คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพของเอเชีย
และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร ของกระทรวงสาธารณสุข โดยเห็นชอบในหลัก
การของแผนดังกล่าว  และให้ดำเนินการต่อไปได้   โดยให้รับความเห็นเพิ่มเติมและข้อเสนอแนะบางประการของ
ส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการด้วย และเห็นชอบในหลักการกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย
ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาในประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของสุขภาพเอเชียที่ได้ปรับปรุงให้คงเหลือ จำนวน
564,500,000 บาท โดยงบประมาณที่จะใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547  จำนวน  44,500,000  บาท นั้น
อนุมัติให้เบิกจ่ายจากเงินงบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่ง
ยืนของประเทศ   และให้ประสานในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป   ทั้งนี้   ให้กระทรวงสาธารณสุขรับ
ความเห็นของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย  ดังนี้  ปัจจุบันการให้บริการทางการแพทย์และแพทย์ผู้
เชี่ยวชาญของไทยมีมาตรฐานและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับเชื่อถือกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก   จึงควรพิจารณาสนับ
สนุนให้โรงพยาบาลและสถาบันทางการแพทย์ต่างๆ เปิดให้บริการในลักษณะนานาชาติมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียว
กันต้องควบคุมดูแลมิให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการแก่คนไทยเองโดยในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์และ
เจ้าหน้าที่ที่ให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจ  SPA  ควรได้รับการฝึกฝนให้สามารถใช้ภาษาต่างประเทศในการสื่อสารได้
อย่างดีด้วย  ส่วนการสนับสนุนส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยให้แพร่หลาย  กระทรวงสาธารณสุขจะต้อง
ประสานกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพื่อพิสูจน์ยืนยันคุณสมบัติและผลดีของการใช้สมุนไพรและประชา
สัมพันธ์ให้เป็นที่แพร่หลาย และต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการจดทะเบียนสมุนไพรไทย การออกแบบบรรจุ
ภัณฑ์ให้ทันสมัย เป็นที่ดึงดูดใจ  ตลอดจนพิจารณากำหนดช่องทางการตลาดเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ ระเบียบ หลักเกณฑ์และขั้นตอนการตรวจสอบและพิจารณาขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ของคณะกรรมการ
อาหารและยาที่ใช้อยู่ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยต่อการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุมนไพรเท่าที่ควรจึงควรพิจารณา
ทบทวนและแก้ไขเพื่อให้เกิดความสะดวกและคล่องตัวแก่ผู้ขอรับบริการมากยิ่งขึ้น  และพิจารณากำหนดธุรกิจให้
บริการ SPA  ให้ชัดเจนครอบคลุมถึงการให้บริการแบบทางเลือก มีระบบตรวจสอบรับรองคุณภาพและความถูก
ต้องของการให้บริการ   และควรระมัดระวังมิให้มีธุรกิจการค้าประเวณีเข้ามาแอบแฝงในธุรกิจดังกล่าวด้วย  และ
กระทรวงสาธารณสุขควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการวิจัยและพัฒนา (R&D) และสร้างองค์ความ
รู้เกี่ยวกับการนำสมุนไพรชนิดต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่และหลากหลายมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม
ในภาพรวมการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพและการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยให้เกิด
ความประทับใจแก่ผู้ใช้บริการ/ผู้บริโภค อยู่ที่การทำให้มีตราสินค้า (Brand) ของไทยและการให้บริการที่แสดง
ถึงความเป็นไทย    จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอำนวยการผลิตภัณฑ์สินค้าหนึ่ง
ตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ ประสานและผลักดันการดำเนินการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง   โดยอาจพิจารณาดำเนินการในแนวทางเดียวกับการดำเนินโครงการหนึ่งตำบล  หนึ่งผลิตภัณฑ์
หรือให้เชื่อมโยงกันต่อไปด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
รายงานการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพการบริการ ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  โดยใน
ปี พ.ศ. 2547 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลาการบริการลงอีก
56 กระบวนงาน  เพื่อความรวดเร็วในการให้บริการ  พร้อมทั้งแก้ไข  ปรับปรุง  กฎกระทรวง  ประกาศ  คำสั่ง
ระเบียบ  ฯลฯ  เพื่ออำนวยต่อความสะดวกของผู้ประกอบการ จำนวน  11  ฉบับ  โดยขณะนี้ได้ดำเนินการแล้ว
เสร็จ 1 ฉบับ และอีก 10 ฉบับอยู่ในระหว่างดำเนินการ ส่วนการพัฒนาระบบบริการผ่านทางระบบอิเล็กทรอ
นิกส์ ได้เพิ่มการบริการผ่านทาง Internet  เช่น  การมีแบบฟอร์มคำขออนุญาตต่าง ๆ  ให้สามารถดาวน์โหลด
การบริการให้ยื่นคำขออนุญาตผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-submission)  และสอบถามความคืบหน้าใน
การพิจารณาอนุญาตทาง  Internet  นอกจากนี้  ยังมีการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ  ณ จุดเดียว  (One Stop
Service)  เพื่อให้ผู้บริการได้รับความสะดวกในการติดต่อราชการ มีมาตรฐาน โปร่งใส  และเป็นธรรม  โดยจะ
เปิดบริการได้ภายในต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  รวมทั้งการรณรงค์กิจกรรมผ่านสื่อต่าง ๆ  เช่น  โครงการ
อย.น้อย  มหกรรมอาหารปลอดภัย ฯลฯ  และจากผลการดำเนินงานในส่วนของการเพิ่มผลงานการพิจารณา
อนุญาต ใน 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2547 พิจารณาอนุญาต 90,510 รายการ และเพิ่มผลงานด้านการตรวจ
สอบได้ 261,794 รายการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพของเอเชีย
และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร ของกระทรวงสาธารณสุข โดยเห็นชอบในหลัก
การของแผนดังกล่าว  และให้ดำเนินการต่อไปได้   โดยให้รับความเห็นเพิ่มเติมและข้อเสนอแนะบางประการของ
ส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการด้วย และเห็นชอบในหลักการกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย
ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาในประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของสุขภาพเอเชียที่ได้ปรับปรุงให้คงเหลือ จำนวน
564,500,000 บาท โดยงบประมาณที่จะใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547  จำนวน  44,500,000  บาท นั้น
อนุมัติให้เบิกจ่ายจากเงินงบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่ง
ยืนของประเทศ   และให้ประสานในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป   ทั้งนี้   ให้กระทรวงสาธารณสุขรับ
ความเห็นของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย  ดังนี้  ปัจจุบันการให้บริการทางการแพทย์และแพทย์ผู้
เชี่ยวชาญของไทยมีมาตรฐานและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับเชื่อถือกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก   จึงควรพิจารณาสนับ
สนุนให้โรงพยาบาลและสถาบันทางการแพทย์ต่างๆ เปิดให้บริการในลักษณะนานาชาติมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียว
กันต้องควบคุมดูแลมิให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการแก่คนไทยเองโดยในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์และ
เจ้าหน้าที่ที่ให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจ  SPA  ควรได้รับการฝึกฝนให้สามารถใช้ภาษาต่างประเทศในการสื่อสารได้
อย่างดีด้วย  ส่วนการสนับสนุนส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยให้แพร่หลาย  กระทรวงสาธารณสุขจะต้อง
ประสานกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพื่อพิสูจน์ยืนยันคุณสมบัติและผลดีของการใช้สมุนไพรและประชา
สัมพันธ์ให้เป็นที่แพร่หลาย และต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการจดทะเบียนสมุนไพรไทย การออกแบบบรรจุ
ภัณฑ์ให้ทันสมัย เป็นที่ดึงดูดใจ  ตลอดจนพิจารณากำหนดช่องทางการตลาดเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ ระเบียบ หลักเกณฑ์และขั้นตอนการตรวจสอบและพิจารณาขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ของคณะกรรมการ
อาหารและยาที่ใช้อยู่ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยต่อการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุมนไพรเท่าที่ควรจึงควรพิจารณา
ทบทวนและแก้ไขเพื่อให้เกิดความสะดวกและคล่องตัวแก่ผู้ขอรับบริการมากยิ่งขึ้น  และพิจารณากำหนดธุรกิจให้
บริการ SPA  ให้ชัดเจนครอบคลุมถึงการให้บริการแบบทางเลือก มีระบบตรวจสอบรับรองคุณภาพและความถูก
ต้องของการให้บริการ   และควรระมัดระวังมิให้มีธุรกิจการค้าประเวณีเข้ามาแอบแฝงในธุรกิจดังกล่าวด้วย  และ
กระทรวงสาธารณสุขควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการวิจัยและพัฒนา (R&D) และสร้างองค์ความ
รู้เกี่ยวกับการนำสมุนไพรชนิดต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่และหลากหลายมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม
ในภาพรวมการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพและการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยให้เกิด
ความประทับใจแก่ผู้ใช้บริการ/ผู้บริโภค อยู่ที่การทำให้มีตราสินค้า (Brand) ของไทยและการให้บริการที่แสดง
ถึงความเป็นไทย    จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอำนวยการผลิตภัณฑ์สินค้าหนึ่ง
ตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ ประสานและผลักดันการดำเนินการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง   โดยอาจพิจารณาดำเนินการในแนวทางเดียวกับการดำเนินโครงการหนึ่งตำบล  หนึ่งผลิตภัณฑ์
หรือให้เชื่อมโยงกันต่อไปด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานสรุปผลการประชุมสัมมนาการพัฒนา
แนวทางการบูรณาการด้านสุขภาพกับหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและสำนักจุฬาราชมนตรีได้
ร่วมกันจัดขึ้น ณ ห้องประชุมโรงเรียนตำรวจภูธร 9 จังหวัดยะลา เมื่อวันที่  13  พฤษภาคม  2547  โดยผลการ
ประชุม  ได้มีการกำหนดแนวทางการดูแลสุขภาพที่สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม เพื่อให้เกิดสุขภาวะที่ดี ทั้ง
ร่างกาย จิตใจ  และปัญญา  และตั้งคณะกรรมการพัฒนาการสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดชายแดน
ภาคใต้ เพื่อจัดทำแผนบูรณาการการสร้างสุขภาพให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ  และตั้งคณะทำงาน ฯ เพื่อกำหนด
แนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนบูรณาการดังกล่าว โดยการจัดอบรมกลุ่มแม่บ้าน ผู้นำศาสนา เรื่องการสร้าง
สุขภาพในมิติต่าง ๆ  ในการนี้ กระทรวงสาธารณสุขเป็นแกนในการดำเนินการให้ชุมชนเข้มแข็งร่วมกับผู้ว่าราช
การจังหวัดและฝ่ายปกครองดำเนินการขยายงาน  To Be No.1  การส่งเสริมการออกกำลังกาย   โดยเฉพาะส่ง
เสริมการเล่นกีฬาฟุตซอล  และจัดทำโครงการให้กลุ่มผู้นำศาสนาไปศึกษาดูงานเรื่องการวางแผนครอบครัวใน
ประเทศมุสลิมที่ประสบความสำเร็จด้านการวางแผนครอบครัว  และส่งเสริมให้มีการเลี้ยงลูกอย่างเหมาะสมถูก
ต้อง  เพื่อให้เด็กมีความฉลาดทางปัญญาและอารมณ์    ตลอดจนเปิดโอกาสให้นักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดน
ภาคใต้เข้าเรียนพยาบาลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้   และสนับสนุนให้ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนได้เข้า
ศึกษาแพทย์และพยาบาลให้มากที่สุด  รวมถึงสนับสนุนการสร้างอาชีพ โดยส่งเสริมการพัฒนาสมุนไพรต่าง ๆ
ในพื้นที่ซึ่งสามารถนำมาผลิตเป็นยาได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานเพื่อ
การจ้างงานสร้างอาชีพของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้ดำเนินการแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนิน
การ โดยโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องถึงปัจจุบัน มีจำนวน  4  โครงการ  ได้แก่  โครงการจ้างประชาชนช่วย
ปฏิบัติงานในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ  โรงพยาบาลศูนย์  โรงพยาบาลทั่ว
ไป และโรงพยาบาลชุมชน มีการจ้างงาน 1,907 คน จำนวนเงินที่ใช้  93,807,870  บาทต่อปี  โครงการจ้าง
ประชาชนช่วยปฏิบัติงานในสถานีอนามัยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการจ้างงาน  275  คน จำนวนเงินที่
ใช้  4,906,740  บาทต่อปี  โครงการจ้างประชาชนพ่นหมอกควัน เพื่อควบคุมยุงพาหะนำโรค  มีการจ้างงาน
122 คน  จำนวนเงินที่ใช้ 1,904,581 บาทต่อปี  และโครงการจ้างประชาชนเพื่อปฏิบัติในโรงพยาบาลจิตเวช
สงขลาราชนครินทร์  มีการจ้างงาน  50  คน  ระยะเวลา  6  เดือน  (เมษายน-กันยายน 2547)  จำนวนเงิน
ที่ใช้ 1,230,000 บาท  สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการเตรียมการในการดำเนินการจำแนกเป็น (1) โครง
การที่ส่วนราชการมีงบประมาณปกติสำหรับดำเนินการ จำนวน  3  โครงการ  ได้แก่  โครงการสำรวจสถานะ
สุขภาพครัวเรือน   และการทำบัตรประกันสุขภาพสำหรับประชาชนทุกคนในพื้นที่    มีการจ้างงานประชาชน
ทั่วไป  1,240  คน  และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 12,235 คน  รวมทั้งมีการอบรมเพื่อ
ดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจ้างประชาชนต่อเนื่องเพื่อช่วยปฏิบัติงานในสถานีอนามัย ระยะเวลา 6 เดือน
จำนวนเงินที่ใช้ 29,961,275 บาท การอบรมการนวดไทย มีผู้เข้าอบรม  50  คน  จำนวนเงินที่ใช้ 390,000
บาท    และโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน  โดยการอบรมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชนใน
พื้นที่ จำนวน 1,200 คน จำนวนเงินที่ใช้ 2,650,000 บาท  (2)  โครงการที่มีแผนปฏิบัติการสำหรับดำเนิน
การ    ซึ่งได้รับความเห็นชอบในหลักการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว  แต่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติ
งบประมาณจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล  ได้แก่  โครงการศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่น เป็นการจ้างอาสาสมัคร
วัยรุ่นในพื้นที่ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านจิตวิทยาและสังคมสงเคราะห์เพื่อช่วยปฏิบัติงานแก้ปัญหา
วัยเรียนวัยรุ่น  และการดำเนินการแก้ปัญหาสุขภาพจิตวัยรุ่นอย่างครบวงจร  มีจำนวนการจ้างงาน  54  คน
จำนวนเงินที่ต้องใช้ทั้งสิ้น 21,400,000 บาท

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการพัฒนา
ศักยภาพเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9
ได้ร่วมกันจัดทำโครงการดังกล่าว โดยจัดที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สถาบันราชภัฏสงขลา จังหวัดสงขลา  โดยมีเยาวชน
และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุมชนสัมพันธ์จากจังหวัดยะลาเข้าร่วมกิจกรรมร่วมกันระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาและ
แนวทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ดังนี้ เศรษฐกิจ ล้าหลัง ไม่พอกินพอใช้ สังคม ขาดโครงสร้างสนับสนุนที่พอเพียง
 วัฒนธรรม  ขาดความสมานฉันท์และการยอมรับความแตกต่างหลากหลาย  และการเมือง  รุ่มร้อน  เกิดการใช้
กำลังปะทะขัดแย้ง   รวมทั้งกำหนดกิจกรรมซึ่งจะนำไปสู่การสร้างงานและรายได้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้  โดย
เยาวชนได้คัดเลือกปัญหามาพัฒนาเป็นโครงการ จากเกณฑ์พิจารณา  3  ประการ  คือ  ปัญหาเร่งด่วนควรแก้ไข
ปัญหาที่แก้แล้วจะแก้ปัญหาอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น และปัญหาที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ดังนี้ ด้านสังคม ได้แก่
โครงสร้างการคมนาคม    การศึกษามุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ    รัฐสนับสนุนการศึกษาที่มีอยู่ในวัฒนธรรมของชุมชน
อาทิ ปอเนาะ  และการศึกษานอกระบบระยะสั้น  มุ่งอาชีพ  ด้านการเมือง  ได้แก่  การแก้ปัญหาการก่อการร้าย
พัฒนาความสามัคคีของผู้นำชุมชนและความร่วมมือสามัคคีระดับหมู่บ้าน และด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การแก้ปัญหา
ความยากจน

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก.5) ที่
มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอร่างพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... โดยร่างพระราช
บัญญัติ  ฯ  มีสาระสำคัญดังนี้  ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยเครื่องมือแพทย์   โดยให้มีบทบัญญัติในเรื่องความรับผิด
ในผลิตภัณฑ์   ปรับปรุงมาตรการให้ความคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้ใช้เครื่องมือแพทย์   โดยขยายการใช้ระบบ
คุณภาพและคุณภาพมาตรฐานของเครื่องมือแพทย์ได้ทุกระดับ  หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการศึกษาวิจัยทางคลินิก  
หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการบริโภคและรับบริจาคเครื่องมือแพทย์ การขยายขอบเขตรายงานผลอันไม่พึงประสงค์
จากการใช้เครื่องมือแพทย์การจดทะเบียนผู้ป่วย การปรับปรุงการควบคุมเครื่องมือแพทย์อย่างเหมาะสม การให้
บทบาทแก่ภาครัฐและเอกชนอื่นๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการคุ้มครองผู้บริโภค และปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียม 
บทลงโทษ   ให้เหมาะสมและสอดคล้องยิ่งขึ้น  ทั้งนี้  ให้รับข้อสังเกตของ  คกก.5 เกี่ยวกับอัตราค่าธรรมเนียมใบ
อนุญาตผลิต  นำเข้า  ขายใบแทนใบอนุญาต  ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์  พ.ศ.  2531ที่บังคับใช้อยู่ใน
ปัจจุบันกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้     รวมไปถึงอัตราค่าธรรมเนียมที่ขอแก้ไขใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเกินไป 
กระทรวงสาธารณสุขควรพิจารณาทบทวน ส่วนในหมวด 6 การควบคุมเครื่องมือแพทย์  ตามมาตรา 38  ห้ามมิ
ให้ผู้ใดผลิต  นำเข้า  หรือขายเครื่องมือแพทย์ปลอม  ผิดมาตรฐาน เสื่อมคุณภาพและเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ปลอด
ภัยในการใช้  นั้น   การกำหนดบทลงโทษควรมีการสร้างมาตรฐานการลงโทษทบทวนให้มีความเหมาะสม และ
ชี้ให้เห็นถึงอันตรายของเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ โดยอิงความปลอดภัยของชีวิตคนและวัตถุประสงค์
ของผู้ทำการนั้น ๆ  ไปพิจารณาดำเนินการ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วส่ง
ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการปฏิบัติงานต่อสู้เพื่อเอาชนะ
ยาเสพติดเกี่ยวกับผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติดกระทรวงสาธารณสุข ประจำเดือน
เมษายน  2547 (ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม-29 เมษายน 2547) มีผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดรักษาทั้งสิ้นจำนวน
5,865 ราย สถานบำบัดที่ให้การบำบัดมากที่สุด คือ สังกัดกรมสุขภาพจิต 1,860 ราย  สังกัดกรมการแพทย์
1,588 ราย ระดับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป 1,363 ราย  ระดับโรงพยาบาลชุมชน 759 ราย  และ
ระดับ  PCU/สถานีอนามัย  295  ราย  ส่วนวิธีการบำบัดรักษา  แยกเป็นการบำบัดรักษาโดยบำบัดในชุมชน
790 ราย วิธีผู้ป่วยนอก  3,813  ราย  วิธีผู้ป่วยใน  1,262  ราย  สถานบำบัดที่ให้การบำบัดโดยวิธีบำบัดใน
ชุมชนสูงสุด คือ ระดับโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป  บำบัดโดยวิธีผู้ป่วยนอกสูงสุด  คือ  สถานบริการ
สังกัดกรมสุขภาพจิต   และวิธีผู้ป่วยในบริการสูงสุด คือ สังกัดกรมการแพทย์ สำหรับลักษณะการบำบัดของผู้
มารับการบริการ เป็นการมารับการบำบัดโดยสมัครใจ 5,534 ราย โดยการบังคับบำบัด  331  ราย  สถาน
บำบัดที่ให้การบำบัดโดยสมัครใจสูงสุด  คือ  กรมสุขภาพจิต    และบังคับให้บริการสูงสุด  คือ  สังกัดกรมการ
แพทย์

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายทนงสรรค์
สุธาธรรม ให้ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ 10 วช (ด้านสาธารณสุข) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงาน
ปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข  ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2547  ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วน
สมบูรณ์

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายสมยศ เจริญศักดิ์
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง  (ผู้ตรวจราชการ 10)  สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก.5)
ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลางให้แก่คณะอนุ
กรรมการต่าง ๆ  ในคณะกรรมการดำเนินงานจัดประชุมนานาชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 15  (XV International 
AIDS Conference 2004)  ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับสมาคมโรคเอดส์นานาชาติ จัดประชุมระหว่าง
วันที่ 18-23 กรกฎาคม 2547  จำนวน 185,329,100 บาท  รวม 13 คณะ  ประกอบด้วย  คณะอนุกรรมการ
ด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ จำนวน  81,180,000  บาท  คณะอนุกรรมการด้านพิธีเปิดและพิธีปิดการ
ประชุม จำนวน 3,000,000 บาท  คณะอนุกรรมการด้านพิธีการต้อนรับ จำนวน  6,310,000  บาท  คณะอนุ
กรรมการด้านสวัสดิการและบริการ จำนวน 641,000 บาท คณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัย ฯ
จำนวน 3,097,800 บาท คณะอนุกรรมการด้านระบบการเดินทาง จำนวน  2,620,000  บาท  คณะอนุกรรม
การด้านการคัดเลือกและดูแลอาสาสมัคร จำนวน  4,762,120  บาท คณะอนุกรรมการด้านการส่งเสริมสินค้า
และวัฒนธรรมไทย จำนวน  9,000,000  บาท  คณะอนุกรรมการด้านการระดมทุนและการจัดสรรทุนในพื้นที่
จำนวน 24,630,000 บาท คณะอนุกรรมการด้านการรักษาพยาบาล จำนวน 2,848,180 บาท คณะอนุกรรม
การด้านเยาวชน จำนวน  26,800,000  บาท  คณะอนุกรรมการด้านส่งเสริมการท่องเที่ยว จำนวน 440,000
บาท  และคณะอนุกรรมการสนับสนุนโครงการด้านผู้นำ จำนวน  20,000,000  บาท โดยให้รับข้อสังเกตของ
คกก.5 เกี่ยวกับงบประมาณด้านการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับระยะเวลาการดำเนิน
งานที่ค่อนข้างสั้น  รวมทั้งความคุ้มค่าและประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์ยังไม่ชัดเจน   นอกจากนี้   ในการจัด
ประชุมนานาชาติควรเน้นและดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัยผู้เข้าร่วมประชุมด้วย  โดยประสาน  NGO  เพื่อ
ให้เกิดความเรียบร้อย ไปดำเนินการ สำหรับงบประมาณให้ตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายศิริศักดิ์ ธานี
ให้ดำรงตำแหน่ง  นักวิชาการอาหารและยา  10  ชช (ด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์และ
การใช้ผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่
2 กุมภาพันธ์ 2547 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 7  (คกก.7)
ซึ่งพิจารณาเรื่องการขออนุมัติเปลี่ยนพนักงานของรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นข้าราชการ และขออนุมัติ
ตำแหน่งข้าราชการ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ  โดย คกก.7 พิจารณาแล้วเห็นควรยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2543 โดยให้ ก.พ. พิจารณากำหนดตำแหน่งข้าราชการจำนวนไม่เกิน 27,385 ตำแหน่ง 
เพื่อบรรจุและแต่งตั้งพนักงานของรัฐในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ สำหรับขั้นและ
อันดับในการบรรจุแต่งตั้งให้พิจารณาระยะเวลาทำงาน   ตลอดจนประสบการณ์การทำงาน  เพื่อให้ได้ประโยชน์
ต่าง ๆ ตามความเห็นของ คกก.7 ต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 5  ที่มีมติ
อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม "การส่งเสริมสุขภาพโลก ครั้งที่
6 ปี 2548"  (6 th Global Conference on Health Promotion 2005)  ระหว่างวันที่ 7 - 12 สิงหาคม 2548
สำหรับงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ  โดยให้กระทรวง
สาธารณสุขดำเนินการจัดทำแผนการดำเนินการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามกระบวนการและแนวคิด
เกี่ยวกับระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์บนพื้นฐานของความจำเป็น ประหยัด  และเป็น
ไปตามระเบียบของทางราชการโดยให้เร่งนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโดยด่วนในโอกาสแรก และ
ให้เสนอขอตั้งไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2548   เพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณจาก
งบกลางต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ
แห่งชาติว่าด้วยความปลอดภัยของสารเคมี ตามมติคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยความปลอดภัยของสารเคมี
ครั้งที่  1/2547  ดังนี้  เพิ่มเติมลำดับที่  (29)  ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เนื่องจากมีหน้าที่รับผิดชอบ
เกี่ยวกับงบประมาณในแผนแม่บทพัฒนาความปลอดภัยด้านเคมีวัตถุแห่งชาติ  รวมทั้งเพิ่มเติมลำดับที่  (34)
ศ.ดร.ภักดี  โพธิศิริ  รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ในฐานะที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ และประสบการณ์
เกี่ยวกับงานพัฒนาความปลอดภัยด้านสารเคมี ทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างดี

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วย
ความร่วมมือในการจัดประชุมการส่งเสริมสุขภาพโลก ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2548 ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข
แห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การอนามัยโลก ในวันที่  18  พฤษภาคม  2547  ณ กรุงเจนีวา สหพันธรัฐ
สวิส   และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
สาธารณสุข  เป็นผู้ลงนามในเอกสารดังกล่าว

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานการ
สร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547  ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2546  มี
จำนวนประชากรผู้ขึ้นทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าทั้งสิ้น 46.45 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 74.21
ของประชากรไทย 62.59 ล้านคน  ทำให้ประชากรไทยมีสิทธิประกันสุขภาพรวม ร้อยละ 93.75  โดยรอการ
ตรวจสอบสิทธิประกันสุขภาพจำนวน 3.91 ล้านคน และมีหน่วยบริการคู่สัญญาในระบบหลักประกันสุขภาพ
แห่งชาติทั้งสิ้น  1,051  แห่ง   ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546  จำนวน  981  แห่ง   แยกเป็นสังกัด
กระทรวงสาธารณสุขจำนวน 818 แห่ง  นอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 102 แห่ง เอกชนจำนวน 74
แห่ง และคลินิกชุมชนอบอุ่นจำนวน 57 แห่ง ในส่วนของการส่งเสริมและสนับสนุนการคุ้มครองสิทธิประชาชน
ได้ดำเนินการให้มีเวทีสร้างความรู้ความเข้าใจหลักประกันสุขภาพร่วมกับตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนใน 8
ภูมิภาค   ประกอบด้วย   การจัดกิจกรรมร่วมกับประชาชนกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ และกลุ่มที่ควรได้รับการช่วย
เหลือเกื้อกูล     และริเริ่มให้มีการจัดตั้งศูนย์กลางเครือข่ายระบบส่งต่อผู้ป่วยอย่างครบวงจรเพื่อลดระยะเวลา
การรอเข้ารับการรักษาในหน่วยบริการ   โดยเฉพาะผู้ป่วยผ่าตัดหัวใจ  ผู้ป่วยโรคมะเร็ง  ผู้ป่วยโรคสมอง  ให้
ได้รับการรักษาทันเวลา และได้รับการส่งต่อไปยังหน่วยบริการอย่างมีประสิทธิภาพ  ทั้งนี้  ในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2547   ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  ได้รับงบค่าบริการทางการแพทย์เพื่อดำเนินการสร้างหลัก
ประกันสุขภาพถ้วนหน้าในอัตราเหมาจ่าย  1,308.5  บาท/ประชากร  โดยคิดที่เป้าหมายประชากรจำนวน
46  ล้านคน    โดยกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะได้รับเงินจริงเฉพาะงบดำเนินการรวมงบเงินเดือน
หน่วยบริการภาคเอกชน แต่การบริหารจัดการให้ถือเสมือนได้รับงบบุคลากรภาครัฐ  โดยได้รับงบประมาณ
ทั้งสิ้น 32,572.87 ล้านบาท  ในไตรมาสแรกได้จัดสรรงบประมาณค่าบริการทางการแพทย์ในส่วนบริการผู้
ป่วยนอก ผู้ป่วยใน  และบริการส่งเสริมและป้องกันโรค ให้หน่วยบริการคู่สัญญาแล้วรวมจำนวน 7,193.473
 ล้านบาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายสุชาติ  จันทวิบูลย์  ให้ดำรง
ตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม กลุ่มบริการตติยภูมิ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการ
แพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2546  เป็นต้นไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการปฏิบัติงานต่อสู้เพื่อเอาชนะ
ยาเสพติดเกี่ยวกับผลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติดกระทรวงสาธารณสุข ประจำเดือน
เมษายน 2547 โดยยอดสะสม ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2545-25 มีนาคม 2547 จากการรายงานของสถาน
บำบัดรักษายาเสพติดของกระทรวงสาธารณสุข จำนวนทั้งสิ้น 6,733 แห่ง ได้ให้การบำบัดรักษาผู้ป่วยทั้งสิ้น
จำนวน 509,446 ราย  คิดเป็นร้อยละ  185.77  ของเป้าหมายการให้บริการตามศักยภาพ โดยสถานบำบัด
ที่ให้การรักษามากที่สุด คือ  ในระดับโรงพยาบาลชุมชน จำนวน  178,209  ราย  ระดับ PCU/สถานีอนามัย
173,637 ราย โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป 60,743 ราย สังกัดกรมสุขภาพจิต 53,622 ราย สังกัด
กรมการแพทย์ 43,235 ราย  วิธีการบำบัดรักษา  แยกเป็นการบำบัดในชุมชน  241,848  ราย  ผู้ป่วยนอก
238,134 ราย  วิธีผู้ป่วยใน  29,464  ราย  สถานบำบัดที่ให้การบำบัดในชุมชนให้บริการสูงสุด  คือ  PCU/
สถานีอนามัย วิธีผู้ป่วยนอกสูงสุด คือ โรงพยาบาลชุมชน และวิธีผู้ป่วยในให้บริการสูงสุด คือ สถานพยาบาล
สังกัดกรมการแพทย์ ลักษณะการบำบัดของผู้มารับการบริการ เป็นการมารับการบำบัดโดยสมัครใจจำนวน
483,798 ราย โดยบังคับบำบัด 25,648 ราย  สถานบำบัดที่ให้บริการบำบัดโดยสมัครใจสูงสุด  คือ  PCU/
สถานีอนามัย และบังคับบำบัดสูงสุด  คือ  โรงพยาบาลชุมชน  สำหรับรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 5-25 มีนา
คม 2547 มีผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดรักษาทั้งสิ้นจำนวน 4,134 ราย สถานบำบัดที่ให้การบำบัดมากที่สุด คือ 
สังกัดกรมสุขภาพจิต 1,312 ราย  กรมการแพทย์ 1,147 ราย  โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป 1,051
ราย โรงพยาบาลชุมชน 452 ราย และ PCU/สถานีอนามัย 172 ราย  ส่วนวิธีการบำบัดรักษา  แยกเป็นการ
บำบัดรักษาโดยบำบัดในชุมชน 680 ราย วิธีผู้ป่วยนอก  2,609  ราย  วิธีผู้ป่วยใน 845 ราย  สถานบำบัดที่
ให้การบำบัดโดยวิธีบำบัดในชุมชนสูงสุด คือ สังกัดกรมการแพทย์  โดยวิธีผู้ป่วยนอกสูงสุด คือ สถานบริการ
สังกัดกรมสุขภาพจิต  และวิธีผู้ป่วยในบริการสูงสุด  คือ  สังกัดกรมการแพทย์  ลักษณะการบำบัดของผู้มารับ
การบริการ เป็นการมารับการบำบัดโดยสมัครใจ 3,857 ราย  โดยการบังคับบำบัด 277 ราย  สถานบำบัด
ที่ให้การบำบัดโดยสมัครใจสูงสุด คือ กรมสุขภาพจิต  และบังคับให้บริการสูงสุด  คือ  โรงพยาบาลศูนย์/โรง
พยาบาลทั่วไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายธงชัย  เติมประสิทธิ์ ให้ดำรง
ตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ 10 วช.)  สำนักงานปลัดกระทรวง  กระทรวงสาธารณสุข  ตั้งแต่วันที่
30 กันยายน 2546 เป็นต้นไป