ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 455 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 9081 - 9100 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9081 | รายงานผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 ของกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษ
เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๓ ของกระทรวงพาณิชย์
รวมทั้งเสนอประเด็นปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาของจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษ
เช่น การแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย การสร้างถนนเชื่อมเส้นทางการค้าชายแดน
และการแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรส่งเสริมด้านการตลาด
โดยจัดหาแหล่งจำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น
เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและผลกระทบในสภาวะวิกฤตอื่น
ๆ ได้มากขึ้น
รวมทั้งพิจารณาทบทวนการมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับประเด็นไปพิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมทุกมิติและภารกิจ
ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด โดยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนครอบคลุมทุกมิติ เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
และรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9082 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 17 | กต. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาอังการา
ร่างแผนงานกรอบความร่วมมือเอเชีย ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๓๐ และร่างหลักการจัดตั้งสำนักเลขาธิการถาวรของกรอบความร่วมมือเอเชีย
รวม ๓ ฉบับ ซึ่งเป็นร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนาม
ในการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๑๗ ที่จะจัดขึ้นในวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าว
โดยสาระสำคัญของร่างปฏิญญาฯ
เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีประเทศสมาชิกและกล่าวถึงสถานะของกรอบความร่วมมือเอเชียในภาพรวม
ส่วนร่างแผนงานฯ
เป็นเอกสารที่กำหนดเป้าหมายในการขับเคลื่อนความร่วมมือของกรอบความร่วมมือร่วมกันของประเทศสมาชิกในอนาคต
และร่างหลักการฯ เป็นเอกสารกำหนดโครงสร้างและแนวทางการบริหารงานของสำนักเลขาธิการกรอบความร่วมมือเอเชีย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามร่างเอกสารดังกล่าว
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9083 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 26 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๖ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT)
ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และเห็นชอบการมอบหมายหน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๖ แผนงาน IMT-GT และผลการประชุมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๖ แผนงาน IMT-GT ได้มีการพิจารณารายงานของที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส
ครั้งที่ ๒๖ รายงานของที่ประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ ๑๗
และรายงานของธนาคารพัฒนาเอเชีย
รวมทั้งเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๖
โดยมีการปรับปรุงเพิ่มเติมให้มีเนื้อหาที่มีความถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น
แต่ยังคงไว้ซึ่งเนื้อหาและสาระสำคัญตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๓
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ เช่น
การให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
และสอดคล้องกับกรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน (ASEAN Comprehensive
Recovery Framework) และแผนการดำเนินการตามกรอบการฟื้นฟู (Implementation
Plan) เพื่อให้การดำเนินการรับมือโควิด-๑๙ ของภูมิภาคเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
รวมทั้งให้ปรับปรุงตารางมอบหมายภารกิจหน่วยงานดำเนินงานตามผลการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๖ แผนงาน IMT-GT ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ก่อนดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9084 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทยโดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca) เพิ่มเติม | สธ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ที่ขอปรับกรอบงบประมาณโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย โดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca)
จากวงเงิน ๖,๐๔๙.๗๒ ล้านบาท เป็นวงเงิน ๖,๒๑๖.๒๕ ล้านบาท
โดยเพิ่มงบประมาณในส่วนการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้าผ่านความร่วมมือแบบทวิภาคีกับบริษัท
AstraZeneca จาก ๒,๓๗๙.๔๓๐,๖๐๐ บาท เป็น ๒,๕๔๕.๙๖๐,๖๐๐ บาท
เพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอสำหรับค่าภาษีมูลค่าเพิ่มในการดำเนินงานดังกล่าว ๑.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อจ่ายเป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม วงเงิน ๑๖๖,๕๓๐,๐๐๐ บาท
ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย
โดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca) ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9085 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้มีการรับรองเอกสารร่างแถลงการณ์ (Communique) สำหรับการประชุม Global Forum for Food and Agriculture (GFFA) ครั้งที่ 13 และการประชุม Berlin Agriculture Ministers’ Conference ครั้งที่ 13 | กษ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการรับรองเอกสารร่างแถลงการณ์
(Zero Draft-2021 Communique) โดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรีเกษตรเบอร์ลิน
(Berlin Agriculture Ministers’ Conference) ครั้งที่ ๑๓ ซี่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม Global Forum for
Food and Agriculture (GFFA) ครั้งที่ ๑๓
ในวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔ ผ่านการประชุมออนไลน์ลักษณะเสมือนจริง (virtual
event) โดยร่างแถลงการณ์ฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ
ในภาคการเกษตรต่อกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น
การขจัดความอดอยากหิวโหย การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และเพิ่มรายได้ของเกษตรกร
การทำการเกษตรที่ยั่งยืน การเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร
การป้องกันโรคระบาดพืชและสัตว์
การบรรเทาความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการความเสี่ยงในภาคการเกษตร
การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการทำการเกษตร การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
และการส่งเสริมความปลอดภัยอาหาร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9086 | การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าควบคุมปี
๒๕๖๔ จำนวน ๔ รายการ ได้แก่ (๑) หน้ากากอนามัย (๒) ใยสังเคราะห์ Polypropylene
(Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย
(๓) ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ และ (๔)
เศษกระดาษ และกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามสถานการณ์การผลิตและความต้องการใช้ภายในประเทศอย่างใกล้ชิด
และการกระจายสินค้าดังกล่าวอย่างทั่วถึงแก่ประชาชน นอกจากนี้
ควรเร่งรัดประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง
รวมทั้งกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9087 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน | ปช. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงาน
ป.ป.ช. ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐
วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม๒๕๔๓
เกี่ยวกับการห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนในทุกกรณี
เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค ๙ และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา
พร้อมอาคารที่พักและสิ่งปลูกสร้างประกอบ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ
เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรพิจารณารายละเอียดโครงการ
กิจการ หรือการดำเนินการว่าเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม
ไปดำเนินการให้ครบถ้วนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9088 | โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) ภายใต้มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค 4.0 (มาตรการด้านการเงิน) | อก. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗
มกราคม ๒๕๖๓
ที่มีมติเห็นชอบกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local
Economy Loan) โดยเห็นชอบกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ [โดยยกเลิกข้อกำหนดให้เป็นผู้ประกอบการ
SMEs ที่ไม่เคยได้รับการอนุมัติและใช้วงเงินสินเชื่อโครงการที่มติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการ
(๑) โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) (๒)
โครงการสินเชื่อ SMEs Transformation Loan และเป็นผู้ประกอบการ
SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมทุกสถาบันการเงินต่อราย
(ไม่รวมกิจการในกลุ่ม) สินเชื่อไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท ณ วันที่ยื่นคำขอกู้ ทั้งนี้
รายละเอียดและเงื่อนไขอื่น ๆ ของโครงการคงเดิม] ๑.๒ เห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการโดยให้มีผลการรับคำขอกู้ตั้งแต่วันที่
๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ และสิ้นสุดวันรับคำขอกู้ภายในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๔
หรือจนกว่าจะหมดวงเงินสินเชื่อรวมของโครงการ แล้วแต่ละระยะเวลาใดจะถึงก่อน ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง และข้อเสนอแนะของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมควรพิจารณาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคตของลูกหนี้
โดยจำนวนเงินให้สินเชื่อควรเหมาะสมกับขนาดและความจำเป็นของธุรกิจ
เพื่อไม่ให้กระทบความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือ SMEs
ขนาดเล็ก เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ และ (๒) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมควรควบคุมและติดตามให้ลูกหนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ
รวมทั้งการใช้วงเงินให้ตรงตามวัตถุประสงค์อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงแรงงานที่ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาหลักเกณฑ์เพิ่มเติมสำหรับการอนุมัติเพื่อการเข้าถึงแหล่งทุนให้ง่ายขึ้น
โดยเฉพาะการยกเว้นคุณสมบัติและเงื่อนไขที่ใช้ประกอบการยื่นกู้ เช่น
การยกเว้นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) การติดเครดิตบูโร
การขาดหลักฐานทางบัญชีหรือการเงินย้อนหลัง
และการจดทะเบียนธุรกิจกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบการ
บุคคลธรรมดาที่เป็นแรงงานนอกระบบจำนวนมากเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือ
ซึ่งจะทำให้ลูกจ้างที่ทำงานในกลุ่มนี้ได้รับโอกาสการจ้างงานต่อ นอกจากนี้
สถานประกอบการ SMEs บางแห่งมีปัญหาเงินทุนหมุนเวียน
ส่งผลให้เกิดการค้างชำระและเป็นหนี้สะสม
จึงเห็นควรให้มีมาตรการรวมหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยให้สถานประกอบการได้รับประโยชน์จากมาตรการได้อย่างสูงสุด
อีกทั้งสามารถดำรงสถานะและรักษาระดับการจ้างงานได้มากกว่า ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9089 | การนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ เข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก | ทส. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบเอกสารนำเสนอเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก เมืองโบราณศรีเทพ
และให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก (พลเอก ประวิตร
วงษ์สุวรรณ) ลงนามในเอกสารนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก ณ
กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส (ทั้งนี้ ประเทศไทยจะต้องจัดส่งเอกสารนำเสนอเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก
เมืองโบราณศรีเทพ ให้ศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ภายในวันที่ ๑
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีแนวทางสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์การนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลกให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทราบอย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะภาคประชาชนและชุมชนท้องถิ่น
เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์
ซึ่งจะทำให้เกิดการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของไทยและของโลกอย่างยั่งยืน (๒) หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลาง
ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
ควรดำเนินการตามแผนงาน/โครงการภายใต้แผนการบริหารจัดการเมืองโบราณศรีเทพอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งประสานให้เกิดการมีส่วนร่วมได้อย่างเป็นรูปธรรม และ (๓)
ค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการอนุรักษ์มรดกโลกทางวัฒนธรรมเมืองโบราณศรีเทพ
นั้น หากเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9090 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา | กค. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการสืบสวน
สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา
ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ ที่เห็นควรให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการสืบสวน
สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา
ตามร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ....
โดยมีความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดให้นำเงินกองทุนเพื่อการสืบสวน
สอบสวนการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญาไปใช้จ่ายได้เฉพาะในส่วนที่มีงบประมาณไม่เพียงพอหรือไม่อาจใช้จากเงินงบประมาณได้
การกำหนดให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการนำเงินค่าปรับส่งเข้ากองทุน
และการจัดทำบัญชีและรายงานการเงินประจำปีของกองทุน
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดให้มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบริหารเงินของกองทุนอย่างชัดเจน
เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการใช้จ่ายงบประมาณตามภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รวมถึงกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับอื่น ที่อาจกำหนดให้เบิกจ่ายเงินและค่าใช้จ่ายในลักษณะเดียวกัน
ตลอดจนจัดให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน มุ่งผลลัพธ์ ผลสัมฤทธิ์
หรือประโยน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินของหน่วยงานของรัฐมีความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ โปร่งใส
ตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน นอกจากนี้
ควรเปิดรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากแต่ละหน่วยงานมีภารกิจหน้าที่แตกต่างกัน
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาจากการที่ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้
รวมทั้งควรมีมาตรการควบคุมและป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่พึงประสงค์จากกองทุน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อการสืบสวน
สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา
ตามร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนและความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปยังคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อประสานการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการของรัฐสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9091 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 (ครั้งที่ 151) | พน. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ (ครั้งที่ ๑๕๑)
เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ แนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และแนวทางการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและกระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น (๑) กรอบการใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก
และควรเร่งรัดการดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายเงิน เพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศในช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน
และ (๓) กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมีสถานะเป็นทุนหมุนเวียน
การบริหารและการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ต้องพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.
๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการบริหารจัดการและการประเมินผลสัมฤทธิ์ในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และสามารถตรวจสอบได้ ๒.
ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการโครงการนำร่องตามแนวทางการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการดำเนินการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการคัดค้านจากชุมชน ควรดำเนินการตามประมวลหลักการปฏิบัติ
(Code of Practice : COP) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9092 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป “โครงการจัดหาอากาศยาน (ทดแทน) เพื่อใช้ในภารกิจการปฏิบัติการฝนหลวง” | กษ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการเครื่องบินขนาดกลาง จำนวน ๒ ลำ วงเงินทั้งสิ้น
๑,๒๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
จำนวน ๒๕๐,๔๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑,๐๐๑,๖๐๐,๐๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓
ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของรายการดังกล่าว
โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ประมาณการราคา ผลการสอบราคา
ความพร้อมในการดำเนินงานให้ครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสมและจำเป็นตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9093 | ผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) | นร.01 | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์
และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เช่น การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยจัดงานเนื่องในวันสำคัญต่าง ๆ
และการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ เป็นต้น ๒. กรมประชาสัมพันธ์
เช่น
การเป็นศูนย์ข้อมูลต้นทางของประเทศในการบริหารจัดการศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
COVID-19 ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ การจัดทำเพจ Facebook ศูนยข้อมูลโควิด-๑๙
และการบริหารข้อมูลข่าวสารและแก้ไขข่าวปลอม (Fake News) เป็นต้น ๓. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
เช่น การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ โดยพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big
Data) ร่วมกับหน่วยงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคที่เกี่ยวข้อง
และการปฏิรูปกฎหมาย โดยรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) ประกาศต่าง ๆ
และการจัดทำแผนพัฒนากฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9094 | ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ปี 2563-2567 | พณ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบยุทธศาสตร์ข้าวไทย
ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๗ ซี่งคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่
๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ได้มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์ดังกล่าวแล้ว
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. วิสัยทัศน์
“ไทยเป็นผู้นำการผลิต การตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพโลก” ภายใต้ยุทธศาสตร์
“ตลาดนำการผลิต” โดยแบ่งข้าวออกเป็น ๗ ชนิด ตามความต้องการของตลาด ๓ ประเภท ดังนี้
(๑) ตลาดพรีเมียม ได้แก่ ข้าวหอมมะลิและช้าวหอมไทย (๒) ตลาดทั่วไป ได้แก่
ข้าวขาวพื้นนุ่ม ข้าวขาวพื้นแข็ง และข้าวนึ่ง และ (๓) ตลาดเฉพาะ ได้แก่
ข้าวเหนียวและข้าวสีหรือข้าวคุณลักษณะพิเศษ ๒. พันธกิจ ๔ ด้าน ๒.๑ ด้านการตลาดต่างประเทศ ได้แก่
พัฒนาสินค้าข้าวให้มีความหลากหลายและตรงกับความต้องการของตลาด
สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัย สร้างทีมนักขาย ขยายตลาด
ส่งออกข้าวที่มีคุณภาพและแข่งขันได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ๒.๒ ด้านการตลาดภายในประเทศ ได้แก่
รักษาคุณภาพข้าวและสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
รักษาสมดุลและสร้างเสถียรภาพราคา พัฒนากลไกการซื้อขายข้าวให้ได้มาตรฐาน
และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและความต้องการบริโภค ๒.๓ ด้านการผลิต ได้แก่ พัฒนาชาวนาให้มีความเข้มแข็ง
พึ่งพาตนเองได้ อยู่ดีมีสุข บริหารจัดการด้านการผลิตข้าวให้มีประสิทธิภาพ
ตรงตามความต้องการของตลาด
วิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวและการผลิตข้าวให้สามารถแข่งขันได้
และส่งเสริมสนับสนุนการแปรรูปและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงตามความต้องการของตลาด ๒.๔
ด้านการผลิตภัณฑ์แปรรูปและนวัตกรรมจากข้าว ได้แก่
สนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาเพื่อสร้างงานวิจัย
เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการแปรรูปข้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูง
ส่งเสริมการใช้ระบบสารสนเทศตลอดจนห่วงโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์แปรรูปและนวัตกรรมจากข้าว
ส่งเสริมการขายช่องทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์แปรรูปและนวัตกรรมจากข้าวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
และเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปและนวัตกรรมจากข้าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9095 | รายงานสถานการณ์เพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็ก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | รง. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็ก
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
สถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ในปี ๒๕๖๒
มีการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย จำนวน ๒,๖๙๖ คน โดยพบว่า
การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการผลิตหรือค้ายาเสพติดมีจำนวนมากที่สุด
รองลงมาคือ การกระทำความผิดเกี่ยวข้องกับการใช้ จัดหา
หรือเสนอเด็กเพื่อการค้าประเวณี
การกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้แรงงานเด็ก
และการให้เด็กทำงานที่มีแนวโน้มจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ความปลอดภัย
หรือศีลธรรมของเด็ก ๒.
ข้อเสนอแนะให้หน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องดำเนินงานเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย
เช่น ควรสำรวจการทำงานของเด็กอายุ ๕-๑๗ ปี เป็นการเฉพาะในประเทศไทยทุก ๔ ปี
เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่ได้สำรวจไปแล้ว
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนแก้ไขปัญหาแรงงานเด็กของประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9096 | ผลการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ. 2564 | ดศ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความต้องการของประชาชน
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ ๑๕
ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน ๔๖,๖๐๐ คน ระหว่างวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน-๘ ธันวาคม ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ความต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ในปี ๒๕๖๔ คือ
แก้ปัญหาค่าครองชีพสูง ได้แก่ ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ลดค่าไฟฟ้า
ค่าน้ำประปา (ร้อยละ ๗๙.๔) เพิ่มมาตรการ/สวัสดิการต่าง ๆ เช่น โครงการคนละครึ่ง
เพิ่มเงินผู้มีรายได้น้อย เพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรา/ผู้พิการ เป็นต้น (ร้อยละ ๒๗.๑)
แก้ปัญหาด้านการเกษตร เช่น จัดหาตลาดรองรับผลผลิต แก้ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ เป็นต้น
(ร้อยละ ๑๙.๗) แก้ปัญหาการว่างงาน (ร้อยละ ๑๕.๑)
และชดเชยรายได้ที่สูญเสียจากสถานการณ์โควิด-๑๙ เช่น การถูกลดเงินเดือน
ลดชั่วโมงการทำงาน เป็นต้น (ร้อยละ ๑๒.๙) ๒.
ความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับในรอบปี ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา คือ ค่าครองชีพสูง เช่น
สินค้าอุปโภคบริโภค ค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง เป็นต้น (ร้อยละ ๗๕.๒)
ปัญหาจากการทำการเกษตร เช่น ต้นทุนสูง ผลผลิตราคาตกต่ำ เป็นต้น (ร้อยละ ๔๐.๔)
ไม่มีเงินทุนในการประกอบอาชีพ (ร้อยละ ๒๗.๘) รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย/รายได้ลดลง
(ร้อยละ ๑๙.๘) หนี้สินในระบบ/นอกระบบ (ร้อยละ ๑๕.๐) ๓.
ความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ
ประชาชนร้อยละ ๔๕.๕ ระบุว่ามีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ ๖.๙
และร้อยละ ๓๘.๖ ตามลำดับ) ร้อยละ ๔๑.๓ ระบุว่ามีความพึงพอใจปานกลาง และร้อยละ ๑๑.๒
ระบุว่ามีความพึงพอใจในระดับน้อย-น้อยที่สุด (ร้อยละ ๘.๗ และร้อยละ ๒.๕ ตามลำดับ)
ในขณะที่ร้อยละ ๒.๐ ระบุว่าไม่พึงพอใจ ๔.
ความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐบาล ประชาชนร้อยละ ๔๗.๒
ระบุว่ามีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ ๖.๙ และร้อยละ ๔๐.๓ ตามลำดับ)
ร้อยละ ๔๐.๔ ระบุว่ามีความเชื่อมั่นปานกลาง และร้อยละ ๑๐.๔
ระบุว่ามีความเชื่อมั่นในระดับน้อย-น้อยที่สุด (ร้อยละ ๘.๑ และร้อยละ ๒.๓)
ในขณะที่ร้อยละ ๒.๐ ระบุว่าไม่เชื่อมั่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9097 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 | รง. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงาน
และงบแสดงการเปลี่ยนสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้วเห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9098 | แต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | สธ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง
นายนพพร ชื่นกลิ่น ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขต่อไปอีกวาระหนึ่ง [ตามมติคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๖๓ (วาระลับ) เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓] โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้าง (วาระที่ ๒)
เป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ทั้งนี้ เกี่ยวกับการคัดเลือกให้ผู้อำนวยการ
สวรส. ดำรงตำแหน่งต่อไปอีกวาระหนึ่งนั้น
ควรมีผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการ สวรส. ตั้งแต่ลงนามสัญญาจ้างในปีที่
๑ จนสิ้นสุดสัญญาจ้างในปีที่ ๓ โดยพิจารณาผลการประเมินองค์กรควบคู่กันไปด้วย
และควรกำหนดกรอบระยะเวลา และขั้นตอนเกี่ยวกับการประเมินผู้อำนวยการ สวรส.
ให้มีความชัดเจนเช่นเดียวกับการคัดเลือกผู้อำนวยการโดยการประกาศรับสมัครเป็นการทั่วไป
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9099 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานเครื่องมือหรืออุปกรณ์และมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการทำงานบนเรือ พ.ศ. .... | คค. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานเครื่องมือหรืออุปกรณ์และมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการทำงานบนเรือ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานเครื่องมือหรืออุปกรณ์และมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการทำงานบนเรือ
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
เพื่อให้เจ้าของเรือจัดทำมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการทำงานบนเรือ
ให้สอดคล้องและเป็นไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานการฝึกอบรม การออกประกาศนียบัตรและการเข้ายามสำหรับคนประจำเรือ
ค.ศ. ๑๙๗๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (International Convention on
Standards of Training, Certification and Watchkeeping for Seafarers ๑๙๗๘, STCW as amended) รวมถึงอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล
ค.ศ. ๒๐๐๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (Maritime Labour Convention ๒๐๐๖, MLC as amended) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดให้อธิบดีกรมเจ้าท่ามีอำนาจในการออกประกาศเพื่อกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการทำงานบนเรืออีกทอดหนึ่ง
จึงเป็นการมอบอำนาจช่วง ซึ่งไม่อาจกระทำได้
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงานที่เห็นว่า ร่างข้อ ๔
ที่ให้อำนาจอธิบดีกรมเจ้าท่าประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดชั่วโมงการพักผ่อนอาจจะเป็นการซ้ำซ้อนกับมาตรา
๖๒ แห่งพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘
ที่ได้บัญญัติเกี่ยวกับชั่วโมงการพักผ่อนของคนประจำเรือไว้แล้ว
ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนดโดยองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International
Maritime Organization : IMO) และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ
(International Labour Organization : ILO) และเห็นควรให้แก้ไขถ้อยคำในร่างข้อ ๔ จาก อัตราย เป็น “อันตราย”
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9100 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร พ.ศ. .... | กค. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ ๖๙ (พ.ศ. ๒๕๒๑) ฉบับที่ ๗๗
(พ.ศ. ๒๕๓๓) และฉบับที่ ๘๕ (พ.ศ. ๒๕๓๙)
ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๘
เพื่อให้สอดคล้องกับระบบจำแนกตำแหน่งใหม่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมทั้งปรับปรุงลักษณะรูปแบบเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร
เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน
ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|