ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1075 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 21481 - 21500 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21481 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (นายชลธิศ สุรัสวดี) | ทส | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายชลธิศ สุรัสวดี ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ แทนนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ที่ขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มกราคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21482 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (นายธงรบ ด่านอำไพ) | พณ | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายธงรบ ด่านอำไพ ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (เพิ่มเติมในตำแหน่งที่ว่าง) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มกราคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21483 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเพิ่มเติม (จำนวน 4 คน 1. นางสุวรรณี คำมั่น ฯลฯ) | วท | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเพิ่มเติม จำนวน ๔ คน โดยให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ขอแต่งตั้งในครั้งนี้อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่าที่วาระของกรรมการผู้ทรงคุณชุดเดิมที่ได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มกราคม ๒๕๕๙) ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นางสุวรรณี คำมั่น ๒. นายกำจร ตติยกวี ๓. นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย ๔. นายสุภกร บัวสาย
|
|||||||||||||||||||||
21484 | การแต่งตั้งกรรมการบริหารและกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ | นร | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการบริหารและกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ และกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ จากกรรมการสาขาวิชาการ ๑๒ สาขาวิชาการ ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ จำนวนรวม ๑๕๐ คน ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มกราคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติกำหนดกรอบยุทธศาสตร์การวิจัยให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี โดยให้มีการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของโครงการ/กิจกรรมการวิจัยที่จะดำเนินการให้เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติด้วย ทั้งนี้ เรื่องที่จะดำเนินการวิจัยดังกล่าวควรเป็นเรื่องที่ตอบสนองความต้องการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา สามารถแก้ไขปัญหา และให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ เช่น การเกษตร ทรัพยากรน้ำ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ กระบวนการผลิต การค้า การตลาด เป็นต้น โดยให้ลดการดำเนินการวิจัยพื้นฐานที่มีอยู่จำนวนมากแล้วลงด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติจัดทำแผนงาน/โครงการภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ฯ ที่มีข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ เช่น กำหนดระยะเวลาการดำเนินงาน งบประมาณ ค่าใช้จ่ายและการใช้เงินทุนเพื่อการวิจัย เป็นต้น เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
21485 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวง/หน่วยงาน (เพิ่มเติม) (จำนวน 13 หน่วยงาน) | นร05 | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการแต่งตั้งโฆษกกระทรวง/หน่วยงาน (เพิ่มเติม) จำนวน ๑๓ หน่วยงาน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒ นายสุรพล จารุพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑.๓ นายดรุณ แสงฉาย รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นโฆษกกระทรวงคมนาคม ๑.๔ นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นโฆษกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๑.๕ นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เป็นโฆษกกระทรวงพลังงาน ๑.๖ นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม ๑.๗ นายสมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม ๑.๘ นางเสาวนีย์ โขมพัตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการ เป็นโฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๑.๙ นายธีรพล ขุนเมือง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นโฆษกกระทรวงแรงงาน ๑.๑๐ นายประพันธ์ มุสิกพันธ์ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน เป็นโฆษกสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๑.๑๑ นางสาวชลิดา โชไชย ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์ความมั่นคงระหว่างประเทศ ปฏิบัติราชการที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง เป็นโฆษกสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ๑.๑๒ นายสมชาย สุรชาตรี ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๑.๑๓ พลตำรวจเอก เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ ๑๐) เป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ๒. ให้โฆษกกระทรวง/หน่วยงาน เร่งจ้ดการประชุมร่วมกันเพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์บูรณาการเชื่อมโยงการประชาสัมพันธ์โครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกันให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้นำภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics) มาใช้ในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับนโยบาย การขับเคลื่อน การดำเนินงาน และรายละเอียดการปฏิบัติต่าง ๆ ให้ถูกต้องเหมาะสมและเป็นที่น่าสนใจด้วย |
|||||||||||||||||||||
21486 | โครงการ I Speak English เพื่อชีวิตที่ Better | ศธ | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์) รายงานว่า
๑. กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำวีดิทัศน์ I Speak English เพื่อชีวิตที่ Better เผยแพร่เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น โดยนำบุคคลที่ประสบความสำเร็จและเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นที่รู้จักมาบอกเล่าถึงความสำคัญและเคล็ดลับในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ๒. ตามที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดทำ Application การสอนภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันตามกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ นั้น กระทรวงศึกษาธิการอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยคาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ Application การสอนภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานสำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไปจะแล้วเสร็จ และจะดำเนินการพัฒนาสำหรับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มอื่น ๆ ต่อไปตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||
21487 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๙ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติรวม ๓ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพทันตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
21488 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพทันตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพทันตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
21489 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | ศธ | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
21490 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
21491 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเกี่ยวกับด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเพื่อจัดตั้งเครือข่ายในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามกลไกประชารัฐ เช่น อาสาสมัครของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) พัฒนากร ครูอาจารย์ ปราชญ์ชาวบ้านซึ่งเป็นบุคคลที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชนและได้รับการยอมรับนับถือจากคนในชุมชน เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ซึ่งจะเป็นตัวอย่างในการร่วมขับเคลื่อนกลไกประชารัฐในพื้นที่และช่วยสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนอื่นในพื้นที่ด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ จัดทำแผนงานเพื่อสร้างกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นผู้นำในการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป โดยในการคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถพิเศษ (ช้างเผือก) ในสาขาต่าง ๆ เช่น นักเรียนรุ่นใหม่ เกษตรกรรุ่นใหม่ ให้คัดเลือกจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ ๓. ให้ทุกส่วนราชการจัดกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาคนรุ่นใหม่ในลักษณะที่เป็นความร่วมมือระหว่างส่วนราชการเพื่อให้เกิดการบูรณาการ เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดกิจกรรมการเดินป่า กิจกรรมการแข่งขันไตรกีฬา กิจกรรมประกวดภาพถ่ายทัศนียภาพทางธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งนี้ ในการจัดกิจกรรมดังกล่าวให้คำนึงถึงความสอดคล้องเชื่อมโยงกันระหว่างกิจกรรม และความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งให้นำกลไกประชารัฐมาใช้ในการดำเนินการด้วย ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ และทุกส่วนราชการที่จะจัดทำโครงการในลักษณะที่เป็นการให้ทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก) ทั้งในและต่างประเทศร่วมกันบูรณาการการจัดสรรทุนการศึกษาให้ตรงกับความต้องการของประเทศ โดยเฉพาะในสาขาที่ขาดแคลน เช่น แพทย์ พยาบาล วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ ครู นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เป็นต้น โดยให้จัดสัดส่วนทุนให้เหมาะสมระหว่างทุนการศึกษาปกติและทุนการศึกษาพิเศษที่กำหนดให้ผู้ได้รับทุนเมื่อจบการศึกษาแล้วต้องเข้ารับราชการกลับไปทำงานในภูมิลำเนา หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือนักวิจัย ๕. ให้กระทรงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทวงศึกษาธิการ จัดทำแผนงานเพื่อพัฒนาผู้ด้อยโอกาสทั่วประเทศ เช่น ผู้ที่มีฐานะยากจน เด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง ทั้งด้านชีวิตและความเป็นอยู่และการศึกษา รวมทั้งให้เด็กด้อยโอกาสเหล่านี้ได้พัฒนาให้เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ และคัดเลือกให้เป็นแบบอย่างและสร้างแรงจูงใจให้แก่เด็กด้อยโอกาสอื่น ๆ ต่อไป ๖. ให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงกฎหมายงบประมาณเพื่อให้มีลักษณะเป็นการบูรณาการงบประมาณระหว่างหน่วยงานที่สอดคล้องกับภารกิจหลักของหน่วยงานและภารกิจที่เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณไม่ซ้ำซ้อน มีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด ๗. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ : สวทช.) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคิดค้นเครื่องมือที่สนับสนุนการดำเนินงานของส่วนราชการ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการติดตามตัวผู้ที่อยู่ระหว่างการคุมประพฤติ (Electronic Monitoring : EM) และอุปกรณ์/ครุภัณฑ์ด้านการเกษตรเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เช่น เครื่องรีดยางพาราแผ่นเพื่อลดต้นทุนการผลิตและการนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
21492 | ผลการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประการ) | นร | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานผลการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ มกราคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับรองนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (นายสก อาน) และคณะ เกี่ยวกับความร่วมมือในมิติต่าง ๆ การเสริมสร้างมิตรภาพ และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ๒. ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน) เพื่อแสดงความชื่นชมที่ได้นำรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ ประเทศไทย และขอบคุณที่สนับสนุนการเตรียมการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจะเสด็จเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ รวมทั้งได้แสดงความยินดีที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันจัดตั้งสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ในการนี้ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้แสดงความชื่นชมในความใกล้ชิดและมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองฝ่าย และยินดีที่จะเตรียมการรับเสด็จให้ดีที่สุด พร้อมทั้งอวยพรให้การแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรเพื่อฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ ๖๕ ปี ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาประสบผลสำเร็จ ๓. ได้ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (นายฮอร์ นัมฮง) เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรเพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ ๖๕ ปี ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ณ สนามกีฬาแห่งชาติกัมพูชา ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองมิตรภาพและความสัมพันธ์ในวาระครบรอบ ๖๕ ปีแล้ว ยังเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยใช้กิจกรรมกีฬาเป็นสื่อกลาง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายความร่วมมือด้านอื่น ๆ ทั้งด้านความมั่นคง วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวร่วมกันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21493 | สรุปผลการจัดกิจกรรมประกวดภาพถ่าย "ปั่นเพื่อพ่อ Bike for dad" และการจัดนิทรรศการภาพถ่าย | กก | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการจัดกิจกรรมประกวดภาพถ่าย สรุปได้ ดังนี้
๑. คณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายจัดประกวดภาพและแสดงนิทรรศการภาพ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้รับมอบหมายเป็นผู้ดำเนินการจัดกิจกรรมประกวดภาพถ่าย “ปั่นเพื่อพ่อ Bike for dad” ระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน-๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ พร้อมคัดเลือกภาพจากการประกวดไปจัดนิทรรศการภาพถ่ายตามสถานที่ต่าง ๆ ใน ๕ ภูมิภาค ระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และจัดทำหนังสือรวบรวมผลงานการประกวดภาพถ่ายดังกล่าว ๒. การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สำคัญซึ่งพสกนิกรชาวไทยได้ร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งส่งเสริมการตระหนักรู้ถึงพระคุณของพ่อ โดยหัวข้อการประกวดแบ่งเป็น ๕ ประเภท ได้แก่ พร้อมเพรียงเหลืองสะพรั่ง (ความสามัคคี) รวมพลังตามรอยพ่อ (โครงการตามพระราชดำริ) ไม่ย่นย่อปั่นถวาย (ความอดทน) ทิวทัศน์รายทางเลิศ (ภูมิประเทศที่สวยงาม) และพริ้งเพริศท่องเที่ยวไทย (สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ) โดยมีผู้ร่วมส่งภาพเข้าประกวดทั้งสิ้น ๙,๐๒๐ ภาพ
|
|||||||||||||||||||||
21494 | ทางจักรยาน (Bike Lane) | คค | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินงานก่อสร้างเส้นทางจักรยาน มีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. แผนพัฒนาทางจักรยานของกระทรวงคมนาคม มีการดำเนินการแล้วเสร็จ ๕๖๖ กิโลเมตร อยู่ระหว่างปรับปรุง ๗๑๕ กิโลเมตร อยู่ในแผนพัฒนา ๑,๐๗๑ กิโลเมตร รวมทั้งหมด ๒,๓๕๒ กิโลเมตร ๒. แผนงานโครงการทางจักรยานของกรมทางหลวง ๑๓ โครงการ ดำเนินการแล้วเสร็จ ๖ โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ ๗ โครงการ และแผนงานโครงการทางจักรยานของกรมทางหลวงชนบท ดำเนินการแล้วเสร็จ ๔๘ โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ ๒๕ โครงการ นอกจากนี้ ยังมีโครงการทางจักรยานดำเนินการโดยกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้แก่ (๑) ทางจักรยาน ถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ จังหวัดจันทบุรี (๒) โครงการก่อสร้างถนนท่องเที่ยวรอบเกาะพงัน ตอนแยกน้ำตกธารเสด็จ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ (๓) โครงการก่อสร้างทางจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดปทุมธานี-จังหวัดชัยนาท
|
|||||||||||||||||||||
21495 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร05 | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รายงาน ดังนี้ ๑.๑ ความคืบหน้าเกี่ยวกับความมั่นคงและการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงาน ๑.๑.๑ ความก้าวหน้าในการแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวกับ (๑) การดำเนินการตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ว่า กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เร่งรัดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว และอยู่ระหว่างการออกกฎหมายลำดับรองโดยเร็วต่อไป (๒) ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายได้จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของการเฝ้าระวังการทำประมงผิดกฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้วเพื่อนำไปใช้ประกอบการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้ตรวจสอบพบว่ามีการทำประมงนอกน่านน้ำในเขตมหาสมุทรอินเดีย และจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ได้เร่งรัดหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวทั้งระบบด้วยแล้ว ๑.๑.๒ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจัดทำ Application Home Guard โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางการบริการประชาชนในการแจ้งเหตุ แจ้งเบาะแส ผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Smartphone ซึ่งสามารถส่งหลักฐานที่เป็นรูปถ่าย วีดิโอ พร้อมระบุพื้นที่เพื่อแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ในสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดหรือสถานีที่ต้องการได้ ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขยายการให้บริการรองรับประชาชนได้ทั่วประเทศ โดยประชาชนทั่วไปสามารถติดตั้ง (download) Application ดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ www.homeguard.in.th ๑.๒ ความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ ๕ ล้านบาท) ๑.๒.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) รายงานว่า ในฐานะกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค เขต ๖ กลุ่มภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ได้ลงพื้นที่เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ โดยได้ติดตามและรับทราบปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่ โดยเฉพาะโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลพบว่า มีการเบิกจ่ายเงินช้ามาก เนื่องจากมีโครงการจำนวนมาก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่มีความชำนาญในกฎหมายและระเบียบในการเบิกจ่ายเงินในแต่ละพื้นที่มีจำนวนไม่เพียงพอ ทำให้การดำเนินการล่าช้า ๑.๒.๒ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รายงานว่า ได้มีการติดตามความคืบหน้าและแก้ปัญหาความล่าช้าต่าง ๆ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาติดตามในเรื่องการกำหนดราคากลางหรือการเบิกจ่ายที่ล้าช้าในลักษณะคอขวด นอกจากจัดเจ้าหน้าที่ส่วนกลางจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว ก็ยังได้รับความร่วมมือจากกรมบัญชีกลางและสำนักงบประมาณในการลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ คาดว่าช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์น่าจะมีการเบิกจ่ายได้ถึง ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และได้ประสานงานและติดตามความคืบหน้าผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ เช่น VDO Conference Application Line เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายต่อไป ๑.๓ ความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านพลังงาน ๑.๓.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการบังคับใช้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย และองค์กรพัฒนาเอกชน เกี่ยวกับประเด็นข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ และประเด็นที่ยังมีข้อขัดแย้งในสังคม ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการเพิ่มหลักการในร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... การจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ การจัดเก็บค่าภาคหลวงและการจัดเก็บภาษี และการดำเนินการเกี่ยวกับด้านปิโตรเลียม รวมทั้งพิจารณาแนวทางดำเนินการเกี่ยวกับการผลิตให้เหมาะสม ๑.๓.๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รายงานว่า กรณีที่รัฐจะเป็นผู้ลงทุนสำรวจปิโตรเลียม และจ้างเอกชนดำเนินการต่อนั้น ยังมีประเด็นด้านงบประมาณเนื่องจากรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการดำเนินการดังกล่าว ดังนั้น จะได้มีการพิจารณาความเหมาะสมในประเด็นนี้อีกครั้งหนึ่ง ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ในการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจ้างบุคลากรที่มีความรู้เรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณจากข้าราชการที่เกษียณอายุราชการที่มีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องนี้ เพื่อมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อให้การเบิกจ่ายตามมาตรการช่วยเหลือประชาชนต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลเป็นไปด้วยความรวดเร็ว คล่องตัวมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
21496 | การสื่อสารด้วยภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics) | นร | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ ได้มีข้อสั่งการให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ร่วมกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำชุดข้อมูลเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์การดำเนินนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อน โดยจัดทำในลักษณะเป็นภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics) ที่เข้าใจได้ง่าย มีรูปแบบที่ทันสมัย และดึงดูดความสนใจ เพื่อให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติใช้ชุดข้อมูลดังกล่าวในการขับเคลื่อนกลไกประชารัฐในระดับพื้นที่ต่อไปด้วยนั้น ในการจัดทำ Infographics เพื่อใช้ในการสื่อสารการดำเนินการของรัฐบาล ให้แบ่งเป็น ๒ ระดับ คือ ๑.๑ ระดับนโยบาย ให้นำเสนอข้อความที่สื่อสารถึงแนวนโยบายที่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีได้กล่าวในโอกาสต่าง ๆ ๑.๒ ระดับการนำนโยบายไปปฏิบัติ ให้นำเสนอภาพหรือกราฟิกที่เป็นการสรุปย่อกระบวนการดำเนินการหรือผลการดำเนินการที่เข้าใจง่าย ๒. ให้ทุกส่วนราชการนำแนวทางการจัดทำภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics) ที่นายกรัฐมนตรีเสนอข้างต้นไปดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ที่จะสร้างการรับรู้หรือประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21497 | โครงการก๊าซธรรมชาติเพื่อเกษตรชุมชนและสิ่งแวดล้อม | พน | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานเกี่ยวกับโครงการก๊าซธรรมชาติเพื่อเกษตรชุมชนและสิ่งแวดล้อมว่า ตั้งแต่ปี ๒๕๓๙ ชาวบ้านในตำบลหนองตูม อำเภอกงไกรลาส จังหวัดสุโขทัย ได้มีการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรโดยแปรรูปกล้วยน้ำว้าให้เป็นกล้วยอบเนย ซึ่งในการทอดกล้วยอบเนยต้องใช้ก๊าซหุงต้มถึง ๔๘ กิโลกรัม ทำให้มีต้นทุนการผลิตสูงและได้ผลกำไรน้อย ต่อมาในปี ๒๕๕๐ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติร่วมกับบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้ริเริ่มแนวคิดในการนำก๊าซธรรมชาติส่วนเกินจากกระบวนการผลิตน้ำมันดิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนแทนการเผาทิ้ง ภายใต้ “โครงการก๊าซธรรมชาติเพื่อเกษตรชุมชนและสิ่งแวดล้อม” ซึ่งขณะนั้นได้มีการจัดตั้งสหกรณ์แปรรูปกล้วย ตำบลหนองตูมขึ้น และได้นำก๊าซธรรมชาติส่วนเกินนี้มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการทอดกล้วย ซึ่งสามารถทอดกล้วยได้วันละประมาณ ๒,๕๐๐ กิโลกรัม ได้ผลผลิตกล้วยอบเนยประมาณ ๗๕๐ กิโลกรัม การดำเนินการดังกล่าวเป็นการเพิ่มการใช้ทรัพยากรของประเทศอย่างคุ้มค่า และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปีละกว่า ๕,๐๐๐ ตัน ลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปีละกว่า ๑๐ ล้านบาท สร้างอาชีพและเสริมรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นและประเทศชาติ เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์บางส่วนสามารถส่งออกไปต่างประเทศด้วย ๒. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาขยายผลการดำเนินการโดยพิจารณาแนวทางการผลิตพลังงานทดแทนจากมูลสัตว์และขยะมูลฝอยในลักษณะเดียวกับโครงการก๊าซธรรมชาติเพื่อเกษตรชุมชนและสิ่งแวดล้อม และให้สามารถดำเนินการได้ในทุกพื้นที่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21498 | ผลการเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 22 - 24 มกราคม 2559 | กต | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นประธานร่วมในพิธีเปิดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม วิชาการ เกษตรกรรม และวิทยาศาสตร์ ไทย-อิหร่าน ครั้งที่ ๙ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ไทย-อิหร่าน ๑.๑.๑ ได้มีการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานตามผลการประชุมฯ ครั้งที่ ๘ และผลักดันความร่วมมือใน ๕ มิติสำคัญตามกรอบการประชุมกลุ่มย่อยของคณะกรรมาธิการร่วมฯ ได้แก่ (๑) ด้านอุตสาหกรรม การค้า การเงิน และภาษี (๒) ด้านการเกษตร (๓) ด้านวิทยาศาสตร์ การท่องเที่ยว และสื่อมวลชน (๔) ด้านพลังงาน และเหมืองแร่ และ (๕) ด้านการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน ๑.๑.๒ การประชุมดังกล่าวสะท้อนเจตจำนงและความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายที่จะส่งเสริมและผลักดันความร่วมมือระหว่างกันให้มีความเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เช่น (๑) ประเด็นเรื่องการรื้อฟื้นช่องทางการชำระเงินผ่านธนาคาร เพื่อให้ทั้งสองประเทศสามารถชำระค่าสินค้าและบริการกันได้โดยตรง (๒) การตั้งเป้าหมายมูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศเป็น ๓ พันล้านดอลลาร์สหรัฐในอีกห้าปีข้างหน้า (๓) การส่งเสริมความร่วมมือด้านเกษตรและพลังงาน (๔) การแสดงเจตจำนงในการเร่งรัดการเจรจาความตกลงที่คั่งค้างระหว่างกันกว่า ๒๐ ฉบับในโอกาสแรก เพื่อเป็นกรอบการส่งเสริมความร่วมมือของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๑.๑.๓ ได้ร่วมกันจัดทำร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ (Draft Agreed Minutes) เพื่อให้ที่ประชุมรัฐมนตรีของคณะกรรมาธิการร่วมฯ ลงนามในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ในวันที่ ๑-๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๑.๒ การหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดี และรัฐมนตรีของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้นำเสนอประเด็นหลักว่า ทั้งสองฝ่ายควรร่วมมือเพื่อส่งเสริมซึ่งกันและกันในประเด็นที่อีกฝ่ายมีศักยภาพมากกว่า กล่าวคือ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านสามารถช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงานของไทย ขณะที่ไทยสามารถช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและวัตถุดิบอุตสาหกรรมของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน โดยเฉพาะข้าวและยางพารา นอกจากนี้ ยังได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ เช่น ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรม ตลอดจนประเด็นในภูมิภาคและประเด็นระหว่างประเทศ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เจรจาความร่วมมือกับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านระหว่างการเยือนในวันที่ ๑-๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ตามกรอบที่กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์เจรจาไว้ในระหว่างการเยือนวันที่ ๒๒-๒๔ มกราคม ๒๕๕๙ เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21499 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางวรรณี ลิ่มปิติกุล) | สธ | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางวรรณี ลิ่มปิติกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลสงขลา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21500 | สาธารณรัฐออสเตรียขอปรับเขตกงสุลของสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐออสเตรียประจำจังหวัดภูเก็ต และขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐ ออสเตรียประจำอำเภอเกาะสมุย พร้อมขอแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐออสเตรียประจำอำเภอเกาะสมุย (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายเรืองนาม ใจกว้าง) | กต | 26/01/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ซึ่งอนุมัติแต่งตั้ง นางวนิดา หงส์หยก เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐออสเตรียประจำจังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต เป็น โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดกระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี ยกเว้นอำเภอเกาะสมุยและอำเภอเกาะพะงัน ๒. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐออสเตรียประจำเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมอำเภอเกาะสมุยและอำเภอเกาะพะงัน ๓. แต่งตั้ง นายเรืองนาม ใจกว้าง เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐออสเตรียประจำอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
|
.....