพิษร้อยละ ๓.๐ และไฟฟ้าช็อตร้อยละ ๐.๒ ๕. ปัญหาของแรงงานนอกระบบ พบว่าแรงงานนอกระบบส่วนใหญ่ประสบปัญหาเกี่ยวกับค่าตอบแทนร้อยละ ๕๑.๕ รองลงมาเป็นการทำงานหนักร้อยละ ๑๘.๒ งานที่ทำไม่ได้รับการจ้างอย่างต่อเนื่องร้อยละ ๑๘.๑ และอื่น ๆ เช่น ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีวันหยุด ทำงานไม่ตรงเวลาปกติ ชั่วโมงทำงานมากเกินไป และลาพักผ่อนไม่ได้ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
21576 | องค์กรร่วมไทย - มาเลเซียขอความเห็นชอบในร่างข้อตกลงว่าด้วยการร่วมกันผลิต (Unitisation Agreement, UA) ระหว่างองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย (MTJA) และบริษัท Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS) สำหรับการร่วมกันผลิตปิโตรเลียมแหล่งบุหลันใต้ (Bulan South) ในแปลง A-18 ของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซียกับแหล่งบุหงาบากาวาลี (Bunga Bakawali) ในแปลง PETRONAS ของประเทศมาเลเซีย | พน | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. ร่างข้อตกลงว่าด้วยการร่วมกันผลิตปิโตรเลียมแหล่งบุหลันใต้-บุหงาบากาวาลี ระหว่างองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJA) และบริษัท Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS) จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดสิทธิและพันธะระหว่างองค์กรร่วมและบริษัท PETRONAS รวมถึงการดำเนินงานและการจัดการในการร่วมกันพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมแหล่งบุหลันใต้และบุหงาบากาวาลี และแจ้งให้องค์กรร่วมลงนามได้เมื่อได้รับการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ๒. ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เกี่ยวกับข้อกำหนดที่ไม่ให้สัญญาภาครัฐทุกประเภทกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทโดยให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาด
|
|||||||||||||||||||||
21577 | ขออนุมัติเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงบิชเคก สาธารณรัฐคีร์กีซ (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฟาซิล อะฮุนดอฟ (Mr. Fazil Ahundov)] | กต | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงบิชเคก สาธารณรัฐคีร์กีซ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมสาธารณรัฐคีร์กีซ ๒. แต่งตั้ง นายฟาซิล อะฮุนดอฟ (Mr. Fazil Ahundov) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงบิชเคก สาธารณรัฐคีร์กีซ
|
|||||||||||||||||||||
21578 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงวัฒนธรรม) (นายชวลิต สุนทรานนท์) | วธ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชวลิต สุนทรานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิชาการละครและดนตรี (โขน ละคร และดนตรี) (นักวิชาการละครและดนตรีทรงคุณวุฒิ) กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21579 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลสัตว์ และลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาลสัตว์ พ.ศ. .... | กษ | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลสัตว์ และลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาลสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลสัตว์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ยา และเวชภัณฑ์ที่จำเป็นประจำสถานพยาบาลสัตว์ และลักษณะป้ายชื่อของสถานพยาบาลสัตว์และผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อให้ครอบคลุมลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาลสัตว์ ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาลสัตว์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21580 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ความรับผิดต่อความชำรุด บกพร่องของสินค้าและร่างพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. ....) | นร03 | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง ความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้าและร่างพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. ....) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหารือแล้วเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. .... ที่มีเจตนารมณ์เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างผู้ประกอบธุรกิจกับผู้บริโภค ลดความเหลื่อมล้ำมิให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบจากการที่ผู้ประกอบธุรกิจผลิตสินค้าด้อยคุณภาพออกจำหน่ายในท้องตลาด ช่วยให้การเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากความชำรุดบกพร่องของสินค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การยกร่างกฎหมายขึ้นใหม่หรือการแก้ไขกลไกการจัดการปัญหาเกี่ยวกับความชำรุดบกพร่องของสินค้ามีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๗๒ ถึง ๔๗๔ และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๒๙ และมาตรา ๔๑ ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจะได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบให้ละเอียดอย่างรอบด้าน เพื่อให้การปฏิรูประบบชดเชยความเสียหายของผู้บริโภคเกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้บริโภคโดยส่วนรวม ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งรายงานผลการพิจารณาฯ ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
.....