ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 124182 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (นายธรณินทร์ ไชยเรืองศรี และนายสัมพันธ์ สิงหราชวราพันธ์) | อว. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (1. นายภุชพงค์ โนดไธสง ฯลฯ จำนวน 4 คน) | ดศ. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์ และนางอุรษา มงคลนาวิน) | กต. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 | รง. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนความปลอดภัย
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | รายงานผลการปฏิบัติงานสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ พ.ศ. 2565-2567 | รง. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๖๗ โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญในการศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านแรงงาน จำนวน ๙ เรื่อง เช่น (๑) เรื่อง
อนาคตตลาดแรงงาน ภายใต้การเปลี่ยนผ่านกรณีศึกษา : อุปสงค์และทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการโดยมีข้อเสนอแนะ
เช่น ควรกำหนดให้การยกระดับผลิตภาพแรงงานเป็นวาระแห่งชาติ
ปรับบทบาทของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ทักษะการทำงานระดับชาติ (๒)
เรื่อง แรงงานสูงอายุภายใต้บริบทเศรษฐกิจและสังคมสูงวัย กรณีศึกษา :
แรงงานสูงอายุที่มีนายจ้าง โดยมีข้อเสนอแนะ เช่น ควรขยายเกณฑ์เกษียณอายุและส่งเสริมการทำงานต่อเนื่อง
โดยมีมาตรการส่งเสริมทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีและไม่ใช่ภาษี (๓) เรื่อง
การส่งเสริมคนพ้นโทษให้เป็นกำลังแรงงานของชาติ โดยมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนกฎหมายที่ปิดโอกาสคนพ้นโทษในการประกอบอาชีพ
เช่น พระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๘ พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.
๒๕๒๒ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | รายงานผลการดำเนินโครงการขยายตลาดเชิงรุกเพื่อเพิ่มการจ้างแรงงานไทยในต่างประเทศ กิจกรรม "MOL Overseas Matching" | รง. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการขยายตลาดเชิงรุกเพื่อเพิ่มการจ้างแรงงานไทยในต่างประเทศ
กิจกรรม “MOL Overseas Matching” ซึ่งมีสาระสำคัญของการดำเนินโครงการฯ
ใน ๓ ประเทศ ๔ พื้นที่ เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน การรักษาและขยายตลาดแรงงานไทย และกระชับความสัมพันธ์ด้านแรงงานกับประเทศผู้รับเพื่อนำไปสู่การจ้างแรงงานไทย
เช่น (๑) ญี่ปุ่นมีความต้องการแรงงานไทย จำนวน ๒,๐๒๗ อัตรา
ส่วนใหญ่เป็นงานบริบาล งานโรงแรม งานร้านอาหาร งานอุตสาหกรรม และงานก่อสร้าง
(ดำเนินการระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๗) (๒) อิสราเอลมีความต้องการแรงงานไทย
จำนวน ๒๑,๕๐๐ อัตรา แบ่งเป็น ภาคเกษตร ๑๓,๐๐๐ อัตรา และภาคก่อสร้าง ๘,๕๐๐ อัตรา
(ดำเนินการระหว่างวันที่ ๑๒ - ๑๗ มกราคม ๒๕๖๘) และ (๓)
เขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊ามีความต้องการแรงงานไทย จำนวน ๑๘,๔๕๙ อัตรา แบ่งเป็น พนักงานในร้านอาหาร ๒,๒๕๙ อัตรา
ผู้ฝึกสอนมวยไทย ๖๐๐ อัตรา ช่างเทคนิค ๑,๐๐๐ อัตรา
ภาคบริการสายการบิน ๖๐๐ อัตรา (ดำเนินการระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘)
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา 165 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน 2568 | นร.12 | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา ๑๖๕ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ๒๕๖๘ และเห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการในระยะต่อไปให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร. เสนอ และให้สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรเร่งดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 | รง. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบ
และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | ผลการพิจารณา เรื่อง ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | อว. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณา เรื่อง ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยสรุปผลการพิจารณาได้ ดังนี้ ๑) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
จะดำเนินการปรับปรุงแนวปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๑๐ ประกอบมาตรา ๙ (๕)
ที่กำหนดให้การจัดการอุดมศึกษาต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
โดยนำข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการในเรื่องมาตรการกำกับดูแลให้การปฏิบัติหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัยในการออกข้อบังคับ
ระเบียบ หรือประกาศ ไปใช้ประกอบเป็นแนวทางในการพิจารณาดำเนินการ
และ ๒) สภามหาวิทยาลัยได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
พ.ศ. .... เพื่อดำเนินการออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ
ที่ต้องออกมาเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามร่างพระราชบัญญัติภายหลังจากที่ร่างพระราชบัญญัติใช้บังคับเป็นกฎหมาย ทั้งนี้
ได้กำหนดให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการตรากฎหมายลำดับรองในแต่ละด้าน
ออกข้อบังคับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการในแต่ละเรื่อง
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ | อว. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม
ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการยกระดับความร่วมมือด้านการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมระหว่างกัน
ตลอดจนเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานในสาขาและมิติที่สอดคล้องกับความสนใจและประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย
โดยมีสาขาความร่วมมือ เช่น ธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย สุขภาพ ชีววิทยาศาสตร์
วิศวกรรมศาสตร์ สภาพทางภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม มีขอบเขตความร่วมมือ เช่น
ส่งเสริมโอกาสการวิจัยและนวัตกรรมร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก
ส่งเสริมความเป็นเลิศในด้านการเรียนการสอนและการประเมินผลผ่านการแลกเปลี่ยน
การให้ความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) และให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ที่เห็นว่าหากกลุ่มนักศึกษาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจากครอบครัวผู้มีรายได้น้อยได้รับการพิจารณาทุนการศึกษา
ทุนการวิจัย หรือทุนแลกเปลี่ยนประเภทต่าง ๆ จะยิ่งเป็นการสนับสนุนและสร้างโอกาสแห่งความเท่าเทียมด้านการศึกษาอย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | ร่างเอกสารการยกระดับความสัมพันธ์ประเทศไทย - ราชอาณาจักรสวีเดน สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Thailand - Sweden Strategic Partnership) | กต. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารการยกระดับความสัมพันธ์ประเทศไทย-ราชอาณาจักรสวีเดน สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารฯ โดยร่างเอกสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นทางการเมืองในการส่งเสริมและขับเคลื่อนความร่วมมือในสาขาที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน
เช่น การกำหนดกลไกการหารือทวิภาคีทางการเมืองเชิงยุทธศาสตร์ การค้า การลงทุน ความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าร่างเอกสารดังกล่าวควรใช้ภาษาไทยว่า
“ร่างเอกสารการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทย-ราชอาณาจักรสวีเดน”
เพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นราชอาณาจักรของทั้งสองประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรติดตาม ประเมินผล และเผยแพร่ผลลัพธ์ของการดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบเพื่อให้เกิดการรับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับอย่างเป็นรูปธรรมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | ขออนุมัติการรับรองร่างขอบเขตหน้าที่และแนวปฏิบัติของกองทุนกีฬาอาเซียน | กก. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างขอบเขตหน้าที่และแนวปฏิบัติของกองทุนอาเซียน
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างขอบเขตหน้าที่ฯ และอนุมัติในหลักการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โดยกรมพลศึกษาจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนกีฬาอาเซียนรายปีตามอัตราที่กำหนดไว้ในร่างขอบเขตหน้าที่และแนวปฏิบัติของกองทุนกีฬาอาเซียนเป็นประจำทุกปี
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างขอบเขตหน้าที่และแนวปฏิบัติของกองทุนกีฬาอาเซียนในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กรมพลศึกษา) ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนกีฬาอาเซียนรายปี
ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นต้นไป ในอัตรา ๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
(กรมพลศึกษา) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอาจพิจารณาขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติตามวัตถุประสงค์และขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
แทนการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อเป็นการลดภาระงบประมาณของรัฐบาลในการดำเนินการดังกล่าว
ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการและเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกรอกเคียน จังหวัดฉะเชิงเทรา | กษ. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกรอกเคียน
จังหวัดฉะเชิงเทรา จากเดิม ๔ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๗)
เป็นระยะเวลาดำเนินการ ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๙) และให้เพิ่มกรอบวงเงินโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกรอกเคียน
จังหวัดจะเชิงเทรา จากเดิม ๑,๘๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นกรอบวงเงินใหม่ ๑,๙๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรควบคุม
กำกับ
และดูแลการก่อสร้างโครงการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้เพื่อให้โครงการสามารถเป็นแหล่งน้ำต้นทุน
และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งรองรับการเจริญเติบโตในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ตามแผนการพัฒนาแหล่งน้ำภายใต้ใครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๘๐) ต่อไป สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นว่ากรมชลประทานควรเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่เสนอ
เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยเร็ว
และให้เป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณ
พร้อมทั้งให้รายงานความก้าวหน้าของโครงการฯ ต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ทุก
๖ เดือน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) เร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกรอกเคียน
จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ อย่างเคร่งครัด โดยจะไม่ให้มีการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการดังกล่าวออกไปอีก |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | การขอความเห็นชอบต่อเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกรอบเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกกับลาตินอเมริกา ครั้งที่ 10 | กต. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างปฏิญญากรุงอูลานบาตอร์ (Ulaanbaatar Declaration) ที่จะรับรองในที่ประชุม FEALAC FMM ครั้งที่ ๑๐ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม
FEALAC FMM ครั้งที่ ๑๐ และร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว โดยร่างปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญสะท้อนเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกในการเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิก
และเพิ่มพูนความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลก ผ่าน “วิสัยทัศน์สำหรับ
๒๕ ปี และต่อไปภายหน้าเพื่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา” โดยให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก
ได้แก่ (๑) การเสริมสร้างการบริหารเชิงสถาบันของ FEALAC ให้แข็งแกร่ง
(๒) การส่งเสริมให้ FEALAC เป็นเวทีความร่วมมือที่มีความเป็นสากลมากขึ้น
และการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ FEALAC ในระดับโลก (๓)
การสนับสนุนให้การดำเนินการต่าง ๆ มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ มีความยั่งยืน
และมีผลเป็นรูปธรรม (๔) การส่งเสริมความมั่งคั่งและความยั่งยืน
โดยการส่งเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจโลก
การรับมือและใช้ประโยชน์จากโอกาสและความท้าทายของแนวโน้มใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์
การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและดิจิทัล (๕) การส่งเสริมความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม
(๖) การเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนระหว่างสองภูมิภาค
และ (๗) การส่งเสริมประสิทธิภาพของกองทุนภายใต้สหประชาชาติ ซึ่งมีผู้บริจาคหลายประเทศของ
FEALAC (FEALAC Multi-Donor Trust Fund) คณะทำงานและโครงการต่าง
ๆ ภายใต้ FEALAC ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรติดตามและประเมินผล และสื่อสารผลลัพธ์ของการดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้ทราบถึงประโยชน์ที่ไทยพึงได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | การออกพันธบัตรเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) | กค. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
(องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการกู้ยืมเงินโดยการออกพันธบัตรเพื่อสังคมเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของ
สพพ. วงเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง
[สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)] รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นว่าการออกพันธบัตรเพื่อสังคม (Social bond) จะเป็นการช่วยพัฒนาตลาดการเงินและเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับนักลงทุน
โดย สพพ. ควรพิจารณาการกู้ยืมเงินรูปแบบอื่นประกอบ
เพื่อรองรับกรณีที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | รายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียสำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา | กค. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการลงนามสัญญาเงินกู้โครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง
เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข ๗ ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภากับธนาคารพัฒนาเอเชีย
เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำคำรับรองทางกฎหมาย
ให้สัญญาเงินกู้มีผลบังคับใช้ ภายใน ๔ กันยายน ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | มาตรการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน | รง. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
และอนุมัติในหลักการร่างประกาศของกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑ ฉบับ รวมถึงให้ความเห็นชอบในหลักการร่างประกาศของกระทรวงแรงงาน
จำนวน ๑ ฉบับ รวม ๒ ฉบับ เพื่อบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวตามแนวทางการนำคนต่างด้าวสัญชาติอื่น
ๆ เข้ามาทำงานในประเทศไทย และให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้นายจ้าง/ผู้ประกอบการ
แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว
เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ .... ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว
เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ .... รวม ๒ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าการนำคนต่างด้าวสัญชาติอื่น
ๆ เข้ามาทำงานในประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อาทิ
คนต่างด้าวสัญชาติศรีลังกา เนปาล บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ให้กระทรวงแรงงานหารือหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างรอบด้าน
ทั้งในมิติความมั่นคงและมิติเศรษฐกิจ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการป้องกันการสวมสิทธิ์อันไม่พึงประสงค์และพัฒนาระบบการตรวจสอบก่อนอนุญาตให้เข้ามาทำงานในประเทศอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งควรมีมาตรการรองรับแรงงานให้สามารถปรับตัวในการทำงานได้ในประเทศไทยอย่างไม่เกิดปัญหา
อาทิ การสนับสนุนให้นายจ้างมีมาตรการช่วยเหลือด้านภาษา
การอบรมเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ของแรงงาน กฎหมาย วัฒนธรรมท้องถิ่น
และบรรทัดฐานทางสังคมที่ควรทราบ และควรมีการพิจารณาจัดทำแผนบริหารจัดการแรงงานต่างชาติอย่างเป็นระบบ
เพื่อรองรับการขาดแคลนแรงงานในระยะยาว ๔.
ให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันเร่งรัดแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการตรวจสุขภาพ
และการประกันสุขภาพ รวมทั้งอัตราค่าประกันสุขภาพ สิทธิประโยชน์และความคุ้มครองของแรงงานต่างด้าว
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ (เรื่อง
การผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาซึ่งได้รับการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและทำงานต่อไป) โดยเร็ว
และให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นควรดำเนินการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพเช่นเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เรื่อง แนวทางการผ่อนผันให้แรงงานสัญชาติกัมพูชาเข้ามาทำงานบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยขอรับการตรวจโรคต้องห้ามตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคนต่างด้าวที่จะขอรับใบอนุญาตทำงาน
ณ สถานพยาบาลของรัฐ และประกันสุขภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว
ที่มีอายุความคุ้มครองไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่ขออนุญาตทำงาน สำหรับคนต่างด้าว ซึ่งทำงานในกิจการหรือเป็นลูกจ้างซึ่งไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | ขอความเห็นชอบรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิเด็ก | พม. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในการเสนอชื่อ ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ประภาภรณ์ ติวยานนท์ มงคลวนิช เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิเด็ก โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ
(๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๘) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในฐานะรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาของประเทศไทย มีหนังสือแจ้งเรื่องการแต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์
ประภาภรณ์ ติวยานนท์ มงคลวนิช ให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิเด็ก ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนและประเทศสมาชิกทราบ
ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
และจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | การโอนสิทธิตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตเลขที่ 1/2562/1 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61 | พน. | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ บริษัท เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย) จำกัด โอนสิทธิ
ประโยชน์ และพันธะซึ่งบริษัทถืออยู่ทั้งหมดร้อยละ
๔๐ ในสัญญาแบ่งปันผลผลิตเลขที่ ๑/๒๕๖๒/๑ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61 ให้แก่ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่
ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ทั้งนี้
กระทรวงพลังงานจะได้ออกเป็นสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑)
ของสัญญาแบ่งปันผลผลิตเลขที่ ๑/๒๕๖๒/๑ ตามแบบ ชธ/ป๑๒/๑
ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|