ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 582 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11621 - 11640 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11621 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 25 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยที่ประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ ได้มีการลงนามเอกสารสำคัญด้านการขนส่งทางอากาศ รวม ๒ ฉบับ รวมทั้งได้รับรองเอกสารด้านการขนส่งทางอากาศและด้านการอำนวยความสะดวกในการขนส่ง รวม ๔ ฉบับ อันจะเป็นการเร่งรัดและส่งเสริมการดำเนินการของอาเซียนด้านการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ การดำเนินการด้านการขนส่งทางน้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการวางรากฐานการเชื่อมโยงด้านการบินในภูมิภาคอาเซียนและระหว่างอาเซียนกับภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็นตลาดการบินเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Market) และตลาดการขนส่งทางทะเลร่วมอาเซียน (ASEAN Single Shipping Market) สำหรับการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี มีการดำเนินการตามแผนงานความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาต่าง ๆ ซึ่งประเทศสมาชิกได้รับประโยชน์จากการพัฒนาบุคลากร การเพิ่มขีดความสามารถในด้านต่าง ๆ ผ่านโครงการฝึกอบรม ประชุมสัมมนา การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการเพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่และการขนส่งอย่างยั่งยืน โดยประเทศคู่เจรจาของอาเซียนยังคงให้ความสำคัญต่อความร่วมมือด้านการขนส่งกับอาเซียนเพื่อการพัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคร่วมกันต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11622 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนิเวศวิทยาและการเปลี่ยนผ่านที่ครอบคลุมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง | คค | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนิเวศวิทยาและการเปลี่ยนผ่านที่ครอบคลุมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนาม โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลในสาขาการขนส่งอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การขนส่งทางราง (ทั้งการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า) (๒) การขนส่งมวลชนในเมือง (รวมถึงรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้ารางเบา รถประจำทางในเมือง รถกระเช้า) (๓) การขนส่งด้วยเทคโนโลยีสะอาด และมาตรการส่งเสริมการดำเนินการดังกล่าว (๔) การขนส่งหลายรูปแบบและโลจิสติกส์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งสินค้าทางน้ำ) (๕) การขนส่งทางทะเล (๖) ทางหลวงและความปลอดภัยทางถนน (๗) การขนส่งรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งประเทศผู้ลงนามทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกันแล้ว และ (๘) การใช้สัญญาความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับกรณีการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดขอบเขตกรอบความร่วมมือในลักษณะมุ่งเป้าเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11623 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การผลิต หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบัน โดยกระทรวง ทบวง กรม ในหน้าที่ป้องกันหรือบำบัดโรค สภากาชาดไทย และองค์การเภสัชกรรม พ.ศ. .... | สธ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การผลิต หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบัน โดยกระทรวง ทบวง กรม ในหน้าที่ป้องกันหรือบำบัดโรค สภากาชาดไทย และองค์การเภสัชกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การผลิต หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบัน โดยกระทรวง ทบวง กรม ในหน้าที่ป้องกันหรือบำบัดโรค สภากาชาดไทย และองค์การเภสัชกรรม ให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสภากาชาดไทยที่เห็นควรยกเว้นค่าใช้จ่ายที่จัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาให้กับสภากาชาดไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11624 | การขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน | นร52 | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของกรอบแนวทางการดำเนินโครงการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกิจการพลังงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้แนวทางประชารัฐด้วยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สร้างความมั่นคงทางพลังงาน รวมทั้งช่วยพัฒนาชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงกรอบแนวทางดังกล่าว โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เช่น การกำหนดให้มีโรงงานไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Produce : SPP) ขนาดไม่เกิน ๒๗ เมกะวัตต์ จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ แล้วนำเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. เห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการบริหารโครงการพลังงานไฟฟ้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทั้งนี้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณากำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการดังกล่าวให้ชัดเจนและไม่เกิดปัญหาซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามกฎหมายที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11625 | แนวทางการทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต ของทางราชการ | นร12 | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต ของทางราชการ ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาจาก ก.พ.ร. แล้ว ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ และเห็นควรให้เพิ่มเติมข้อมูลความคิดเห็นจากส่วนราชการเกี่ยวกับแนวทางการยกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็น และให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ซี่งสำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดให้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการค้าภายใน กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมป่าไม้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมศิลปากร และกรมวิชาการเกษตร เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต ของทางราชการ ซึ่งหลายหน่วยงานเห็นด้วยต่อแนวทางการทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในปัจจุบัน แต่ยังไม่เห็นควรให้ยกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในบางกระบวนการ และได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบางกระบวนการเป็นรายได้นอกงบประมาณที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในส่วนอื่น เช่น การสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานท้องถิ่น ทำให้หน่วยงานยังคงมีความจำเป็นต้องจัดเก็บต่อไป เป็นต้น และควรพิจารณาอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมหลังจากการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้งาน และควรทบทวนความคุ้มทุน เช่น ด้านอัตรากำลัง และด้านเอกสาร เพื่อให้หน่วยงานพิจารณาดำเนินการได้อย่างเหมาะสม เป็นต้น ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่วนราชการพิจารณาทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับปัจจุบัน และเสนอผลการดำเนินการต่อสำนักงาน ก.พ.ร. ภายใน ๓ เดือน (๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓) ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น ควรปรับการทำงานให้สามารถดำเนินงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ควรมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับปัจจุบัน และควรพิจารณาขยายระยะเวลาเพื่อให้ส่วนราชการได้มีการทบทวนอัตราค่าธรรมเนียม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11626 | ขอความเห็นชอบขยายกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 | ศธ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขยายระยะเวลาในการดำเนินโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รุ่นที่ ๔ ออกไปอีก ๒ ปี จาก ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และขอผูกพันงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น ๘๑.๘๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. เช่น การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของส่วนราชการในปีต่อไปต้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ควรมีระบบการรายงาน การติดตามและประเมินผลที่ทันต่อสถานการณ์ และควรให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ในลักษณะดังกล่าวนี้ต่อไปอีกในอนาคต เนื่องจากเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ในการกระจายโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี จากครอบครัวที่มีรายได้น้อยทั่วประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการประสงค์จะดำเนินโครงการฯ รุ่นต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาทบทวนเงื่อนไข หลักเกณฑ์การรับทุนการศึกษาให้เหมาะสมและรัดกุมยิ่งขึ้น รวมทั้งให้จัดทำข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) ผลการดำเนินโครงการฯ ปัญหา อุปสรรคที่ผ่านมา และแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เป็นรูปธรรม (๒) เหตุผล ความจำเป็น ในการดำเนินโครงการฯ รุ่นต่อไป และความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนนักเรียนทุนได้ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ (๓) การวางแผนและเตรียมกำลังคนให้พร้อมในสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งสาขาวิชาที่ขาดแคลนและสาขาวิชาที่สอดรับกับสภาวการณ์ของประเทศไทย เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต รวมทั้งแนวทางการจัดสรรตำแหน่งงานรองรับทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนภายหลังจากการสำเร็จการศึกษา เป็นต้น และนำเสนอคณะรัฐมนตรีประกอบการพิจารณาอนุมัติโครงการฯ ด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การจัดสรรทุนรัฐบาลให้แก่หน่วยงานของรัฐ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11627 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็น เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่จังหวัดชลบุรี โครงการชลประทานนครนายก ในท้องที่จังหวัดนครนายกและจังหวัดปราจีนบุรี โครงการชลประทานชัยภูมิ ในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ อ่างเก็บน้ำคลองตรอน ในท้องที่จังหวัดอุตรดิตถ์ อ่างเก็บน้ำห้วยแฮตและอ่างเก็บน้ำน้ำแหง ในท้องที่จังหวัดน่าน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานนครนายก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดใหทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองตรอน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำน้ำแหง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปดำเนินการให้เป็นไปตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับพื้นที่อ่างเก็บน้ำคลองตรอนตามร่างกฎกระทรวงในข้อ ๑.๔ ทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ ซึ่งอ่างเก็บน้ำดังกล่าวได้ก่อสร้างก่อนมีการพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตอุทยานแห่งชาติดังกล่าว ดังนั้น การดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11628 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ ที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. ....) | สธ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครองครองหรือใช้ ระยะเวลาในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ รวมทั้งกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยเครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ ที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดระยะเวลาในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยเครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ พ.ศ. .... ๒. รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๓ ฉบับ ได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้บังคับ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เคยเสนอร่างกฎกระทรวงรวม ๓ ฉบับดังกล่าว มาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วก่อนที่จะครบกำหนดระยะเวลาตามพระราชบัญญัติ แต่เนื่องจากได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ปรับปรุงแก้ไขร่างกฎกระทรวงทั้ง ๓ ฉบับดังกล่าวตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอมาเพื่อดำเนินการ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11629 | การแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Version) | วธ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Version) จำนวน ๒ คณะ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ มกราคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. คณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Version) ประกอบด้วย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เป็นประธานกรรมการ กรรมการมหาเถรสมาคม จำนวน ๑๙ รูป เป็นกรรมการ และพระพรหมบัณฑิต เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒. คณะกรรมการอุปถัมป์โครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Vesior) ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นรองประธานกรรมการ คนที่ ๑ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการ คนที่ ๒ ปลัดกระทรวง จำนวน ๒๐ กระทรวง นายกราชบัณฑิตยสภา ผู้อำนวยการศูนย์พหุภาษาการแปลและล่ามแห่งอาเซียน เป็นกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและอธิบดีกรมการศาสนา เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม และมีกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการร่วมอีก จำนวน ๔ ราย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11630 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐตุรกีและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐตุรกีและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ รวมทั้งรับทราบการดำเนินงานและการวางนโยบายและแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างไทยกับทั้ง ๒ ประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรม ณ สาธารณรัฐตุรกี เมืองอิสตันบูล ได้แก่ การเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับบริษัทผู้นำเข้าตุรกี จำนวน ๑๐ ฉบับ เป็นมูลค่า ๓,๕๑๖.๖๐ ล้านบาท และการนำภาคเอกชนเข้าร่วมกิจกรรม Business Networking ระหว่างนักธุรกิจไทยและตุรกี และมีการเจรจาเพิ่มเติมจากการลงนามความร่วมมือ (MOU) อีก ๒ ฉบับ เป็นมูลค่า ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท ๒. กิจกรรม ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เมืองดีสเซลดอร์ฟ ได้แก่ การเป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับบริษัทผู้นำเข้าเยอรมนี จำนวน ๒ ฉบับ รวมมูลค่าทั้งสิ้น ๒๓๘ ล้านบาท การเยี่ยมชมกิจกรรมสาธิตการปรุงอาหารไทยและ Thai Food Conner ณ ห้าง METRO Deutschland GmbH เมืองดีสเซลดอร์ฟ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์อาหารไทยและวัตถุดิบในการปรุงอาหารไทย การนำภาคเอกชนไทยเข้าร่วมแสดงสินค้าและเจรจาการค้าในงาน MEDICA 2019 ครั้งที่ ๕๐ และการนำการยางแห่งประเทศไทยเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการเยอรมนีซึ่งใช้ยางธรรมชาติเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้า ๓. แผนดำเนินการเร่งด่วนต่อยอดจากการเดินทางในครั้งนี้ ได้แก่ การเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-ตุรกี การเร่งจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับยุโรป การส่งเสริมการเพิ่มมูลค่ายางพาราดิบ และการส่งเสริมการพัฒนามาตรฐานสินค้าที่จะส่งออกไปยังยุโรปให้ผ่านเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยทางด้านอาหาร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11631 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. .... | กษ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11632 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการจัดเที่ยวบินพิเศษของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี พ.ศ. 2562 | คค | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายก่อนได้รับเงินจัดสรร โดยให้ใช้จ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔๖,๔๗๖,๙๑๙ บาท ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการจัดเที่ยวบินพิเศษของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ จากท่าอากาศยานนราธิวาสไปยังประเทศซาอุดีอาระเบีย เที่ยวบินขาไป เส้นทางนราธิวาส-มะดีนะห์ จำนวน ๙ เที่ยวบิน และเที่ยวบินขากลับ เส้นทางเจดดาห์-นราธิวาส จำนวน ๙ เที่ยวบิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11633 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายนำพร บุญปราบ ฯลฯ รวม 3 ราย) | นร06 | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายนำพร บุญปราบ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ๒. นายสาโรจย์ ธรรมรักษ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบงานการข่าว (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ๓. นายปิยะ คงขำ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11634 | รัฐบาลรัฐสุลต่านโอมานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐสุลต่านโอมานประจำประเทศไทย (นายอิสซา อับดุลเลาะฮ์ ญาบิร อัลอาลาวี) | กต | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอิสซา อับดุลเลาะฮ์ ญาบิร อัลอาลาวี (Mr. Issa Abdullah Jaber AL-Alawi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐสุลต่านโอมานประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอับดุลเลาะฮ์ เศาะลาฮ์ อะห์มัด อัล-ไมมานีย์ (Mr. Abdullah Saleh Ahmed Al-Maimani) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11635 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีปัญหาในการดำเนินงานด้านกระบวนการยุติธรรมที่พบจากการดำเนินโครงการตรวจเยี่ยมสถานที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน | สม | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีปัญหาในการดำเนินงานด้านกระบวนการยุติธรรมที่พบจากการดำเนินโครงการตรวจเยี่ยมสถานที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยข้อเสนอแนะในครั้งนี้มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับปัญหาความแออัดของเรือนจำ จำนวนบุคลากรราชทัณฑ์ที่ไม่เพียงพอ และปัญหาการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของเรือนจำ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11636 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | ตผ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งเป็นส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ และมีสถานะเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีในสังกัดกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำสั่งทางปกครอง ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11637 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเกณฑ์จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามพระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... | คค | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเกณฑ์จำกัดความรับผิดชอบของผู้ขนส่งตามพระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเพดานจำนวนค่าเสียหายที่ผู้ขนส่งต้องรับผิดชอบต่อคนโดยสาร สัมภาระของคนโดยสาร และของตามสัญญารับขน ในกรณีที่คนโดยสารถึงแก่ความตาย บาดเจ็บทางร่างกาย การล่าช้าในการรับขนคนโดยสาร สัมภาระถูกทำลาย สูญหาย เสียหาย หรือสัมภาระล่าช้า และในกรณีที่ของที่ขนส่งถูกทำลาย สูญหาย เสียหายหรือขนส่งของล่าช้า เพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ที่ให้ปรับปรุงจำนวนค่าเสียหายโดยอ้างอิงอัตราเงินเฟ้อ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้พิจารณาตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับวันใช้บังคับตามร่างมาตรา ๒ แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ที่กำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป นั้น เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาความเหมาะสมของวันใช้บังคับดังกล่าวด้วยว่าจำเป็นต้องกำหนดวันใช้บังคับให้มีผลย้อนหลังหรือไม่ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเตรียมมาตรการรองรับอย่างเหมาะสม ในกรณีที่ผู้โดยสารทางอากาศประสบเหตุและเรียกร้องค่าชดเชยตามเกณฑ์ใหม่ของอนุสัญญาเพื่อการรวบรวมกฎเกณฑ์บางประการเกี่ยวกับการรับขนระหว่างประเทศทางอากาศ ค.ศ. ๑๙๙๙ ในขณะที่กฎหมายของประเทศไทยยังไม่มีผลบังคับใช้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11638 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 และการกำหนดค่าตอบแทนของกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแต่งตั้ง | กค | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คนร. จำนวน ๕ คน ตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้เแก่ นายกานต์ ตระกูลฮุน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ นายปรีดี ดาวฉาย นายประสัณห์ เชื้อพานิช และนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ๒. สำหรับการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแต่งตั้ง ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและกรมบัญชีกลางรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ. เช่น การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการใน คนร. และอนุกรรมการที่ คนร. แต่งตั้ง ควรพิจารณาตามแนวทางการกำหนดอัตราเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเทียบเคียงกับคณะกรรมการที่ประธานกรรมการเป็นนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี รวมถึงอัตราเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการดังกล่าวแต่งตั้ง เพื่อให้อัตราเบี้ยประชุมของคณะกรรมการตามกฎหมายต่าง ๆ มีความเหมาะสมและสอดคล้องกันในภาพรวม เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11639 | กรณีสมาคมร้านค้าปลอดอากรไทยร้องเรียนให้มีจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากรสาธารณะ | คค | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีสมาคมร้านค้าปลอดอากรไทยร้องเรียนให้มีจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากรสาธารณะ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ภายหลังสิ้นสุดอายุสัญญาโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ณ อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร และส่งมอบสินค้าปลอดอากร ณ อาคารผู้โดยสารอาคาร ๑ ท่าอากาศยานดอนเมือง โดย ทอท. จะดำเนินการคู่ขนานกัน ๒ รูปแบบ คือ (๑) ทอท. ให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากรแบบสาธารณะด้วยตนเอง และ (๒) ทอท. ให้สิทธิเอกชนให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากรแบบสาธารณะ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในเมืองทุกราย สามารถส่งมอบสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท. ได้ ตามมติคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม และ ทอท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ทอท. ควรใช้แนวทางดังกล่าวสำหรับท่าอากาศยานที่จะเกิดขึ้นใหม่ในความรับผิดชอบของ ทอท. ด้วย เพื่อป้องกันการผูกขาดและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในเมือง (Downtown) ทุกราย สามารถส่งมอบสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยาน ในความรับผิดชอบของ ทอท. ได้ และ ทอท. ควรพิจารณากำหนดแนวทางกำกับดูแลการบริการของผู้รับอนุญาตประกอบกิจการให้บริการจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากรให้เป็นแบบสาธารณะอย่างแท้จริง ซึ่งจะทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ประกอบการสินค้าปลอดอากรในเมืองจะมีทางเลือกที่เหมาะสมและเพียงพอสำหรับการส่งมอบสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยาน ในความรับผิดชอบของ ทอท. ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11640 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี | กษ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี จากเดิม ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๒) เป็น ๑๔ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๖) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการฯ ที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๙,๓๔๑,๓๖๔,๗๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ควรเร่งดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการที่ได้จัดทำเพิ่มเติมไว้ให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่ขอขยายออกไปอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพต่อไป และควรเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้และควรลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการฯ โดยการชี้แจงสร้างความรู้ความเข้าใจ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนและแก้ไขปัญหาการยินยอมให้ใช้ที่ดินของประชาชน รวมทั้งชี้แจงแผนการจัดสรรน้ำในช่วงระยะเวลาที่ระบบส่งน้ำยังไม่แล้วเสร็จ เช่น การจัดสรรน้ำเพื่อผลิตน้ำประปา เพื่อป้องกันความขัดแย้งเรื่องการใช้น้ำของอ่างเก็บน้ำคลองหลวงในอนาคตด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....