ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 590 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11781 - 11800 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11781 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (จำนวน 7 คน 1. นายพีรเดช ทองอำไพ ฯลฯ) | อว | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒) ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายพีรเดช ทองอำไพ ประธานกรรมการ ๒. นายชูกิจ ลิมปิจำนงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายธรรมศักดิ์ สัมพันธ์สันติกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายพินิติ รตะนานุกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายมนูญ สรรค์คุณากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายรัตติกร ยิ้มนิรัญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายเรืองศักดิ์ ทรงสถาพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11782 | การปรับปรุงเพิ่มเติมองค์ประกอบและแก้ไขอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ | ดศ | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ จำนวน ๕ ตำแหน่ง และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ จำนวน ๒ ข้อ (จากจำนวน ๘ ข้อ โดยเป็นการปรับเปลี่ยนชื่อกระทรวง จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11783 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ | ดศ | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ โดยให้มีผลตังแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายปริญญา หอมเอนก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ๒. พลเอก มโน นุชเกษม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๓. พันตำรวจเอก ญาณพล ยั่งยืน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมศาสตร์ ๔. นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๕. นายวิเชฐ ตันติวานิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๖. นายบดินทร์ ทรัพย์สมบูรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสาธารณสุข ๗. รองศาสตราจารย์ ปณิธาน วัฒนายากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11784 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร | กษ | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร จำนวน ๗ คน แทนกรรมการเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายอัครา พรหมเผ่า เป็นกรรมการ (ผู้แทนสถาบันเกษตรกร) ๒. นายศุภฤกษ์ เอี่ยมลออ เป็นกรรมการ (ผู้แทนสถาบันเกษตรกร) ๓. นายมงคล ลีลาธรรม เป็นกรรมการ ๔. นายสมิทธิ ดารากร ณ อยุธยา เป็นกรรมการ ๕. นายธนา ธรรมวิหาร เป็นกรรมการ ๖. พลตำรวจโท ภานุรัตน์ หลักบุญ เป็นกรรมการ ๗. พันตำรวจเอก อธิศวิส กมลรัตน์ เป็นกรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11785 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล และหน่วยงานขององค์กรอิสระและองค์กรอัยการ | นร07 | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการพิจารณาการขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ หน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล และหน่วยงานขององค์กรอิสระและองค์กรอัยการ ตามแนวทางและเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ จำนวน ๙ หน่วยงาน วงเงิน ๔๕๒.๒๗๗๗ ล้านบาท และมอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มงบประมาณของหน่วยงานดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11786 | รายงานผลการใช้ยางพาราและความคืบหน้า | กษ | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการใช้ยางพาราและความคืบหน้าในการเพิ่มการใช้ยางพาราของแต่ละกระทรวง ซึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๒ มีเป้าหมายการใช้ยางทั้งหมด ๑๖๗,๒๖๑.๖๐๘ ตัน โดยมีผลการใช้น้ำยางสด ๑๒๙,๒๙๑.๑๑ ตัน คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๓๐ ของเป้าหมายทั้งหมด ตามโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานของรัฐ สำหรับปีงบประมาณ ๒๕๖๓ รัฐบาลมีเป้าหมายการใช้น้ำยางสด ๙๐,๓๕๖.๔๔๐ ตัน ตามที่คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ ๒. ให้ทุกส่วนราชการที่มีภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยางพารา เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร เร่งรัดจัดทำแผนงาน/โครงการภายใต้มาตรการเพิ่มการใช้ยางพาราภายในประเทศให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น แล้วเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติพิจารณาในภาพรวมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11787 | การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2563 | รง | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี ๒๕๖๓ ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ ๑๐) ลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งคณะกรรมการค่าจ้างได้มีมติให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอัตรา ๕-๖ บาท โดยพิจารณาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในแต่ละจังหวัด และให้นำประกาศดังกล่าวลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาหาแนวทางเพื่อเพิ่มผลิตภาพของแรงงานอย่างต่อเนื่อง และควรติดตามผลกระทบของการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่อาจจะส่งผ่านไปยังราคาสินค้า และการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งควรติดตามให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการค่าจ้างอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการจ้างงานเนื่องจากเป็นการปรับอัตราค่าจ้างในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวนค่อนข้างสูง และควรมีมาตรการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะแรงงาน เพื่อให้มีทักษะฝีมือเหมาะสมกับค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11788 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี ราชอาณาจักรไทย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | พณ | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี ราชอาณาจักรไทย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริมาณโควตารายประเทศ ในการนำเข้าข้าวมายังสาธารณรัฐเกาหลี โดยประเทศไทยได้รับการจัดสรรปริมาณโควตารายประเทศ ๒๘,๔๙๔ ตันต่อปี และกำหนดให้ประเทศภาคีต้องถอนเอกสารเกี่ยวกับการคัดค้านการเปลี่ยนวิธีการนำเข้าข้าวของสาธารณรัฐเกาหลีภายใน ๑๔ วัน หลังจากความตกลงฯ มีผลใช้บังคับในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ อันเป็นการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้ประเทศคู่ภาคีต้องปฏิบัติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ถอนคำคัดค้านของไทยต่อการเปลี่ยนระบบการนำเข้าข้าวและผลิตภัณฑ์ของสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างความตกลงฯ ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการค้าข้าวรับรู้และใช้ประโยชน์จากโควตาดังกล่าว เพื่อมิให้ประเทศไทยเสียสิทธิประโยชน์ในการส่งออกสินค้าข้าวไปยังสาธารณรัฐเกาหลี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11789 | ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรียว่าด้วยการยกเว้น การตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษ | กต | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรียว่าด้วยการยกเว้น การตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ/หนังสือเดินทางพิเศษ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการหรือหนังสือเดินทางพิเศษของทั้งสองประเทศ โดยมีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้ประเทศภาคีแต่ละฝ่ายต้องปฏิบัติ และมีการใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยจะมีการลงนามร่างความตกลงฯ ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๔ (14th ASEM Foreign Ministers’ Meeting-ASEM FMM14) ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างความตกลงฯ ๑.๓ อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายบัลแกเรีย เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11790 | ร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งประเทศญี่ปุ่นในสาขากฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม | ยธ | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งประเทศญี่ปุ่นในสาขากฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม (Memorandum of Cooperation between the Ministry of Justice of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Justice of Japan in the Field of Legal and Justice Administration) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหวางกันในด้านกฎหมายและการบริหารงานยุติธรรม ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามฝ่ายไทย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามร่างบันทึกข้อตกลงฯ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11791 | การจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพ (host country agreement) กับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ | ยธ | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพ (host country agreement) กับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) และหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินการจัดการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญว่าด้วยการใช้กีฬาเป็นยุทธศาสตร์ในการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาของเด็กและเยาวชน เพื่อศึกษาแนวทางการบูรณาการการกีฬาเข้ากับยุทธศาสตร์การป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีข้อกำหนดให้รัฐบาลไทยต้องปฏิบัติ เช่น การให้มีตำรวจรักษาความปลอดภัย การให้เอกสิทธิและความคุ้มกันแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมและบุคคลผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการประชุม การอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการประชุม และการกำหนดให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามความตกลงฯ ที่ไม่สามารถระงับได้ด้วยวิธีการที่กำหนดไว้ เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ พร้อมทั้งอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนาม ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11792 | ขอความเห็นชอบกรอบการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตขับรถภายในประเทศระหว่างประเทศไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และระหว่างประเทศไทยกับสมาพันธรัฐสวิส | คค | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตขับรถภายในประเทศระหว่างประเทศไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และระหว่างประเทศไทยกับสมาพันธรัฐสวิส มีสาระสำคัญเป็นการวางแนวทางและกำหนดท่าทีของประเทศไทยในการเจรจาจัดทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตขับรถภายในประเทศระหว่างประเทศไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และประเทศไทยกับสมาพันธรัฐสวิส จะเป็นการอำนวยความสะดวกและเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทย เยอรมนี และสวิส ทั้งในกรณีสำหรับประชาชนชาวไทยในการเดินทางไปท่องเที่ยวและขับขี่รถยนต์ในเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงในกรณีสำหรับนักท่องเที่ยวจากเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเดินทางมาเยือนหรือพำนักอยู่ในประเทศไทยระยะสั้น สามารถใช้ใบอนุญาตขับรถภายในประเทศในการเช่าและรถยนต์ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11793 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 | กค | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินลดภาระการผ่อนดาวน์ที่ได้รับจากมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๖๒) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและอนุมัติงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ ในส่วนเพิ่มเติม จำนวน ๒,๖๖๗.๓๕ ล้านบาท ๒.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และปีต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ จำนวน ๒๖,๔๕๘.๘๙ ล้านบาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติม และให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับลดกรอบวงเงินดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ทันต่อสถานการณ์ มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก รวมถึงการจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ถูกต้องอย่างเหมาะสม ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่ทางราชการและเกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ เห็นควรให้ ธ.ก.ส. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็น และดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11794 | มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2562/63 (คู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว) | พณ | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานว่า ณ วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ วงเงินที่รัฐบาลสามารถรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้ประกาศกำหนดไว้ ตามมาตรา ๒๘ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ยังเหลือเพียงพอต่อการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ ของกระทรวงพาณิชย์ ๒. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๒.๑ รับทราบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ (คู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว) ได้แก่ (๑) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก กรณีค่าฝากเก็บและค่ารักษาคุณภาพข้าวเปลือก วงเงิน ๑,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท (๒) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโดยสถาบันเกษตรกร วงเงิน ๕๖๒.๕๐ ล้านบาท และ (๓) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก วงเงิน ๕๑๐ ล้านบาท เพื่อดูดซับปริมาณข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก เป้าหมาย ๖.๕ ล้านตันข้าวเปลือก วงเงิน ๒,๕๗๒.๕ ล้านบาท จากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ๒.๒ เห็นชอบการอนุมัติจัดสรรวงเงินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก (เพิ่มเติม) โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขอจัดสรรวงเงินจากงบประมาณ ปี ๒๕๖๔ และปีถัด ๆ ไป วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๓๗๐.๗๒ ล้านบาท จำแนกเป็นค่าชดเชยดอกเบี้ย ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ของ ธ.ก.ส. (ปัจจุบันร้อยละ ๑.๔ ต่อปี) บวก ๑ เท่ากับ ๒.๔๐ ต่อปี ซี่งเป็นอัตราที่กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และ ธ.ก.ส. ทำความตกลงในการชดเชยต้นทุนเงินให้ ธ.ก.ส. และกระทรวงการคลังได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบแล้ว เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ และค่าบริหารโครงการฯ ในอัตราร้อยละ ๒ ต่อปี ระยะเวลา ๖ เดือน รวมวงเงิน ๓๔๐.๐๐ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายกรณีที่มีการระบาย ได้แก่ ค่าขนย้ายข้าวเปลือก ต้นทุนเงินค่าขนย้ายข้าว และส่วนต่างภาระขาดทุนจากการระบายข้าว วงเงิน ๑,๐๓๐.๗๒ ล้านบาท ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ ธ.ก.ส. และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการบริหารจัดการการผลิต การระบาย และการค้าข้าว ให้มีประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ รวมถึงจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์ ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก ปริมาณการเก็บกักข้าว ให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและการประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะได้รับจากการดำเนินโครงการ เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ ควรมีการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ ก่อนดำเนินโครงการ อาทิ เรื่องค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บรักษาข้าวเปลือกของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในกรณีที่ไม่มียุ้งฉางของตนเอง การเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันตลอดระยะเวลาโครงการฯ และวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร เพื่อให้โครงการ เกิดผลในทางปฏิบัติและบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนของที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11795 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการและกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และโครงสร้างของยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11796 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของแผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และเป็นผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการดังกล่าว ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11797 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๕๐๔.๘๗๕๔ ล้านบาท ประกอบด้วยกรมสรรพากร ๑ รายการ วงเงินทั้งสิ้นของโครงการ จำนวน ๖๔๒.๐๗๑๔ ล้านบาท และกรมเจ้าท่า ๒ รายการ วงเงินทั้งสิ้นของโครงการ รวมจำนวน ๘๖๒.๘๐๔๐ ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓๐๐.๙๗๕๓ ล้านบาท และผูกพันงบประมาณปีต่อ ๆ ไปอีก จำนวน ๑,๒๐๓.๙๐๐๑ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงหน่วยรับงบประมาณ จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โครงการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม จำนวน ๒๗.๕๗๖๑ ล้านบาท ไปตั้งที่ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม โครงการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม งบเงินอุดหนุน จำนวน ๒๗.๕๗๖๑ ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11798 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63 | พณ | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานว่า ณ วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ วงเงินที่รัฐบาลสามารถรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้ประกาศกำหนดไว้ ตามมาตรา ๒๘ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ยังเหลือเพียงพอต่อการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ ของกระทรวงพาณิชย์ ๒. รับทราบและอนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๒.๑ อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๙๒๓,๓๓๒,๓๓๒.๘๐ บาท ๒.๒ อนุมัติมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๖๒/๖๓ วงเงิน ๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๓ รับทราบมาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๒/๖๓ ประกอบด้วยการบริหารจัดการการนำเข้า การดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การดูแลความสมดุลการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เก็บสต็อกผลผลิต ๒.๔ เห็นชอบเพิ่มผู้แทนกรมศุลกากรเป็นกรรมการในองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น กระทรวงพาณิชย์ควรร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย เพื่อติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ทั้งการตรวจสอบการรับสิทธิ การสำรวจพื้นที่และผลผลิตที่เข้าร่วมโครงการที่จะต้องมีความรัดกุมและตรวจสอบได้ก่อนจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ เพื่อให้การดำเนินโครงการมีความน่าเชื่อถือ เกษตรกรได้รับการช่วยเหลือคุ้มค่างบประมาณ และอยู่ภายใต้กรอบพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้ปริมาณการลักลอบนำเข้าส่งผลกระทบต่อราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11799 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562) | นร04 | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11800 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร บางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ....) | มท | 11/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดชุมพร เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร
|
.....