ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 586 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11701 - 11720 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11701 | การแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๘๒/๒๕๖๒ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยให้ยกเลิกความในข้อ ๘ และข้อ ๙ แห่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๕/๒๕๖๒ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11702 | มาตรการปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม | คค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการดำเนินมาตรการปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม โดยกำหนดอัตราค่าโดยสารสูงสุด ๒๐ บาท (๑๔-๒๐ บาท) เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ในระหว่างวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามมติคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นควรจัดทำแผนบริหารจัดการโดยกำหนดมาตรการ โครงการ หรือกิจกรรม ในการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ผู้ใช้บริการกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อไม่ให้กระทบต่อรายได้ในภาพรวมทั้งปีจากมาตรการปรับลดอัตราค่าโดยสารดังกล่าว และเกิดประโยชน์ต่อการดำเนินการตามมาตรการลักษณะดังกล่าวในอนาคตอย่างยั่งยืน รวมทั้งควรเร่งพัฒนาระบบบัตรโดยสารร่วมและโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในระบบขนส่งสาธารณะที่สามารถจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในภาพรวมเพิ่มขึ้นได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11703 | ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อต่ออายุกรอบความตกลงความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) | พม | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อต่ออายุกรอบความตกลงความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) จัดทำขึ้นระหว่างอาเซียนและองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ มีสาระสำคัญเป็นการต่ออายุกรอบความตกลงความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ออกไปอีก ๕ ปี จนถึงวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๗ และแก้ไขข้อความในย่อหน้าที่ ๕ เกี่ยวกับการมอบหมายผู้ประสานงานหลักเพื่อการดำเนินงานตามกรอบความตกลงความร่วมมือฯ สำหรับอาเซียน ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในนามอาเซียน พร้อมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งเรื่องการให้ความเห็นชอบของไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียน โดยดำเนินการผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11704 | โครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2563 สำหรับประชาชน จากกระทรวงคมนาคม | คค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๓ สำหรับประชาชน จากกระทรวงคมนาคม ได้แก่ (๑) การให้บริการฟรี การยกเว้น/ลดค่าบริการในการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ (๒) การขยายเวลาให้บริการและการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ (๓) การส่งเสริมการท่องเที่ยวของประชาชนเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ และ (๔) การส่งเสริมความปลอดภัย ตามที่กระทรวงคมนาคมสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11705 | มาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนของกระทรวงคมนาคม | คค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนของกระทรวงคมนาคม ได้แก่ (๑) การให้ส่วนลดค่าผ่านทางพิเศษสำหรับระบบเก็บค่าผ่านทางพิเศษอัตโนมัติ (๒) โครงการอำนวยความสะดวกในการชำระค่าผ่านทางสำหรับผู้ใช้ทางยกระดับดอนเมือง (ดอนเมืองโทลล์เวย์) และ (๓) โครงการสูงวัยได้สิทธิ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11706 | การปรับปรุงการให้บริการประชาชนของศูนย์บริการ (Call center) และสายด่วน (Hotline) ต่าง ๆ | นร05 | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทุกแห่งทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น เร่งรัด ตรวจสอบ และปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของศูนย์บริการ (Call center) และสายด่วน (Hotline) ในความรับผิดชอบโดยด่วน เพื่อให้สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับติดตามการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11707 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการจัดทำแผนการจัดสรรน้ำ จัดหาแหล่งน้ำสำรอง และขุดเจาะบ่อบาดาลเพิ่มเติมควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูก มาเป็นการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งเร่งชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์น้ำที่ถูกต้อง นั้น เนื่องจากในขณะนี้ ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลทำให้หลายพื้นที่มีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำ ทั้งเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเพาะปลูก จึงให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้บรรลุผลโดยด่วน และให้ดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำให้มีความเหมาะสมกับสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งให้เร่งสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ สภาพภัยแล้ง และแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแก่ประชาชนให้ทั่วถึงด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11708 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน โดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | กค | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.๑๕๑๔ เฉพาะในส่วนของที่ราชพัสดุ โฉนดที่ดินเลขที่ ๒๑๓๓๑๖ เลขที่ดิน ๕๘ เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ๑๙ ตารางวา ในท้องที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เพื่อโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ในการก่อสร้างทางพิเศษ สายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11709 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานด้านสถานที่ ความปลอดภัย และการให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม การชำระค่าธรรมเนียม และการยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... ) | สธ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงเป็นกิจการอื่นในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานด้านสถานที่ ความปลอดภัย และการให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานด้านสถานที่ ความปลอดภัย และการให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม การชำระค่าธรรมเนียม และการยกเว้นค่าธรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียม การชำระค่าธรรมเนียม และการยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง ๒. ให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วยว่า มาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่กำหนดให้รัฐพึงใช้ระบบอนุญาตในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จำเป็น โดยมุ่งหวังให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาอย่างรอบคอบในการใช้ระบบการควบคุมกำกับดูแล นั้น หากกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาแล้วเห็นว่า การกำหนดให้กิจการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพเพื่อจะได้กำกับดูแลการประกอบกิจการดังกล่าว โดยการใช้ระบบอนุญาตเป็นกรณีจำเป็นและเป็นมาตรการที่มีความเหมาะสมและได้สัดส่วนกับประโยชน์สาธารณะพึ่งจะได้รับ คณะรัฐมนตรีก็อาจพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการของร่างกฎกระทรวงทั้ง ๓ ฉบับนี้ได้ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11710 | การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 19 มีนาคม 2563) | นร08 | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ทุกอำเภอในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้นอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุคิริน อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๓ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุคิริน จังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และจังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอแม่ลาน และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11711 | ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ยธ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่างบประมาณที่ได้รับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้พิจารณาเร่งปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๒๑๒,๗๒๙,๐๐๐ บาท ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายค้างเบิกข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11712 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (เช่าที่ดินเพื่อเป็นที่ตั้งหน่วยงานของกรมประมง ระยะเวลา 20 ปี) | กษ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมประมงดำเนินการเช่าที่ดินของศาสนสมบัติกลาง ลออ บางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสุมทรปราการ เพื่อเป็นที่ตั้งหน่วยงานของกรมประมง ระยะเวลา ๒๐ ปี ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๗๖ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๖,๐๘๕,๔๐๗ บาท ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย และยกเว้นการปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประกอบด้วย ค่าเช่าค้างจ่าย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๒ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จำนวน ๑๓,๑๐๕,๐๓๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๒,๙๘๐,๓๗๗ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๗๖ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้กรมประมงปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนของกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศที่ออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11713 | รายงานการขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC Labour Administration Centre) | รง | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC Labour Administration Centre) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานในรอบ ๑๒ เดือน (๑ ตุลาคม ๒๕๖๑-๓๐ กันยายน ๒๕๖๒) เช่น จัดหางานให้กลุ่มอุตสาหกรรมปัจจุบัน ๒๙,๒๖๒ คน ส่งเสริมสถานประกอบการยกระดับทักษะแรงงาน ๖๖๘,๐๐๐ คน และขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน ๑๕๐,๑๕๕ คน เป็นต้น ส่วนแผนการดำเนินงาน ปี ๒๕๖๓ (๑ ตุลาคม ๒๕๖๒-๓๐ กันยายน ๒๕๖๓) ได้กำหนดเป้าหมาย เช่น จัดหางานให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะเปิดรับในอนาคต ๙๒,๖๑๘ คน และส่งเสริมสถานประกอบการยกระดับทักษะแรงงาน ๖๐๐,๐๐๐ คน เป็นต้น ๒. กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดตั้งสถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ๓ ชลบุรี จังหวัดชลบุรี เพื่อยกระดับฝีมือแรงงานไทยให้เป็นแรงงานฝีมือชั้นสูงรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ EEC โดยแบ่งแผนการดำเนินการออกเป็น ๓ ระยะ ได้แก่ ระยะที่ ๑ (ปี ๒๕๖๓) สร้างหลักสูตรและครูต้นแบบ ระยะที่ ๒ (ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕) สร้างเครือข่ายฝีมือแรงงานและพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน และระยะที่ ๓ (ปี ๒๕๖๖-๒๕๖๗) พัฒนาระบบทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11714 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี 2562 | นร11 | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี ๒๕๖๒ ผู้มีงานทำลดลงร้อยละ ๒.๑ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยภาคเกษตรมีการจ้างงานลดลงร้อยละ ๑.๘ และการจ้างงานภาคนอกเกษตรลดลงร้อยละ ๒.๓ สถานการณ์หนี้ครัวเรือนมีมูลค่า ๑๓.๐๘ ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๕.๘ ชะลอลงเมื่อเทียบกับร้อยละ ๖.๓ ในไตรมาสก่อน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๗๘.๗ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังโดยรวมลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๖๑ ร้อยละ ๕.๒ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ขยายตัวร้อยละ ๓.๑ โดยปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ขณะที่การบริโภคบุหรี่ขยายตัวร้อยละ ๒.๙ คดีอาญารวมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๗.๗ จากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๖๑ เป็นคดียาเสพติดเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๒.๘ และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๖ รวมทั้งสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี ๒๕๖๑ ร้อยละ ๑๑.๑ ผู้เสียชีวิตและมูลค่าความเสียหายลดลงร้อยละ ๐.๙ และ ๒.๑ ตามลำดับ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11715 | รายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | กค | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑-๓๐ กันยาย ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอต่อรัฐสภาต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. รายรับประเภทรายได้แผ่นดินมีการประมาณการจัดเก็บรายได้ทั้งสิ้น ๒.๕๕๐ ล้านล้านบาท ซึ่งมีการจัดเก็บรายรับจริงเข้าคงคลัง ๒.๕๓๗ ล้านล้านบาท อย่างไรก็ดี รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้จากรัฐพาณิชย์และรายได้อื่นสูงกว่าประมาณการ จึงทำให้รายรับที่มาจากรายได้แผ่นดินต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ๐.๐๑๓ ล้านล้านบาท สำหรับรายรับประเภทเงินกู้ที่ได้ประมาณการไว้ที่ ๐.๔๕๐ ล้านล้านบาท แต่มีการกู้เงินจริง ๐.๓๖๓ ล้านล้านบาท ๒. รายจ่าย มีการประมาณการประเภทรายจ่ายงบประมาณไว้ ๒.๙๒๒ ล้านล้านบาท แต่มีการเบิกจ่ายจริงและกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ๒.๙๑๒ ล้านล้านบาท ทั้งนี้ งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไม่มีรายการรายจ่ายตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง ๓. ดุลของงบประมาณประจำปี เมื่อเปรียบเทียบรายได้แผ่นดินที่นำส่งคลังกับยอดรวมรายจ่ายประจำปี พบว่า รายได้แผ่นดินต่ำกว่ารายจ่ายตามงบประมาณ ๐.๒๔๖ ล้านล้านบาท (ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ๐.๐๑๑ ล้านล้านบาท) และยอดรวมของรายรับต่ำกว่ารายจ่ายตามงบประมาณ ๐.๐๗๖ ล้านล้านบาท ๔. ดุลการรับ-จ่ายเงิน เมื่อเปรียบเทียบประมาณการรายรับและประมาณการรายจ่ายทั้งสิ้นกับรายรับและรายจ่ายทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นจริง ยอดรวมของรายจ่ายทั้งสิ้น (รายจ่ายตามงบประมาณและรายจ่ายจากเงินกันไว้เหลื่อมปี) คือ ๓.๓๐๖ ล้านล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ๐.๐๖๕ ล้านล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11716 | รายงานผลการเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๕-๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมพิธีเปิดงาน China International Import Expo (CIIE) 2019 ซึ่งเป็นงานมหกรรมแสดงสินค้านานาชาติประจำปีที่สำคัญเป็นลำดับต้นของจีน โดยในปี ๒๕๖๒ ไทยได้รับเกียรติให้เป็นประเทศแขกเกียรติยศ (Guest Country of Honor) โดยมีประธานาธิบดีของจีน (นายสี จิ้นผิง) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ซึ่งมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมแสดงสินค้า จำนวน ๔๖ ราย คาดการณ์มูลค่าซื้อขายในระยะเวลา ๑ ปี ประมาณ ๒,๐๐๐ ล้านบาท ๒. การพบหารือผู้บริหารและเยี่ยมชมซูเปอร์มาร์เก็ตเหอหม่า เฟรช (Hema Fresh หรือ Freshhippo) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอาลีบาบาที่ให้บริการด้านการค้าปลีกผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยมีสินค้าไทยวางจำหน่ายมากกว่า ๕๐๐ รายการสินค้า ซึ่งผู้บริหารของซูเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าวเชื่อมั่นว่าสินค้าไทยมีโอกาสขยายตัวอีกมากในตลาดจีน โดยกระทรวงพาณิชย์จะเร่งผลักดันให้สินค้าไทยเข้าไปวางจำหน่ายให้มากขึ้น ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายสินค้าไทยปี ๒๕๖๒ อยู่ที่ประมาณ ๔๕๐ ล้านหยวน หรือประมาณ ๒,๐๒๕ ล้านบาท ๓. การพบหารือผู้บริหารระดับสูงของอาลีบาบา โดยอาลีบาบายินดีส่งเสริมการตลาดและการส่งออกสินค้าเกษตรร่วมกัน อาทิ หมอนยางพารา ข้าว ผลไม้ สินค้าอาหาร และสินค้าศักยภาพอื่น ๆ ในอนาคต ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบนิเวศพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีนวัตกรรมดิจิทัลของไทย ๔. กิจกรรมการเปิดตัวโครงการความร่วมมือการจำหน่ายสินค้าไทยผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ ภายใต้ชื่อ TOPTHAI Flagship Store บนแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ Tmall Global ของอาลีบาบา มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันตราสินค้าไทยระดับสูงและตราสินค้าไทยที่มีคุณภาพและเอกลักษณ์เข้าสู่ตลาดจีน ตั้งเป้าผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมไม่น้อยกว่า ๑๐๐ บริษัท สร้างยอดจำหน่ายได้ไม่น้อยกว่า ๑,๒๐๐ ล้านบาท ใน ๓ ปี ๕. การพบหารือผู้บริหารตลาดหลงอู๋ (Longwu) และผู้นำเข้าผลไม้รายสำคัญ โดยตลาดหลงอู๋เป็นหนึ่งในตลาดนำเข้า ค้าส่ง ค้าปลีกผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในนครเซี่ยงไฮ้ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่ามูลค่าการนำเข้าผลไม้ไทยในปี ๒๕๖๒ จะอยู่ที่ ๑,๗๔๐ ล้านหยวน หรือประมาณ ๗,๘๓๐ ล้านบาท โดยกระทรวงพาณิชย์จะผลักดันให้มีการนำเข้าผลไม้ไทยมากขึ้น และคาดว่าในปี ๒๕๖๓ มูลค่าการนำเข้าผลไม้ไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ ๒๐ ๖. แผนการดำเนินงานเร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนการส่งออกของไทยให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้เชิญผู้นำเข้าจากต่างประเทศในกลุ่มสินค้าข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และผลไม้เข้าร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้ผลิต/ผู้ส่งออกของไทย ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และกำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดร่วมกับผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่าย และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ในจีน เพื่อยกระดับการส่งออกผลไม้และสินค้านวัตกรรมจากผลไม้ไทยตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11717 | การเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เหลือจ่าย ไปสมทบ งบลงทุน ครุภัณฑ์ จากรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เป็นงบลงทุน ครุภัณฑ์ปีเดียว | กษ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า เดิมคณะรัฐมนตรีเคยมีมติ (๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๑) อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตรก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการเครื่องยนต์สำรองสำหรับเครื่องบินขนาดกลาง ตำบลนครสวรรค์ออก อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน ๑ เครื่อง ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ วงเงินรวม ๕๔.๖ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ดำเนินขั้นตอนการจัดซื้อเครื่องยนต์ดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ มีผู้ผ่านคุณสมบัติได้ยื่นเสนอราคา จำนวน ๓๔.๓ ล้านบาท (ต่ำกว่าวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร จำนวน ๒๐.๓ ล้านบาท) โดยสำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของราคาครุภัณฑ์รายการดังกล่าว โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐.๔ ล้านบาท ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๓.๙ ล้านบาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ต่อไป ซึ่งรายการดังกล่าวอยู่ภายในวงเงินงบประมาณ แต่มีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้อนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จาก ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างงบลงทุน ครุภัณฑ์รายการเครื่องยนต์สำรองสำหรับเครื่องบินขนาดกลาง ตำบลนครสวรรค์ออก อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน ๑ เครื่อง ตามสัญญาเลขที่ คภ./ฝล.๓๙/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ วงเงิน ๓๔.๓ ล้านบาท ผูกพันสัญญาปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔ มีกำหนดการส่งมอบภายในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11718 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2562 | นร11 | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๗/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การเร่งรัดการลงทุนภายในประเทศ การดูแลค่าเงินบาท การติดตามสถานการณ์ด้านแรงงานและภาคการเกษตรเพื่อหาแนวทางการดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะต่อไป การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด การเบิกจ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะต่อปัญหาเศรษฐกิจของภาคเอกชน ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาทและแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป และ (๒) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและสร้างความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจไทยและการดำเนินมาตรการของภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ตลอดจนกระตุ้นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำเงินสะสมมาใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และให้หน่วยงานของรัฐเตรียมการจัดซื้อจัดจ้างตามแนวทางที่คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกำหนด เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปด้วยความรวดเร็วสอดคล้องกับสถานการณ์และงบประมาณที่ได้รับ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11719 | ร่างเอกสารขอบเขตหน้าที่ของศูนย์ระดับโลกเพื่อการศึกษาแม่น้ำโขง | กต | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารขอบเขตหน้าที่ (Term Of Reference : TOR) ของศูนย์ระดับโลกเพื่อการศึกษาแม่น้ำโขง (The Global Center for Mekong Studies : GCMS) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเครือข่ายเพื่อความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนเพื่อการศึกษาแม่น้ำโขง โดยกำหนดกรอบการดำเนินงานของศูนย์ GCMS ในการเป็นเครือข่ายสถาบันคลังสมองในกลุ่มประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง และกำหนดแนวทางการดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามหลักการที่ระบุไว้ในที่ประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ๑.๒ อนุมัติให้สถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะ GCMS Thailand Center ให้ผู้อำนวยการสถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้การรับรอง TOR ของศูนย์ GCMS ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรระบุถึงสาขาความร่วมมือในการศึกษาและวิจัยลงในร่างเอกสารฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการกำหนดทิศทางการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่ประเทศสมาชิกสนใจ และจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน อันจะส่งเสริมการดำเนินงานของศูนย์ GCMS อย่างมีส่วนร่วมและเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดต่อทุกฝ่าย เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11720 | แผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ (ปีพุทธศักราช 2563) ให้แก่ประชาชน | กห | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ (ปีพุทธศักราช ๒๕๖๓) ให้แก่ประชาชน ภายใต้การดำเนินโครงการ “เติมความสุข ให้คนไทย จากใจทหาร” ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๒-๖ มกราคม ๒๕๖๓ โดยแบ่งเป็น ๓ กลุ่มงานหลัก ได้แก่ งานสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน งานการช่วยเหลือประชาชน และงานให้บริการและอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
.....