ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 640 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 12781 - 12800 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12781 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปี 2561 | ยธ | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๑.๑ อนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปี ๒๕๖๑ ในอัตราไม่เกิน ๙,๖๕๓ คน โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรงและผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ดังนี้ ๑.๑.๑ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบ ประจำปี ๒๕๖๑ เป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๒๖๖,๓๘๔ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๖,๖๖๐ คน ๑.๑.๒ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบ ประจำปี ๒๕๖๑ เป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๑.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๑๙๙,๕๖๐ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๒,๙๙๓ คน ๑.๒ อนุมัติยกเว้นกรณีทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ติดต่อกันเกิน ๒ ปี ต่อเนื่องได้ ๑.๓ สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดเป็นลำดับแรก หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ๒. ในการดำเนินการเพื่อพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณากำหนดสัดส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษในส่วนกลาง ในส่วนภูมิภาค และในพื้นที่ชายแดน ให้ชัดเจน เหมาะสม และเป็นธรรม ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ (เรื่อง การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปี ๒๕๖๐) อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12782 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสานิตย์ ศรีสุข) | คค | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสานิตย์ ศรีสุข ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านสำรวจและออกแบบ) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12783 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร09 | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเตรียมการจัดอัตรากำลังให้สอดคล้องกับภาระงานของกองตั้งใหม่ ซึ่งรวมถึงสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค ๑-๔ ด้วย โดยให้คำนึงถึงการใช้อัตรากำลังที่มีอยู่อย่างเต็มประสิทธิภาพและเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่เน้นให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือในการบริหารทรัพยากรน้ำร่วมกันของหลายหน่วยงาน โดยเน้นภารกิจเชิงนโยบายเป็นหลัก สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการแบ่งส่วนราชการดังกล่าวภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน โดยให้ดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12784 | ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงเพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม | กค | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงเพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้จากกองทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีเงินได้บางกรณีสำหรับ (๑) กองทุนที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๕ ประกอบกับประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดกิจการที่ต้องขออนุญาต ตามข้อ ๕ (๘) แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๑๕ (๒) กองทุนรวมตามประมวลรัษฎากร และ (๓) ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนและกองทุนรวมดังกล่าว ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๔๔ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ กรณีกำหนดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ร้อยละ ๑๕.๐ สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา ๔๐ (๔) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่กองทุนรวมที่เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และกำหนดให้กรณีที่เงินได้พึงประเมินตามมาตรา ๔๐ (๔) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ ให้ถือว่าผู้ออกตั๋วเงินหรือผู้ออกตราสารแสดงสิทธิในหนี้ ให้แก่กองทุนรวมที่เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน และให้เรียกเก็บภาษีเงินได้จากกองทุนรวมดังกล่าวในอัตราร้อยละ ๑๕.๐ ของเงินได้ และให้ถือว่าภาษีที่เรียกเก็บนั้นเป็นภาษีที่หักไว้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรคำนึงถึงผลกระทบในทางปฏิบัติที่อาจสร้างแรงจูงใจให้ผู้ออกตราสารหนี้เปลี่ยนพฤติกรรมมาออกตราสารหนี้ระยะสั้นมากขึ้น เนื่องจากกองทุนรวมจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอนกับราคาซื้อหากมิใช่ผู้ทรงคนแรก และเพื่อให้การดำเนินการตามร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12785 | การเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ประจำปี 2562 ซึ่งจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ผู้นำ G20 ณ นครโอซากา และร่างแถลงการณ์โอซากาว่าด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล | กต | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ประจำปี ๒๕๖๒ ซึ่่งมีกำหนดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น โดยที่ประชุมฯ จะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ผู้นำ G20 ณ นครโอซากา (G20 Osaka Leaders’ Declaration) และเห็นชอบร่างแถลงการณ์โอซากาว่าด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล (Osaka Declaration on Digital Economy) ซี่งจะมีการรับรองโดยผู้นำประเทศที่เข้าร่วมกิจกรรมคู่ขนานเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการประชุมฯ มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่มุ่งเน้นการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การลดความเหลื่อมล้ำ การส่งเสริมวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน การลงทุนพัฒนาทุนมนุษย์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เศรษฐกิจดิจิทัล สังคมสูงวัย และนโยบาย Society 5.0 ซึ่งการลงทุนการพัฒนามนุษย์ ควรรวมถึงการพัฒนาทักษะของแรงงานที่จำเป็นภายใต้บริบทความท้าทายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ ๔ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมการรองรับสังคมผู้สูงอายุ ควรรวมถึงการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและสถาปัตยกรรมเพื่อคนทั้งมวล และการแก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุโดยบูรณาการนโยบายและการทำงานชองหน่วยงานรัฐและเอกชนให้ไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ควรผลักดันการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อเพิ่มผลิตภาพภาคเกษตรของไทยและอาเซียน ซึ่งญี่ปุ่นในฐานะประเทศเจ้าภาพการประชุมผู้นำ G20 อาจช่วยผลักดันประเด็นดังกล่าวในการประชุมได้ เนื่องจากญี่ปุ่นเน้นการทำการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture) ด้วยการส่งเสริมเกษตรกรให้สามารถผลิต แปรรูป และจำหน่ายสินค้าเกษตรของตนเองได้อย่างครบวงจร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12786 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (นายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ และคณะ) | กต | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ๒. นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายนิกรเดช พลางกูร ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12787 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ (จำนวน 9 คน 1. คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ฯลฯ) | พม | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ จำนวน ๙ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ผู้แทนองค์กรสตรีและองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิความหลากหลายทางเพศ ๑.๑ คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ๑.๒ ศาสตราจารย์เกียรติคุณเพ็ญศรี พิชัยสนิธ ๑.๓ นางสาวอรุณี ศรีโต ๑.๔ นายสาวสุธาดา เมฆรุ่งเรืองกุล ๑.๕ นางถวิลวดี บุรีกุล ๑.๖ นายนฤพนธ์ ด้วงวิเศษ ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิ ๒.๑ นายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ (ด้านนิติศาสตร์) ๒.๒ นางสาวอารีวรรณ จตุทอง (ด้านนิติศาสตร์) ๒.๓ นางสุทธิศรี วงษ์สมาน (ด้านสังคมศาสตร์)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12788 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (นายวิทิต อรรถเวชกุล) | สธ | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวิทิต อรรถเวชกุล ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป และให้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาลที่ได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12789 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง G20 | กค | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง G20 โดยมีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และผู้แทนกระทรวงการคลังเข้าร่วมในองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ เมื่อวันที่ ๗-๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ ณ เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งที่ประชุมฯ ได้มีการหารือเพื่อกำหนดทิศทางและแนวนโยบายในการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาเศรษฐกิจของโลกที่ให้ความสำคัญในการร่วมมือในการพัฒนาระบบภาษีระหว่างประเทศ การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร การแก้ไขความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจและการพัฒนาการกำกับดูแลเทคโนโลยีทางการเงิน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการผลักดันร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การแลกเปลี่ยนข้อมูลตามคำขอระหว่างประเทศและการแลกเปลี่ยนข้อมูลอัตโนมัติระหว่างประเทศ) ให้ประเทศไทยสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีอัตโนมัติ (Automatic Exchange of Information) เพื่อเป็นการป้องกันการวางแผนการหลบเลี่ยงภาษีและโอนกำไรไปต่างประเทศของบริษัทข้ามชาติ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบการเข้าร่วมมาตรการ BEPS ในฐานะประเทศสมาชิกภายใต้กรอบความร่วมมือของ OECD เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12790 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการออกและขายสลากออมทรัพย์ พ.ศ. .... | กค | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการออกและขายสลากออมทรัพย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการออกและขายสลากออมทรัพย์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งจะทำให้ ธอส. สามารถระดมทุนและบริหารจัดการแหล่งเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12791 | ผลการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนมกราคม - มีนาคม 2562) | นร | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้ชี้แจงรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๒) ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12792 | การรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย | วธ | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และรัฐนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ เมษายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมงานเปิดตัวและจัดฉายภาพยนตร์แอนิเมชัน เรื่องรามเกียรติ์ จากจิตรกรรมรอบพระระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตอนรามาวตาร โดยการจัดฉายภาพยนตร์แอนิเมชันดังกล่าวเป็นกิจกรรมหนึ่งในปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน ๒๕๖๒ ในวาระที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน และเป็นกิจกรรมเฉลิมฉลองในโอกาสที่องค์การยูเนสโกประกาศขึ้นบัญชีโขนในประเทศไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ โดยใช้นวัตกรรมสื่อสมัยใหม่ในการสร้างภาพยนตร์เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาสาระง่ายสอดคล้องกับยุคสมัย ต่อยอดมรดกภูมิปัญญาและทุนทางวัฒนธรรม โดยได้มีการเปิดตัวและจัดฉายภาพยนตร์ ณ Usma Ismail Hall กรุงจาการ์ตา และโรงภาพยนตร์ CGV ศูนย์การค้า Hartono Shopping Mall เมืองยอกยาการ์ตา ๒. การเข้าเฝ้าฯ สุลต่านแห่งเมืองยอกยาการ์ตา โดยได้หารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนาน และโดยที่เมืองยอกยาการ์ตาเป็นเมืองพี่เมืองน้องกับจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้กำหนดให้มีการแลกเปลี่ยนศิลปินด้านจิตรกรรมและทัศนศิลป์ระหว่างกัน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการส่งเสริม เพิ่มพูน และต่อยอดความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพในส่วนกลาง อาทิ ศิลปินร่วมสมัย งานศิลปะ ผ้าบาติก และการแลกเปลี่ยนนักศึกษา เป็นต้น ๓. การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ทางด้านศาสนาและวัฒนธรรม ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงจาการ์ตา พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชวา (History of Java Museum) กลุ่มโบราณสถานปรัมบานัน และพุทธศาสนสถานบุโรพุทโธ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12793 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีคมนาคมไทย - ลาว | คค | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีคมนาคมไทย-ลาว เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดหนองคาย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ซึ่งการประชุมดำเนินภายใต้บรรยากาศฉันมิตร ใกล้ชิด และสร้างสรรค์ ฝ่ายลาวได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งระหว่างไทย-ลาว รวมทั้งการขจัดปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่คั่งค้างอยู่ ทำให้ความร่วมมือระหว่างกันมีความก้าวหน้าไปอย่างมากในช่วง ๒-๓ ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ฝ่ายลาวให้ความสำคัญกับความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากร โดยขอให้ฝ่ายไทยให้การสนับสนุนการฝึกอบรมบุคลากรในสาขาต่าง ๆ ด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อเพิ่มพูนความรู้และความเชี่ยวชาญ ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมให้การสนับสนุนการฝึกอบรม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12794 | การเสนออุทยานธรณีโคราชเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรธรณีรับเรื่อง การเสนออุทยานธรณีโคราชเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) ไปพิจารณาทบทวนให้ชัดเจนว่า การเสนออุทยานธรณีโคราชเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกจะมีผลกระทบหรือก่อให้เกิดข้อจำกัดในการเข้าใช้ประโยชน์ บริหารจัดการ หรือดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ดังกล่าวในอนาคตของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนเจ้าของพื้นที่หรือไม่ ประการใด โดยให้จัดทำข้อมูลที่ครบถ้วนและชัดเจนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ในอนาคตหากมีโครงการพัฒนาพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อโบราณสถาน ขอให้แจ้งไปยังกระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง รวมทั้งควรส่งเสริมศักยภาพของชุมชนและท้องถิ่น และเพิ่มบทบาทการมีส่วนร่วมของเครือข่ายภาคประชานในการบริหารจัดการ และการพัฒนาอุทยานธรณีโคราชให้มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12795 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศและจุดข้ามแดนเพิ่มเติม ภายใต้พิธีสาร 1 ของความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง | คค | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศและจุดข้ามแดนเพิ่มเติม ภายใต้พิธีสาร ๑ ของความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (The Draft Memorandum of Understanding on the Opening of Additional Routes and Border Crossing Under Protocol 1 of the CBTA) มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงและเพิ่มเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศภายใต้พิธีสาร ๑ ของความตกลงฯ ให้มีความทันสมัยและครอบคลุมกับความต้องการของผู้ประกอบการขนส่งระหว่างประเทศของประเทศสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง โดยภาคีในบันทึกความเข้าใจฯ จะเปิดใช้เส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศและจุดข้ามแดนที่อยู่ในเอกสารแนบท้ายพิธีสาร ๑ “บัญชีรายชื่อเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศและจุดข้ามแดนที่กำหนด” ซึ่งเป็นเอกสารแนบ ๑ ท้ายบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ และจะนำไปใช้ในความตกลงฯ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการขนส่งประเทศสมาชิกอื่น ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการขนส่งข้ามพรมแดน และใช้ประโยชน์จากความร่วมมือได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการขนส่ง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวของประเทศในอนุภูมิภาคต่อไป รวมทั้งควรให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการการสัญจรข้ามแดน เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยความมั่นคงที่อาจแฝงมากับการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมและการสัญจรข้ามแดน นอกจากนี้ ควรผลักดันให้ สปป.ลาว เร่งพิจารณาเปิดเส้นทางที่สงวนไว้ ได้แก่ R12 (เริ่มต้นจากจุดผ่านแดนถาวรสะพามข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ ๓ ณ จังหวัดนครพนม) ให้เป็นเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศ ภายใต้พิธีสาร ๑ ของความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อประโยชน์ในการเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่มีศักยภาพที่จะส่งผลให้มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนระหว่างไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม ไปยังจีนตอนใต้เพิ่มมากขึ้น และเป็นเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างการท่องเที่ยวระหว่างไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม ให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเดียวกัน (Single Tourism Destination) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12796 | ผลการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย ครั้งที่ 1 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องระหว่างการเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย ครั้งที่ ๑ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๓-๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ กรุงมอสโกและนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับรัฐมนตรีด้านการบูรณาการและเศรษฐกิจมหภาคของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Commission : EEC) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานร่วมฯ ครั้งที่ ๑ ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลนโยบายและกฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุน และหารือแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน เช่น (๑) ภาพรวมสถานการณ์ทางการค้าและเศรษฐกิจ (๒) กฎระเบียบด้านศุลกากร (๓) นโยบายอุตสาหกรรมของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียและนโยบายอุตสาหกรรม ๔.๐ ของไทย และ (๔) นโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียและของไทย โดยประธานของฝ่าย EEC ได้ขอให้ฝ่ายไทยพิจารณาจัด ASEAN-EAEU Business dialogue ในช่วงการประชุม ASEAN Summit ปลายปี ๒๕๖๒ ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้พบหารือกับภาคเอกชนจากประเทศสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย และได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการทางเศรษฐกิจของไทย การปรับแก้ไขกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ และการเข้าร่วมลงทุนในไทยโดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตลอดจนนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ เป็นต้น ซึ่งได้รับความสนใจจากภาคเอกชนของสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย และมีการสอบถามเกี่ยวกับการส่งสินค้ามายังไทย การใช้ไทยเป็นฐานการผลิต โดยใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ที่ไทยมีกับประเทศคู่ค้า เป็นต้น รวมทั้งได้เข้าร่วมการประชุม St. Petersburg International Economic Forum (SPIEF) ระหว่างวันที่ ๖-๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการประชุมด้านเศรษฐกิจนานาชาติขนาดใหญ่ที่สุดของรัสเซีย โดยมีหัวข้อหลักเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งมิติด้านเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่กับการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12797 | (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) | นร | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนงาน รวมถึงแผนปฏิบัติการ และจัดทำรายละเอียดเป้าหมายรายลุ่มน้ำให้สอดคล้องกับแผนแม่บทฯ รวมทั้งจัดทำการติดตามและประเมินผล เพื่อตอบผลสัมฤทธิ์ของ (ร่าง) แผนแม่บทฯ โดยสาระสำคัญของ (ร่าง) แผนแม่บทฯ เป็นการปรับปรุงประเด็นหลักและรายละเอียดสำคัญของแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙) ให้มีความสอดคล้องกับเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ภายใต้ยุทธศาสตร์ ด้านที่ ๕ การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นที่ ๑๙ การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการน้ำ ๓ แผนย่อย ได้แก่ (๑) การพัฒนาการจัดการน้ำเชิงลุ่มน้ำทั้งระบบเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำของประเทศ (๒) การเพิ่มผลิตภาพของน้ำทั้งระบบในการใช้น้ำอย่างประหยัด รู้คุณค่า และสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้น้ำให้ทัดเทียมกับระดับสากล และ (๓) การอนุรักษ์และฟื้นฟูแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำธรรมชาติทั่วประเทศ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน โดยคำนึงถึงวงเงินของประเทศที่จะดำเนินการตามแผนให้ประสบผลสำเร็จ ประโยชน์ที่ได้รับ และประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาทบทวนเป้าหมายในทุกระยะ ๕ ปี และควรพิจารณากำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด กลยุทธ์และมาตรการที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนระดับที่ ๑ และระดับที่ ๒ ให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามแนวทางของยุทธศาสตร์ชาติ ได้แก่ ควรเพิ่มเป้าหมายโรงงานที่จะลดการใช้น้ำภาคอุตสาหกรรมภายใน ๒๐ ปี ที่ตั้งไว้จำนวนเพียง ๒๐๐ โรงงาน และเป้าหมายการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และที่อยู่อาศัย ตลอดจนการจัดลำดับความสำคัญของแผนงานโครงการ โดยให้ความสำคัญเพิ่มเติมกับการจัดการน้ำเพื่อชุมชนชนบทที่เหมาะสมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และการแก้ไขปัญหาเชิงบูรณาการ (Area Based) จำนวน ๖๖ พื้นที่ทั่วประเทศ เป็นลำดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12798 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2562 | ทส | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จำนวน ๑๑ โครงการ (๒) การเสนอพื้นที่แม่น้ำสงครามตอนล่างขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Site) และ (๓) มาตรฐานค่าเข้มกลิ่นของอากาศเสียที่ปล่อยทิ้งจากโรงงานผลิตยาง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12799 | การขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 4 โครงการ จากวันที่ 8 มิถุนายน 2562 ต่อเนื่องถึงวันที่ 7 มิถุนายน 2563 | นร | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายกรอบระยะเวลาการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโครงการตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (บจธ.) จำนวน ๔ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจร (๒) โครงการแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจน (๓) โครงการนำร่องธนาคารที่ดินในพื้นที่นำร่อง ๕ ชุมชน และ (๔) โครงการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาด้านที่ดินจากการดำเนินนโยบายของรัฐ จากวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ ต่อเนื่องถึงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่ บจธ. เสนอ และให้ บจธ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการในระยะต่อไป บจธ. ควรคำนึงถึงประเด็นข้อจำกัดด้านระยะเวลาอย่างเคร่งครัดและเร่งดำเนินโครงการให้สัมฤทธิ์ผล รวมถึงควรมีแผนการรองรับในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินโครงการให้สำเร็จทันตามกำหนดเวลาเพื่อให้การดำเนินงานสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเป้าหมายซี่งเป็นเกษตรกรและผู้ยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกินที่กำลังจะได้รับความช่วยเหลือจาก บจธ. รวมทั้งควรเร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรม ตลอดจนควรมีแผนการดำเนินการที่ชัดเจนในรายละเอียดสำหรับช่วงเวลาที่ขอขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการและกำหนดกิจกรรมที่มีความเป็นไปได้ตามข้อเท็จจริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้ บจธ. เร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็วและบรรลุเป้าหมายภายในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๓ และให้รายงานผลการดำเนินโครงการต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อทราบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ [เรื่อง การดำเนินโครงการตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)] ด้วย ๓. ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนติดตามการดำเนินงานของ บจธ. อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีข้อมูลเพียงพอในการประเมินผลการดำเนินการของ บจธ. ว่า เกิดผลสัมฤทธิ์หรือมีความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับภาระงบประมาณและสมควรยุบเลิกหรือไม่ ประการใด ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๕ ของพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12800 | ขอความเห็นชอบเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก 2020 | วธ | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก ๒๐๒๐ (WAMSB World Championship 2020) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๙ กรกฎาคม-๒ สิงหาคม ๒๕๖๓ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพัฒนาเยาวชน บุคลากรและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวงการดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทของไทย รวมทั้งเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ด้านดนตรีสากลของไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล และเพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนอันจะนำไปสู่การยกระดับความสามารถด้านดนตรีของประเทศ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เห็นควรให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปดำเนินการก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ นั้น เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....