ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
181 | ร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ครั้งที่ 3 | กต. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
ครั้งที่ ๓ และให้รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
ซึ่งได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
ครั้งที่ ๓ ร่วมรับรองร่างปฏิญญาดังกล่าว โดยร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ มีสาระสำคัญ
เช่น (๑) ย้ำความสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านการค้า ทั้งในเชิงกายภาพและดิจิทัล และ (๒) เชิญชวนให้ธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศเพิ่มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
เช่น ถนน ทางรถไฟ ทางน้ำท่าเรือ
โครงสร้างพื้นฐานด้านความเชื่อมโยงด้านพลังงานและการขนส่ง
และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น ระบบไฟเบอร์ออปติกและระบบดาวเทียม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
ครั้งที่ ๓
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ไห้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
182 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการ โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน จังหวัดสุโขทัย | กษ. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน
จังหวัดสุโขทัย จากระยะเวลาดำเนินโครงการเดิม
๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ - พ.ศ. ๒๕๖๗) เป็น ๘ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓ - พ.ศ.
๒๕๗๐) และขยายกรอบวงเงินโครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน จังหวัดสุโขทัย จากกรอบวงเงินโครงการเดิม ๒,๘๗๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ๓,๐๖๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
และกระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง)
รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รวมทั้งความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้
รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากรมชลประทานควรเร่งรัดการจัดหาที่ดินเพื่อการก่อสร้างในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยการจ่ายค่าชดเชยที่ดินและทรัพย์สินให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการวางแผนบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำยมให้มีประสิทธิภาพ
ทั้งในฤดูน้ำหลากและฤดูแล้ง เพื่อลดอุปสรรคต่อการก่อสร้างโครงการ
และการประชาสัมพันธ์แผนการดำเนินโครงการและแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
เพื่อให้การดำเนินการโครงการแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ โดยไม่ต้องขอขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการเพิ่มเติมอีก สำหรับภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้น
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้กรมชลประทานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
183 | หลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปะทะกันตามแนวบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา | นร. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีรายงานว่า
สืบเนื่องจากสถานการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมทั้งที่พักอาศัยและทรัพย์สินจำนวนมากได้รับความเสียหาย
ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
จึงได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีเร่งด่วนร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย
ชุณหวชิร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์) ในวันที่ ๑
สิงหาคม ๒๕๖๘ โดยถือเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๘ วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ปรับเพิ่มเงินเยียวยาให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เสียชีวิต โดยมอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราเงินเยียวยาให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวให้เหมาะสม
ชัดเจน โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่าย งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี
และให้นำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๘ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
184 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการ โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา | กษ. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการและเพิ่มกรอบวงเงินโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดพะเยา จากระยะเวลาดำเนินโครงการเดิม ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ - พ.ศ.
๒๕๖๘) เป็น ๑๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙ - พ.ศ. ๒๕๗๑) และขยายกรอบวงเงินโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา จากกรอบวงเงินโครงการเดิม ๓,๙๘๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้น
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมีแผนการติดตามตรวจสอบและเร่งรัดให้การดำเนินการก่อสร้างในส่วนที่ยังคงเหลือ
โดยเฉพาะงานก่อสร้างเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบ พร้อมส่วนประกอบอื่น
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามแผนและระยะเวลาที่ขอขยายไว้
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดพะเยา
ในการเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่เพาะปลูก
และการรองรับความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค ปศุสัตว์ และอุตสาหกรรม
รวมถึงบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำเจ้าพระยา สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นว่ากรมชลประทานควรเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่เสนอ
เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพโดยเร็ว โดยปฏิบัติตามระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งให้รายงานความก้าวหน้าของโครงการฯ ต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ทุก
๖ เดือน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน)
เร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดพะเยา ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๑ อย่างเคร่งครัด
โดยจะไม่ให้มีการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการดังกล่าวออกไปอีก |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
185 | ข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ข้อ 6 ของความตกลงปารีสระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (Implementation Agreement Pursuant to Article 6 of the Paris Agreement between the Government of the Republic of Singapore and the Government of the Kingdom of Thailand) | ทส. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า
การจัดทำข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ข้อ ๖ ของความตกลงปารีสระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อบรรลุเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution : NDC) ของประเทศไทย โดยปัจจุบันประเทศไทยสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าที่แผนกำหนดไว้ ๒. เห็นชอบต่อข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ข้อ ๖
ของความตกลงปารีสระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (Implementation Agreement Pursuant to
Article 6 of the Paris Agreement between the Government of
the Republic of Singapore and the Government of the
Kingdom of Thailand) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจลงนามในข้อตกลงฯ
รวมทั้งมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทน
ลงนามในข้อตกลงฯ และมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามข้อตกลงฯ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณในโอกาสแรกก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็น แล้วแต่กรณี
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ที่จะได้รับเป็นสำคัญด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาถึงความเป็นธรรมของการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการที่จะเกิดขึ้นภายใต้ข้อตกลงฯ
เนื่องจากต้นทุนดำเนินงานและราคาคาร์บอนเครดิตในประเทศไทยและสาธารณรัฐสิงคโปร์มีราคาที่แตกต่างกัน
และควรระวังการถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ (Internationally Transferred Mitigation Outcomes
: ITMOs) ไม่ให้มีปริมาณมากเกินไป
เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมาย NDC ของประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
186 | ผลการนำเสนอรายงานประเทศภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ฉบับที่ 2 | ยธ. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบข้อเสนอแนะ (Concluding Observations) ของคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมานต่อรายงานประเทศ
ฉบับที่ ๒ ของประเทศไทย และตารางหน่วยงานรับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสหประชาชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทรมานต่อรายงานประเทศ ฉบับที่ ๒
ของประเทศไทย โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
ต่อไป โดยมีประเด็นที่สำคัญ ประกอบด้วย (๑) การดำเนินการเชิงบวก คือ
ไทยได้เข้าร่วมสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนหลายฉบับ และ (๒)
ข้อห่วงกังวลและข้อเสนอแนะในหลายประเด็น เช่น ๑) การนิยามการทรมานตามกฎหมายไทยยังไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ
หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ๒)
ควรยกเลิกอายุความในความผิดฐานทรมาน และ ๓) ควรยกเลิกโทษประหารชีวิต ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุดไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบควรพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการให้เกิดความคืบหน้าเพื่อประโยชน์ในการแจ้งคณะกรรมการฯ
ภายในกำหนดเวลาต่อไป (กำหนดส่งข้อเสนอแนะที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ภายในวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน
๒๕๖๘) สำนักงาน ก.พ.
เห็นควรให้ส่วนราชการดำเนินการตามแนวทางการบริหารอัตรากำลังของภาคราชการอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
187 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2544 ในประเด็นเรื่องการปรับองค์กรในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม | พน. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๔๔ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๖/๒๕๔๔
(ครั้งที่ ๘๗) เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๔
ในประเด็นเรื่องการปรับองค์กรในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม
จาก “ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๔๖ เป็นต้นไป ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลัก
รับผิดชอบดูแลงานด้านการกำหนดนโยบายและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียมแทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
และรับไปดำเนินการจัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียมให้แก่หน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยให้ยุติการนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปใช้จ่ายในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม
ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๔๖ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังประสานงานกับสำนักงบประมาณในการจัดสรรงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ
๒๕๔๖ เป็นต้นไป” เป็น “ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลัก
รับผิดชอบดูแลงานด้านการกำหนดนโยบายและมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม
และให้หน่วยงานที่มีความประสงค์ขอรับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียมดำเนินการจัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยตรงตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นต้นไป” ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
โดยให้เริ่มถือปฏิบัติตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๐ เป็นต้นไป
สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพสามิต)
เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการจัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
188 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย (นายสีสะหวาด อินพะจัน) | กต. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสีสะหวาด อินพะจัน (Mr. Sisavath Inphachanh) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายคำพัน อั่นลาวัน (Mr. Khamphan
Anlavan) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
189 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี 2568 (2025 APEC Women and the Economy Forum Ministerial Statement) | พม. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจประจำปี
๒๕๖๘ (2025 APEC Women and the Economy Forum Ministerial
Statement) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ
ในการประชุมระดับสูงสำหรับผู้กำหนดนโยบายด้านสตรีและเศรษฐกิจ (High-Level
Policy Dialogue on Women and the Economy :
HLPDWE) ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๘ ณ เมืองอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี
โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเป็นการเสริมพลังสตรีและการเพิ่มการมีส่วนร่วมของสตรีในทางเศรษฐกิจ
การสร้างสังคมที่ปลอดภัยผ่านการป้องกันและขจัดความรุนแรงต่อสตรี และการมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืนผ่านการพัฒนาระบบการดูแล
(การดูแลสมาชิกในครอบครัว เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ)
ที่มีคุณภาพเพื่อไม่ให้เป็นการผลักภาระหน้าที่ไปยังผู้หญิงอย่างไม่เป็นธรรม ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าร่างถ้อยแถลงฯ ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
190 | รัฐบาลมาเลเซียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งมาเลเซียประจำประเทศไทย (ดาตุก วัน ไซดี บิน วัน อับดุลละฮ์) | กต. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ดาตุก วัน ไซดี บิน วัน อับดุลละฮ์ (Datuk Wan Zaidi Bin Wan Abdullah) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งมาเลเซียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน ดาตุก โจจี แซมูเอล (Datuk Jojie
Samuel) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
191 | ขออนุมัติหลักการและวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือเกี่ยวกับที่ดินให้แก่ราษฎรผู้ถือครองและทำประโยชน์ในที่ดินที่หน่วยราชการดูแล เนื่องในการก่อสร้างหรือพัฒนาท่าอากาศยาน | คค. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ ๒ (ด้านการต่างประเทศ การคมนาคม การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม) ในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๘ โดยให้กรมท่าอากาศยานนำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เรื่อง อนุมัติหลักการและวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือเกี่ยวกับที่ดินให้แก่ราษฎรผู้ถือครองและทำประโยชน์ในที่ดินที่หน่วยราชการดูแล
เนื่องในการสร้างทางหลวง มาปรับใช้ในการพิจารณาการจ่ายเงินค่าขนย้าย
ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิ
ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างหรือพัฒนาท่าอากาศยาน ทั้งนี้
ให้นำหลักเกณฑ์ที่ได้รับอนุมัติ
มาใช้กับการจัดหาที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม รวมเนื้อที่ประมาณ ๑๗๕
ไร่ ๒ งาน ๐๖ ตารางวา สำหรับก่อสร้างต่อเติมความยาวทางวิ่ง
ขยายทางขับและลานจอดเครื่องบิน ขนส่งสินค้าและอาคารคลังสินค้า พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน
ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ตำบลร่อนทอง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์
และโครงการก่อสร้างหรือพัฒนาท่าอากาศยานอื่น ๆ ของกรมท่าอากาศยาน
ที่มีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน
สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก ให้กระทรวงคมนาคม (กรมท่าอากาศยาน)
พิจารณาปรับปรุงโครงสร้างคณะกรรมการดังกล่าวโดยเฉพาะในส่วนของผู้แทนกรมท่าอากาศยานเพื่อให้องค์ประกอบของคณะกรรมการมีความสมดุล
ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ให้กระทรวงคมนาคม (กรมท่าอากาศยาน)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และข้อเสนอแนะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กรมท่าอากาศยานพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างคณะกรรมการกำหนดค่าทดแทนที่ดินและทรัพย์สิน
(คณะกรรมการฯ) โดยเฉพาะในส่วนของผู้แทนกรมท่าอากาศยานเพื่อให้องค์ประกอบของคณะกรรมการฯ
มีความสมดุล รวมถึงเร่งพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์การคำนวณค่าทดแทนต่าง ๆ ที่เหมาะสม เป็นธรรม
และสอดคล้องกับสภาพการถือครองที่ดินเพื่อให้คณะกรรมการฯ สามารถใช้เป็นแนวปฏิบัติประกอบการพิจารณากำหนดราคาค่าทดแทนให้เป็นไปอย่างรอบคอบ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
192 | ขอยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ | ปปท. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ จำนวน ๙ ฉบับ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
ดังนี้ ๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่
๑๙/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น
ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑/๒๕๕๙ เรื่อง
ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๓
ลงวันที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๓. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่
๓๓/๒๕๕๙ เรื่อง ให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่น ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน
พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๔. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๔๓/๒๕๕๙ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม
ครั้งที่ ๔ ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๕. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่
๔๗/๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๓/๒๕๕๙
ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๖. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่
๕๒/๒๕๕๙ เรื่อง
ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๗
ลงวันที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๗. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๕๙/๒๕๕๙ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๘
และการปรับปรุงการบริหารงานบุคคลในบางหน่วยงานของรัฐ ลงวันที่ ๒๗ กันยายน
พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๘. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๓๕/๒๕๖๐ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม
ครั้งที่ ๙ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๙. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๓๙/๒๕๖๐ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม
ครั้งที่ ๑๐ ลงวันที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ ทั้งนี้
ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๙ ฉบับดังกล่าวเป็นคำสั่งที่มีลักษณะเป็นคำสั่งทางบริหารที่สามารถยกเลิกได้
โดยมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเห็นสมควรยกเลิกคำสั่งดังกล่าว
ก็สามารถดำเนินการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อยกเลิกคำสั่งดังกล่าวต่อไปได้
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งให้บุคคลผู้มีรายชื่อตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้กลับไปปฏิบัติราชการในอัตราและตำแหน่งเดิมหรืออัตราและตำแหน่งที่หัวหน้าส่วนราชการนั้น
ๆ พิจารณาตามความเหมาะสม
โดยอาศัยอำนาจตามบัญชีห้าท้ายคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๙/๒๕๖๒ ตาม
๑. วรรคหก นั้น เห็นว่า นายกรัฐมนตรีสามารถอาศัยอำนาจดังกล่าวแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงหรือให้บุคคลดังกล่าวกลับไปปฏิบัติราชการในอัตราและตำแหน่งเดิม
หรืออัตราและตำแหน่งที่หัวหน้าส่วนราชการนั้น ๆ พิจารณาตามความเหมาะสม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่และกระบวนการตามกฎหมาย
กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานนั้น ๆ กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
193 | ข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ระยะที่ 2 | กค. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
194 | การโอนข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์) | นร. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) เงินประจำตำแหน่ง ๒๑,๐๐๐ บาท ในกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๖๒ เรื่อง การยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บางฉบับที่หมดความจำเป็น ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ โดยให้ได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์ตามที่ได้รับอยู่เดิม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยินยอมการโอน และรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุชาติ ตันเจริญ) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
195 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายกิติภน รื่นสัมฤทธิ์) | นร.06 | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกิติภน
รื่นสัมฤทธิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการสูง)
สำนัก ๖ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ
(นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
196 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (นายปวริศ ผุดผ่อง) | พณ. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปวริศ ผุดผ่อง เป็นรองประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า
แทนรองประธานกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ สิงหาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งนั้นดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
197 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายพรพจน์ เพ็ญพาส ฯลฯ จำนวน 6 ราย) | มท. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย
เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นายพรพจน์ เพ็ญพาส ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน ๓. นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๔. นายสันติ รังษิรุจิ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา
สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี
สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายภาสกร บุญญลักษม์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
198 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงมหาดไทย) | มท. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงมหาดไทย
จำนวน ๒ คณะ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากจำนวน ๒๒ ราย
เป็นจำนวน ๒๐ ราย ในคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๑
และคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
199 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | ทส. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน
๓ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสุรินทร์ วรกิจธำรง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
200 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง) | พม. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|