คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์
สึนามิ เมื่อวันที่  26  ธันวาคม  2547  ประกอบด้วย ความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหว ที่จังหวัดภูเก็ต พังงา
กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 5,309 คน บาดเจ็บรวม 8,457 คน และสูญหายรวม 3,370
คน  ความเสียหายด้านสาธารณสุข จังหวัดพังงา สถานีอนามัยเสียหายมาก 3 แห่ง เสียหายบางส่วน 10 แห่ง,
บ้านพักเสียหายบางส่วน  10  แห่ง,  เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์,  รถ Ambulance,  เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 5
ราย, ชุมชนเสียหายอย่างมาก  จังหวัดภูเก็ต  อาคารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเสียหาย 2 แห่ง,  อาคารโรง
พยาบาลเสียหาย  2  แห่ง, สถานีอนามัยเสียหายมาก 2 แห่ง เสียหายบางส่วน  1  แห่ง, บ้านพักเสียหาย 10
หลัง, เครื่องมืออุปกรณ์ รถยนต์, อสม.เสียชีวิต 1 ราย, ชุมชนเสียหายอย่างมากบางพื้นที่  จังหวัดกระบี่ สถานี
อนามัยเกาะพีพี  (รพ.สาขา)  เสียหายทั้งหมด,  สถานีอนามัยเสียหายบางส่วน  3  แห่ง,  บ้านพักเสียหาย 3
หลัง, เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 ราย,  อสม.เสียชีวิต 1 ราย  และชุมชนเสียหายมากบางพื้นที่  จังหวัดระนอง สถานี
อนามัยทะเลนอกเสียหายทั้งหมดพร้อมบ้านพัก, เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 ราย, อสม.เสียชีวิต  1  ราย,  ชุมชนเสีย
หายมากบางพื้นที่ จังหวัดตรังและสตูล หน่วยบริการไม่เสียหาย, ชุมชนเสียหายในวงจำกัด

คณะรัฐมนตรีมีมติให้นางลีนา  เจริญศรี  พ้นจากตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การ
เภสัชกรรม และอนุมัติให้แต่งตั้งนายปิยพันธุ์ นิมมานเหมินท์ เป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะ
กรรมการองค์การเภสัชกรรม และให้นายวิชัย  เทียนถาวร  นายณรงค์ศักดิ์  อังคะสุวพลา  และนายธวัช  สุนทรา
จารย์  เป็นกรรมการอื่นเพิ่มเติมในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม   โดยให้มีวาระการดำรงตำแหน่งเท่า
กับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งที่เหลือของคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
22 ตุลาคม 2545 ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (11 มกราคม 2548) เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษกรณีไม่ทำ
เวชปฏิบัติส่วนตัวและหรือโรงพยาบาลเอกชน ให้แก่แพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร ที่ปฏิบัติงานด้านส่งเสริมสุข
ภาพ ควบคุมป้องกันโรค  และฟื้นฟูสภาพ  โดยให้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2544 เรื่อง ข้อเสนอ
การพิจารณาค่าตอบแทนต่าง ๆ  นอกเหนือจากเงินเดือนของบุคลากรทางการแพทย์  และการปรับปรุงรายชื่อ
โรงพยาบาลชุมชนในพื้นที่ทุรกันดารและขาดแคลนบุคลากรมีผลครอบคลุมถึงแพทย์  ทันตแพทย์  และเภสัชกร
ที่ปฏิบัติงานบริการด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากด้านการรักษาพยาบาลโดยตรง  ได้แก่  การส่งเสริมสุขภาพ ควบ
คุมป้องกันโรค  และฟื้นฟูสภาพ  เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษกรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว  และหรือโรง
พยาบาลเอกชนได้   โดยมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  (4 มกราคม 2548)  เป็นต้นไป  ทั้งนี้  ให้กระทรวง
สาธารณสุขรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน
เพิ่มพิเศษ ฯ  ให้เป็นที่ยุติด้วยความรอบคอบเหมาะสม  โดยให้นำความเห็นของสำนักงาน ก.พ.  และคณะกรรม
การพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ  ที่เห็นว่า การขอขยายการจ่ายค่าตอบแทนไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวดังกล่าวอาจ
ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณของภาครัฐ  จึงเห็นควรจ่ายค่าตอบแทนไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวดังกล่าว  จาก
เงินบำรุงของสถานบริการก่อน และหากเงินบำรุงฯ ไม่เพียงพอให้เสนอขอตั้งงบประมาณเพิ่มเติมได้ไปประกอบ
การพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นางกาญจนี
เจนวณิชสถาพร  ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช  (ด้านเวชกรรม  สาขาอายุรกรรม)  โรงพยาบาล
สุราษฎร์ธานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานปลัดกระทรวง  กระทรวงสาธารณ
สุข ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ
หมาย ฯ) ที่มีมติเกี่ยวกับเรื่อง การปรับค่าตอบแทนสำหรับกำลังคนด้านสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณ
สุขเสนอ โดยเห็นชอบในหลักการให้ปรับค่าตอบแทนสำหรับกำลังคนด้านสาธารณสุข รวมทั้งให้ตั้งคณะกรรม
การเพื่อพิจารณารายละเอียดการกำหนดค่าตอบแทนสำหรับกำลังคนด้านสาธารณสุข  ประกอบด้วย  เลขาธิ
การ ก.พ.  เป็นประธานกรรมการ  ปลัดกระทรวงการคลัง  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ปลัดกระทรวงกลาโหม
ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการ ก.พ.ร. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดม
ศึกษา ปลัดกรุงเทพมหานคร กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ดร .รุ่ง แก้วแดง) และนาย
แพทย์ดำรงค์ บุญยืน เป็นกรรมการ โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ  ที่เห็นว่า การ
ปรับค่าตอบแทนดังกล่าวยังมิได้มีการพิจารณาในรายละเอียดของอัตราค่าตอบแทน ประเภทของค่าตอบแทน
และการเบิกจ่ายค่าตอบแทนในแต่ละประเภท  นอกจากนี้  การกำหนดให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่  1  ตุลาคม
2547  อาจมีปัญหาในทางปฏิบัติในการพิจารณาว่าบุคลากรคนใดควรได้รับค่าตอบแทนประเภทใด  อีกทั้งวง
เงินที่ต้องนำมาใช้เพื่อการนี้มีจำนวนสูงอาจเป็นภาระกับงบประมาณ  ซึ่งในกรณีนี้อาจพิจารณานำเงินอื่นนอก
จากเงินงบประมาณมาสนับสนุน  ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระงบประมาณได้อีกทางหนึ่ง  และในการกำหนดค่าตอบ
แทนประเภทต่าง  ๆ  ควรพิจารณากำหนดให้มีความเหมาะสม  เป็นธรรม  และไม่ซ้ำซ้อน   โดยเทียบเคียงกับ
ข้าราชการประเภทอื่นในลักษณะเดียวกัน เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำจนมากเกินไป   รวมถึงการปรับค่าตอบ
แทนต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรม  ไป
ประกอบการพิจารณา แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ภายใน 1 เดือน

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจ
หน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงสาธารณสุขก่อหนี้
ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการเช่ารถยนต์ จำนวน
29 คัน ระยะเวลา  5  ปี  เป็นเงิน 46,950,000 บาท  โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2548  งบดำเนินงานของส่วนราชการดังกล่าว จำนวน  9,390,000  บาท  ส่วนที่เหลือ
จำนวน 37,560,000 บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2552
ทั้งนี้  ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการจำหน่ายรถยนต์คันเดิมที่ทดแทนด้วยการเช่าดังกล่าว  แล้วนำ
เงินส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายศิริวัฒน์ ทิพย์
ธราดล ให้ดำรงตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ 10 ชช ด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (วิทยา
ศาสตร์กายภาพ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข  ตั้งแต่วันที่  21  ตุลาคม  2547  ซึ่งเป็น
วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานคณะกรรมการ
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เสนอมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เห็นชอบให้ขยายระยะ
เวลาในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9  และมาตรา  10  แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพ
แห่งชาติ  พ.ศ. 2545  ซึ่งเป็นการกำหนดขอบเขตของสิทธิรับบริการสาธารณสุขของบุคคลและระยะเวลา
เริ่มให้บริการแก่ผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม ออกไปอีก 1 ปี คือ ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน
2547  ถึงวันที่  18  พฤศจิกายน  2548  ทั้งนี้ เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร  ประกอบ
กับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้มอบหมายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทำ
ข้อตกลงความร่วมมือกับกรมบัญชีกลาง และสำนักงานประกันสังคมในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้
เป็นไปในทิศทางที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน   เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ประชาชนคนไทยทุกคนมีหลักประกันการ
เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพด้วยระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด    ทำให้เกิดกิจกรรมที่ทั้งสามหน่วยงานจะต้อง
ดำเนินการร่วมกันหรือจะต้องดำเนินการตามหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน จึงเห็นควรขยาย
ระยะเวลาในการตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวออกไปอีกเป็นเวลา 1 ปี

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามความเห็นของกระทรวงการคลังให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนิน
การเช่ารถยนต์ไว้ใช้ในการปฏิบัติราชการ โดยให้เบิกจ่ายค่าเช่ารถจากเงินงบประมาณ งบดำเนินงานของสำนัก
งาน ฯ  ที่ได้รับจัดสรร  และให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามสัญญาเช่ารถ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548
-2552  ดังนี้  รถประจำตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรัฐมนตรีช่วยว่าการ ฯ  จำนวน 2 คัน
ในอัตราค่าเช่า  74,900  บาทต่อคันต่อเดือน รถประจำตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน  1  คัน ใน
อัตราค่าเช่า 50,600 บาทต่อคันต่อเดือน รถประจำตำแหน่งรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้ตรวจราชการ
กระทรวง ฯ จำนวน 16 คัน ในอัตราค่าเช่าไม่เกิน 35,500 บาทต่อคันต่อเดือน  รถตู้โดยสารส่วนกลาง จำนวน
7 คัน ในอัตราค่าเช่าไม่เกิน 25,000 บาทต่อคันต่อเดือน  ทั้งนี้ วงเงินงบประมาณเพื่อใช้เป็นค่าเช่ารถยนต์ในปี
งบประมาณ พ.ศ. 2548 ตั้งแต่วันที่  1  ธันวาคม  2547  ถึงวันที่  30  กันยายน  2548  (10  เดือน)  เป็นเงิน
9,434,000 บาท และให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเป็นระยะเวลา  4  ปี  ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-
2552 (48 เดือน) เป็นเงิน 45,283,200 บาท รวม 58 เดือน เป็นเงินทั้งสิ้น 54,717,200 บาท และให้สำนัก
งาน ฯ ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อดำเนินการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง จำนวน 19 คัน  และรถตู้โดย
สารส่วนกลาง จำนวน 7 คัน รวม 26 คัน เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-2552  ในวงเงิน
57,834,000 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณปี พ.ศ. 2548  ของสำนักงาน ฯ แผนงานสนับสนุนการพัฒนา
ระบบสุขภาพ  งานพัฒนาระบบบริหารวิชาการ  งบดำเนินงาน จำนวน 11,566,800 บาท  ส่วนที่เหลือผูกพัน
งบประมาณปี พ.ศ. 2549-2552 อีกจำนวน  46,267,200  บาท  ทั้งนี้  ให้สำนักงาน ฯ  ดำเนินการจำหน่าย
รถยนต์/รถตู้โดยสารคันเดิมที่ทดแทนด้วยการเช่าดังกล่าว  แล้วให้นำส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป  ตาม
ความเห็นของสำนักงบประมาณ ในการนี้คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้การเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการของหน่วย
งานต่างของรัฐ  มีหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน   จึงขอให้กระทรวงการคลัง  (กรมบัญชี
กลาง) รับไปจัดทำแนวทางดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  29  กรกฎาคม  2546  เรื่อง การเช่ารถ
ยนต์มาใช้ในราชการ ให้ละเอียดชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ถือปฏิบัติต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้
สาขาเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอกเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ ตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ
พ.ศ. 2542  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....   โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดให้ผู้ที่ได้รับปริญญาในสาขาอื่นซึ่งปฏิบัติงาน
ด้านเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก หรือผู้ที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอกขอ
ขึ้นทะเบียน และรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก  และให้ส่งสำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรายงานงบดุล
และรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2546  สำหรับงวดตั้งแต่วันที่
19  พฤศจิกายน  2545  ถึงวันที่  30  กันยายน  2546  ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรอง
แล้วโดย ณ วันที่  30  กันยายน  2546  กองทุน ฯ มีสินทรัพย์รวม  6,255,789,822.36  บาท  หนี้สินรวม
6,826,345,604.91 บาท ส่วนรายได้และค่าใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2545 ถึงวันที่ 30 กันยายน
2546  กองทุน ฯ มีรายได้รวม  30,469,358,615.32  ล้านบาท และค่าใช้จ่ายรวม  31,454,538,743.40
บาท โดยมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย 985,480,128.08 บาท

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้กระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ ให้
ความร่วมมือและดำเนินการบังคับใช้กฎหมายห้ามจำหน่ายสุรา-บุหรี่แก่เด็กอายุต่ำกว่า  18  ปี  ในส่วนที่
เกี่ยวข้องให้เป็นรูปธรรม

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายเล็ก นพดลรัตน์
กุล ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช  (ด้านเวชกรรม สาขาสูติ-นรีเวชกรรม)  กลุ่มงานสูติ-นรีเวชกรรม  โรง
พยาบาลแม่สอด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก สำนักงานปลัดกระทรวง  กระทรวงสาธารณสุข  ตั้งแต่วันที่
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.1 (ฝ่าย
การศึกษาและการสาธารณสุข) ที่มีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ อนุมัติในหลักการ กรอบแนวคิด
และแนวทางการดำเนินงานยุทธศาสตร์แห่งชาติ "รวมพลังสร้างสุขภาพ เพื่อคนไทยแข็งแรง เมืองไทยแข็งแรง"
และกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรกำหนด
ตัวชี้วัดประเมินผลสำเร็จของระดับความสุขของประชากรในแต่ละภูมิภาค และควรมีการบูรณาการแผนงาน งบ
ประมาณ และสร้างความชัดเจนในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์  ฯ   โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549
เป็นต้นไป     พร้อมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องไปประกอบการปรับปรุงยุทธ
ศาสตร์  เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ   และอนุมัติหลักการให้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารยุทธ
ศาสตร์เมืองไทยแข็งแรง  โดยให้มีศูนย์อำนวยการบริหารยุทธศาสตร์เมืองไทยแข็งแรง  เป็นหน่วยงานรองรับ
การทำงานของคณะกรรมการบริหาร ฯ  และปรับเพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหาร  ฯ  โดยมีผู้แทน
จากภาคเอกชนและประชาชนมีส่วนร่วม   สำหรับงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบ
ประมาณ  โดยเมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร ฯ แล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามยุทธศาสตร์ ฯ จัดทำ
แผนงานและโครงการเสนอคณะกรรมการบริหาร ฯ  ดังกล่าวเร่งพิจารณา  หากแผนงานหรือโครงการใดเป็น
งานในภารกิจของหน่วยงานใดอยู่แล้ว  ก็ให้พิจารณาใช้งบประมาณของส่วนราชการนั้น  ๆ  ดำเนินการ กรณี
เป็นงานที่ต้องมีการร่วมกันปฏิบัติหลายหน่วยงานหรือเป็นงานโครงการใหม่ที่ไม่ได้ของบประมาณปกติไว้ ให้
รวบรวมแผนงานและโครงการเป็นกลุ่มประเภทเดียวกัน  (Package)   แล้วเสนอของบประมาณสนับสนุนจาก
กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (ส.ส.ส.) ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า  การดำเนินการตามยุทธศาสตร์
ดังกล่าว   ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก  โดยมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง
ของมนุษย์เป็นผู้ช่วย กระทรวงซึ่งมีเครือข่ายกว้างขวางครอบคลุมภารกิจและพื้นที่ทั่วประเทศ  เช่น  กระทรวง
มหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ  เป็นหน่วยสนับสนุน  และให้หน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบภารกิจโดยตรง
เช่น   กระทรวงวัฒนธรรม   ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประสานแผนงานโครงการและกำหนดขั้นตอน
ทางปฏิบัติต่อไปด้วย  นอกจากนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) หารือร่วมกับกระทรวงการ
คลัง และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเร่งรัดการพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางและความเป็นไปได้ในการนำเงินภาษี
ตามกฎหมายว่าด้วยสุราและกฎหมายว่าด้วยยาสูบ ในส่วนที่ไม่ได้นำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินมาใช้ประโยชน์
การสร้างเสริมและแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และให้รายงาน
ผลให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายสุวัจน์ เฑียร
ทอง  นายมานิต  ธีระตันติกานนท์  นายสถาพร  วงษ์เจริญ  นายสมยศ  ดีรัศมี  และนายบุญเลิศ  ลิ้มทอง
กุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10 บส) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวง
สาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างกฎกระทรวง  ฉบับที่ ..
(พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2523  โดยมีสาระสำคัญคือ  เพิ่มวิธีการราย
งานก่อนนำพาหนะทางน้ำเข้ามาในราชอาณาจักรทางโทรสาร หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการ
อื่นใด ๆ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด  และแก้ไขแบบรายงานสุขลักษณะของพาหนะทาง
น้ำตามแบบ  ต.2  ท้ายกฎกระทรวง  ฉบับที่  2  (พ.ศ. 2529)  ออกตามความในพระราชบัญญัติโรคติด
ต่อ  พ.ศ. 2523    ให้เป็นสากลและสอดคล้องกับแบบรายงานที่องค์การเดินเรือระหว่างประเทศกำหนด
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการปฏิบัติงานต่อสู้เพื่อเอาชนะ
ยาเสพติดเกี่ยวกับผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติด ประจำเดือนกันยายน 2547 โดย
ยอด (สะสม) ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2545-30 กันยายน 2547  สถานบำบัดรักษายาเสพติดของกระทรวง
สาธารณสุขได้ให้การบำบัดรักษาผู้ป่วยทั้งสิ้น 555,484 ราย  สถานบำบัดที่ให้การรักษามากที่สุดคือ  ระดับ
โรงพยาบาลชุมชน 186,073 ราย ระดับ PCU/สถานีอนามัย 176,845 ราย โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาล
ทั่วไป 69,049 ราย สังกัดกรมสุขภาพจิต 67,270 ราย และสังกัดกรมการแพทย์ 56,247 ราย วิธีการบำบัด
รักษา เป็นการบำบัดในชุมชน 243,826 ราย ผู้ป่วยนอก  272,460  ราย  วิธีผู้ป่วยใน 39,198 ราย  สถาน
บำบัดที่ให้การบำบัดในชุมชนให้บริการสูงสุดคือ ระดับ PCU/สถานีอนามัย  วิธีผู้ป่วยนอกสูงสุดคือ ระดับโรง
พยาบาลชุมชน   และวิธีผู้ป่วยในให้บริการสูงสุดคือ  สถานพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์  ลักษณะการบำบัด
ของผู้มารับการบริการ  เป็นการมารับการบำบัดโดยสมัครใจ 524,383 ราย โดยบังคับบำบัด 31,101 ราย
สถานบำบัดที่ให้บริการบำบัดโดยสมัครใจสูงสุดคือ PCU/สถานีอนามัย  และบังคับบำบัดสูงสุดคือ ระดับโรง
พยาบาลชุมชน  สำหรับผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติด  (รายเดือน)  ระหว่างวันที่
27 สิงหาคม-30 กันยายน 2547 มีผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดรักษาทั้งสิ้น  6,226  ราย  สถานบำบัดที่ให้การ
บำบัดมากที่สุดคือ สังกัดกรมสุขภาพจิต 2,120 ราย  สังกัดกรมการแพทย์  1,582  ราย  ระดับโรงพยาบาล
ศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป1,276 ราย ระดับโรงพยาบาลชุมชน 902 ราย ระดับ PCU/สถานีอนามัย 346 ราย
วิธีการบำบัดรักษา  เป็นการบำบัดรักษาโดยบำบัดในชุมชน  64  ราย วิธีผู้ป่วยนอก  4,736  ราย  วิธีผู้ป่วย
ใน1,426  ราย สถานบำบัดที่ให้การบำบัดโดยวิธีบำบัดในชุมชนสูงสุดคือ  PCU/สถานีอนามัย  โดยวิธีผู้ป่วย
นอกสูงสุดคือ สถานบริการสังกัดกรมสุขภาพจิต และวิธีผู้ป่วยในบริการสูงสุดคือ สถานบริการสังกัดกรมการ
แพทย์  ลักษณะการบำบัดของผู้มารับการบริการ เป็นการมารับการบำบัดโดยสมัครใจ 5,549 ราย โดยการ
บังคับบำบัด 677 ราย  สถานบำบัดที่ให้การบำบัดโดยสมัครใจสูงสุดคือ กรมสุขภาพจิต และบังคับให้บริการ
สูงสุดคือ ระดับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติ
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2546 ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัด
ซื้อยาของกระทรวงสาธารณสุข  โดยให้กำหนดหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติ ร่วมกับอนุกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามการทุจริตแห่งชาติ  ในการนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานจัดทำหลักเกณฑ์ในการจัดซื้อยา ฯ  ตามมติ
คณะรัฐมนตรีดังกล่าวแล้ว โดยมีหลักการสำคัญดังนี้ การดำเนินการจัดซื้อยาในระดับเขตให้ถือเป็นการดำเนิน
การ   โดยราชการส่วนกลางในนามของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข  มอบ
อำนาจให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขแต่ละเขตเป็นผู้รับผิดชอบ และมีอำนาจในการดำเนินการอนุมัติ
ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการผู้ซื้อ    ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขแต่ละเขตผู้รับมอบอำนาจจากปลัด
กระทรวงสาธารณสุขมอบอำนาจต่อในการออกหนังสือสั่งซื้อให้กับผู้อำนวยการโรงพยาบาลแต่ละแห่ง   ให้ใช้
สัญญาจะซื้อจะขายราคาคงที่ไม่จำกัดปริมาณ   ในกรณีทำสัญญากับผู้ผลิตยา/ผู้ขายยาภายในประเทศ   หรือ
สัญญาจะซื้อจะขายแบบปรับราคาได้      ในกรณีทำสัญญากับตัวแทนแต่ผู้เดียวที่ต้องสั่งซื้อยาจากต่างประเทศ
โดยสามารถกำหนดและคัดเลือกราคายาแต่ละรายการได้มากกว่า 1 บริษัท การจัดซื้อยาตามมาตรการ ฯ  ดัง
กล่าว     หากขัดหรือแย้งต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ  พ.ศ. 2535  และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงบประมาณในระดับจังหวัด  พ.ศ. 2524   รวมทั้งระเบียบคณะ
กรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยวินัยทางงบประมาณและการคลัง พ.ศ. 2544 หรือระเบียบ/กฎ อื่นใด ให้ถือ
ปฏิบัติตามมาตรการ ฯ  นี้  โดยได้กำหนดเขตทดลองในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี  5  เขต   และใน
ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2547  ได้ดำเนินการจัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินการตามมาตรการ
เพิ่มประสิทธิภาพการจัดซื้อยาตามมติคณะรัฐมนตรี ให้แก่ผู้ปฏิบัติในเขตทดลองต่าง ๆ ทราบแล้ว  และให้เขต
ต่าง ๆ เริ่มดำเนินการเพื่อให้สามารถจัดซื้อยาได้ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยว
กับอัตราเหมาจ่ายรายหัวสำหรับการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-2549
โดยเห็นว่า  การปรับอัตราเหมาจ่ายดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จาก 1,308.54 บาท ต่อประชา
กร เป็น 1,396.30 บาท ต่อประชากร  และปีงบประมาณ พ.ศ. 2549  เป็น 1,510.50 บาท ต่อประชากร
พร้อมทั้งหักเงินเดือนบุคลากรในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ร้อยละ 79  ตามข้อสรุปจาก
การประชุมปรึกษาหารือระหว่างนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณ
สุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามผลการศึกษาวิจัยที่ได้ปรับต้นทุนภาระงานเป็นปีปัจจุบัน เพื่อให้สามารถ
สะท้อนภาระค่าใช้จ่ายที่แท้จริง  จึงสมควรสนับสนุนเพื่อให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าดำเนินไปได้
อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยงบประมาณสำหรับการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2548 หากคำนวณโดยใช้อัตราเหมาจ่าย 1,396.30 บาท ต่อประชากร  และหักเงินเดือนบุคลากรใน
สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ร้อยละ  79  สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติควรได้รับ
จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม จำนวน  4,993.332  ล้านบาท  ทั้งนี้  สำนักงาน ฯ ควรเร่งประสานกับหน่วย
งานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามข้อสรุปจากการประชุมปรึกษาหารือดังกล่าวเช่น การปรับปรุงประสิทธิ
ภาพของระบบ โดยจัดสรรงบประมาณตามผลงาน  การศึกษากรณีการร่วมจ่ายของประชาชน  การพัฒนา
ข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดทำระบบประกันสุขภาพ  เพื่อเสริมบริการที่อยู่นอกเหนือสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐาน
ศึกษาการนำภาษีเหล้า บุหรี่และสินค้าอื่น ๆ  ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพมาใช้เพื่อการสร้างสุขภาพถ้วนหน้า
เป็นต้น  ในการนี้  สำนักงบประมาณมีข้อสังเกตในองค์ประกอบอัตราเหมาจ่ายรายหัวที่คำนวณค่าบริการ
รักษาพยาบาลผู้ป่วยใน โดยใช้อัตราการใช้บริการที่ร้อยละ 100 ไม่น่าจะสอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพราะผู้
มีสิทธิจำนวนหนึ่งไม่ประสงค์จะใช้สิทธิเมื่อเจ็บป่วย  ดังนั้น  สำนักงาน ฯ  ควรสำรวจข้อมูลของปัจจัยที่มีผล
ต่อการคำนวณอัตราเหมาจ่ายให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในโอกาสต่อไป